เมื่อปลาทูนักล่าอยากลองเป็นเหยื่อลูกเสือกิน งานนี้เลยต้องขนทุกกระบวนครีบให้ได้เสิร์ฟตัวเองถึงปากถ่ำ แต่เรื่องไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เพราะเสือตัวนี้เจอกี่ทีปลาทูช่ำกระแสน้ำแทบจะลืมวิธีว่ายจมน้ำตายทุกที

เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ - 9 . โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,18+,วาย,boylove ,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,วาย,boylove ,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

เมื่อปลาทูนักล่าอยากลองเป็นเหยื่อลูกเสือกิน งานนี้เลยต้องขนทุกกระบวนครีบให้ได้เสิร์ฟตัวเองถึงปากถ่ำ แต่เรื่องไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เพราะเสือตัวนี้เจอกี่ทีปลาทูช่ำกระแสน้ำแทบจะลืมวิธีว่ายจมน้ำตายทุกที

ผู้แต่ง

summer_T

เรื่องย่อ

สารบัญ

เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-intro .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-1 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-2 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-3 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-4 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-5 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-6 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-7 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-8 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-9 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-10.1 ,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-10.2 ,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-11 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-12 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-13 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-14 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-15 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-16 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-17 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-18 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-19 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-20 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-21 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-22 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-23 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-24 .,เสืออยากลองกินปลามั้ยครับ-25 .

เนื้อหา

9 .

Platoo Part



การตื่นเช้ามาเจอหน้าใครสักคนมันดีแบบนี้นี่เอง

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นจากเสียงก๊อกแก๊กข้างนอกห้อง อาการมึนหัวหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่อาการเจ็บคอที่ยังคงมีอยู่แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก

“ข้าวต้มอีกมื้อ พี่ทูยังไม่เบื่อใช่ไหมครับ” น้องเสือที่ยังอยู่ในชุดเสื้อคอกลมสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงนอนขาสั้นสีเทาของผมเอ่ยทักขึ้นเมื่อเจ้าตัวหันมาเจอผมที่เดินออกมายืนเท้าแขนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครัว

น่ารักฟุ่มเฟืองไปหมด

“ไม่เบื่อหรอก นี่...เราทำเองหรอ” ผมมองดูน้องตักข้าวต้มจากหม้อแบ่งใส่สองถ้วยที่เตรียมไว้

“ครับ เห็นมีกุ้งอยู่ในตู้เย็น” ผมจัดการยกถ้วยจากเคาน์เตอร์ออกไปวางที่โต๊ะอาหาร น้องหันไปเก็บความเรียบร้อยที่หน้าเตา ไม่นานก็เดินมาออกมาจากครัวพร้อมแก้วน้ำสองใบในมือ

“น้ำผึ้งมะนาวร้อนครับ” แล้วน้ำผึ้งมะนาวของพ่อครัวน้อยก็ถูกวางข้างๆ จานผม ในขณะที่เจ้าตัวเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกฝั่ง

แล้วไอ้การเท้าคางจ้องผมตาแป๋วแบบนั้นมันคืออะไรกันครับ เสือจะทำให้พี่ไข้ขึ้นอีกรอบด้วยการทำตัวน่ารักแบบนี้ไม่ได้ ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบขึ้นอีกครั้ง คงไม่ใช่เพราะไข้กลับหรอกใช่ไหม

“พี่เสือลองชิมซิครับ ว่ารสชาติพอกินได้ไหม”

อ่อ...ที่แท้พ่อครัวก็รอลูกค้าชิมนี่เอง ไม่เห็นต้องใช้ความน่ารักเยอะแยะขนาดนี้เลยครับ

“แล้วเชฟชิมหรือยังครับว่าอร่อยไหม” ผมเอ่ยหยอกล้อไป

“ชิมแล้วครับ ทำเองชิมเองก็ต้องบอกว่าอร่อยซิครับ แต่ไม่รู้อร่อยของเสือจะเหมือนอร่อยของพี่ทูหรือเปล่า” ทำไมเวลาผมแกล้งน้อง น้องต้องยู่ปากแบบนั้นทุกที น้องคงไม่รู้ว่าการทำแบบนั้นมันยิ่งทำให้ปากชมพูเล็กๆ นั่นน่าสัมผัสแค่ไหน

