เมื่อปลาทูนักล่าอยากลองเป็นเหยื่อลูกเสือกิน งานนี้เลยต้องขนทุกกระบวนครีบให้ได้เสิร์ฟตัวเองถึงปากถ่ำ แต่เรื่องไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เพราะเสือตัวนี้เจอกี่ทีปลาทูช่ำกระแสน้ำแทบจะลืมวิธีว่ายจมน้ำตายทุกที
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,18+,วาย,boylove ,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลังกิจกรรมสร้างความบันเทิงเวลาที่เหลือครึ่งวันแรกก็หมดไปกับการแบ่งสโมฯ ใหม่เป็นกลุ่มย่อยๆ ตามหน้าที่ เพื่อให้พี่สโมฯ รุ่นเก่าที่ทำหน้าที่เดียวกันได้มาสอนงานและอธิบายขอบเขตและสิ่งที่ต้องทำของแต่ละฝ่าย
ส่วนครึ่งวันหลังพี่ๆ ก็แจงรายการกิจกรรมของคณะตลอดทั้งปีพร้อมช่วงเดือนที่ต้องจัดให้พวกเราได้รู้และเตรียมแบ่งหน้าที่กันทำในกิจกรรมคณะงานแรก นั่นคืองานไหว้ครูคณะ ซึ่งสโมสรนิสิตจะต้องเป็นเจ้าภาพในการจัดและประสานงานกับเจ้าหน้าที่และบุคลากรคณะ รวมถึงจัดเตรียมสถานที่ในการจัดงานด้วย
“งานแรกคืองานไหว้ครูคณะ ที่หลังจากเรากลับไป เราจะต้องเริ่มเตรียมงานกันเลย เพราะเราจะจัดกันภายในเดือนนี้” พี่ภู ประธานรุ่นก่อนพูดเปิดประเด็น ซึ่งตอนนี้เรากลับมานั่งรวมเป็นกลุ่มใหญ่ล้อมเป็นวงกลมง่ายๆ แทน
“เดี๋ยววันนี้น้องๆ ไปปรึกษากันได้เลยนะ ว่าใครจะเป็น head งานไหว้ครู จะได้มาคุยรายละเอียดกันอีกทีพรุ่งนี้” พี่ทู พูดเสริมขึ้นก่อนจะจบกิจกรรมในวันนี้และปล่อยให้สโมฯ ใหม่อย่างพวกเรารวมหัวกันวางคนในกิจกรรมแรกของคณะ
สโมสรนิสิต จะมีคนนำหลักๆ อยู่ 4 คน คือ
ประธานสโมฯ ซึ่งตอนนี้คือ โอม
รองประธานฝ่ายวิชาการ อันนี้เป็นผมเอง
รองประธานฝ่ายพยาบาทและสวัสดิการ หน้าที่นี้ไม่พ้นทราย สาวผู้รักการช่วยเหลือ
และสุดท้ายรองประธานฝ่ายสถานที่ ซึ่งโก้ได้รับไปอย่างไม่เต็มใจนัก เนื่องจากไม่ได้สนใจตอนโอมไปชวนมาร่วมทีมว่าจะให้มาทำตำแหน่งนี้
ผมมารู้เอาวันนี้ว่าพี่ทูเองก็เป็นถึงรองประธานสโมฯฝ่ายสถานที่ในรุ่นก่อน และพี่โรลที่เห็นตลกไปวันๆ และดูจะไม่ใส่ใจอะไรก็พ่วงตำแหน่งรองฝ่ายพยาบาทและสวัสดิการเสียอีก
รุ่นพี่สโมฯหลายๆ คนที่ได้มารู้จักพูดคุยวันนี้ก็มีมุมอื่นๆ ให้ได้แปลกใจและทำความรู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะพี่ทู ที่ก็มีมุมจริงจัง เป็นผู้นำและสุขุมให้เห็นเหมือนกัน ตอนที่แยกกลุ่มเทรนพี่ทูก็ได้มาเทรนให้กลุ่มผมด้วย เพราะประธานกับรองจะเทรนกลุ่มเดียวกัน
แม้ว่าส่วนใหญ่เวลาเจอพี่ทูและเพื่อนๆ จะมักเห็นพี่แกเฮฮา สบายๆ เป็นดั่งแก๊งหนุ่มหล่อเจ้าสำราญของคณะ แต่พอมาอยู่ในโหมดจริงจังพี่ทูก็ทำได้ดีและน่าประทับใจทีเดียว
