ตลก,ดราม่า,ชาย-ชาย,กีฬา,ไทย,BL,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ติ๊ด ติด ติ๊ด ติด ติ๊ด ติด
"อื้ออออ" ผมคว้านมือหาโทรศัพท์ที่วางไว้ตรงหัวเตียงพลางหยิบขึ้นมาและพยายามมองหาปุ่มปิดนาฬิกาปลุกก่อนจะปิดมันลงทันที ตื่นเช้าเกินไปมั้ง...ขอนอนอีกสักสิบนาทีก็น่าจะทัน คิดได้แบบนั้นผมก็รีบวางโทรศัพท์ลงและซุกหน้าลงกับหมอนทันที
แอร์เย็นๆ ผ้าห่มอุ่นๆ จะมีอะไรดีไปมากกว่านี้ล่ะ แต่รู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่ผมได้ยินเสียงนกร้องข้างหน้าต่างกับแสงแดดที่มันจ้าจนแยงตาผมจนผมต้องลืมตาขึ้นมามอง ก่อนจะชะงักไปกับความสว่างนี้
หกครึ่ง...มันเช้าขนาดนี้เลยหรอวะ
ฟรึ่บ!
ผมรีบลุกขึ้นมานั่งทันที ก่อนจะมองไปที่โทรศัพท์พร้อมกับภาวนาในใจว่าขอให้มันเป็นแค่แสงจากเสาไฟ...
7.23
"ฉิบหาย!!!!!"
ผมตะโกนออกมาดังลั่นพลางดีดตัวเองออกจากเตียงรีบวิ่งไปอาบน้ำน้ำแต่งตัวให้ได้เร็วมากที่สุด ค่อยไปเรียบร้อยที่โรงเรียนก็ได้ แต่ถ้าหากผมไปสาย ผมตายแน่!!
ตึง ตึง ตึง!!
"แม่!! ทำไมแม่ไม่ปลุกผมเลยอ่ะ!"
ผมตะโกนเรียกหาแม่ขณะที่ตัวเองวิ่งลงมาพร้อมกับใส่ถุงเท้าตรงบันได
"ก็เราไม่ได้บอกให้แม่ปลุกนิ"
"โอ้ยย แต่นี่มันวันเปิดเทอมไงครับบ" ผมได้แต่พูดออกไป ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรีบ! "ให้พ่อไปส่งได้ปะ"
ผมถามแม่ แต่ดูเหมือนว่าเวลาเรารีบทุกอย่างมันจะไม่ค่อยเป็นใจเลย
"พ่อออกไปทำงานแล้ว เราน่ะรีบไปเลยนะ"
โอ้ยชีวิตผม อะไรวะเนี่ย ผมรีบยกมือไหว้แม่ทันทีก่อนจะวิ่งออกจากบ้านพร้อมกับกระเป๋าตาข่ายที่ใส่ลูกวอลเลย์บอลไว้อยู่
โฮ่ง โฮ่ง!!
"โอ้ยย หมูทะค่อยกลับมาเล่นนะ" ผมลูบหัวหมาพันธุ์ซามอยด์เบาๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากบ้านทันที หมู่บ้านก็ใหญ่ฉิบเป๋ง กว่าจะวิ่งออกมาถึงหน้าปากซอย ดูท่าถ้ารอรถเมล์คงไม่ทัน คงต้องซิ่งวิน
"พี่! หนึ่งคัน!!" ผมตะโกนเรียกวินและกระโดดขึ้นรถทันที ภาวนาขอให้ทันด้วยเถอะ ไม่งั้นผมคงได้วิ่งออกกำลังกายแต่เช้าอีกแน่ๆ โอ้ย ชีวิต ไม่น่าขอนอนต่อเลย!
