เมื่อปลาทูนักล่าอยากลองเป็นเหยื่อลูกเสือกิน งานนี้เลยต้องขนทุกกระบวนครีบให้ได้เสิร์ฟตัวเองถึงปากถ่ำ แต่เรื่องไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เพราะเสือตัวนี้เจอกี่ทีปลาทูช่ำกระแสน้ำแทบจะลืมวิธีว่ายจมน้ำตายทุกที

เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ - 8 . โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,18+,วาย,boylove ,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,วาย,boylove ,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อปลาทูนักล่าอยากลองเป็นเหยื่อลูกเสือกิน งานนี้เลยต้องขนทุกกระบวนครีบให้ได้เสิร์ฟตัวเองถึงปากถ่ำ แต่เรื่องไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เพราะเสือตัวนี้เจอกี่ทีปลาทูช่ำกระแสน้ำแทบจะลืมวิธีว่ายจมน้ำตายทุกที

ผู้แต่ง

summer_T

เรื่องย่อ

สารบัญ

เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-intro .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-1 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-2 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-3 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-4 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-5 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-6 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-7 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-8 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-9 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-10.1 ,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-10.2 ,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-11 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-12 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-13 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-14 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-15 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-16 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-17 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-18 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-19 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-20 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-21 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-22 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-23 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-24 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-25 .

เนื้อหา

8 .

ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งหลังจากขุดร่างตัวเองไปส่งน้องเรียนที่ตึกคณะเมื่อเช้า ทีแรกตั้งใจว่าจะกลับมาอ่านชีทสรุปทวนอีกรอบก่อนจะสอบตอน 10 โมง แต่อาการมึนหัวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าตอนตื่น จนตอนนี้ก็ยังดูไม่มีวี่แววจะดีขึ้น ทั้งที่ขากลับจากส่งน้องแวะซื้อยาแก้ปวดหัวกินกันไปแล้วถึง 2 เม็ด นอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้วยังดูท่าจะหนักกว่าเดิม แถมตอนนี้อาการเจ็บคอก็เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

ผมตัดใจไม่อ่านทวนสรุปที่ทำไว้เมื่อคืน เลือกที่จะทิ้งตัวนอนเอาแรง เพื่อหวังว่ามันจะดีขึ้นก่อนเข้าสอบ พลิกตัวไปดูนาฬิกาที่หัวนอน ตอนนี้เพิ่งจะ 8:30 น. ยังมีเวลาให้ได้นอนอยู่เยอะพอสมควร

เมื่อจัดการตั้งนาฬิกาปลุกเรียบร้อยผมก็ปล่อยให้ตัวเองหลับใหลไปตามฤทธิ์ยาแก้ไข้ที่กินเพิ่มไปเมื่อกลับมาถึงห้อง





rrrrrrrrrrrrr

(อือ ว่าไง) ผมกดรับสาย หลังควานหาโทรศัพท์ที่ดังอยู่พักใหญ่จนเจอ

(พี่ทู พี่อยู่ไหนครับ) ทำไมปลายสายถึงเป็นเสียงน้องเสือไปได้ ผมหงายโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ แต่สิ่งที่ทำให้ผมแทบกระโจนออกจากเตียงกลับเป็นเวลาที่โชว์บนหน้าจอมือถือ

9:43 น.

งานงอกแล้วไอ้ทู

(ไอ้ทู มึงอยู่ไหน กูโทรหาจนสายจะไหม้ไม่รับนะมึง ดีนะเจอน้องเสือพอดี ถ้าไม่ใช่เบอร์น้องมึงจะไม่รับเลยหรือไง แล้วนี่สรุปมึงอยู่ไหน) เสียงไอ้โรลดังทะลุมาจากปลายสาย

(มึงอย่าเพิ่งบ่นกู กูกำลังไป แล้วคืนโทรศัพท์น้องไปได้ล่ะ แค่นี้แหละ) ผมกดวางสาย ไม่ฟังมันยิงคำถามและอาจจะตามมาด้วยคำด่าต่อ