ตอนที่สอนงาน พี่ทูผู้ที่ไม่เคยเห็นจับไมค์หรือพูดนำในกิจกรรมไหน กับเป็นคนหลักในการอธิบายงานต่างๆ ให้น้องๆ ฟัง และก็อธิบายได้ดีแถมมีความใส่ใจมากเสียด้วย คอยถามกลับเสมอว่าไม่ทันหรือไม่เข้าใจตรงส่วนไหน หรือใครจดอะไรไม่ทันก็คอยช่วยทวนโดยไม่บ่นหรือแสดงท่าทางเหนื่อยหน่ายใจ
ผมต้องยอมรับตามตรงว่าเวลาที่พี่ทูจริงจังและตั้งใจทำอะไรโดยไม่ติดเล่น พี่ทูดูมีเสน่ห์มาก ผมแอบเห็นเพื่อนผู้หญิงหลายคนคอยเหลือบมองมาทางพี่ทูอยู่เรื่อยๆ ไม่แปลกใจเลยเพราะพอพี่แกนิ่งเครื่องหน้าที่คมคายก็ดูจะออร่าจับขึ้นไปอีก พี่ทูในโหมดนี้ถือเป็นของแรร์ไอเทมที่หาดูได้ยาก
ผมยังไม่เคยบอกใช่ไหมว่าพี่ทูนอกจากภายนอกที่ทูทะเล้นและติดสนุกความจริงแล้วพี่แกเป็นหนุ่มหล่อที่ขึ้นชื่อมากในมหาวิทยาลัย แม้ไม่ได้เป็นเดือนอะไรกับเขา แต่ก็ดูเหมือนความนิยมจะแซงไปไกลโข
ด้วยความสูงและหุ่นระดับที่สามารถออกไปทำอาชีพนายแบบได้อย่างสบาย บวกกับคิ้วเข้มได้รูป ตาคม จมูกโด่งเป็นเอกลัษณ์กับปากกระจับที่เลื่องลือในสาวๆ ทั่วมอว่าเป็นหนุ่มที่ปากน่าจูบที่สุดในมหา'ลัย ไม่ใช่แค่พี่ทูเท่านั้นจะบอกว่าทั้งกลุ่มพี่ทูก็ดูจะเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อใจสาวๆ ในมอกันยกกลุ่ม
แล้วอย่างนี้จะให้ผมคิดว่าพี่ทูมาจีบผมได้ยังไง
“กินน้ำหน่อยไหม วันนี้พี่เห็นเรากินน้ำน้อยมาก” แก้วน้ำถูกยื่นมาตรงหน้าผม ระหว่างที่กำลังคุยเรื่องกิจกรรมไหว้ครูกับกลุ่มเพื่อนๆ
“ขอบคุณครับ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเสียงพี่ทู ผู้ที่คอยอำนวยความสะดวกสบายให้ผมตลอดทั้งวันโดยไม่ได้ร้องขอ และถ้าขอก็คงขอให้หยุดเสียมากกว่า เพราะพี่แกเล่นบริการแต่ผมคนเดียวจนไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนเวลาโดนเสียงแซวจากพี่ๆ เพื่อนๆ ซึ่งตอนนี้ดูจะเป็นเรื่องปกติของการรับน้องครั้งนี้ไปเสียแล้ว
“เห็นไหม ปากแห้งแล้วเนี่ย” นิ้วพี่ทูมาแตะริมฝีปากผมเพียงชั่วพริบตาแต่สัมผัสนั้นกับทำให้ผมร้อนไปทั้งหน้า ตลอดทั้งบ่ายยันตอนนี้ที่สโมฯ ปีสองแยกย้ายขึ้นห้องพักและรอคิวกันอาบน้ำ
“เอ้า นั่งกัดปากทำไมอ่ะ แดงหมดแล้วเสือ ไปอาบน้ำดิ ห้องน้ำว่างแล้ว” โอมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเอ่ยเรียกขณะที่ตัวเองปีนเตียงมานั่งชั้นบน
หลังจากที่ทุกคนในห้องอาบน้ำกันครบ พี่ปี 3 ก็ยังไม่มีใครขึ้นมาห้องพักกันสักคน คงจะเตรียมสถานที่หรือไม่ก็ประชุมกิจกรรมพรุ่งนี้กันอยู่ พูดคุยนั่งเล่นกันสักพัก โก้ก็เดินไปปิดไฟในห้อง มีเพียงแสงไฟรำไรที่ส่องพอให้เห็นจากห้องน้ำซึ่งจงใจเปิดให้ไม่มืดจนเกินไปหากพี่ๆ กลับเข้ามา
เสียงเพื่อนๆ ทยอยกันเงียบลงแล้ว คงเหลือแต่ผมที่ยังตาค้างนอนไม่หลับอยู่กับคำถามในหัวมากมายเต็มไปหมดกับการดูและการกระทำของพี่ทูวันนี้
