ชัดเจนผู้ครองตำแหน่งขวัญใจหลานสาวมาโดยตลอด อยู่ ๆ หลานสาวก็มีขวัญใจคนใหม่อย่างสัตวแพทย์หนุ่มนามว่าเดียร์ ที่น้องชมพูถึงกับพูดว่าเขาคือเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ เขาคงต้องลงมือกำจัดกวางให้พ้นทางเสียแล้ว
ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,รัก,ไทย,อื่นๆ,นิยายเกย์,นิยาย18+,boylove ,#BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรก ผมก็โดนงานสารพัดเททับตัวจนต้องแจ้งทางรายการว่าฝากดูแลเจ้าเด็กดีเป็นการชั่วคราวไปก่อน ซึ่งทางทีมงานรายการก็คงไปฝากไว้ที่เดิมที่เดียวกับที่ผมเคยฝากประจำนั่นแหละ
คลินิกของหมอเดียร์
เพียงแต่รอบนี้ผมไม่ได้ฝากผ่านคุณหมอโดยตรงเหมือนทุกที เนื่องจากเจ้าตัวยังไม่อ่านข้อความของผมเลยตั้งแต่วันที่ถ่ายรายการ
ล่าสุด และมันก็ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรถึงขั้นต้องโทรไปหา
แม้ว่าข้อความที่ยังไม่ขึ้นว่าถูกอ่านจะสร้างความหงุดหงิดใจให้ผมนิดหน่อยก็ตาม
“อาชัดขา” เสียงใสจากหลานสาวดึงความสนใจผมให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
สามวันหลังจากนี้ผมต้องรับหน้าที่เป็นผู้ปกครองน้องชมพูเป็นการชั่วคราว เนื่องจากทั้งพี่สาวและพี่เขยต้องบินไปประชุมที่ต่างประเทศ และเพราะผมเองก็งานค่อนข้างยุ่งเช่นกัน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้วันนี้ผมมารับหลานที่โรงเรียนพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าของเจ้าตัวภายในรถ
“วันนี้ชมพูจะได้ไปนอนกับอาชัดใช่ไหมคะ” ตาใสเปล่งประกายอย่างดีใจ จนหัวใจคนเป็นอาแบบผมพองโต
“ใช่ค่ะ ดีใจไหมคะ”
“ดีใจที่สุดในโลกเลยค่ะ ชมพูคิดถึงอาชัดที่สุดเลย”
ผมย่อตัวลงไปหอมแก้มใสเป็นรางวัลสำหรับคำหวานที่เยียวยาการเหนื่อยล้าจากงานมาทั้งวันก่อนจะยกตัวขึ้นอุ้มอย่างเช่นทุกที
ในขณะที่กำลังจะหมุนตัวพาหลานไปขึ้นรถ สายตาผมก็เจอเข้ากับเจ้าของตากลมดำสนิทที่หายตัวจากการติดต่อสื่อสาร (กับผม) ไปร่วมอาทิตย์
คุณหมอยืนหันข้าง ตรงหน้าคุณหมอคือคุณโจเซฟ ความจริงก็เหมือนเช่นทุกครั้งหากผมมารับน้องชมพูที่โรงเรียนก็มักจะเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันเสมอ (ถ้าเป็นวันที่คุณหมอมีชั่วโมงสัตว์เลี้ยง) ถ้าไม่ติดตรงที่ผมก็ดันตาดีเห็นปลายจมูกที่ขึ้นสีแดงชัดนั่นเข้า
ร้องไห้งั้นหรอ
คุณโจเซฟยกมือขึ้นลูบหัวก่อนจะจูงมือคุณหมอเดินหายเข้าไปในอาคารอำนวยการ
