เมื่อปลาทูนักล่าอยากลองเป็นเหยื่อลูกเสือกิน งานนี้เลยต้องขนทุกกระบวนครีบให้ได้เสิร์ฟตัวเองถึงปากถ่ำ แต่เรื่องไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เพราะเสือตัวนี้เจอกี่ทีปลาทูช่ำกระแสน้ำแทบจะลืมวิธีว่ายจมน้ำตายทุกที
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,18+,วาย,boylove ,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“เย็นนี้ประชุมสโมฯ กี่โมงนะ” ทรายถามขึ้นในขณะที่เราเดินลงบันไดตึกวิทย์แพทย์หลังจากวิชาแล็บกลอสจบลง
“หกโมง ทรายติดธุระอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าๆ เราถามทวนเฉยๆ แล้วนี่จะกลับหอเลยป่ะ ติดรถเราไปได้นะ เราว่าจะแวะไปร้านข้าวแถวหอเสืออยู่พอดี”
“เราว่าจะเข้าคณะก่อน ไปรอคุยกับโก้เรื่องสถานที่อ่ะ”
“งั้นเดี๋ยวเราไปส่งคณะ”
“เอ่อ…พอดีเรา” ยังไม่ทันได้ตอบเพื่อนไป คำตอบผมก็มาปรากฏตัวเฉลยคนถามเสียแล้ว
จะเป็นใครไปได้นอกจากพี่ปลาทูเจ้าเดียวเจ้าเดิมที่รับหน้าที่สารถีประจำตัวผมตลอดเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา พี่ทูที่ยืนพิงเสาเล่นมือถืออยู่หันมาส่งยิ้มพร้อมเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าคนที่มารอรับลงมาถึงชั้นล่างของตึก
“อ่า...มีคนไปส่งแล้ว เราก็ไม่น่าถาม หลังกลับจากเขื่อนไม่ใช้บริการรถเราเลยนะเสือ” ทรายเอ่ยแซวเสียงเบา และพอดีกับที่พี่ทูเดินมาถึง
“ไปเลยมั้ย” ผมพยักหน้าตอบพี่ทูแล้วเดินตามพี่เขาไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก แกล้งทำเป็นไม่เห็นสายตาและใบหน้าหยอกล้อของทราย
“บ่ายพี่ทูมีเรียนไม่ใช่หรอ ทำไมอยู่ๆ มารับได้ล่ะครับ” ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับข้อความผ่านแอปสีเขียนในชั่วโมงเรียนว่าหลังเลิกคลาสจะมารับถูกถามออกไปเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากบริเวณของคณะวิทย์แพทย์
“อาจารย์ยกเลิกคลาส เดี๋ยวคงมีชดเชยอีกที”
“อ่อครับ”
“แล้วนี่เรารีบเข้าคณะไหม”
“ก็ไม่หรอกครับ คาบสุดท้ายโก้เลิก4โมง”
“งั้นก็มีเวลาอีกเกือบสองชั่วโมง เสือแวะไปทำธุระกับพี่ก่อนแล้วกันนะ”
“ครับ” รถเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยมุ่งสู่เส้นทางเข้าเมือง สักพักเราก็มาถึงหน้าร้านรับสกรีนเสื้อเจ้าใหญ่ของจังหวัดใจกลางตัวเมือง ผมนั่งรอพี่ทูอยู่โซนรับรองแขกของร้านเกินครึ่งชั่วโมงพี่ทูก็เดินกลับมาจากโซนติดต่อด้านใน ข้างหลังมีคนงานของร้านสองคนที่ถือถุงผ้าขนาดใหญ่เต็มไม้เต็มมือเดินตามมาด้วย
