เมื่อปลาทูนักล่าอยากลองเป็นเหยื่อลูกเสือกิน งานนี้เลยต้องขนทุกกระบวนครีบให้ได้เสิร์ฟตัวเองถึงปากถ่ำ แต่เรื่องไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เพราะเสือตัวนี้เจอกี่ทีปลาทูช่ำกระแสน้ำแทบจะลืมวิธีว่ายจมน้ำตายทุกที
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,18+,วาย,boylove ,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อคืนหลังจากน้องวางสายไปผมก็อ่านหนังสือต่ออีกสักพัก แล้วรีบพาตัวเองไปนอนเช่นกัน เพราะมีสอบเช้า ส่วนเด็กขี้แยเมื่อคืนมีสอบช่วงสาย
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผมละมือจากการผูกเนกไทหยิบขึ้นมาดูเวลา พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 8:00 น. แล้ว ถึงเวลาโทรปลุกเด็กตามที่ตกลงกันไว้ก่อนจะวางสาย
รอสายเพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงติดงัวเงียตอบรับ
(คร้าบ พี่ทู)
(เสียงงัวเงียขนาดนี้ นอนต่อไหมครับ เราสอบ 11 โมงไม่ใช่หรอ)
(ไม่นอนแล้วครับ เสือว่าจะอ่านต่อจากเมื่อคืน) ตอบครบจบประโยค แถมลงท้ายด้วยเสียงบิดขี้เกียจของเจ้าตัว เสียงคนบิดขี้เกียจมันน่าฟังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
(งั้นก็ลุกไปล้างหน้าแปรงฟันครับ เดี๋ยวเผลอหลับอีก คราวนี้พี่โทรปลุกไม่ได้แล้วนะ)
(ครับ พี่ทูสอบกี่โมงนะครับ)
(9 โมงครับ แล้ววันนี้เราไปมอยังไง)
(เดี๋ยวทรายแวะมารับที่หอครับ)
ผมกดเปลี่ยนเป็นโหมดวิดีโอ เพราะอยากเห็นหน้าเจ้าของเสียงงัวเงียเป็นกำลังใจก่อนเข้าสอบเสียหน่อย ก็แหม เมื่อคืนผมก็ทำความดีความชอบกับน้องไปไม่ใช่หรือ ผมก็ควรได้รางวัลบ้าง จะหาว่าผมทำดีหวังผล ผมก็ไม่เถียงหรอก เพราะนอกจากผมจะหวังผลแล้ว ผมยังหวังอย่างอื่นด้วย
และความดีงามของผมก็ส่งผลให้น้องกดตอบรับการวิดีโอคอลกลับมาเช่นกัน
น้องเสือในเสื้อคอกลมสีฟ้าอ่อนเมื่อคืนว่าดาเมจแรงแล้ว พอมาบวกกับผมยุ่งๆ ตางัวเงีย ก็คงพูดได้คำเดียวครับ
เอาผมไปทอด จัดใส่จานร้อนๆ แล้วไปเสิร์ฟให้น้องที
(จะไม่อวยพรพี่หน่อยหรอ) เด็กหัวยุ่งบนหน้าจอตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว แต่ดูท่ายังออกจากแรงดึงดูดของเตียงไม่ได้ น้องทำหน้านึกอยู่พักใหญ่ จนผมต้องเอ่ยแซว
(แค่อวยพรต้องนึกขนาดนั้นเชียว)
(สู้ๆ นะครับพี่ทู) ผมหลุดหัวเราะเพราะเอ็นดูกับความเมาหมอนของน้อง นั่งนึกอยู่นานสองนานสุดท้ายอวยพรแค่ว่า สู้ๆ ดูท่าคงจะยังไม่ตื่นดีจริงๆ นั่นแหละ
(พี่ทูขำอะไรครับ) แล้วหวยดันมาออกที่ผม โดนน้องทำคิ้วขมวดยู่ปากพองลมใส่แต่เช้า อย่างอนแล้วน่ารักได้ไหม เพราะยิ่งทำให้อยากแกล้งขึ้นไปอีก เห็นแล้วอยากเอามือไปบีบแก้มให้แตก
(ไม่ขำแล้วๆ งั้นเที่ยงเจอกันที่โรงอาหารคณะนะครับ)
(ครับ)
(เราก็สู้ๆ นะ ถ้าคะแนนดีเดี๋ยวพี่ให้รางวัล) อยากมีแฟนเด็กก็ต้องแพรวพราวกันหน่อย
(งั้นพี่ทูเตรียมรางวัลไว้ได้เลยครับ) จากแก้มพองเปลี่ยนเป็นยิ้มตาหยีเสียแล้ว
ไอ้ทู เอ็งต้องหัวใจวายตายเข้าสักวัน ทำประกันสุขภาพตอนนี้เลยดีไหม
น่ารักจังโว้ย!