“อาชัด กลับเลยไหมคะ” เป็นอีกครั้งที่เสียงใส ๆ เรียกผมให้กลับมาสนใจ
“กลับค่ะกลับ”
ภาพจมูกแดง ๆ ของคุณหมอยังไม่ยอมออกจากหัวผมเสียที ตั้งแต่ที่โรงเรียนยันมาถึงที่พัก
เป็นอะไรหรือเปล่านะ
“อาชัดขา ลูกแมวอาชัดล่ะคะ” น้องชมพูเอ่ยถาม ขณะที่เจ้าตัวก็สารวนอยู่กับการเดินหาตามซอกตู้หรือแม้แต่ก้มตัวดูตามใต้โต๊ะ
“แมวไม่อยู่หรอกค่ะ อาชัดฝากพี่ทีมงานเขาเลี้ยงไว้”
“อ้าว ทำไมอาชัดไม่เลี้ยงเองล่ะคะ”
“ช่วงนี้อาชัดงานยุ่งมากเลยค่ะ เดี๋ยวเขาจะกินข้าวไม่ตรงเวลาเอานะ”
“แต่ชมพูอยากเจอลูกแมวนี่คะ อาชัดเอากลับมาเลี้ยงเองไม่ได้หรือคะ ชมพูจะช่วยเลี้ยงเองค่ะ”
“น้องชมพูเองก็ต้องไปโรงเรียนเหมือนกันนะคะ”
“แต่พรุ่งนี้วันเสาร์นะคะอาชัด”
ผมลืมเสียสนิทไปเลย
“นะคะ อาชัดขา ขอชมพูเจอแมวอาชัดได้ไหมคะ นะ ๆ ”
พอเห็นว่าผมนิ่งไป เจ้าของแก้มกลมใสก็รีบปีนขึ้นมานั่งตักส่งยิ้มออดอ้อนทันที
แล้วหลานผมน่ารักแบบนี้ ผมจะทนใจแข็งอย่างไรไหว
“งั้นวันนี้ชมพูทำการบ้านให้เสร็จก่อน อาชัดจะถามพี่ทีมงานเขาให้ว่าเขาสะดวกมาส่งน้องแมวให้หรือเปล่า ดีไหมคะ” ผมยื่นข้อตกลง และเด็กดีอย่างน้องชมพูก็รีบลงไปคว้ากระเป๋ามาเปิดทำการบ้านอย่างว่าง่าย
พี่สาวผมเลี้ยงลูกมาดีจริง ๆ
หลังจากหาข้าวเย็นให้หลานสาวและจัดการธุระต่าง ๆ เสร็จผมจึงแยกตัวออกมากดโทรหาทีมงานที่ผมติดต่อฝากแมวไว้ ปล่อยหลานสาวนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรดภายในห้อง
(พรุ่งนี้ทีมมียกกองตามไปถ่ายคุณแฟรงค์ที่ต่างจังหวัดพอดีเลยค่ะ คุณชัดสะดวกติดต่อหมอเดียร์หรือหมอจิ๊บเองไหมคะ)
(เอ่อ…สะดวกครับ แต่ว่าผมติดต่อคุณหมอไม่ได้เลย)
(คุณชัดโทรเข้าเบอร์คลินิกได้เลยค่ะ เด็กดีอยู่ที่คลินิกค่ะ)
(โอเคครับ ขอบคุณมาก)
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม จากที่รู้จักกันมาคุณหมอก็น่าจะยังอยู่ที่คลินิก ถ้าโทรไปตอนนี้คนรับสายก็อาจจะเป็นคุณหมอก็ได้
ผมกดโทรออกหมายเลขปลายทางคือคลินิกสัตว์ที่ผมเข้าออกอยู่ที่เดียวในชีวิต รอสายไม่นานก็มีเสียงตอบรับจากปลายสาย
(สวัสดีครับ ผมชัดเจนนะครับ ขอสายหมอเดียร์หน่อยครับ)
(หมอเดียร์กลับตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ คุณชัดคุยกับหมอจิ๊บแทนไหมคะ เดี๋ยวหนูเรียกให้ หมอกำลังจะกลับพอดี)
(…งั้นรบกวนด้วยครับ) แล้วทำไมผมต้องรู้สึกผิดหวังด้วยล่ะ ผมมาติดต่อรับแมวคืนไม่ใช่หรือ