อาการมึนหัวกับเจ็บคอยังไม่ดีขึ้นแม้จะนอนพักไปเกือบ 2 ชั่วโมง แต่อะดลีนาลีนผมมันกำลังหลั่งคล้ายบ้านไฟไหม้ เนื่องจากอีกไม่ถึง 20 นาทีผมต้องเข้าสอบและตอนนี้ผมยังไม่ได้ออกจากคอนโดเลยด้วยซ้ำ คว้าปากกากับกุญแจรถได้ก็ใส่เกียร์หมาวิ่งออกจากห้องแทบไม่คิดชีวิต

และด้วยพลังแห่งฮอร์โมนผมก็มาถึงหน้าห้องสอบในเวลา 10:15 น. เฉียดเวลาการล็อกห้องเพียง 5 นาทีเท่านั้น ผมพาร่างที่ดูจากสายตาเพื่อนๆ ที่มองมาระหว่างเดินไปที่โต๊ะท้ายห้องสภาพผมก็คงจะน่าอนาถน่าดู



การสอบผ่านไปได้ไม่ราบรื่นนัก เพราะอาการเวียนหัวคล้ายจะอ้วกอยู่ทุก 10 หรือ 15 นาทีอย่างกับเป็นคุณแม่ท้องอ่อนคอยเล่นงานผมจนแทบคิดอะไรไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กลั้นใจทำจนเสร็จ

“ทำไมสภาพมึงเป็นแบบนี้วะ ร้อยวันพันปีกูไม่เห็นมึงจะป่วยกับชาวบ้านเขาเลย" โรลเอาชีทมาพัดให้ผมที่นั่งทอดสภาพอยู่หน้าห้องภาคหลังการสอบย่อยเสร็จ

ผมไม่ได้ตอบมันไป เพราะตอนนี้คอผมทั้งแสบทั้งแห้งจนไม่อยากแม้แต่จะกลืนน้ำลายด้วยซ้ำ อย่าถามอะไรเยอะได้ไหมวะ พวกเวรนี่

“ไหวไหมมึง กูพาไปรพ.มอไหม” ผมสะบัดมือแทนคำปฏิเสธ ก่อนคว้ายาดมจากเพื่อนอีกคนที่ส่งมาให้ ผมยกขึ้นสูดเข้าปอดไปฟอดใหญ่ อย่างน้อยก็ช่วยให้หายใจโล่งขึ้นมานิดหนึ่ง

“เป็นไข้ไม่พอ มึงเป็นใบ้ด้วยหรอ”

“ห่านี่ มึงก็ถามอยู่นั่นแหละ ดูสภาพกูด้วย มาสอบได้ก็บุญแล้ว” โดนเซ้าซี้หนักเข้าเลยต้องยอมแปร่งเสียงที่แหบราวกับไม้กวาดดอกหญ้าปัดบนสังกะสีขึ้นสนิมด่าให้เพื่อนสบายใจสักหน่อย

“โห เสียงมึงนี่นะ กูเวทนามึงเหลือเกิน ไอ้คุณปลาทู”

“บ่ายมึงไม่ต้องเข้าหรอก เดี๋ยวพวกกูจดเลคเชอร์ให้” สภาพผมขนาดนี้อย่าว่าแต่เรียบคาบบ่ายเลย แค่กลับให้ถึงห้องก็ยังต้องลุ้น

“สังเวชมึงจัง เอากุญแจรถมา เดี๋ยวกูขับไปส่ง” ไอ้โรลยื่นมือมากระดิกตรงหน้ายิกๆ ถ้าร่างกายผมอยู่ในสภาพสมบูรณ์คงได้ยันมันไปสักที แต่ถึงจะหมั่นไส้ในความกวนประสาทของมันแค่ไหน มันก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิทและพึ่งพาได้ที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก

“พี่ทู ไม่สบายหรอครับ” กุญแจยังยื่นไม่ทันถึงมือไอ้โรล เสียงคนที่ไม่อยากให้เห็นผมในสภาพปลาทูตายนึ่งแบบนี้ที่สุดก็ลอยมาเข้าหู พร้อมน้องเสือตัวเป็นๆ ที่เดินมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