หรือพี่เขาจะสนใจผมจริงๆ
“มึงเบาๆ น้องนอนกันหมดแล้ว” เสียงใครสักคนดังแว่วมาจากทางหน้าห้อง ทำให้ผมละมือจากมือถือ หลับตาลงทำเป็นผู้เข้าสู่โลกแห่งความฝันไปแล้ว เพราะยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับพี่ทูในตอนนี้ วันนี้เราเผชิญหน้ากันมามากพอแล้ว
มีเสียงก๊อกแก๊กและเสียงเดินไปมาอยู่บ้างตามจุดต่างๆ ในห้องคงเป็นพี่ๆ ที่ทยอยกันอาบน้ำและแต่งตัวด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ สักพักก็ทยอยเงียบลงไป
ผมผ่อนลมหายใจและเตรียมพร้อมเข้าสู่นิทราของจริงโดยไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ ในจังหวะที่ผมคิดจะลืมตาขึ้นอีกครั้งเพื่อตั้งนาฬิกาปลุกในมือถือสำหรับวันพรุ่งนี้ที่ลืมเซ็ตไว้ ก็มีสัมผัสแผ่วเบาลงมาที่หัว
มือนั่นลูบผมผมเล่นเบาๆ อยู่หลายที ก่อนมาจบที่ผ้าห่มถูกขยับห่มให้ใหม่มาถึงคอ พร้อมคำพูดที่แสนเบาแต่ดังก้องกังวานอยู่ในหัวผมตลอดทั้งค่ำคืน
“ฝันดีนะครับ เด็กดีของปลาทู”
“เสือ ตื่นเว้ยตื่น นี่เป็นคนตื่นสายตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เมื่อคืนก็นอนกันเร็ว” ผมงัวเงียตื่นขึ้นจากการปลุกของโอมที่อยู่เตียงติดกัน
“มองหาใคร หาพี่ทูหรอ”
“บ้า ห้องน้ำว่างแล้วใช่ป่ะ” ผมเปลี่ยนเรื่องและปีนลงเตียงเพื่อเตรียมข้าวของเข้าไปอาบน้ำ
“พี่ปีสามเขาลงไปข้างล่างตั้งแต่เช้ามืดแล้ว” ยังคงเป็นโอมที่บอกผมตามหลังแม้ไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากรู้ก็ตาม
ผมลงมาด้านล่างก็พบว่าชุดอาหารเช้าถูกเตรียมไว้แล้ว เพื่อนๆ กระจายตัวตามโต๊ะที่จัดไว้สำหรับรับประทานอาหารด้านหน้าทางเข้าห้องโถงชั้นล่าง แต่ผมที่ยังไม่ตื่นดีไม่มีอารมณ์จะกินข้าวเช้าในตอนนี้ และยังไม่อยากสนทนากับใครทั้งนั้นจึงเลือกนั่งที่โต๊ะริมสุดที่ว่างอยู่แทน
“ทำไมหน้าตาเป็นงั้นล่ะ นอนไม่หลับหรอเรา” พี่ทูเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ในขณะที่ผมกำลังอัดกาแฟเพื่อดำรงชีวิตในวันนี้ให้รอดโดยไม่หลับในไปเสียก่อน
อยากตอบไปเหลือเกินว่าที่ทำผมนอนไม่หลับมันเพราะใครกัน แต่ก็ได้แค่คิดในใจ เพราะความจริงทำได้แค่ยิ้มตอบพี่ทูไปแห้งๆ เท่านั้น
“พี่ขึ้นห้องไปก็เห็นเราหลับดีนะ ไม่น่าเพลียขนาดนี้ได้เลย”
“คงแปลกที่น่ะครับ เลยหลับไม่สนิท”
“หรอ งั้นก็ทนหน่อยนะ บ่ายๆ เราก็กลับแล้ว ไว้ไปนอนบนรถ” พี่ทูพูดจบก็ลุกแยกไปรวมกลุ่มกับพี่ๆ ด้านในห้อง แต่ไม่วายลูบหัวผมอีกหนึ่งทีทิ้งท้าย ไม่ให้แฟนคลับผิดหวังว่าวันนี้จะไม่มีเรื่องให้แซวกัน
จากไม่คิดก็เริ่มจะคิดแล้วนะถ้าพี่ยังทำแบบนี้ ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย
“หงุดหงิดไรวะ หน้าบูดแต่เช้า” โก้กระซิบถาม
“ยุ่ง”
“โอม เพื่อนมึงเป็นไรเนี่ย เหวี่ยงกูเฉย”
“เพื่อนมึงเหมือนกันแหละ ปล่อยเสือมันไปเถอะ เดี๋ยวก็หาย อย่าไปยุ่งเรื่องมันเยอะมึงอ่ะ”
“เอ้า มึงว่ากูเสือก? “
“มึงพูดเองนะ”
“อ่ะๆ เงียบก่อนเด็กๆ วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะจ๊ะ เดี๋ยวช่วงบ่ายเราก็จะกลับมอกันแล้วเนาะ แต่ช่วงเช้านี้พี่จะให้เราคุยรายละเอียดงานไหว้ครูก่อนนะ” พี่หมวยเรียกพวกเรามานั่งรวมกลุ่มใหญ่เหมือนเมื่อวานอีกครั้ง
“เมื่อวานที่พี่ให้ไปแบ่งหน้าที่กัน สรุปได้หรือยังว่าใครจะเป็น head งานไหว้ครูคณะครับ” พี่ทูถามขึ้น และเนื่องจากโอมติดงานรังสีเทคนิคสัมพันธ์ที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนถัดไป เลยขอบายการเป็นพ่องานในงานแรกของสโมฯ ไปก่อน โก้เอง ก็ยกธงสละสิทธิ์ตั้งแต่แรกไปแล้ว ส่วนทรายที่ดูจะเป็นแม่งานได้ก็สละสิทธิ์ตามไปอีกหนึ่งคน ก็เหลือเพียงแต่ผม เพราะสมาชิกคนอื่นในสโมฯ ต่างก็ไม่ยอมขึ้นมาเป็น head เช่นกัน
“ผมครับ” ผมยกมือตอบพี่ทูไป
“แล้วแบ่งหน้าที่กันหรือยังว่าใครจะดูเรื่องอะไรบ้าง”
“ครับ แบ่งแล้วครับ”
“ดีงั้นเดี๋ยวเรามาลงรายละเอียดกันนะ อันดับแรกเลย เสือต้องลิสรายชื่ออาจารย์ เจ้าหน้าที่และจำนวนนิสิตทุกชั้นปีนะ หาวันที่คณบดีว่างแล้วลงวันเวลาให้ดี ส่วนโก้หลังจากได้วันก็เตรียมเรื่องจองสถานที่นะ ปกติแล้วทุกปีเราจะใช้ห้องรับรองของมหาวิทยาลัย…. “ จากนั้นตลอดทั้งเช้าก็เป็นแผนงานที่พี่ๆ ช่วยดูเรื่องลงรายละเอียดและแจกแจงให้ เพราะเป็นงานแรกในฐานะสโมฯของปีนี้ที่ได้รับมอบหมาย จึงยังเป็นงานที่มีพี่ๆ รุ่นเดิมคอยช่วยซัพพอร์ตกิจกรรมควบคู่ไปด้วย การลงรายละเอียดให้น้องๆ เห็นภาพ เห็นลำดับแผนงานที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบและต้องไปทำจึงมีประโยชน์มากในการทำกิจกรรมอื่นๆ ของสโมฯ หลังจากนี้
“ไงเรา ไหวมั้ยเป็น head งานแรกหนักหน่อยนะ เพราะใหม่ๆ กันทั้งทีมเลย” เอาอีกแล้วลูบหัวอีกแล้ว เช้าลูบ บ่ายลูบ เย็นลูบ
“ไหวครับ” ผมรีบเก็บข้าวของลงกระเป๋าเพื่อเตรียมขนขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านล่าง
“มาพี่ช่วย เราถือเป้ตัวเองไปแล้วกัน” ไม่ต้องรอฟังคำอนุญาตหรือปฏิเสธพี่ทูก็ยกกระเป๋าทั้งของผมและของตัวเองเดินปลิวออกจากห้องพักไปแล้ว
“สรุปว่าจีบชัวร์ เชื่อเรา” โก้ ที่คงจะคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เช่นเคยเดินมากระแซะไหล่ถาม
“อือ เราก็ว่าพี่เขาน่าจะชอบเสือนะ” โอมที่ปีนลงมาจากเตียงชั้นบนสมทบ