(ค่ะ คุณชัด หมอจิ๊บนะคะ คุณชัดมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ)
(คือ…หมอเดียร์…) นี่ผมกำลังจะถามอะไร
(อ๋อ เดียร์เขากลับไปตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ เห็นว่าไม่สบายพี่เลยไล่กลับไปนอนแล้ว คุณชัดมีธุระอะไรกับเดียร์หรือเปล่าคะ ฝากข้อความไว้ไหม เดี๋ยวพี่บอกให้)
(ไม่มีหรอกครับ คือผมจะถามเรื่องเด็กดีน่ะครับ เห็นทีมงานบอกว่าฝากไว้ที่คลินิก)
(อ๋อ ใช่ค่ะ)
(พรุ่งนี้ผมว่าจะแวะไปรับน่ะครับ)
(เข้ามารับได้เลยค่ะ ตอนไหนก็ได้ เดี๋ยวพี่แจ้งน้องที่คลินิกไว้ให้ว่าคุณชัดจะมารับ)
(ขอบคุณครับ คือ…)
(คุณชัดมีอะไรหรือเปล่าคะ)
(ผมติดต่อหมอเดียร์ไม่ได้เลยครับ หมอจิ๊บพอจะทราบไหมครับว่าหมอเดียร์…เขา…คือ)
(เอ อันนี้ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ไว้พรุ่งนี้คุณชัดลองถามเจ้าตัวเอานะคะ รายนั้นน่าจะดื้อเข้าคลินิกพรุ่งนี้แน่นอนเลย ยังไงถ้าเห็นว่าท่าไม่ดี พี่ฝากลากกลับบ้านด้วยแล้วกันนะคะ พอดีพรุ่งนี้พี่มีนัดหมอเรื่องวันคลอดเลยไม่ได้เข้าคลินิก น่าจะมีแค่เดียร์กับหมอข้าวน่ะค่ะ ยังไงเรื่องแมว คุณชัดเข้ามารับเด็กดีแล้วแจ้งน้องที่เคาน์เตอร์ได้เลยนะคะ)
(ขอบคุณมากครับ)
“ชมพูคะ พรุ่งนี้ไปรับแมวกับอาชัดนะคะ”
กว่าจะจัดการธุระทั้งของหลานและตัวเองเสร็จก็กินเวลาไปพอสมควร นั่นทำให้กว่าอาหลานจะออกจากตึกบริษัทได้ก็เป็นช่วงสาย
ของวันเสียแล้ว
“อาชัดทำผมชมพูไม่สวยเลย” เด็กน้อยที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับบ่นอุบตั้งแต่ตื่นตอนเช้ายันตอนนี้
ผมเองก็ไม่ทันได้คิดว่าการเลี้ยงเด็กมันจะมีรายละเอียดมากมายมาก่อน ถึงผมจะเคยเลี้ยงน้องชมพูอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เคยอยู่กันตามลำพังสองคนอาหลานแบบตอนนี้เลยสักครั้ง
ไม่ว่าจะอาบน้ำ ทำกับข้าว รวมถึงที่เป็นปัญหาใหญ่ (ของชมพู) ตอนนี้ นั่นก็คือการมัดผม
ทุกคนต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น แต่ดูเหมือนว่าการมัดผมครั้งแรกของผมจะไม่ถูกใจหลานสาวเท่าไหร่
“ขอโทษค่ะ อาชัดทำสุดฝีมือแล้วนะเนี่ย” ผมเอ่ยขอโทษเป็นรอบที่ร้อยเห็นจะได้ แน่นอนว่าผมรู้ดีว่าเรื่องความสวยงามนั้นเป็นเรื่องใหญ่ของเด็กผู้หญิง และเพราะเหตุนั้นทำให้แก้มใสยังคงพองลมอยู่ตลอดการเดินทาง
“คุณชัด สวัสดีค่ะ” ผู้ช่วยสาวของคลินิกเอ่ยทักทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามาภายในคลินิก
“สวัสดีครับ”
“มารับน้องเด็กดีใช่ไหมคะ เชิญทางนี้ได้เลยค่ะ”
“หมอเดียร์อยู่ไหมครับ” ผมเอ่ยถามไปก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกมาพ้นเคาน์เตอร์
“อ่อ อยู่ค่ะ อีกเดี๋ยวน่าจะเสร็จเคสแล้ว นั่นไงคะ หมอเดียร์ ๆ คุณชัดมาหาค่ะ”
เจ้าของชื่อหันมามองตามคำเรียก เจ้าตัวหันกลับไปเอ่ยอะไรบ้างอย่างกับชายหนุ่มผู้อุ้มแมวตัวใหญ่อีกไม่นานจึงเดินมาสมทบตรงเคาน์เตอร์
“สวัสดีครับคุณชัด สวัสดีค่ะน้องชมพู ทำไมไปหลบหลังคุณอาแบบนั้นละครับ” หมอเอ่ยทักทายอย่างปกติ ก่อนจะย่อตัวลงทักทาย
หลานสาวผมเช่นกัน มือเล็กยังคงกำกางเกงผมแน่นหลบตัวเองจากสายตาคุณหมอ
อย่าบอกนะว่าหลานสาวผมเกิดไม่มั่นใจกับทรงผมตัวเองเข้า
“ออกมาสวัสดีคุณหมอดี ๆ ก่อนค่ะ”
ผมเอ่ยเสียงนิ่งขึ้นมาเล็กน้อย เด็กสาวคนดีในดวงใจของผมยืนนิ่งเพียงครู่เดียวก็ยอมออกมาสวัสดีอย่างน่าเอ็นดู
“นี่อาหลานงอนกันอยู่สินะครับ” คุณหมอกลับมายืนเต็มส่วนสูงเอ่ยต่ออย่างคนเดาสถานการณ์เก่งด้วยแววตาขบขัน
ก็ยังร่าเริงอยู่นี่ ถึงแม้หน้าตาจะดูซีดเซียวกว่าปกตินิดหน่อยก็เถอะ เห็นแบบนี้ก็คงหายห่วงได้แล้วสินะ
“ทำไงได้ล่ะครับ ผมไม่เคยมัดผมให้ใครนี่” คุณผู้ช่วยเมื่อเห็นว่าบทสนทนาเข้าสู่เรื่องอื่นแล้วเธอจึงเดินกลับไปยังตำแหน่งทำงานของเธอเช่นเดิม เมื่อเห็นแบบนั้นผมเองก็เดินตามคุณหมอมานั่งที่เก้าอี้รอคิวอีกฝั่งหนึ่งของคลินิกที่ยังไม่ค่อยมีคน (และสัตว์) เยอะเท่าฝั่งหน้าห้องตรวจ
“ให้หมอมัดให้ใหม่เอาไหมคะ”
เมื่อหาที่หาทางนั่งเรียบร้อยแล้วคุณหมอผู้ใจดีของชมพูจึงเอ่ยยื่นข้อเสนอเมื่อหลานสาวยังเอาแต่พองแก้มใส่คนเป็นอาและแน่นอนว่าเด็กสาวรับข้อเสนออย่างรวดเร็ว พร้อมเดินไปยื่นหันหลังเล็กให้อำนวยความสะดวกเสียดิบดี
“หมอดูคล่องจังเลยนะครับ”
ผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม เมื่อกลุ่มผมเส้นเล็กที่ถูกแก้ไขและมัดใหม่เสร็จเรียบร้อยสวยงาม นอกจากจะมัดเรียบร้อยกว่าผม ยังเกทับด้วยการถักเปียเพิ่มให้เสียด้วย
รู้แล้วล่ะครับว่าคุณหมอเดียร์เก่งและแสนดีทุกอย่าง แต่เห็นรอยยิ้มเล็กที่แสนปลื้มของหลานสาวแล้วก็อดจะหมั่นไส้ไม่ได้
“บังเอิญว่าผมมีน้องสาวน่ะครับ” คุณหมอเอ่ยตอบ “ว่าแต่คุณชัดมีธุระอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”
“อาชัดกับชมพูมารับน้องแมวค่ะ” เป็นเสียงใสที่เอ่ยตอบคำถามคุณหมอแทน
