เมื่อปลาทูนักล่าอยากลองเป็นเหยื่อลูกเสือกิน งานนี้เลยต้องขนทุกกระบวนครีบให้ได้เสิร์ฟตัวเองถึงปากถ่ำ แต่เรื่องไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เพราะเสือตัวนี้เจอกี่ทีปลาทูช่ำกระแสน้ำแทบจะลืมวิธีว่ายจมน้ำตายทุกที
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,18+,วาย,boylove ,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เช้าวันหยุดที่ลานหน้าคณะสัปดาห์นี้คึกคักขึ้นมาผิดจากปกติ จากการรวมตัวของกลุ่มหนุ่มสาวชาวสโมฯ ที่กำลังเตรียมตัวจะออกเดินทางไปทำกิจกรรมรับน้องต่างจังหวัด ด้วยสมาชิกที่ไม่ถึง 50 คน ทำให้การเดินทางครั้งนี้ใช้บริการรถบัส VIP 50 ที่นั่งเพียงคันเดียวเท่านั้น
คนที่เพิ่งมาถึงก็ต่างทยอยมาลงทะเบียนกับรุ่นพี่ บางส่วนก็เดินไปโหลดกระเป๋าที่ท้องรถและทยอยกันเดินขึ้นไปจับจองที่นั่ง
เมื่อครบจำนวน ทั้งหมดจึงเริ่มต้นออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเขื่อนเก็บน้ำขนาดใหญ่ในจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเป็นจุดหมายของการทำกิจกรรมนี้
เมื่อรถเคลื่อนตัวมาได้ไม่นานก็เกิดการรวมตัวของหนุ่มสาวทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องเพื่อจัดกิจกรรมสร้างความบรรเทิงให้ผู้ร่วมเดินทาง โดยเริ่มที่การเปิดเพลย์ลิสต์เพลงฮอตฮิตจังหวะสนุกพร้อมผลัดกันจับไมค์ สร้างเสียงเฮฮาและบรรยากาศที่สนุกสนานผ่อนคลายขึ้นบนรถ
บรรยากาศภายในรถสนุกสนานจนผมเองที่นั่งถัดจากโซนเวทีชั่วคราวด้านหลังรถไม่ไกลนักยังแอบโยกตามจังหวะไปด้วย แต่เมื่อเส้นทางที่เรากำลังเคลื่อนไป เริ่มเข้าสู่เขตที่มีการไต่ระดับตามภูมิประเทศของจังหวัด ความรู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศเป็นกันเองและเฮฮาตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง ก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยอาการเวียนหัวและมวนท้องขึ้นมาหน่อยๆ
ผมเปิดกระเป๋าเป้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ใส่ของใช้เล็กๆ น้อยๆ ติดตัวขึ้นมาบนรถ เพื่อหายาแก้เมารถที่พกติดตัวเสมอเวลาเดินทางไกลหรือขึ้นเขา
ไม่มี
ผมเกิดความกังวลขึ้นมาเมื่อพบว่าลืมนำยามาด้วย และดูท่าทางจะยังไม่ถึงจุดหมายในเวลาอันใกล้นี้ อาการเมาโค้งผมก็ดูจะไม่ดีขึ้น การมองหาทางเอาตัวรอดไม่ให้ตัวเองอ้วกกลางรถจึงเริ่มขึ้น
“พี่อ้อครับ มียาแก้เมารถไหมครับ” ผมเอ่ยถามรุ่นพี่สาวสวมแว่นที่รับหน้าที่เป็นฝ่ายพยาบาลประจำทริป หลังจากค่อยๆ เดินเกาะเก้าอี้ไต่มาถึงพี่อ้อ ที่นั่งอยู่โซนกลางรถ