(ร่าเริงเชียวนะ เมื่อวานใครขี้แยใส่พี่นะ) ไหนๆ เช้านี้หัวใจก็ทำงานหนักแล้ว ขออีกสักดอกก่อนวางสายแล้วกัน ถือเสียว่าเป็นคาเฟอีนให้มีแรงไปสอบหลังจากอ่านจนเกือบเช้า
(พี่ทู) น้องลากเสียงยาวได้อย่างน่าเอ็นดูที่สุด และตามคาดแก้มน้องกลับมาพองอีกแล้ว
อ่า…รู้สึกดีอะไรแบบนี้
(ไม่แกล้งแล้ว พี่ไปสอบก่อนนะครับ เที่ยงเจอกัน)
ช่วงกลางวันโรงอาหารคณะก็มักจะคึกคักเป็นพิเศษ นิสิตหลายชั้นปีต่างลงมาหาอะไรกินจนโต๊ะภายในโรงอาหารแน่นถนัดตาในเวลาอันสั้น ผมออกมานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนในสาขาเดียวกันที่โต๊ะประจำใต้ต้นไม้ด้านข้างที่แยกออกมาจากโรงอาหาร
น้องเสือกับกลุ่มเพื่อนๆ เดินตรงมาทางโต๊ะผม หลังจากที่ผมโบกมือส่งสัญญาณให้ เมื่อเห็นกลุ่มน้องยืนมองหาโต๊ะนั่งอยู่ที่กลางโรงอาหาร
“นั่งโต๊ะพี่นี่แหละ ข้างในคนเยอะ อ่ะพวกมึง รออะไร ลุกดิวะ” ผมจัดการเคลียร์พื้นที่โต๊ะและเคลียร์เพื่อนเปิดทางให้เด็กๆ ได้นั่ง
“แล้วพวกพี่ไม่กินข้าวหรอครับ”
“พวกพี่กินกันหมดแล้ว เราแหละไปหาอะไรกินไปเดี๋ยวก็งอแงหิวข้าวอีก” น้องหันมาย่นจมูกใส่ผมหนึ่งที แล้วลุกตามเพื่อนๆ ไปหาซื้ออะไรมากิน
“แหม มึงเนี่ย หลงอะไรขนาดนั้น ยังไม่ได้กินน้องเขาล่ะซิมึง” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสาขาพูดขึ้น
“กินอะไร คนนี้กูจริงจัง” ผมหันไปตอบพวกมันที่นั่งกระจายตัวตามหุ่นแต่งสวนบ้าง พิงต้นไม้บ้าง
“แล้วนี่มึงไปถึงไหนล่ะ คุยหรือคบ” โรลที่ยืนพิงต้นไม้หลังโต๊ะที่ผมนั่งคู่กับน้องเมื่อครู่เอ่ยถาม
“ยังมึง ใจเย็น กูก็ต้องรอให้น้องมันชอบกูก่อนป่ะวะ ขอคบตอนนี้กูก็แห้วแดกซิ” ผมตอบไปตามตรง ถึงตอนนี้น้องจะไม่ได้เกร็งและเป็นกันเองกับผมมากแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าผมยังไม่ได้ออกจาก brother zone ของน้องเลย น้องอาจจะแค่ใจดีกับผมก็ได้
ต้องรอให้มากกว่านี้ รอให้น้องชอบผมมากกว่านี้ ผมไม่อยากเสี่ยง เพราะกับน้องแล้ว ผมไม่ได้บุกเพื่อฟังคำปฏิเสธ
“ชอบกินจังเลยนะ ไข่เขียวกุ้งเนี่ย” ผมพูดหยอกเด็กที่เดินมานั่งพร้อมข้าวไข่เจียวกุ้งจากร้านประจำของโรงอาหารคณะ เจ้าเด็กหันมายิ้มตาหยีให้ทั้งๆ ที่แก้มยังอมข้าว
น่ารัก จนใจพี่เหนื่อยไปหมด
“ไอ้ทูงั้นพวกกูไปรอโถงคณะนะ เจอกันมึง” โรลและเพื่อคนอื่นๆ เดินแยกกลับเข้าไปในตัวตึก บ่ายนี้ผมไม่มีเรียนแล้ว แต่ยังมีนัดรวมสาขาตอนบ่ายโมงครึ่งเพื่อประชุมเรื่องงานรังสีเทคนิคสัมพันที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แถมด้วยการแจกจ่ายเสื้อเชียร์สำหรับน้องๆ ที่ขึ้นสแตนด์ที่ขนมากับน้องเสือจากในเมืองเมื่อวานก่อน
“บ่ายเรามีเรียนหรือเปล่า หรือจะกลับหอเลย พี่จะได้ไปส่ง” ผมถามเมื่อเห็นน้องรวบช้อนวางมือจากการกินข้าวที่เหลือเกือบครึ่งจาน แต่ไข่เจียวหมดเกลี้ยงแล้ว