“งั้นไปหาน้องแมวเลยดีไหมครับ” คุณสัตวแพทย์กับหลานสาวผมเออออกันอยู่เพียงสองคน ก่อนจะลุกขึ้นจูงมือกันเดินนำไปในโซนฝากสัตว์เลี้ยง
อยู่สามคนทีไร ผมกลายเป็นเศษส่วนเกินทุกที แข่งยังไงไหวก็ในเมื่อผมมัดผมไม่ถูกใจเท่าคุณหมอนี่
“ดูเหมือนว่าเด็กดีจะเริ่มติดคุณชัดแล้วนะครับ อยู่ที่นี่กินได้ไม่เยอะเท่าไหร่”
“งั้นหรอครับ” ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าดำนี่จะไม่ค่อยกินข้าว ทั้ง ๆ ที่ตอนอยู่ที่บริษัทกินเก่งมาก จริง ๆ เรียกว่าตะกละอาจจะนิยามได้ชัดเจนกว่า
“มีคนมาฝากหลายตัวเลยนะครับ” ผมมองสำรวจห้องอีกครั้งให้แน่ใจว่าสัตว์ที่เห็นในห้องนี้มีหลายกรงทีเดียวที่เป็นสัตว์ในรายการ รวมถึงเจ้าโพธิ์หมาเซเลปนั่นด้วย
“แก้งนี้เขาเป็นขาประจำน่ะครับ ฝากไว้ที่นี้ตั้งแต่แรก ๆ แล้ว น่าจะมีแค่คุณชัดที่รับไปดูแลเต็มเวลา”
“ยังไงก็กลับกันดี ๆ นะครับ ไว้เจอกันวันถ่าย”
หมอเอ่ยในขณะที่เดินออกมาส่งที่ลานจอดรถหน้าคลินิก และส่งยิ้มให้พร้อมกับหันหลังกลับไปทางคลินิก
“หมอ”
ผมเรียกก่อนที่ขายาวจะก้าวเดินกลับไป และเมื่อเจ้าของชื่อเหลียวหน้ากลับมามองด้วยความสงสัย ผมจึงเพิ่งได้ตระหนักว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าเอ่ยเรียกหมอด้วยหัวข้ออะไร
“ครับ?” เมื่อเห็นว่าคนเรียกเงียบไป คุณหมอจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“หมอกินข้าวหรือยังครับ” และคำถามแสนงี่เง่าก็ถูกพูดออกไป คนโดนถามขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ถ้าหมายถึงมื้อเช้ากินแล้วครับ แต่ถ้าหมายถึงมื้อกลางวัน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาพักเที่ยง”
แน่ล่ะ คำถามนั้นคุณหมอก็น่าจะพอเดาได้ว่าผมหมายถึงมื้อกลางวันอย่างแน่นอน เพราะนี่ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงนิด ๆ แล้ว ไม่มีประโยชน์เลยถ้าคนคนหนึ่งจะมาถามมื้อเช้าเอาตอนนี้และคุณหมอเองก็ยังคงใจดีด้วยการตอบแบบรักษาหน้าผมให้ไม่แตกยับไปมากกว่านี้
“งั้นมื้อกลางวันหมอว่างไหมครับ”
“ก็ว่างนะครับ แต่คุณชัดจะรอหรอครับอีกตั้งเกือบชั่วโมงเลยนะครับ”
“เอาเป็นว่าถ้าคุณหมอตกลง ผมจะกลับมารับตอนเที่ยงนะครับ” ผมรวบรัดสรุปเอาเสียเอง และคนถูกชวนตอบรับเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะเอ่ยลาอีกรอบและเดินกลับไปทำหน้าที่ของตน