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่เขาก็แปลกๆ กับเราตลอดทั้งทริปจริงๆ นั่นแหละ”
“แล้วเสือชอบพี่ทูป่ะ”
“เฮ้ย เราไม่ได้ชอบพี่เขา อีกอย่างพี่เขาอาจจะไม่ได้ชอบเราแบบนั้นก็ได้ เราเคยสอนการบ้านน้องรหัสเขา เขาอาจจะเอ็นดูเราเหมือนเราเป็นน้องรหัสก็ได้”
“โห อธิบายซะยาว ถามจริงนี่เชื่อแบบนั้นจริงดิ” โอมไม่ยอมรามือกับความคิดตัวเองง่ายๆ
“อือ คิดแบบนั้นแหละ”
“เขาแสดงออกชัดอยู่นะ ทั้งทริปนี้พี่มันแม่งยุ่งแต่เสือ เขาเห็นกันหมด แล้วที่เพื่อนพี่มันแซวอีก” โก้เริ่มวิเคราะห์สถานการณ์
“ไม่รู้ล่ะ จีบไม่จีบไม่รู้ แต่พอเจอถามเจอแซวบ่อยๆ เราก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงเหมือนกัน อึดอัดยังไงไม่รู้”
“เออ เข้าใจ งั้นช่างแม่งป่ะล่ะ”
“ห่าโอม ช่างแม่งไม่ได้หรอก เชื่อกู”
“ลงไปข้างล่างเถอะ เดี๋ยวเราเคลียร์ตัวเองเอง เราก็ไม่ชอบสถานการณ์ที่ตัวเองไม่รู้ต้องทำตัวยังไงแบบนี้เหมือนกัน”้
เมื่อขึ้นรถ ก็เป็นอันแน่นอนว่าผมคงต้องครอบครองที่นั่งด้านหน้าเหมือนเดิม เพราะโค้งที่ต้องเจอในขากลับ ก็เป็นโค้งเดิมกับขามา แต่ที่น่าหนักใจกว่าขามาคือของอุปกรณ์ต่างๆ ถูกยัดวางถมกันอยู่ฝั่งเดียวเช่นเคย ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนั่งคู่ไปกับพี่ทู ที่ยืนรอให้ผมเข้าไปนั่งที่เบาะด้านใน
“กินยากันไว้เลยมั้ย” พี่ทูแบมือที่มีเม็ดยาวางไว้มาให้ ส่วนอีกมือก็ถือขวดน้ำเตรียมไว้พร้อม
เตรียมมาขนาดนี้แล้ว ไม่น่าต้องมาถามแล้วล่ะครับ
ผมจัดการกินยาให้เรียบร้อย แล้วรีบปิดโหมดการรับรู้ หลับตาเอาหัวพิงกระจกให้จบเรื่องจบราว
ถึงแม้ยาจะทำให้เบลอๆ ง่วงๆ ผมก็ยังหลับไม่สนิทอยู่ดี ในหัวคิดวนสารพัดเรื่อง บวกกับการดูแลเช่นขามาของพี่ทูที่ยังทำให้โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่ถูกดูแลอยู่ไม่ได้หลับเลยสักนาที ทนนอนข่มตาแสร้งเป็นหลับบนไหล่พี่ทูมาจนกระทั่งรถถึงที่หมาย พระอาทิตย์กำลังจะหายจากขอบฟ้า ทุกคนต่างช่วยกันขนข้าวของส่วนกลางไปเก็บไว้ที่ห้องสโมฯ เพื่อที่จะรีบแยกย้ายกลับไปพักผ่อน ผมและเพื่อนสองสามคนติดรถพี่ทูที่อาสามาส่งเช่นทุกครั้ง
“ทำไมไม่ค่อยพูดเลย ไม่สบายหรือเปล่า”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเริ่มอึดอัดกับความห่วงใยของพี่ทูแบบนี้
ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ผมถึงอยากได้ความชัดเจนของการกระทำทั้งหมดในตอนนี้
และไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรผมก็เกิดไม่มั่นใจกับความคิดของตัวเองที่เคยเชื่อมั่นว่า ทั้งหมดนั้นเป็นการเอ็นดูแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง
ผมไม่ชอบที่ตัวเองมานั่งคิดอะไรที่หาคำตอบไม่ได้แบบนี้เลย