“อ้าว น้องเสือ เราเมารถหรอ รอแปบนะเดี๋ยวพี่หยิบยาให้” พี่อ้อก้มไปหยิบกระเป๋าพยาบาลแล้วเริ่มหายาให้
“ภูๆ ข้างหน้ามีที่ว่างมั้ย น้องเมารถ” พี่อ้อยื่นเม็ดยาให้ผมแล้วตะโกนถามเพื่อนที่นั่งด้านหน้ารถ
“มีๆ เสือเดินมาเลย หน้าสุดว่าง” พี่ภู อดีตประธานสโมฯ ตะโกนตอบมา
“ไหวมั้ย ไปนั่งข้างหน้าน่าจะดีกว่านะ” ผมกล่าวขอบคุณและเดินเกาะเก้าอี้ไปยังเบาะหน้าตามที่พี่ภูว่า
เบาะหน้าฝั่งหลังคนขับเต็มไปด้วยกล่องอุปกรณ์และของกินที่เตรียมมาสำหรับทริปนี้ ส่วนอีกฝั่งมีที่ว่างหนึ่งที่ข้างกันเป็นพี่ทูที่นั่งหลับหัวพิงกระจกอยู่
ผมค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงเพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของพี่เขา ผมไม่อยากให้ใครมาสนใจอาการเมาโค้งของผมเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าจะยิ่งทำให้พี่ๆ เป็นห่วงแล้วเดี๋ยวจะเสียบรรยายกาศได้ เพียงแต่ว่าน้ำที่ผมต้องใช้กินยาโดนคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ นอนเอาขาพาดสบายใจซะแล้ว
นึกโมโหตัวเองที่ไม่หยิบขวดน้ำติดมือมาด้วย และถ้าจะต้องเดินกลับไปเอา มีหวังได้เอาอาหารเช้าออกมาโชว์เพื่อนๆ พี่ๆ ก่อนถึงที่นั่งเดิมเป็นแน่ งานนี้ก็คงต้องกลั้นใจปลุกคนหลับสนิทท่ามกลางเสียงบรรเลงจังหวะเพลงหมอรำด้านหลัง
“พี่ทู พี่ทูครับ” ผมแตะมือที่แขนพี่ทูเบาๆ เรียกไม่นานพี่แกก็ลืมตาตื่น แต่ไม่รู้ว่าเพราะเมาขี้ตาหรือตกใจการปลุกของผม เพราะพี่แกสะดุ้งหัวโขกกระจกเสียงดังไปหนึ่งที เจ็บน่าดูนะนั่น
“ขอโทษครับ เจ็บไหมพี่”
“ไม่ๆ พี่ไม่เป็นไร เรามานั่งนี่ได้ไง แล้วทำไมหน้าซีดปากซีดแบบนั้น ไม่สบายหรอ” พี่ทูยิงคำถามรัวจนผมที่มึนอยู่ลำดับคำตอบไม่ทัน จนเมื่อพี่แกเอาหลังมือมาแตะที่หน้าผากกับแก้มถึงรวบรวมสติได้ใหม่
“คือผมจะขอน้ำมากินยาครับพี่” ผมตอบและมองไปที่แพคน้ำที่มีขาคนถามพาดอยู่
“แปบๆ เมารถหรอ ไหวไหม จะอ้วกหรือเปล่าพี่มีถุงหิ้วนะ” พี่ทูพูดไปด้วยแกะแพคน้ำไปด้วยแล้วยื่นขวดหนึ่งที่เปิดฝามาให้เรียบร้อยแล้วให้ผม ผมไม่ได้ตอบพี่แกไปแต่ยื่นมือรับขวดน้ำแล้วรีบกินยาให้เสร็จๆ พี่ทูจัดการปิดฝาขวดแล้วเก็บไว้ให้
“เสือไปนั่งข้างในนะ เดี๋ยวพี่นั่งริมทางเดินเอง” พี่แกลุกขึ้นพร้อมกุลีกุจอยกแพคน้ำออกไปวางไว้ที่ที่นั่งอีกฝั่งรวมกับของอุปกรณ์อื่นๆ ผมจึงขยับเข้าไปชิมหน้าต่าง
“เดี๋ยวยาออกฤทธิ์ก็คงดีขึ้น ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ” ผมพยักหน้าแทนคำขอบคุณให้พี่ทูไป และเมื่อยาค่อยๆ ออกฤทธิ์ตาผมก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อย