“ป่ะ หาอะไรกิน แล้วกลับมอกัน” พี่ทูยื่นมือมาแตะหัวเบาๆ ก่อนเดินนำออกไป ตอนนี้ผมชินกับการแตะหัวลูบผมของพี่ทูเสียแล้ว
หลังจากวันนั้นที่พี่ทูขอจีบ และคอยพูดย้ำว่าผมต้องเปิดโอกาสและแบ่งเวลามาให้พี่ทูจีบบ้าง ไม่ใช่ใช้ชีวิตอยู่แค่ตึกเรียนและหอพัก ผมกับพี่ทูก็ตัวแทบจะติดกัน ในเมื่อผมเองก็อนุญาตให้เขาจีบแล้วการให้เวลาในการอยู่ด้วยกันก็คงเป็นหนึ่งในโอกาสที่พี่ทูอยากจะได้ และผมก็เต็มใจที่จะให้เวลาเหล่านี้ของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ทูอยากกินอะไรครับ”
“พี่ก็ตามใจเราอยู่แล้ว เรานั่นแหละเลือก” พี่ทูก็ยังคงใจดีตามใจผมในทุกครั้งที่มีการเลือกไม่ว่าของกิน หนัง หรือกิจกรรมยามว่างอื่นๆ ที่เริ่มทำด้วยกัน
“พี่ทูเลือกบ้างซิครับ ตามใจแต่เสือ”
“หึ น่ารักดี” พี่ทูละสายตาจากท้องถนนข้างหน้าหันมามองผม
“อะไรครับ”
“แทนตัวเองว่าเสือไง น่ารักดี”
“เหมือนตอนที่เราพูดกับพี่ตอนเจอกันที่ตึกรวม พี่ชอบนะ แทนตัวเองว่าเสือตลอดเลยได้ไหม” ว่าจบพี่ทูก็หันกลับไปใช้สมาธิกับการขับรถ
“มีข้อเสนอที่น่าสนใจให้พิจารณาไหมครับ” ผมตอบหยอกล้อพี่ทูกลับไป อาการเกร็งเวลาอยู่กับพี่ทูตอนนี้หายไปหมดแล้ว อาจเป็นเพราะเราพูดคุยและเจอกันมากขึ้น เรียกได้ว่าแทบทุกวันจะเว้นก็แต่ใครคนใดคนหนึ่งติดธุระเท่านั้นที่จะแยกย้ายใช้ชีวิตส่วนตัวกันไป
“ต่อรองเก่งขึ้นทุกวันเลยนะเรา” มือข้างซ้ายละจากพวงมาลัยมาขยี้หัวผมจนยุ่ง
“เดี๋ยวพี่จะทำเมนูลับฉบับเชฟปลาทูให้กิน รับรองจะติดใจ”
“โห อย่างนี้ผมเสียเปรียบนะครับ อร่อยจริงไหมก็ไม่รู้”
“เอาใหญ่แล้วเรา เปลี่ยนจากจะตามใจพี่เรื่องเลือกร้าน เป็นตามใจพี่เรื่องนี้แทนแล้วกัน”
“เอางั้นก็ได้ครับคุณปลาทู ว่าแต่เสือ พี่ทูเองก็เอาใหญ่แล้วเหมือนกันนะครับ” ผมชูมือที่ตอนนี้ถูกพี่ทูตีเนียนจับไว้อยู่ขึ้นมาโชว์ เรียกทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเราทั้งคู่ขึ้นมาพร้อมๆ กัน
“เดี๋ยวเสือช่วยขนครับ เอาไปที่โถงคณะใช่ไหมครับ” ผมหยิบถุงเสื้อที่รับมาจากร้านสกรีนออกจากท้ายรถมาถือไว้เมื่อเรากลับมาถึงคณะหลังกินก๋วยเตี๋ยวร้านลับในตำนานที่พี่ทูพาไป
“หนักนะ”
“สบายมากครับผม” ผมกระโดดขึ้นหนึ่งทีเพื่อจัดถุงเสื้อถุงใหญ่ให้เข้าที่เข้ามือมากขึ้น
“เก่งมากครับ งั้นเอาไปอีกถุงไหม” พี่ทูทำท่าจะยื่นถุงเสื้ออีกใบขึ้นเทินบนถุงใบแรกที่ผมอุ้มไว้
“ไม่เอาแล้วๆ ” ผมเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินนำไปก่อน ให้แบกเพิ่มอีกถุงก็ไม่ต้องเดินแล้ว โดนทับตายอยู่ตรงนั้นเอาพอดี เสียงหัวเราะของพี่ทูที่เดินหอบถุงผ้ามาเช่นกันดังแว่วมาจากข้างหลัง