นี่มันวันซวยอะไรของผมวะเนี่ย

“อย่าเรียกว่าไม่สบาย เรียกว่าสภาพใกล้ตายยังใกล้เคียงกว่าอีกครับน้อง” เพื่อนที่ยื่นยาดมให้เมื่อครู่เอ่ยวาจาประหารผมซ้ำต่อหน้าน้อง ไม่ให้เหลือเศษซากของพี่ปลาทูคนแข็งแรง คนหล่ออีกต่อไป

“ทำไมมาอยู่นี่ละครับ เที่ยงแล้วทำไมไม่ไปกินข้าว” ผมยืดตัวจากที่พิงระเบียงทางเดินอย่างหมดสภาพขึ้นมานั่งหลังตรง พยายามบังคับไม่ให้เสียงที่แหบขาดช่วงก่อนจบประโยค

“มาครับ เสือขับไปส่งเอง” ในขณะที่ทุกคนยังงงกับการปรากฏตัวของน้อง เจ้าตัวก็คว้ากุญแจรถบนมือผมไปเสียแล้ว แถวตอนนี้ยังจูงมือผมให้เดินตามไปแบบงงๆ ผ่ากลางความเงียบของกลุ่มเพื่อนผมที่รายล้อมอยู่

“พี่ทูบอกทางไหวใช่ไหมครับ” น้องเสือหันมาถามเมื่อเจ้าตัวขับรถออกมาพ้นบริเวณคณะ

ผมพยักหน้าตอบน้องแล้วคอยบอกทางกลับคอนโดเป็นระยะ ไม่มีบทสนทนาหัวข้ออื่นเกิดขึ้นตลอดการเดินทางครั้งนี้ ผมรู้สึกไปเองไหมว่าน้องเสือตอนนี้ดูเงียบจนผมเสียวสันหลังไปหมด นี่ผมเผลอไปทำผิดหรือทำอะไรไม่ดีกับน้องหรือเปล่า

อย่าโมโหพี่ทูเลยนะคนดี แค่ไข้กินวันนี้พี่ก็จะตายแล้ว

“เราเอารถพี่ไปใช้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่หายพี่ค่อยไปรับที่หอเรา” เมื่อมาถึงคอนโดผมจึงเตรียมแยกย้าย ปล่อยน้องให้กลับไปเรียน

“วันนี้เสือไม่มีเรียนบ่าย พี่ทูก็รู้” อย่าทำเสียงเข้มได้ไหมครับ ใจพี่มันก็มีเพียงเท่านี้ อย่าดุพี่เลย

“งั้นเราขับรถพี่กลับหอเลยก็ได้”

“ถ้าเสือจะกลับจะซื้อโจ๊กกับยามาทำไมล่ะครับ” น้องเอี้ยวตัวไปหยิบถุงโจ๊กที่แวะซื้อระหว่างทางที่วางไว้เบาะหลังแล้วเปิดประตูลงจากรถ ก่อนอ้อมมายืนรอผมที่ประตูอีกข้าง

“เอ่อ...ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยขอบคุณน้องไปด้วยความงุนงง ก่อนเดินเข้าคอนโดไปโดยมีน้องจับแขนผมไว้คล้ายจะประคอง นี่น้องห่วงผมใช่หรือเปล่า ถ้าใช่การเป็นไข้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นักหรอกนะ



“ยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหมครับ งั้นกินโจ๊กก่อนแล้วค่อยได้กินยา จะได้นอนพักนะครับ” เข้ามาถึงคอนโด น้องก็จัดแจงหาชามหาถ้วย เทโจ๊ก เทน้ำยกมาให้ถึงโต๊ะกินข้าว

“แล้วเสือไม่กินหรอครับ นี่จะบ่ายแล้วนะ เอาถ้วยมาแบ่งซิ” ผมดันชามโจ๊กไปตรงหน้าน้อง

“เสือซื้อของตัวเองมาด้วย พี่ทูกินเถอะครับ” น้องเดินเข้าไปในครัวอีกครั้งแล้วกลับมาพร้อมถ้วยโจ๊กที่เหมือนกันกับของผม