ก่อนจะปล่อยตัวเองหลับไหลคล้ายรู้สึกถึงสัมผัสที่ข้างแก้มพร้อมแรงผลักเบาๆ ให้ผมได้เอนพิงหัวไปกับระดับที่กำลังสบายไม่ทำให้ปวดคอเหมือนตอนสัปหงกช่วงแรกๆ ที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ กลิ่นหอมมิ้นท์จางๆ ที่ลอยมาทำให้อาการมึนปวดและปวดจี๊ดบรรเทาลง จนผมปล่อยตัวเองเข้าสู่นิทราตามฤทธิ์ของยาไปในที่สุด
“เสือ น้องเสือ ถึงแล้วครับ” เสียงเรียกพร้อมแรงแตะเบาๆ ที่มือดังแว่วเข้ามาในการรับรู้ของผมสักพักจึงลืมตาขึ้น
“อ่อ ขอโทษครับ แล้วก็ขอบคุณครับ” ผมรีบกล่าวกับเจ้าของไหล่ที่ผมอาศัยนอนมาตลอดการเดินทาง โดยไม่รู้ตัว รู้สึกทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ในชีวิตนี้ก็ไม่เคยนอนอิงไหล่ผู้ชายด้วยกันมาก่อน มันก็แปลกอยู่ที่ผมก็ดันรู้สึกว่าก็สบายดีเหมือนกันนะ
“ดีขึ้นไหม” พี่ทูที่ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าตัวเองบนช่องเก็บของด้านบนเอ่ยถาม
“ครับ ดีขึ้นเยอะเลย” ผมตอบไปตามจริง
“ป่ะ งั้นลงไปกัน” พี่ทูยื่นมือมาจัดผมที่น่าจะชี้โด่ชี้เด่จากการนอนให้ แล้วส่งมือมาให้ผมจับเพื่อลุกขึ้น
อันที่จริงผมไม่ค่อยเข้าใจการดูแลของพี่แกเท่าไหร่ ผมแค่เมารถและหลังจากตื่นขึ้นมาอาการก็ดีขึ้นมากไม่ต้องถึงขั้นจับเดินจับลุกขนาดนั้น แต่ด้วยกลัวจะเสียน้ำใจจึงยื่นมือไปจับตอบรับน้ำใจในครั้งนี้
จากที่ได้รู้จักพูดคุยกับพี่ทู ก็ถือว่าเป็นรุ่นพี่ที่อบอุ่นเหมือนกันนะ ผิดกับรูปลักษณ์และเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ดูจะไปทางหนุ่มเจ้าสำราญเสียมากกว่า
เมื่อลงรถก็พบว่ากระเป๋าเป้ที่ทิ้งไว้ที่เบาะนั่งโอมได้เอาลงมาให้แล้ว และตอนนี้อยู่ไปอยู่ในความดูแลของพี่ทูที่อาสาเคลื่อนย้ายสัมภาระทั้งหมดของผมให้ รวมทั้งกระเป๋าลากที่โหลดใต้รถก่อนเดินทางด้วย
“พี่ทู ให้ผมถือเองก็ได้ครับ ผมดีขึ้นแล้ว”
“ให้มันถือเถอะน้องเสือ เปิดโอกาสเก็บแต้มให้มันหน่อย” เสียงพี่โรลดังมาจากด้านหลัง พร้อมเสียงผิวปากแซวของกลุ่มรุ่นพี่ที่ทยอยช่วยกันขนอุปกรณ์กิจกรรมลงจากรถ
“อย่าพูดมากพวกมึงอ่ะ งั้น...เสือถือเป้แล้วกัน” พี่ทูหันไปปรามกลุ่มเพื่อนแล้วยอมยื่นกระเป๋าเป้ให้ผมได้ขนย้ายเองบ้าง
สถานที่ที่เรามาทำกิจกรรมครั้งนี้คือเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดติดกับจังหวัดของมหาวิทยาลัยเรา ที่พักเป็นอาคารรับรองขนาดกลางของทางเขื่อนที่ออกแบบมาให้อารมณ์เหมือนบ้านกึ่งอาคาร ชั้นล่างเป็นห้องโถงปรับอากาศสำหรับทำกิจกรรมในร่ม นอกตัวอาคารมีบรรไดขึ้นสู่ชั้นสองโดยตรงไม่ต้องเข้าผ่านห้องโถงชั้นล่าง