เพียงชั่วเวลาไอศกรีมถ้วยขนาดกลางที่ถูกสั่งมาสำหรับอาหลานหมดถ้วย ก็ใกล้เวลานัดมื้อเที่ยง เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ผมจึงพาตัวเองและสาวน้อยตัวเล็กกลับมารอรับคุณหมอที่คลินิก
แขกผู้ถูกเชิญเคลียร์คิวคนไข้ขนฟูอีกไม่นานนักก็ออกมาสมทบเจ้าภาพอาหลาน
“น้องชมพู”
ผมเอ่ยปรามเสียงนิ่งเมื่อหลานสาวปฏิเสธที่จะนั่งเบาะหลัง แต่กลับปีนมานั่งเบาะหน้าซ้อนตักกับคุณหมอเสียดื้อ ๆ
“ชมพูอยากนั่งกับครูเดียร์นี่คะ ได้ไหมคะครูเดียร์”
นอกจากจะไม่เกรงกลัวคนเป็นอาแล้ว ประโยคท้ายยังเอ่ยด้วยเสียงอ้อนกับเจ้าของตัก
“ถ้าชมพูนั่งตรงนี้ ต้องนั่งนิ่ง ๆ ไม่ซนนะครับ รู้ไหม” คุณหมอเอ่ยตอบพร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาโอบสาวตัวน้อยเอาไว้
เห็นแล้วมันเจ็บปวดใจจริง ๆ
ระหว่างทางบทสนทนาเจื้อยแจ้วมีให้ได้ยินตลอด แต่ว่าผมกลับไม่ได้อยู่ในวงสนทนานั้นด้วยเลยสักนิด เห็นทีมื้อนี้ผมคงเป็นได้แค่ สารถีที่คอยขับรถ และเจ้ามือที่มีหน้าที่คอยจ่ายเงินเท่านั้น
ผมพาคุณหมอมายังร้านประจำของผมที่บังเอิญว่าอยู่ไม่ไกลมากนักจากคลินิก เนื่องจากถามแล้วเจ้าตัวไม่ได้มีเมนูในใจจึงแล้วแต่เจ้ามือจะพาไป
อาหารสัญชาติญี่ปุ่นทยอยมาเสิร์ฟจนครบจึงได้เวลาลงมือ
“ชมพูมานั่งกับอาชัดค่ะ” เมื่อความอิจฉาถึงขีดสุด คุณอาหนุ่มจึงเอ่ยเรียกหลานสาวสุดที่รักที่ตัวติดกับหนุ่มสัตวแพทย์ตลอดเวลาตั้งแต่ออกจากคลินิก
“ไม่เอาค่ะ ชมพูจะนั่งกับครูเดียร์” สาวน้อยแย้งขึ้น
“มานั่งนี่ค่ะ คุณหมอเขาจะกินไม่สะดวกนะคะ”
“ไม่เอา ชมพูจะนั่งกับครูเดียร์”
“หมอเดียร์ ไม่ใช่ครูเดียร์ค่ะ” คนเป็นแขกได้แต่นั่งมองบทสนทนาอาหลานที่เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ และหากไม่รีบห้าม คงได้เกิดศึกงอนง้อกันอีกครั้งเหมือนเมื่อช่วงเช้าเป็นแน่
“ไม่เป็นไรหรอครับคุณชัด ผมไม่ได้ลำบากอะไรเลย ให้น้องชมพูนั่งกับผมก็ได้ครับ”
“เห็นไหมคะ” น้องชมพูเอ่ยสมทบ
“หมออย่าตามใจสิครับ เสียการปกครองหมด น้องชมพูมานั่งนี่คะ"
“อาชัดไม่น่ารัก ชมพูจะโป้งอาชัด”
“ถ้าอย่างนั้น…แบบนี้คุณอาคุณหลานโอเคไหมครับ”
คุณหมออุ้มเด็กสาวลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินย้ายมานั่งฝั่งเดียวกับอาหนุ่มผู้เริ่มสงคราม โดยที่ยังมีสาวน้อยนั่งตักเช่นเดิม
“น้องชมพูลงมานั่งดี ๆ คะ คุณหมอจะได้กินถนัด” ก็คงต้องยอมวิธีแก้ของคุณหมอ แต่อย่างไรผมก็ยังยืนยันที่จะให้หลานสาวผมลงมานั่งให้เรียบร้อยมากกว่าการนั่งตักแขกแบบนั้น