“คนป่วยจะกินได้น้อย แต่ถ้ามีเพื่อนนั่งกินด้วยจะกินได้เยอะขึ้นครับ” น้องพูดด้วยท่าทีนิ่งกว่าปกติแล้วตักโจ๊กเข้าปากตัวเอง

ผมที่กำลังมึนงงอยู่ก็ได้แต่พยักหน้าตอบแล้วตักโจ๊กกินตามน้องไปเงียบๆ อาการเจ็บคอทำให้การกลืนแต่ละครั้งทรมานจนน่าหงุดหงิด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กินหมดไปกว่าครึ่งชาม

ถ้าไม่มีคนตรงหน้ามากินด้วย มีหวังผมได้วางช้อนตั้งแต่ 3 คำแรก ดูท่าคงเป็นจริงอย่างที่น้องบอก



“กินยาแล้วนอนพักนะครับ” น้องยื่นยามาให้ผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง เตรียมพร้อมพักผ่อนตามคำบัญชาของคนตัวเล็กที่สั่งการด้วยเสียงเรียบนิ่งหลังจากกินโจ๊กกันเสร็จ

ผมเป็นแค่ปลาทูตัวน้อยๆ จะหาญกล้าไปต่อรองอะไรกับเสืออย่างน้องได้ ก็ได้แต่นอนหน้ามึนอยู่บนเตียง คอยเหลือบมองน้องที่ขนถ้วยชามบนโต๊ะไปล้างเก็บก็เท่านั้น

“นอนได้แล้วครับ” นั่นไงล่ะ ผมพูดเกินจริงเสียที่ไหน ไม่ทันไหร่ก็สั่งย้ำให้นอนเสียแล้ว





N’Suea Part



เข็มนาฬิกาเรือนเล็กข้างทีวีในโซนห้องนั่งเล่นบ่งบอกเวลา 18:23 น. ผมละมือจากรายงานเคสลุกขึ้นไปดูคนป่วยที่นอนอยู่ในห้อง

อกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าคนป่วยยังคงอยู่ในห่วงนิทรา ผมเอื้อมมือไปหยิบแผ่นเจลลดไข้ที่เปลี่ยนไว้ให้เมื่อชั่วโมงก่อนออกจากหน้าผากคนพี่ หลังมือแตะไปตามหน้าผาก คอ และเนื้อตัวมันไม่ร้อนเท่าเมื่อช่วงบ่ายแล้ว

แม้ไข้จะลดลงไปมากแต่คิ้วเข้มยังคงขมวดมุ่นอยู่เช่นเดิม ผมยกมือทั้งสองขึ้นใช้นิ้วหัวแม่มือนวดคลึงบริเวณหัวคิ้วให้ จนปมขมวดนั้นคลายลง

คนป่วยต้องพักผ่อนให้มากๆ แต่จากเวลาที่ล่วงเลยจนเย็นย่ำแล้ว ผมคงต้องปลุกคนที่หลับไหลเพราะพิษไข้และฤทธิ์ยาขึ้นมากินข้าวกินยาอีกรอบ

“พี่ทูครับ พี่ทู” แตะเบาๆ ที่แก้มอยู่สองสามครั้ง พี่ทูก็รู้สึกตัวตื่น

“ลุกขึ้นมากินข้าวเย็นก่อนครับ จะได้กินยาด้วย ไหวไหมครับ” ผมประคองพี่ทูลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เมื่อเห็นว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงเท่าตอนที่นอนเพ้อจนต้องลุกไปเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้เมื่อตอนบ่าย ผมจึงเดินนำไปโต๊ะกินข้าวที่มีข้าวต้มปลาร้อนๆ จากร้านข้างล่างคอนโดแกะเตรียมไว้ให้คนที่เดินตามมาเงียบๆ เรียบร้อยแล้ว

พี่ทูนั่งกินโดยไม่ได้พูดอะไรอย่างเช่นเดียวกับเมื่อตอนบ่าย พอป่วยก็ดูท่าจะเรียบร้อยไร้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวกลายเป็นลูกปลาทูไปทันที เห็นท่าทีหงอยๆ ก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิดที่พี่เขาป่วยด้วย แถมยังพาตัวเองมาเฝ้าเขาถึงคอนโด ทั้งที่ปกติเป็นคนติดห้องแท้ๆ