โอเค ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ได้ขึ้นวินมาไม่นานก็คงถึงโรงเรียน ผมแนะนำตัวก่อนเลยแล้วกัน ผมชื่อโซนิก ณรวิชญ์ พิชญโพธิวัฒน์ เป็นน้องชายคนเล็กของบ้านที่อายุห่างกับพี่ๆเกือบยี่สิบปี ง่ายๆคือลูกหลงนั้นแหละ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ชั้นมอห้าอายุสิบหกปี เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลประจำชมรมและโรงเรียน กว่าจะคัดตัวได้ก็ซ้อมอยู่นานพอสมควร ดีหน่อยที่ได้ไอ้ขอบเขตเพื่อนสนิทของผมช่วยเอาไว้
อย่างที่บอกไปว่าผมเป็นลูกหลงของบ้านที่อายุห่างกับพี่ๆนับยี่สิบปี ทำให้ตอนที่ผมโตพอที่จะรู้เรื่องอะไรหลายๆอย่างก็เป็นช่วงที่พวกพี่ชายของผมอายุเข้าเลขสามกันแล้ว ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนเมื่อก่อน เลยทำให้วันเกิดในวัยสิบสี่ปีพี่ๆก็รวมเงินซื้อหมาให้ผมเพื่อเลี้ยงแก้เหงา แต่ใครจะไปรู้ว่าอีกสองปีต่อมาผมจะอยู่นอนที่โรงเรียนกันล่ะ พอดีโรงเรียนมีหอพักนักกีฬาเอาไว้ให้น่ะครับ ส่วนใหญ่นักกีฬาก็มักจะนอนที่โรงเรียนกันสุดท้ายเจ้าหมูทะก็อยู่กับแม่และพ่อของผมแทน
ดีอีกอย่างที่เมื่ออาทิตย์ก่อนผมทยอยเอาของกลับหอไปบ้างแล้ว เลยทำให้วันนี้ไม่ต้องขนอะไรไป
นึกแล้วก็อิจฉาไอ้การ์ฟิวส์ หลานบุญธรรมผมที่พี่ชายคนโตของผมอย่างพี่โฟกัสไปรับเลี้ยงมา ตอนนี้ก็คงอยู่โรงเรียนสบายๆแล้ว รู้งี้เมื่อคืนลากให้นอนอยู่ด้วยกันดีกว่า จะได้มีคนไปสายพร้อมกัน การ์ฟิวส์เป็นนักกีฬาว่ายน้ำประจำโรงเรียนและชมรมคล้ายๆผม ติดแค่ว่า มันยังอยู่มอต้นเลยไม่ได้อยู่หอเหมือนพวกมอปลาย
อย่าไปถามมันถึงเรื่องนี้เชียว มีบ่นยันเช้า
"กี่บาทพี่" ผมลงจากรถมอเตอร์ไซค์พร้อมกับซอยเท้าอยู่กับที่ โรงเรียนอยู่ด้านหน้าแล้ว
"ปกติน้องมาเท่าไหร่" คำถามโลกแตก! ให้ตายเถอะ ถ้าผมไปเข้าไม่ทันผมจะด่าให้
"ปกติมาฟรี!" ผมไม่ได้โกหกนิ ปกติไม่เสียค่าเดินทาง ก็พี่เขาไม่ได้ถามว่ารถอะไร ผมก็หมายถึงรถพ่อผมพี่ชายผมสิ
"กวนตีนหรอน้อง"
"พี่อ่ะแหละกวนตีนหรอ เป็นวินไม่มีราคารึไง สรุปกี่บาท!" ผมพูดออกไปยาวเหยียดพร้อมกับเสียงนกหวีดของครูเวรที่ประจำอยู่หน้าประตู แม่งเอ้ย
"อ้าวน้อง"
"โอ้ยพี่ จะคิดอะไรนักหนาวะ แม่ง..." ผมล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเองก่อนจะหยิบแบงค์ห้าสิบใส่มือพี่เขาไป "เจริญๆนะพี่!"
"อ้าว! ไอ้โซนิก!!"
เออ ยอมรับที่ผมกล้ากวนตีนพี่มันก็เพราะผมรู้จักพี่มันนี่แหละ ไอ้เวร แกล้งอะไรไม่รู้เรื่องรู้เวลา
ในที่สุด ผมก็มาถึงทันว...เวลา...
ครืดดดดด ปึง!
"เห้ย!!!" ผมหยุดแทบไม่ทัน อยู่ๆประตูก็ปิดต่อหน้าต่อตา รู้งี้ไม่กวนตีนพี่วินมันหรอก พี่มันชื่อวินครับแถมยังเป็นวินมอเตอร์ไซค์อีก สนิทกับพี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีก็กวนตีนกันตลอดแล้ว พี่มันอายุเยอะกว่าผมสี่ปี มันไม่ได้เรียนต่อ มหาลัย เวลาผมไปไหนไกลๆแล้วต้องการกลับด่วนก็ติดต่อพี่มันเลย ซิ่งจัด ซิ่งจนเกือบตาย
แต่ช่างหัวมันก่อน เอาตรงหน้าก่อน! ผมมองนาฬิกาข้อมือตัวเองก็พบว่ามันยังไม่ถึงเวลาเข้าแถวเลยด้วยซ้ำ
"จารย์! ปิดประตูทำไมอ่ะ ยังไม่ถึงเวลาเข้าแถวเลย" ผมโวยวายพร้อมกับชูนาฬิกาข้อมือทันที
"ประตูปิดก่อนเวลาห้านาที อยู่มานานแล้วนะเรา ไม่รู้รึไง" อาจารย์ว่ายิ้มๆ "เอ้าๆ! มาสายก็ต่อแถวให้เป็นระเบียบด้วย วอร์มร่างกายไว้จะได้วิ่ง!"