ผมตักข้าวต้มกุ้งส่งเข้าปากโดยมีสายตาของเชฟเจ้าของเมนูจับจ้องทุกการเคลื่อนไหว

มองขนาดนี้ เปลี่ยนจากกินข้าวเป็นกินเชฟแทนได้ไหมครับ

“เป็นไงบ้างครับ” เจ้าตัวคงจะลุ้นหนักน่าดู ข้าวยังไม่ทันไหลผ่านคอก็เอ่ยถามเสียแล้ว

“หือ พี่ว่าพี่ต้องเป็นเบาหวานเพิ่มแน่” ผมกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจกับคำตอบของตัวเอง

“หวานไปหรอครับ แต่เสือใส่น้ำตาลไปนิดเดียวเองนะ” ได้ผลครับ เชฟน้องเสือตาโตแก้มพองขึ้นมาทันที

เด็กมันน่าแกล้งน่าหยิกขนาดนี้ ผมจะอดใจไม่แกล้งไหวได้ยังไง

“พี่ทู” น้องเสือเรียกชื่อผมซะเสียงดังเมื่อผมเผลอหลุดปากหัวเราะออกไป “อย่าแกล้งซิครับ”

“พี่ล้อเล่น เป็นโรคไตต่างหาก” ผมตั้งใจจะแกล้งหยอกน้องเล่นอีกรอบ แต่ไอ้อาการขำจากรอบแรกมันยังหลงเหลือและต่อเนื่องอยู่ เจ้าตัวเลยดูจะรู้ทันเสียก่อน

“ไตหาหัวจามหรอครับ”

เด็กเดี๋ยวนี้มันร้าย

“หัวจามไม่ต้องไต เจอนานแล้วครับ”

อย่าครับน้อง อย่ามาเล่นกับน้ำ ปลาทูมันดุ

“แล้วไตอะไรครับ”

“ไตไปก็ไม่เสียดายชีวีดดด…อร่อยแล้วครับ ขอบคุณนะ”

มื้อเช้าผ่านไปพร้อมเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทั้งผมและน้องที่คลุกเคล้าไปกับรสชาติกลมกล่อมของข้าวต้มกุ้ง แม้จะออกไปทางจืดสักหน่อย แต่ถือว่าไม่เลวเลยสำหรับฝีมือเข้าครัวของน้อง





“ยังปวดหัวอยู่ไหมครับ” หลังเช็ดตัวและจัดการธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยแล้วผมจึงเดินมานั่งหน้าทีวีที่มีน้องเสือนั่งเขียนการบ้านที่โต๊ะเตี้ย

“ไม่แล้วครับ แต่ยังเจ็บคออยู่นิดหน่อย”

“ดีที่เมื่อเช้าเสือวัดแล้วไม่มีไข้ แต่ยังไงวันนี้พี่ทูก็เช็ดตัวไปก่อนแล้วกันนะครับ” น้องพูดไปมือน้อยๆ ก็หยิบจับปากกาขีดเขียน เปลี่ยนไฮไลท์สีต่างๆ ลงบนชีท

“ถ้าวันนี้เราอยู่ช่วยพี่เช็ดตัวอีก พี่ก็ไม่อาบหรอกครับ” น้องไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ไม่แม้แต่จะหันมามองคนถามที่นั่งคร่อมตัวเองอยู่จากโซฟาด้านหลัง

หัวกลมๆ ก้มหน้าก้มตาขีดเขียนงานตัวเองต่อเหมือนไม่ได้ยินอะไรก่อนหน้านี้ แต่ขณะเดียวกันที่หูน้อยๆ ค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นอย่างน่าเอ็นดู

“ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อน มานั่งตากแอร์แบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบาย” ผมจับผมน้องที่ยังชื้นจากการสระผมอยู่ขึ้นมาดู ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่พาดติดไหล่ออกมาจากห้องมาเช็ดให้ ผมค่อยๆ ขยี้ซับความชื้นบนเส้นผมน้องอย่างเบามือ ไม่ให้ไปรบกวนการทำการบ้านของคนขยัน