“ไม่มีเรียนแล้วครับ วิชาบ่ายอาจารย์ให้ทำรายงานเคสกับเตรียมตัวสอบควิซพรุ่งนี้”
“งั้นกลับเลยไหม บ่ายพี่มีคุยสาขา”
“นานไหมครับ”
“ทำไม เราจะรอพี่หรอ” น้องเปิดช่องมา มีหรือที่ผมจะไม่ฉวยโอกาสหยอดกลับ น้องไม่ได้ตอบผมกลับมา แต่อาการมือไม่อยู่สุขเล่นนิ้วตัวเองไปมาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าน้องเองก็คงอยากจะตอบแทนการอยู่เฝ้าน้องตอนเตรียมงานไหว้ครูจนดึกดื่นอยู่หลายวันของผมด้วยการอยู่เป็นเพื่อนผมบ้าง
“น่าจะนานครับ เสือกลับไปพักเถอะ อยู่นี่เบื่อเปล่าๆ ” ผมลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเป้น้องขึ้นมาสะพายบ่าเตรียมตัวส่งเด็กไปนอน คนที่นอนน้อยในช่วงที่ผ่านมาก็ใช่ว่ามีแต่ผมเสียเมื่อไหร่ น้องเองก็นอนน้อยไม่ต่างกัน
“ตอนเสืออยู่ทำงานสโมฯ พี่ทูยังรอเลย เสือทำรายงานเคสรอก็ได้ครับ พี่ทูจะได้ไม่ต้องขับรถกลับไปกลับมา” ว่าจบเจ้าตัวก็เดินเอาจานไปเก็บ
ผมจะว่าอะไรได้ล่ะ น้องอยากทำอะไรผมก็ตามใจอยู่แล้ว แม้ใจจะพองฟูที่น้องอยากอยู่รอ แต่ในความพองฟูก็มีความไม่แน่ใจด้วยเช่นกัน ว่าที่น้องทำเพราะน้องเริ่มมีใจให้ผมแล้ว หรือแค่เพราะน้องเป็นเด็กดีที่อยากตอบแทนความใจดีของผมในช่วงที่ผ่านมา
“แล้วเด็กๆ กลับยังไงกัน” ผมถามเพื่อนๆ ในกลุ่มของน้องเสือที่เดินกลับมาหยิบกระเป๋าและชีทเรียนที่โต๊ะ
“ติดรถทรายกับบิวกันไปค่ะ ว่าจะไปนั่งเล่นคาเฟ่เปิดใหม่หลังมอกัน”
“อ้าว แล้วเราไม่ไปนั่งเล่นกับเพื่อนหรอ” คราวนี้ผมหันมาหาเจ้าเด็กตัวเล็กข้างๆ
“โอ๊ย รายนั้นเขาไม่ไปกับทรายหรอกค่ะ เขารอไปกับรุ่นพี่แถวนี้” เพื่อนว่าจบก็โดนเด็กร้อนตัวตีแขนไปหนึ่งที นี่น้องกำลังเขินใช่หรือเปล่า ใช่ไม่ใช่ผมก็จะถือว่าข้อมูลที่น้องทรายให้มาเป็นต้องการของน้องแล้วกัน เพราะฉะนั้นหลังจบประชุมสาขาคงต้องพาเด็กแถวนี้ไปกินของหวานเสียแล้ว
ใจจริงอยากหยอดน้องให้เขินอีกสักหน่อย แต่พอเห็นหูน้อยๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อทั้งสองข้างก็อดสงสารไม่ได้
ประชุมรวมสาขากินเวลายืดยาวกว่าที่ผมคิดไปมาก คงเพราะเราเรียกรวมตัวกันหลายชั้นปี กว่าจะมากันครบก็เลทไปเกือบบ่ายสามถึงได้เริ่มประชุม ผมคอยเหลือบมองน้องเสือที่นั่งอ่านหนังสือบ้าง ทำรายงานบ้าง หรือบางทีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นอยู่เป็นระยะ น้องไม่ได้มีท่าทีเบื่อหรือหงุดหงิดให้เห็น ซ้ำบางครั้งที่เราหันมามองตรงกันพอดีน้องยังส่งยิ้มพิฆาตมาให้ แถมทำปากมุบมิบที่ผมเดาเอาเองว่าคงเป็นคำว่า สู้ๆ
จนในที่สุดก็มาถึงการประชุมช่วงสุดท้าย ผมปล่อยให้น้องสาขาปี 2 รับหน้าที่แจกเสื้อเชียร์ให้น้องปี 1 แล้วเอ่ยขอตัวกับเพื่อนๆ พี่ๆ แยกออกมาก่อน