เมื่อขึ้นไป ชั้นบนจะถูกแบ่งเป็นห้องพักขนาดใหญ่สองฝั่ง ซึ่งเราแยกพักชายหญิง ฝั่งซ้ายเป็นห้องพักของผู้ชาย ด้านในห้องพักจัดเป็นเตียงสองชั้นจัดวางชิดซ้ายขวาของผนัง ซึ่งจากการสำรวจพบว่าจำนวนเตียงมีน้อยกว่าฝั่งผู้หญิงเล็กน้อย ซึ่งก็เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในทริปนี้ที่มีผู้หญิงเยอะกว่า
“เสือจะนอนเตียงไหน” พี่ทูถามขึ้นมาเมื่อเราเดินเข้ามาในห้องพัก ผมมองไปโดยรอบ หลายเตียงถูกจับจองด้วยกระเป๋าสัมภาระไว้แล้ว
“เสือๆ เตียงนี้ดิ ใกล้กัน” โอมกวักมือเรียกเตียงชั้นบนที่อยู่ไม่ไกลจากประตู พร้อมชี้ไปที่เตียงชั้นบนที่หันด้านหัวชนกันบอกพิกัด
“เตียงนี้ก็ได้ครับใกล้เพื่อน” ผมชี้ไปที่เตียงที่โอมชวนซึ่งเป็นเตียงที่ว่างอยู่พอดี พี่ทูจัดการวางกระเป๋าไว้ด้านล่างใกล้เตียงนั้นให้เรียบร้อย
“นอนบนตกลงมาเจ็บเลยนะ” พี่ทูเอ่ยแซว แล้วยิ้มใจดีส่งมาให้
“ผมนอนไม่ดิ้น แล้วพี่นอนไหนครับ” ผมถามกลับบ้างเมื่อเห็นว่าเตียงทยอยถูกจับจองแล้ว และเตียงชั้นล่างผมก็มีโก้ เพื่อนสโมฯ จากสาขารังสีเทคนิคนอนเล่นมือถืออยู่
“แว่น ลุก มึงไปนอนเตียงนู่นไป” พี่ทูเรียกโก้ที่นอนเล่นมือถืออยู่พร้อมโยนสัมภาระตัวเองไปบนเตียง โดยไม่สนใจเจ้าของเตียงที่จับจองก่อน
“พี่ทู ก็ไปเตียงนู่นดิ ผมจองแล้วตรงนี้อ่ะ”
“กูไม่ชอบนอนบน มึงอ่ะไป ให้เร็ว อย่าให้กูต้องใช้รยางค์คู่ล่าง” หลังคำสั่งกึ่งขู่ของพี่ทู โก้ก็เก็บข้าวของย้ายไปเตียงด้านในแทนด้านอาการเซ็งๆ ที่ไม่อาจต่อต้านอะไรได้
“พี่นอนเตียงนี้ครับ” ไม่ต้องหันมาบอกก็รู้อยู่แล้ว ไล่เพื่อนผมซะชัดเจนขนาดนั้น
“หนุ่มๆ อีก 30 นาที เจอกันข้างล่างนะจ๊ะ ส่วนพวกแก่ๆ รีบลงไปช่วยกันข้างล่าง อย่าลีลา” เป็นพี่หมวย สตรีหมายเลขหนึ่งประจำสโมฯ รุ่นก่อนที่เปิดประตูเข้ามาเรียกในห้องพักชาย
“ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วเจอกันข้างล่างนะครับ” พี่ทูหันมาพูดกับผม และพวกพี่ปี 3 ก็ทยอยลงไปเตรียมสถานที่ข้างล่าง
“พี่เขาจีบเสือป่ะวะ กับเราแทบจะกินหัวอยู่ล่ะ ไม่เห็นมีคงมีครับเลย” โก้ ที่เดินมาขนย้ายกระเป๋าใบใหญ่ของตัวเองไปยังเตียงใหม่พูดขึ้นมา
“เป็นไปได้” โอมสมทบ
“พอๆ ไร้สาระ ไปล้างหน้าล้างตากัน ได้ลงไปข้างล่าง” ผมตัดบทก่อนที่จะเพ้อเจ้อกันไปมากกว่านี้
ถึงจะตอบเพื่อนไปแบบนั้น แต่ประเด็นที่โก้พูดมาก็ทำให้ผมเกิดคำถามและคิดทบทวนในหัว ถึงการปฏิบัติของพี่ทูที่แตกต่างกันอยู่มากระหว่างผมและเพื่อนรุ่นเดียวกัน บวกกับคำแซวแปลกๆ ที่ได้ยินมาประปราย ก็ทำให้คนอื่นสามารถคิดไปในเชิงนั้นได้อย่างไม่แปลกใจ
แม้ผมเองจะไม่ได้คิดว่านั้นคือการจีบ แต่จากการวิเคราะห์ก็ต้องยอมรับว่า....มีความเป็นไปได้เช่นกัน