เสือยืดตัวนั่งหลังตรงก่อนวางปากกาในมือลง และสิ่งที่ทำให้ผมยิ้มเต็มแก้มใจพองโตครั้งแรกของวันก็เกิดขึ้น ผมสังเกตเห็นน้องสูดหายใจเข้าไปฟอดใหญ่ ก่อนผ่อนลงหายใจออกพร้อมแผ่นหลังเล็กที่เอนพิงมาทางด้านหลัง

ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าน้องพาตัวเองเข้ามาอยู่ระหว่างขาผมที่นั่งคร่อมเจ้าตัวอยู่บนโซฟาจากทางด้านหลัง น้องเสือเอื้อมมือไปหยิบรีโมตที่มุมโต๊ะแล้วกดเปลี่ยนเลือกช่องหารายการดูไปเรื่อยๆ สุดท้ายมาหยุดที่หนังซูเปอร์ฮีโร่ถึงได้ยอมวางรีโมตลง

เราดูหนังกันไปเงียบๆ ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรเป็นพิเศษ เส้นผมนิ่มที่ถูกเช็ดจนแห้งสนิทถูกผมจับเล่นอย่างเพลินมือตลอดการนั่งดูหนัง และเจ้าตัวก็ดูไม่ได้มีท่าทีรำคาญหรืออยากจะปฏิเสธ

นับว่าเป็นการเริ่มต้นวันหยุดที่อบอุ่นในใจผมที่สุดเท่าที่ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยมา แม้ไม่ได้มีบทสนทนาหรือเหตุการณ์อะไรให้ผมได้รุกหน้าจีบทำคะแนน แต่กลับทำให้รู้สึกว่าการนั่งดูหนังที่แสนเรียบง่ายธรรมดานี้ ผมได้เข้าสู่เขตพื้นที่ปลอดภัยของน้องอีกก้าวหนึ่งแล้ว





“เสือครับ ไปนอนดีๆ ในห้องนะครับ” ผมสะกิดแก้มเด็กที่คอพับคออ่อนซบหัวกลมกับขาผมมาสักพัก

“ไม่เอา เสือจะดูเรื่องนี้ให้จบก่อน” เจ้าตัวงัวเงียลุกขึ้นมานั่งดีๆ อีกรอบ สักพักก็เริ่มโอนเอนอีกครั้ง

“ง่วงทำไมไม่นอน” ผมเรียกน้องรอบสอง ถ้าคว้าหัวกลมๆ ไม่ทันรอบนี้มีหวังได้คว่ำหน้าลงฟาดขอบโต๊ะแน่

“เสือจะดูเรื่องนี้” น้องยืดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงเป็นรอบที่สอง แม้ตากลมๆ นั่นจะรีลงจนแทบปิดสนิท

“งั้นขึ้นมานอนดูบนโซฟาดีๆ จะได้ไม่เมื่อย” เจอโหมดรั้นๆ ของน้องเข้าไปผมไม่เสี่ยงหงายการ์ดพี่ทูคนดุให้เสียคะแนนแน่ ก็เหลือเพียงทางเดียวคือหลอกล้อให้ขึ้นมานอนสบายบนโซฟาใหญ่นี่แทน

ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกกิริยาท่าทางในการขึ้นไปนอนบนโซฟาของน้องว่าอะไรดี คลาน ปีน หรือเลื้อยขึ้นไปนอน เพราะเจ้าตัวเล่นทำตัวอ่อนไหลขึ้นไปราวกับของเหลวเพียงแต่ไม่ได้ตกมาตามแรงโน้มถ่วงโลกเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็พาตัวเองขึ้นไปนอนได้สำเร็จ

ผมได้แต่สายหน้ายิ้มเอ็นดูกับท่าทางแปลกๆ ของน้อง แล้วย้ายตัวเองลงมานั่งพื้นแทน เหลือบมองไปทางคนที่ดื้อยืนกรานจะดูหนังต่อจนไม่ยอมเข้าไปนอนดีๆ ที่เตียง ก็เห็นว่ามีความพยายามในการฝืนลืมตาขึ้นมาดูหนังอยู่พอสมควร แต่ความพยายามคงไม่มากพอ เพราะสุดท้ายก็หลับสนิททั้งที่เพิ่งขึ้นไปบนโซฟาไม่ถึงนาที