“รายงานเคสเสร็จไหม” ผมถามน้องที่เอนหัวลงไปนอนไถโทรศัพท์เล่นบนโต๊ะ
“พี่ทูประชุมเสร็จแล้วหรอครับ”
“อือ เหลือแต่แจกเสื้อเชียร์แล้ว ให้ปี2 มันจัดการกันไป จะทุ่มแล้ว หิวไหมไปหาไรกินก่อนกลับหอกันครับ” ผมช่วยน้องเก็บเครื่องเขียนที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะลงกระเป๋าดินสอรูปหมีหรือตัวอะไรสักอย่างจนเรียบร้อยก็พาน้องออกจากคณะ
“ยังอยากไปคาเฟ่เปิดใหม่อยู่ไหม”
“ครับ?” น้องหันมาทำหน้างงเมื่อผมถามขึ้นมาในรถ
เอียงคอทำหน้าแบบนี้ จะฆ่าพี่ใช่ไหมครับ
“ก็...คาเฟ่หลังมอไง” ผมเอ่ยย้ำ คนข้างๆ ดูเหมือนเพิ่งนึกออก
“เอ่อ...เราหาข้าวกินกันง่ายๆ แถวหอกินกันดีกว่าครับ”
“ไม่อยากกินของหวานตอนนี้ หรือไม่อยากไปกับพี่เนี่ย” ผมเสแสร้งแกล้งทำว่าน้อยใจเสียเหลือเกิน ทั้งที่จริงๆ แล้วต่อให้น้องไม่อยากไปกับผม ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไร น้องสบายใจแบบไหน ผมก็พร้อมเป็นแบบนั้นให้น้องไปก่อนจนกว่าความรู้สึกน้องที่มีต่อผมจะคืบหน้าแค่นั้นเอง
“...ไว้ไปวันที่พี่ทูไม่เหนื่อยก็ได้ครับ พี่ทูดูเหนื่อยมากเลย” ถึงน้องจะตอบเสียงอ้อมแอ้มเหมือนคุยกับตักตัวเอง แต่ผมที่หูดีขนาดนี้ก็ได้ยินจนครบประโยค
ในวันที่ร่างกายแสนจะเหนื่อยล้า เด็กคนเดิมก็ทำให้ผมยิ้มเต็มแก้มได้ซ้ำไปซ้ำมา
“วันนี้อย่านอนดึกล่ะ อ่านตอนเย็นไปบ้างแล้วนี่” ผมถือวิสาสะลูบหัวน้องเล่นเมื่อเดินมาส่งน้องที่หน้าหอพัก
“พี่ทูก็เหมือนกันนะครับ พี่นอนน้อยกว่าเสืออีก...ตั้งแต่ตอนไหว้ครูพี่ทูก็ทำงานสาขาด้วยไม่ใช่หรอครับ”
“ห่วงพี่หรอ” ถึงน้องไม่ได้ตอบ แต่กิริยาการเม้มปาก หูแดงนี่ พี่จะถือว่าเป็นการยอมรับแล้วกันนะ
“แค่เราห่วงพี่ พี่ก็หายเหนื่อยแล้ว” ผมยีหัวน้องไปเบาๆ ส่งท้ายอีกหนึ่งที ก่อนที่จะปล่อยน้องขึ้นไปพักผ่อน ส่วนผมเองก็คงต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือสำหรับสอบย่อยพรุ่งนี้ ชีวิตนิสิตรังสีเทคนิคปีสามกับวิชาภาคมันช่างโหดร้ายอะไรขนาดนี้
ติ้ง
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าทำให้ผมหันหยิบมือถือที่วางไว้โต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดู
(อ่านหนังสือสู้ๆ นะครับ อย่าโต้รุ่งเหมือนเมื่อคืนล่ะ เดี๋ยวปลาทูจะกลายเป็นแพนด้าเอานะครับ)
แล้วผมก็ยิ้มเต็มแก้มเป็นรอบที่ล้านแปดของวัน
(ครับผม ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้พี่ไปรับที่หอนะ)
ผมตอบข้อความน้องกลับไป แล้วสติ๊กเกอร์ good night เจ้าหมีขี้เซาแสนน่ารักส่งตอบกลับมาให้ผมพอมีแรงฝ่าฟันกับกองชีทที่วางข้างตัวในค่ำคืนนี้
ไม่ว่าจะได้นอนหรือไม่
คืนนี้ก็คงไม่มีใครฝันหวานไปกว่าปลาทูอย่างผมอีกแล้ว