จบเห่ จบกัน
สุดท้ายก็ต้องเดินคอตกไปเข้าแถวสาย โอ้ย ผมว่าผมควรทำบุญ!
ตึง!
"...!"
"แฮ่กๆ แม่ง โดนเล่นแต่เช้าเลยกู" ผมดึงเก้าอี้ออกมาพลางทิ้งตัวนั่งลงพร้อมกับกระเป๋าตาข่ายและกระเป๋านักเรียนพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยๆ ดีนะที่ให้เพื่อนรักจองที่ไว้ให้ ไม่งั้นได้ไปนั่งหน้ากับอาจารย์แน่
"เปิดเทอมวันแรก มึงก็มาสายเลยหรอวะ" ไอ้ขอบเขตว่าขำๆพลางเท้าคางมองผม "โดนไปกี่รอบวะ"
"มึงคิดว่ากี่รอบล่ะ"
"อื้มม สิบ"
"มึงจะเวอร์เกินไปล่ะไอ้เขต!" ผมว่าพลางยื่นมือไปผลักหัวมันอย่างรำคาญ เจอไอ้พี่วินกวนตีนไม่พอยังต้องมาเจอเพื่อนสนิทกวนตีนอีกหรอวะ "แล้วนี่มันจะนอนไปถึงไหน เพื่อนมาไม่คิดจะทักกันเลยรึไงงงง!"
ผมยื่นมือไปยีหัวคนที่กำลังนอนฟุบหน้าไปกับโต๊ะด้านหลังของผม ไอ้นี่ชื่อป๊อปปี้ เป็นเพื่อนที่รู้จักกันตอนอยู่มอต้นเพราะผมอยู่ห้องเดียวกับมันในตอนนั้น หมายถึงแค่ตอนมอหนึ่งแต่เพราะสนิทกันตอนนั้นเลยทำให้ผมกับมันสนิทกันมาตลอด ไอ้นี่อยู่ชมรมดนตรีมาตั้งแต่มอสอง แต่มามีวงเป็นของตัวเองก็ตอนมอสี่คือปีที่แล้ว ถ้าไม่นับไอ้เขต ไอ้นี่ก็สูงรองลงมาแล้วครับ
"ปล่อยมันไป เมื่อคืนมันแต่งเพลงโต้รุ่ง ตื่นมาเรียนได้ก็บุญล่ะ" ไอ้เขตเอ่ยขึ้น ผมจึงชักมือกลับมาทันทีไม่อยากกวนมันต่อ
"แล้วไอ้สกายอ่ะ" ผมถามหาเพื่อนอีกคนที่ปกติจะนั่งอยู่ข้างๆไอ้ป๊อปปี้แต่ตั้งแต่เข้ามาก็ยังไม่เห็นหัวมันเลย
"อาบน้ำอยู่ที่หอ"
"เพิ่งตื่น?" หรือว่าจะมีคนมาไม่ทันเหมือนผมแล้ว
"ป่าว มันออกกำลังที่ยิม"
"อ่อ..."
ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไอ้คนที่ผมพูดถึงคือไอ้สกาย คนบ้าออกกำลังของกลุ่ม ผมรู้จักกับมันได้เพราะมันเป็นเพื่อนของขอบเขตในตอนมอหนึ่ง เลยทำให้ผมรู้จักกับมันเพราะตอนมอสองพวกเราทั้งสี่คนก็ถูกจับให้อยู่ห้องเดียวกันยาวๆไปถึงมอสาม แถมมอปลายตอนเลือกสายการเรียนก็ยังได้อยู่ห้องเดียวกันอีก เรียกได้ว่าเพื่อนกันหกปีเต็มๆ ไอ้สกายอยู่ชมรมฟุตบอลมาตั้งแต่มอหนึ่ง เก่งสัดเลยคนนี้อ่ะ
"นั้นไงพูดถึงก็มาเลย" ไอ้เขตพยักเพยิดหน้าไปทางประตูหลังของห้องเรียนซึ่งก็ตรงกับโต๊ะเรียนของพวกผม ผมหันไปก็เห็นว่าเพื่อนเดินมาพอดี
"หึ นี่มึงไปออกกำลังกายยามเช้ามาหรอ" ดูมัน เจอกันปุ๊ปทักได้น่าถีบมาก
"เออ เงียบไปเลยนะมึง"
"ฮ่าๆ" ยังจะขำอีกนะมึง! "แล้วนี่รพีอ่ะ"
"ลงไปซื้อน้ำ กูนึกว่ามึงเจอกันระหว่างทางแล้วนะ" ขอบเขตว่า ก่อนจะหันไปที่ประตู "นั้นไง มาพอดี เหมือนมึงเป๊ะ"
"มองเรา...มีอะไรรึเปล่า" คนมาใหม่ว่าพลางยิ้มแห้ง ในมือถือขวดน้ำอยู่
คนนี้อ่ะ รพี เด็กเรียนประจำกลุ่มเลยก็ว่าได้ถ้าเทียบผลการเรียนพวกเรากันในกลุ่ม รพีนี่แหละเก่งสุดแล้ว รพีตัวเล็กที่สุดในกลุ่มแถมยังเป็นน้องเล็กของกลุ่มอีกต่างหาก รพีเพิ่งย้ายมาตอนมอสี่เทอมสองเลยทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใคร แต่สิ่งที่ทำให้พวกผมมาสนิทกับอีกฝ่ายก็เพราะงานกลุ่มนี่แหละ และสิ่งที่ทำให้สนิทอีกก็คือ...
"พี่รวี ฝากมาบอกว่าตอนเย็นให้เข้าชมรมด้วยนะ"
นั้นแหละครับ พี่รวี พี่ชายของรพี ที่เป็นรองประธานชมรมวอลเลย์บอลของผม
"เออออ ไปอยู่แล้วเหอะ ไม่ไปตอนเย็น ตอนดึกก็เจอกัน เดี๋ยวก็โดนหยุมหัวกันพอดี"
ไอ้เขตว่ายิ้มๆ หอพักนักกีฬามีอยู่หนึ่งตึกหลังโรงเรียน มีทั้งหมดสี่ชั้น อยู่ห้องละสองคนจะอยู่กับใครก็ได้ ผมก็เลยเลือกอยู่กับเพื่อนสนิทตัวเองไงล้ะ
ไอ้ขอบเขต ไอ้เปรตประจำกลุ่ม เอ้ย ไม่ใช่ ไอ้คนตัวสูงประจำกลุ่ม ผมสนิทกับมันมาตั้งแต่อนุบาลเรียนที่เดียวมาด้วยกันตลอด ยิ่งตอนมอปลายที่จะลาออกไปเรียนต่อโรงเรียนที่มันเด่นด้านกีฬา กลุ่มผมก็หาโรงเรียนที่เด่นทั้งกีฬาและดนตรีเพื่อจะได้ไปอยู่ด้วยกันอีก เป็นไงสุดยอดปะละ เรียกได้ว่ากลุ่มผมย้ายออกจากที่เก่ามาที่ใหม่ด้วยกัน แต่ผมสนิทกับขอบเขตมากที่สุดก็เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้ มันชวนผมเล่นวอลเลย์บอล พาผมไปซ้อมไปคัดตัวเข้าทีม
"อ่ะๆ! นักเรียน นั่งที่ให้เรียบร้อยหน่อย" เมื่อครูประจำชั้นมา ทุกคนก็รีบเงียบและนั่งที่กันทันที รพีรายนั้นก็ไปนั่งอยู่โต๊ะหน้าสุดต่างจากพวกผมสี่คน ไอ้สกายก็รีบปลุกไอ้ป๊อปปี้ให้ตื่นแทบไม่ทัน
"วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนใหม่ ยังไงก็ ยินดีต้อยรับนักเรียน ชั้นมอห้าทับสี่ด้วยนะครับ ครูเป็นที่ปรึกษาของพวกผมประจำภาคเรียนนี้ ฝากตัวด้วยนะ"
"นักเรียนทำความเคารพ!" เสียงของหัวหน้าคนก่อนตะโกนเสียงดังลั่นห้อง
"สวัสดีครับ/ค่ะ!!"
และชีวิตมอห้าของผมก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...