ผมลุกเดินไปหยิบผ้าห่มในห้องออกมาห่มให้ จัดการเก็บชีทและกระดาษรายงานที่น้องวางทิ้งไว้ให้เป็นระเบียบ แล้วเริ่มลงมือทำรายงานเคสของตัวเองบ้าง นานๆ ทีจึงจะลุกขึ้นไปเติมน้ำผึ้งมะนาวอุ่นๆ ที่น้องทำใส่กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิไว้ให้





มองนาฬิกาเห็นว่าใกล้เที่ยงผมจึงลุกไปเข้าครัว มื้อนี้ผมต้องแสดงฝีมือให้น้องได้ชิมบ้าง น้องต้องได้รู้ว่าพี่ปลาทูคนนี้ต้มมาม่าได้เก่งและอร่อยแค่ไหน

อย่าหาว่าผมสิ้นคิดเลยนะครับ เพราะเมื่อเช้าน้องบ่นเองว่าเสียดายน้ำซุปที่ทำข้าวต้ม แล้วในตู้เย็นผมก็ยังเหลือของสดอยู่ไม่น้อย ทั้งหมูสับ ทั้งกุ้ง ทั้งแฮม แถมท้ายด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกหลายซองที่วางอยู่บนหลังตู้เย็น แม้จะเป็นเพียงเมนูมาม่า แต่น้องจะได้ลิ้มรสมาม่าทรงเครื่อง ที่ใส่เครื่องไม่อั้นยิ่งกว่ามาม่าเจ๊โอว

เมื่อเมนูพรีเมี่ยมของเชฟทูเสร็จผมจึงเดินไปปลุกลูกค้าระดับ VIP ให้ตื่นมาลิ้มลอง

“เสือครับ” ผมย่อตัวลงนั่งข้างๆ น้อง

“อือ พี่ทู” ขี้เซาขนาดนี้ คงจะตื่นมาเตรียมข้าวต้มให้ผมตั้งแต่เช้ามืดแน่ๆ

“ตื่นได้แล้วครับ เที่ยงแล้วนะ” ผมอดเอามือขึ้นมาบีบแก้มกลมๆ น้องเล่นไม่ได้

นุ่มจัง

“ขออีกห้านาทีนะครับ” จะต่อเวลานอนพี่ไม่ติดเลยครับ แต่ที่น้องยกแขนขึ้นมารั้งคอผมไปกอดไว้แบบนี้พี่ก็เริ่มจะติดแล้วเหมือนกันครับ

น้องที่ยังนอนหลับอยู่พึมพำอะไรสักอย่างออกมาที่ผมก็ฟังไม่เข้าใจนัก แต่ที่ดึงความสนใจผมไปในตอนนี้ไม่ใช่การหาความหมายของเสียงที่น้องละเมอออกมาหรอก แต่เป็นปากบางๆ สีชมพูที่ขยับพูดงึมงำไม่หยุดอยู่ตรงหน้านี่มากกว่า

จะนุ่มเหมือนแก้มไหมนะ

ความสงสัยอยู่กับผมได้ไม่นาน ผมก็หาคำตอบให้ตัวเองโดยไม่ผ่านการคิดด้วยซ้ำ เหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่เกิดขึ้นมาอัตโนมัติที่ผมเองก็ไม่รู้สึกตัว

ผมแนบริมฝีปากลงกับส่วนเดียวกันของน้อง ความอุ่นนิ่มทำให้ผมเผลอขบเม้มมันเบาๆ เรียกเสียงร้องท้วงในลำคอของคนที่ถูกกวนการหลับใหล ผมละเลียดลิ้นชิมรสชาติหวานหอมของขนมรสข้าวโพดที่น้องกินเล่นตอนดูหนัง มันยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากบาง

มือเล็กที่คล้องคอผมไว้ขยับรวบจับเส้นผมที่ท้ายทอยผมอย่างเบามือ ผมยังคงลิ้มรสหวานบนพื้นผิวนุ่มอยู่ซ้ำๆ จนรสข้าวโพดจืดจางลงไปจึงได้คิดที่จะค้นหาพื้นที่ใหม่ ผมเลาะลิ้นวนที่รอยแยกของริมฝีปากจนเจ้าตัวค่อยๆ เผยอออกปล่อยให้ผมพาลิ้นไหลเรื่อยเลียไล่ไปตามแนวฟันเรียงสวย ก่อนจะคืบคลานอย่างเชื่องช้าไปสัมผัสสิ่งที่นุ่มยุ่นกว่าในโพรงปาก