ไม่ชอบความอึดอัดที่ตัวเองก่อขึ้นมาแล้วก็หาทางออกไม่ได้
ไม่ชอบที่ตัวเองเกิดลังเลในความเชื่อ หนำซ้ำยังมีข้อสงสัยที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ขึ้นมาในหัวว่าพี่ทูจะมาชอบตัวเองเกินกว่าคำว่าน้อง
“พี่ทูชอบผมหรือเปล่าครับ” ผมยิงคำถามออกไป แน่นอนว่าตอนนี้บนรถเหลือเพียงผมกับพี่เท่านั้น
“ที่พี่ทูทำอยู่คือการจีบผมหรือว่าแค่เอ็นดูในฐานะน้องครับ”
พี่ทูชะลอรถจอด
“ถ้าพี่บอกว่าจีบ เสือจะให้พี่จีบไหมครับ” คราวนี้ดันเป็นผมเองที่ไปต่อไม่ถูก เพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คำตอบแบบนี้ ที่ผมตัดสินใจถามเพื่อหวังแค่ให้คำตอบพี่ทูยืนยันว่าความเชื่อเรื่องเอ็นดูผมในฐานะน้องถูกต้องและจะได้เลิกมาหวั่นไหวกับการดูแลและเลิกใจสั่นกับการแซวของคนรอบข้างเสียที
“ว่าไง ให้จีบหรือเปล่า” พี่ทูหันมาลูบหัวผมเล่น และในตอนนี้ผมที่เป็นคนเปิดประเด็นได้แต่มองมือตัวเองที่ถูนิ้วเล่นไปมาบนตักเท่านั้น
“คือ...ผมยังไม่ได้ชอบพี่ทูแบบนั้นครับ” ผมรู้สึกว่าเหมือนกำลังพูดกับมือตัวเองเสียมากกว่า
“ยัง? แสดงว่ามีโอกาสชอบใช่ไหม”
การถูกสัมผัสที่บริเวณหัวมันมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจหรือเปล่า ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้ว
“ยังไม่ต้องชอบหรอก แค่อย่าเพิ่งปิดโอกาสพี่ก็พอ”
“ว่าไง ตกลงตามนี้ไหมครับ เด็กดี” ตอนนี้หัวผมคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้ว แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังแปลกใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของตัวเองที่พยักหน้าตอบรับคำถามของพี่ทูไปอย่างง่ายดาย
“ผมอยากกลับหอแล้วครับ” ผมพูดกับมือตัวเองอีกครั้ง
“หึ ก็ถึงตั้งนานแล้วนี่ครับ” ผมเงยหน้ามองไปด้านนอกก็เห็นว่าถึงหอพักของตัวเองแล้วจริงๆ คราวนี้นอกจากอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นจากสัมผัสและบทสนทนาเมื่อครู่ก็บวกเพิ่มอาการร้อนผ่านที่แก้มจนเหมือนเป็นไข้เข้ามาอีก
“เอ่อ ขอบคุณครับ” ผมรีบตัดจบบทสนทนาเพื่อจะได้พาตัวเองออกจากบรรยากาศชวนเป็นไข้นี้
“ให้พี่ช่วยยกกระเป๋าขึ้นไปไหม” พี่ทูที่คราวนี้ยิ้มจนเต็มแก้ม พูดขึ้นในขณะที่ใช้มือเท้าพวงมาลัยเอียงคอถามได้อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุดนับตั้งแต่รู้จักกัน
“ไม่เป็นไรครับ” ลงรถได้ผมก็รีบขนสัมภาระออกจากท้ายรถแล้วเดินเข้าหอด้วยความเร็วที่ราวกับว่าเรียนวิชาตัวเบาจากวัดเส้าหลิน
.
.
.
จบวันด้วยความจริงที่ผมเพิ่งจะถูกผู้ชายด้วยกันเอ่ยปากขอจีบ
แล้วนับจากพรุ่งนี้ไป ผมต้องจัดการตัวเองยังไงเวลาเจอกับพี่ทู