“วันนี้เช็ดตัวแทนนะครับ” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นคนพี่เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวกำลังจะหันหลังเข้าห้องน้ำ พี่ทูทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็พยักหน้าตอบกลับมาเพียงอย่างเดียว

เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเปลี่ยนจากหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เป็นผืนเล็กเดินเข้าห้องน้ำไปแทน ผมจึงลงมือล้างจานต่อ จนเมื่อล้างเก็บทุกอย่างเสร็จ พี่ทูก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู

“มาครับ เสือช่วย” ผมหยิบผ้าขนหนูออกจากมือพี่ทูที่นั่งหันหลังเปลือยท่อนบนอยู่ที่ขอบอ่างอาบน้ำ ที่หายเข้ามานานสองนานคงเป็นเพราะเจ้าตัวพยายามจะเช็ดข้างหลังของตัวเองอยู่

ผมล้างผ้าขนหนูใหม่อีกรอบบิดจนหมาดแล้วค่อยๆ เช็ดลงที่แผ่นหลังกว้างจนเสร็จจึงเดินออกไปเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาห่มไหล่ให้คนพี่

ผมเดินแยกออกมาเก็บเครื่องเขียนและกระดาษรายงานที่กระจัดกระจายบนโต๊ะเตี้ยหน้าทีวีลงกระเป๋าเป้ให้เรียบร้อย เมื่อหันไปเห็นว่าพี่ทูแต่งตัวเสร็จดีแล้วจึงเดินเอายามื้อเย็นไปให้ที่เตียง

“เราโกรธอะไรพี่” พี่ทูไม่ได้หยิบยาบนมือไปแต่กลับคว้าข้อมือผมไว้แทน

“ไม่ได้โกรธครับ”

“ไหน นั่งลงคุยกับพี่ดีๆ ก่อน” แรงดึงที่ข้อมือเบาๆ กับน้ำเสียงแหบแห้งของคนป่วย ทำให้ผมยอมนั่งลงที่ขอบเตียงแต่โดยดี พี่ทูยืดตัวขึ้นแล้วขยับเข้ามาใกล้ โดยที่มือใหญ่ยังคงกุมข้อมือผมไว้

“เราเงียบกับพี่” พี่ทูถามด้วยเสียงอ่อนลง

“เปล่าครับ” ผมไม่กล้ามองหน้าพี่ทูในตอนนี้ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนี้ จะว่าโกรธก็ไม่ใช่ แต่มันมีเรื่องหงุดหงิดใจตั้งแต่ได้ยินเสียงปลายสายจากพี่ทูเมื่อช่วงสายแล้ว และพอตัดสินใจขึ้นไปดูที่ห้องภาครังสีแล้วเห็นสภาพพี่ทูมันก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดใจขึ้นไปอีก

แต่ผมหงุดหงิดพี่ทูด้วยสาเหตุไหนล่ะ ในเมื่อการป่วยก็ไม่ใช่เรื่องผิดเลยสักนิด

“น้องเสือ” มือพี่ทูเชยคางผมที่ก้มอยู่ให้หันไปมองเขาตรงๆ สายตาพี่ทูดูเป็นห่วงและกังวลจนผมรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นสาเหตุให้พี่ทูรู้สึกแบบนั้น ทั้งๆ ที่พี่ทูเองก็ป่วยอยู่

“เสือก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่มันหงุดหงิด” ผมยอมรับออกไปตามตรง

“ค่อยๆ พูดออกมานะครับ สิ่งที่เสือคิดอยู่ตอนนี้ แล้วเราค่อยมาดูกันว่ามันเพราะอะไร” พี่ทูก็ยังเป็นพี่ทูที่ใจดีกับผมเสมอ มือพี่ทูลูบหลังมือผมแผ่วเบาไปมาทำให้รู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน นั่นเลยทำให้ผมทำตามคำแนะนำของพี่ทูโดยที่ไม่มากังวลว่าพี่เขาจะโกรธหลังผมพูดสิ่งที่คิดออกไปไหม

“เสือหงุดหงิดที่พี่ทูป่วย”