รสข้าวโพดหวานหอมกลับมาให้ได้ลิ้มลองอีกครั้ง เมื่อไล่เลาะสำรวจไปตามส่วนต่างๆ ของโพรงอุ่น แต่ไม่มีส่วนใดหวานเท่าส่วนอ่อนนุ่มที่อยู่ตรงกลาง ลิ้นผมไล่เกี่ยวพัวพันกับลิ้นน้อยที่เริ่มหยอกล้อกลับมาเช่นกัน

ผมได้ยินเสียงร้องเบาๆ ในลำคอของเจ้าของลิ้นเล็ก มือน้อยทั้งสองจากจับขยุ้มเส้นผมเพียงแผ่นเบาที่มือน้อยที่ท้ายทอยเปลี่ยนเป็นลูบไล้ไปมาทั้งศีรษะหนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป ถึงตรงนี้ผมก็ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ตักตวงความหวานที่ได้ลิ้มลองได้อีก

เมื่อการดูดดึงรสหวานจากลิ้นเล็กหนักหน่วงเกินไป ก็ได้ยินเสียงประท้วงเป็นลมหายใจที่เริ่มขาดห้องของน้อง ผมจึงยอมผละออกอย่างเสียไม่ได้ ถึงแม้รสหวานที่แสนถูกใจยังไม่ได้จืดลงเลย

กลิ่นหอมแป้งเย็นที่ผมใช้เป็นประจำเรียกร้องให้ผมไปลองสัมผัสสูดดมในระหว่างที่รอให้คนใต้ล่างได้พักหายใจ

ผมไล่เลาะจมูกสูดดมกลิ่นหอม แตะสัมผัสด้วยริมฝีปากไปตามแนวลำคอขาว แม้จะเป็นแป้งจากกระปุกเดียวกันแต่เมื่ออยู่บนร่างเล็กกับให้กลิ่นที่แตกต่างออกไป และกลิ่นนั้นก็ยิ่งทำให้ผมติดใจเสียจนไม่อยากถอนตัวออกมา

“พี่...ทู” เสียงเรียกชื่อที่ขาดห้วงและแผ่วเบาดังก้องในหัวให้สติผมหลุดลอยหาย

“อย่า...อย่าครับ” เสียงหวานสั่นเครือพร้อมเสียงหายใจหอบร้องห้ามเบาหวิว แต่กับยิ่งทำให้ผมอยากทำให้มันดังขึ้นมากกว่านี้

ตอนนี้ครึ่งตัวท่อนบนผมแทบจะขึ้นไปทับน้องเกือบทั้งหมด ผ้าห่มไม่รู้หล่นหายไปไหนแล้ว แต่ใครจะสนใจกัน ผมส่งมือค่อยๆ ไล่สัมผัสไต่ขึ้นไปตามเนื้อนิ่มเนียนละเอียดใต้เสื้อยืด แวะบีบขย้ำเป็นครั้งคราว แรงผลักไม่มากนักที่หน้าอกผมไม่สามารถทำให้ผมหยุดยั้งสิ่งที่กำลังทำในตอนนี้ได้

เมื่อไต่สัมผัสไปพบกับตุ่มนูนเล็ก ร่างบางสะดุ้งตัวสั่นสะท้าน อกขาวแอ่นรับสัมผัสนิ้วที่หมุนวนอยู่รอบฐาน มือน้อยกำเสื้อผมจนแน่น เสียงครางผะแผ่วดังขึ้นให้ได้ยินเป็นระยะ ชายเสื้อยืดเนื้อดีถูกถกขึ้นด้วยมืออีกข้างที่ว่างอยู่ของผมจนพ้นเม็ดชมพูเม็ดเล็กที่มืออีกข้างกดบี้เล่นจนเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม

ผมค่อยๆ ไล่สูดกลิ่นหอมเย็นนี้ลงมาเรื่อยๆ จากลำคอลงมาจนใกล้จะสัมผัสเชอร์รี่ลูกน้อยสีแดงสุกง่อมลูกเล็ก