อย่างแรกเลยคืออาจจะทำให้คุณหมอกินไม่สะดวก ถึงเจ้าตัวจะดูไม่ติดขัดอะไร แต่ผมติด
อย่างที่สอง ผมคิดว่าหลานสาวผมติดตัวติดใจคุณหมอมากจนเกินหน้าเกินตาผมไปเสียแล้ว
อย่างไรผมยังต้องการเป็นที่หนึ่งในใจหลานอยู่ดี
“น้องชมพูไม่ดื้อกับคุณอานะครับ นี่ไงนั่งตรงนี้ก็ใกล้ทั้งคู่เลยนะ คุณอาจะได้ไม่น้อยใจนะครับ”
จะดีอยู่แล้วถ้าเกิดไม่ได้มีประโยคท้ายตามมาด้วย ผมหันไปมองเจ้าของคำพูด ก็สบเข้ากับนัยน์ตาดำสนิทที่ส่องประกายขบขันพร้อมริมฝีปากบางเล็กที่เม้มแน่นกดกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ เห็นแล้วคันมืออยากจะยกไปบีบจมูกโด่งรั้นให้สมกับกวางเจ้าเล่ห์ที่มักเป็นผมที่ได้เห็น
ใครว่าหมอเดียร์น่ารักเรียบร้อย ผมละเถียงใจขาด เพราะในคราบกวางหนุ่มที่ทุกคนหลงใหล แท้จริงซ่อนกวางดื้อเอาไว้ต่างหาก
“ดื้อ”
“ชมพูไม่ได้ดื้อนะคะ”
“อาชัดไม่ได้ว่าชมพูค่ะ”
“แล้วใครดื้อหรอคะ” ผมลูบหัวเอ็นดูกับความใสซื่อของเด็กน้อย
“ไม่มีหรอค่ะ อาชัดพูดผิด กินข้าวกันดีกว่านะคะ”
ผมตอบเบี่ยงประเด็นออกไป แต่ก็จงใจส่งสายตาไปทางคน ‘ดื้อ’ ที่ผมหมายถึง และเป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะผมได้สายตาคาดโทษที่เจ้าตัวคงคิดว่าน่ากลัวเสียเหลือเกินส่งตอบกลับมา
“อาชัดขำอะไรคะ”
“เปล่าค่ะ”
“หมอ หมอจ่ายทั้งหมดแบบนี้ คราวหน้าผมไม่กล้าชวนกินข้าวแล้ว” ผมเอ่ยขึ้นขณะที่จอดรอสัญญาณไฟเขียวระหว่างทางกลับคลินิก
“แสดงว่าอยากชวนอีกหรอครับ” คุณหมอเขาไปอัพสกิลความยียวนนี้มาตั้งแต่ตอนไหนกัน
“...”
“ล้อเล่นครับ ก็คุณชัดไม่ยอมให้ผมเลี้ยงเลยสักครั้งนี่ ตั้งแต่เรื่องสูท ไหนจะเรื่องเบลล์อีก ให้ผมเลี้ยงสักมื้อเถอะครับ”
“ก็วันนี้ผมเป็นคนชวนไงครับ อย่างนี้ผมเสียคำพูดนะหมอ”
“อย่างนั้นก็เอาไว้เลี้ยงมื้อหน้าแล้วกันนะครับ สัญญาว่าจะไม่แย่งจ่ายแล้ว”
“แสดงว่าอยากมากินข้าวด้วยกันอีก” ผมหันหน้าไปรอดูปฏิกิริยาของคู่สนทนา
คุณหมอไม่ได้หันมามอง หรือตอบกลับประโยคนั้น เจ้าตัวก้มหน้ามองเด็กสาวที่หลับอยู่บนตัก ยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบผมเด็กสาวอย่างเบามือ แต่ถึงแบบนั้นก็สามารถมองเห็นเส้นโค้งสวยที่แต่งแต้มริมฝีปากของคุณหมอได้อย่างชัดเจน
เมื่อหันกลับมายังท้องถนนอีกครั้งสัญญาณไฟสีเขียวก็ปรากฏขึ้นพอดี
ผมคิดว่าวันนี้ต้องมีการปรับให้สัญญาณไฟแดงเร็วขึ้นกว่าทุกทีเป็นแน่ เพราะถ้าเท่าเดิม ผมควรได้จอดรอนานกว่านี้