“หงุดหงิดที่ไม่รู้ว่าพี่ทูป่วย ทั้งๆ ที่พี่ทูไปส่งเสือเมื่อเช้า”

“แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นตอนที่พี่ทูไข้ขึ้นเมื่อตอนบ่าย” พูดไปดวงตาก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อมือพี่ทูมาทาบลงบนแก้มน้ำตาก็หยดออกมาโดยที่ตัวผมเองก็ไม่รู้สาเหตุของการร้องไห้ครั้งนี้

“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องร้องครับ” ยิ่งพี่ทูปลอบ ก็เหมือนน้ำตามันจะยิ่งไหล

“พี่ทูไม่ป่วยแล้วได้ไหมครับ” คราวนี้ผมเริ่มสะอื้นหนัก

“ไม่ร้องนะครับ ไม่เป็นไรแล้ว พรุ่งนี้พี่ก็หายแล้วครับ” คนตรงหน้าดึงผมเข้าไปกอดไว้ อ้อมกอดอบอุ่นนั้นโยกไปมาเบาๆ เหมือนตอนเราปลอบเด็กเล็กๆ ผมก้มหน้าซบไปกับไหล่กว้าง

“เสือไม่อยากรู้เป็นคนสุดท้าย”

“เสืออยากเป็นคนแรกที่พี่ทูนึกถึงเวลาพี่ทูลำบาก” มือใหญ่ลูบหัวผมเบาๆ ตลอดเช่นเดียวกับอ้อมกอดที่ยังคงโยกไหวอย่างอ่อนโยน

“ขอโทษนะครับ คราวหลังพี่สัญญา ว่าจะบอกเสือเป็นคนแรก ดีไหมครับ” ผมกอดตอบพี่ทูกลับไป เราอยู่ในอ้อมกอดกันจนก้อนสะอื้นผมเบาบางลง พี่ทูก็คลายวงแขนออก มืออุ่นยังคงเช็ดคาบน้ำตาของผมแผ่วเบา

“คราวนี้รู้หรือยังครับ ว่าหงุดหงิดอะไร” พี่ทูถามพร้อมส่งรอยยิ้มบางๆ มาให้

“เพราะเสือเป็นห่วงพี่ทูครับ” หลังจบประโยคพี่ทูก็ยิ้มเต็มแก้มให้เห็นเป็นครั้งแรกของวัน

“ขอบคุณนะครับคนดี”

เมื่อเคลียร์ความรู้สึกหงุดหงิดใจของตัวเองได้แล้ว ยาที่เตรียมมาคนป่วยก็ได้กินเสียที





“ไม่กลับได้ไหมครับ นอนที่นี่แหละ ดึกแล้ว พี่เป็นห่วง” เสียงพี่ทูเอ่ยลอยออกมาจากในห้องนอนที่ประตูยังไม่ถูกปิด ผมที่สะพายเป้และหยิบกุญแจรถพี่ทูมาไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว จึงเดินกลับเข้าไปในห้องต้นเสียง ตั้งใจจะบอกขอยืมรถกลับหอ เพื่อไม่ให้คนโตกว่าเป็นห่วงในการหารถกลับ

“นอนที่นี่นะครับ ถ้าเสือกลับตอนนี้ พี่ก็จะหงุดหงิดใจเหมือนกันนะ” ยังไม่ทันได้เอ่ยตามที่ตั้งใจไว้ พี่ทูก็ถูกเสริมดักขึ้นมาก่อน ราวกับรู้ล่วงหน้า

เกือบตลอดทั้งวันที่ผมอยู่กับความหงุดหงิดใจเรื่องของพี่ทู และมันก็ทำให้ผมเองไม่มีความสุขเลย ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ควรทำให้พี่ทูที่ใจดีกับผมถึงขนาดนี้หงุดหงิดใจด้วยเรื่องของผมเหมือนกัน

ผมส่งยิ้มไปให้คนบนเตียง แล้ววางของทุกอย่างไว้ที่ชั้นเล็กๆ ใกล้ประตูห้อง





“งั้น เสือขอยืมชุดพี่ทูก่อนนะครับ”