“พี่ทู! ” ทันทีที่ลิ้นแตะสัมผัสผลเชอร์รี่นั้น น้องก็สะดุ้งแรงและผลักผมออกมา

ผมที่เพิ่งจะได้สติที่ควรจะมีตั้งแต่แรก จึงเพิ่งได้เห็นสิ่งที่ตัวเองทำลงไป น้องเสือลุกขึ้นมานั่งจัดเสื้อผ้าให้กลับมาเรียบร้อย ไหล่เล็กยกขึ้นลงถี่รัวตามจังหวะหายใจ ริมฝีปากบางตอนนี้เป็นสีแดงเข้มและคล้ายว่ามันจะบวมหน่อยๆ จมูกโด่งรั้นที่แสนน่าเอ็นดูแดงระเรื่อเนื่องจากเจ้าตัวเริ่มมีน้ำตาใสๆ ไหลลงมาที่แก้มขาว

“น้องเสือ พี่...ขอโทษ” ผมลุกขึ้นนั่งบนพื้นดีๆ หลังจากโดนพลักไปพิงกับขอบโต๊ะเตี้ย น้องยกมือกอดอกแล้วเขยิบตัวไปนั่งชิดหัวโซฟา

“เสือว่า เสือกลับก่อนดีกว่าครับ” น้องหยิบคว้าข้าวของบนโต๊ะลุกเดินอ้อมโต๊ะไปทางประตู

“เดี๋ยวครับ คุยกันก่อน” ผมรีบลุกเดินตามไปรั้งแขนน้องเอาไว้ แม้น้องจะขืนตัวหนี แต่ผมจะไม่ยอมปล่อยน้องไปทั้งแบบนี้แน่

“คุยกับพี่ก่อน นะครับ” เมื่อสัมผัสได้ว่าน้องตัวสั่น ผมจึงใช่เสียงที่เบาลง

“พี่ทู เสือขออยู่กับตัวเองก่อนได้ไหมครับ” น้องตอบโดยไม่ได้มองหน้าผมด้วยซ้ำ

“เสือครับ” ผมอ้อนวอนน้องอีกครั้ง

“นะครับ พี่ทูปล่อยเสือก่อนนะครับ” น้ำตาหยดน้อยร่วงลงมาสัมผัสที่หลังมือผม

“งั้นเอารถพี่กลับนะครับ นะ” เมื่อการรั้งน้องไว้ดูจะไม่ใช่ผลดีกับน้องในตอนนี้ ผมจึงยอมถอยออกมาก้าวหนึ่ง กุญแจรถถูกยื่นไปใส่ในฝ่ามือน้อย

น้องพยักหน้ารับ มือเล็กกำกุญแจที่ส่งให้ไว้แน่น อย่างน้อยน้องก็ยังตอบรับความห่วยใยจากผมอยู่บ้าง

“ถ้าถึงหอแล้ว ไลน์บอกพี่หน่อยได้ไหมครับ” เป็นคำขอเดียวที่ผมคิดออกในสถานการณ์ตอนนี้ และก็ได้แต่ภาวนาให้น้องตอบรับคำขอผมอีกครั้ง

เมื่อน้องพยักหน้าตอบรับ ผมจึงคลายมือที่รั้งแขนน้องไว้ลง ปล่อยให้แผ่นหลังเล็กเดินออกจากประตูไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่เข้ามาปกคลุมเต็มพื้นที่ห้อง





ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เฝ้ามองมาม่าที่เส้นอืดจนเต็มหม้อ ริมโต๊ะติดกับผนังมีกองขวดและซองยาที่มีโพสต์อิสติดไว้แทบทุกชิ้นกองรวมกันอยู่ ผมเอื้อมมือไปหยิบขวดยาขวดหนึ่งมาดู



‘ยาฟ้าทลายโจร แก้เจ็บคอ 4 ครั้ง หลังอาหาร+ก่อนนอน’



ลายมือน่ารักเช่นเดียวกับเจ้าของ เขียนไว้อย่างเป็นระเบียบและถูกแปะไว้อย่างตั้งใจ ผมไล่นิ้วสัมผัสไปตามอักษรทีละตัว เป็นห่วงคนเขียนมันจนอยากจะวิ่งไปหาแต่ก็ไม่สามารถทำได้

.

.

“พี่ขอโทษ”