“พวกมึง เหลืออีกสองถุงไปช่วยขนหน่อย อย่าให้น้องเสือกูต้องใช้แรง” ถุงเสื้อสามถุงที่ผมและพี่ทูช่วยกันหอบมาถูกวางไว้กลางโถงคณะ ที่รอบข้างรายล้อมไปด้วยพี่ๆ ปี 3
“แหม น้องเสือของกู เต็มปากเต็มคำเลยนะมึง ถามน้องเขายัง” พี่ภูแซวขึ้น
“มึงจะให้น้องเขาเก็บแรงไว้ใช้กับอะไรครับคุณทู” พี่โรลลุกจากม้านั่งด้านข้างโถงเดินเข้ามาหา
“ใช้กับกูเนี่ยแหละ ทำงานให้หนักเท่าตอนใช้ปากแซวกูด้วยก็ดีนะ พวกห่านี่ ให้กูออกแบบ ติดต่อร้าน ยังให้กูไปรับเสื้ออีก พวกเวร” พี่โรลรับกุญแจรถที่พี่ทูโยนไปให้ได้อย่างพอดิบพอดี
“ใช้แรงกับปลาทู สงสัยเป็นงานถอดเกล็ดแล่เนื้อจับทอด เก็บแรงไว้เยอะๆ นะครับน้องเสือ ปลามันตัวใหญ่” รุ่นพี่สโมฯ ที่เดินออกไปจากโถงพร้อมพี่โรลแซวลอยมาให้พอได้ยิน (ทั้งโถง)
ถึงจะบอกว่าไม่เกร็งกับพี่ทูแล้วก็เถอะ แต่เจอกลุ่มเพื่อนพี่ทูทีไรไม่วายโดนแซวจนไปไม่เป็นทุกครั้ง และที่หนักกว่าคือ...เมื่อปลาทูมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนฝูงก็มักจะปล่อยไม้ตายใส่ ให้กระแสเลือดในตัวผมได้สูบฉีดรุนแรงจากอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นทุกที
“ปลาทูอย่างพี่ไม่มีเกล็ดให้ถอดให้เหนื่อยหรอกครับ จับทอดก็พร้อมเสิร์ฟ กินง่ายและอร่อยมาก แต่ตัวใหญ่ไม่ใหญ่เสือต้องตัดสินเองนะ” พี่ทูก้มลงมาพูดเบาๆ ที่ข้างหูให้ได้ยินเพียงแค่ผมเท่านั้น นี่แหละท่าไม้ตายที่มักจะโผล่มาตอนรวมฝูง ร้ายกาจนัก
“เอ่อ เสือขึ้นคุยกับโก้ที่ห้องสโมฯ ก่อนแล้วกันนะครับ” ผมรีบขอตัวออกมาจากปลาทูร้ายก่อนที่หน้าจะร้อนไปมากกว่านี้
“พี่คุยงานรอข้างล่างนะครับ” หลังให้พี่ทูแตะหัวเป็นประเพณีเสร็จ ผมก็แทบจะวิ่งขึ้นบันไดไปห้องสโมฯ ชั้น 2
กินเวลากว่าสัปดาห์ที่ผมและเพื่อนๆ สโมฯ ใช้ชีวิตกันอย่างหนักหน่วง เพราะวิชาภาคที่เข้มข้นขึ้น แถมวิชาภาคยังขยันสอบย่อย งานเดี๋ยวงานกลุ่มมาไม่ขาดสาย แถมยังมีงานสโมฯ ที่ต้องทำควบคู่ไปด้วย เรียกว่าร่างแทบแหลก แต่ในที่สุดการเตรียมงานจนค่ำมืดก็จบลง งานไหว้ครูคณะวันนี้เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี
ต้องขอบคุณสมาชิกดรีมทีมสโมฯ ของผม ที่ร่วมหัวจมท้ายร่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างดีจนงานแรกของสโมฯ ออกมาได้อย่างราบรื่นสวยงาม พิธีการไม่ขาดตกบกพร่อง แม้จะเหนื่อยกับการเรียนและทำกิจกรรมไปพร้อมๆ กัน แต่ผมก็ได้รู้อย่างหนึ่งคือการทำกิจกรรมทำให้ผมโตขึ้น ผมได้ประสานงานทั้งกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง และครูอาจารย์ ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามากมาย
“เหนื่อยไหม” พี่ทูยื่นขวดน้ำมาให้เมื่อเราช่วยกันขนของจากห้องรับรองมหาวิทยาลัยมาเก็บที่ห้องสโมฯ คณะเสร็จ
“เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกดี”
“เก่งมาก เสือทำดีแล้ว” พี่ทูยื่นมือมาโยกหัวผมเบาๆ และนั่นมันก็ทำให้ความเหนื่อยของผมหายไปได้เยอะทีเดียว
“เสืองั้นเรากลับก่อนนะ พี่ทูสวัสดีครับ” โอม และเพื่อนๆ คนอื่นกล่าวลาเมื่อทุกคนช่วยกันเก็บของและล็อกห้องสโมฯ เรียบร้อยแล้ว
“เออ กลับดีๆ ใครที่จะติดรถไอ้ภูกลับ มันฝากบอกว่ารอที่ข้างคณะนะ” เมื่อเพื่อนแยกย้ายกันกลับเรียบร้อยผมกับพี่ทูก็กลับด้วยเหมือนกัน
“กลับไปก็รีบอาบน้ำนอน อยู่ดึกมาหลายวันแล้วนี่เรา”
“เสือก็อยากนอนจะแย่แล้วครับ ถ้าไม่ติดพรุ่งนี้มีสอบย่อยออร์โธ” ผมบ่นกับพี่ทูในรถ
“ไหวมั้ย หรืออยากแวะซื้อกาแฟ”
“ก็ดีนะครับ ไม่ได้คาเฟอีนเสือหลับแน่ๆ ยังอ่านไม่จบเลย” พี่ทูลงไปสั่งกาแฟมาให้ก่อนจะถึงหอพัก
“เอามอคค่ากาแฟอ่อนๆ ไปนะ ตั้งใจอ่านหนังสือ ไม่ไหวจริงๆ ก็นอน ทำเต็มที่เท่าที่ร่างกายไหวพอนะ เข้าใจไหมครับ”
“ครับผม” ผมทำท่าเคารพแบบทหารให้ เรียกรอยยิ้มพี่ทูได้หนึ่งทีก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน
rrrrrrrrrrr
(ว่าไงเรา ไม่อ่านหนังสือหรอ) หลังอ่านหนังสือจนเริ่มเหนื่อยและท้อแท้ ผมก็ตัดสินใจโทรหาพี่ทูในเวลาตี 2 หลังจากลองเชิงว่าพี่ทูหลับไปหรือยัง ด้วยการส่งสติ๊กเกอร์ไป และได้รับสติ๊กเกอร์ส่งกลับมาแทบจะในทันที
(แล้วพี่ทูยังไม่นอนหรอครับ) ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ว่าทำไมอยู่ๆ ก็อยากได้ยินเสียงพี่ทูตอนนี้
(เหมือนเรานั่นแหละ พี่มีสอบย่อยเหมือนกัน)
(งานไหว้ครู ถ้าไม่ได้พี่ทูช่วยพาไปคุยกับอาจารย์ ช่วยดูรายละเอียดงานให้เสือแย่แน่เลย)
(อะไรของเรา นี่เราจะอ้อนพี่หรือไง)
(ไม่ใช่สักหน่อย เสือจะขอบคุณต่างหาก)
(วิดีโอคอลไหมครับ อยากเห็นหน้าคนไม่อ้อนจัง) ผมกดเปลี่ยนเป็นหมวดวิดีโอ พี่ทูในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวสบายๆ ก็มาอยู่ตรงหน้า
(ทำไมตาแดง) พอโดนถามสะกิดใจ ทำนบที่กั้นความเหนื่อยล้ามาหลายวันก็พังทลายลงแล้วแสดงตัวออกมาโชว์คนบนจอมือถือด้วยการกลั่นตัวเป็นน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาช้าๆ
(เป็นอะไร ไหนบอกพี่ทูหน่อยครับ) พี่ทูถามเสียงอ่อนลงคล้ายกำลังปลอบเด็กเล็กๆ นั่นยิ่งทำให้น้ำตาผมไหลเพิ่มมากขึ้นไปอีก คงเหมือนที่มีคนบอกไว้ว่า เวลาเราเหนื่อยหรือเศร้า แค่มีคนที่ห่วงเราด้วยความจริงใจเอามือมาวางบนบ่าน้ำตาก็ไหล
(เสือเหนื่อย อ่านไม่รู้เรื่องเลย) ผมระบายออกไปกับคนตรงหน้า ผมเหนื่อยจริงๆ เพราะอยู่เตรียมงานดึกติดกันมาหลายวัน วิชาเรียนก็ยังคงต้องทบทวน แล้วทำไมวิชาภาคต้องมาสอบย่อยพรุ่งนี้ด้วย พอคิดถึงตรงนี้ก็นึกโมโหตัวเองที่พูดระบายออกไปแบบนั้น โมโหที่ตัวเองเอาความเหนื่อยมาเป็นเหตุผลโทษการสอบ โทษตัวเอง จนเผลอโทรไปหาพี่ทูให้พี่เขาเห็นเด็กงี่เง่ามาร้องไห้งอแงบ่นเหนื่อยแบบนี้
(เวลาเรียนเสือตั้งใจเรียนหรือเปล่าครับ) พี่ทูยังคงถามด้วยเสียงนุ่มเช่นเดิม ผมพยักหน้าตอบกลับไปและพยายามกั้นน้ำตาให้หยุดไหล
(แล้วตอนงานไหว้ครู เสือเต็มที่กับมันหรือเปล่าครับ) ผมพยักหน้าตอบอีกครั้ง
(ภูมิใจกับมันไหม)
(ครับ)
(มีตรงไหนที่รู้สึกว่าตัวเองทำไม่เต็มที่ไหมครับ) คราวนี้คำตอบผมเปลี่ยนเป็นการส่ายหน้าแทน
(พี่รู้ว่าเสือเป็นเด็กตั้งใจและเต็มที่ในทุกเรื่อง ที่ผ่านมาเสือก็ทำได้ดีมาตลอด อย่าตั้งความดาคหวังจนเอามากดดันตัวเอง พี่บอกเราแล้วไงทำเต็มที่เท่าที่เราทำได้ แค่นั้นก็พอแล้ว)
(.......)
(เหนื่อยก็พัก ปิดหนังสือแล้วไปนอนครับ พรุ่งนี้พี่โทรปลุกนะ) พี่ทูส่งยิ้มที่อบอุ่นยิ่งกว่าผ้าห่มในหน้าหนาวมาให้ ผมรู้สึกเหมือนมีมือมาสัมผัสและลูบเบาๆ ที่หัว ความเหนื่อยล้าและความรู้สึกท้อที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็เหมือนจะเบาบางลง
(เสือขออ่านต่ออีกหน่อยแล้วกันนะครับ อ่านเป็นเพื่อนพี่ทู) ผมใช้หลังมือปาดรอยน้ำตาบนแก้มแล้วส่งยิ้มตอบกลับไป
(ไหวแน่นะ ถ้าจะอ่านต่อไม่งอแงแล้วนะครับ) เสียงอบอุ่นตอบกับมาพร้อมใบหน้าที่ประทับรอยยิ้มบางๆ
(ครับ จบชีทนี้เสือจะนอน แต่...พี่ทูไม่วางสายได้ไหมครับ) ประโยคท้ายผมถามด้วยเสียงอ่อนลง เพราะพี่ทูเองก็ต้องอ่านหนังสือเพื่อสอบเช่นกัน ผมไม่แน่ใจว่าการวิดีโอคอลต่อจะเป็นการรบกวนสมาธิพี่ทูไหม แต่ผมก็ยังอยากให้สายนี้อยู่กับผมจนกว่าจะอ่านจบอยู่ดี
(ได้สิครับ พี่ก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะมีเด็กดื้อไม่ทำตามข้อตกลงหรือเปล่า) เราต่างคนต่างอ่านกันไปเงียบๆ ผมมักแอบมองพี่ทูในจอบ่อยๆ จะว่าไปแล้วตอนใส่แว่นก็ดูน่ารักไปอีกแบบเหมือนกัน
.
.
.
(ฝันดีนะครับ พี่ทู)
(ฝันดีครับ)
บทสนทนาสุดท้ายถูกเอ่ยขึ้นเมื่อชีทหน้าสุดท้ายถูกปิดลง ก่อนที่ผมจะกดวางสายผู้ชายที่เป็นฮีตเตอร์ให้ผมในค่ำคืนอันแสนอ่อนไหวนี้
ขอบคุณนะครับ พี่ปลาทูของเสือ