ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

เปลี่ยนชะตาชีวิต - บทที่ 2 กลับมาอีกครั้ง โดย crioA,] @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove

รายละเอียด

ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

ผู้แต่ง

crioA,]

เรื่องย่อ

"เมื่อไหร่พี่พายุจะบอกเรื่องของเราให้นันรู้สักที" เสียงหญิงสาวคุ้นหูทำให้นันที่อยู่ในบทสนทนาใจกระตุก หากได้ยินประโยคนี้ที่อื่นอาจจะเป็นความเข้าใจผิดได้ แต่นี้มันคอนโดที่นันและแฟนเช่าอยู่ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว


"วิพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ พี่กับนันคบกันมา 10 ปีแล้วนะ วิเองก็รู้" และเสียงที่ตอบโต้ก็เป็นเสียงของแฟนตัวเองที่คบกันมา 10 ปีแล้ว 

"พี่พายุจะรอให้ลูกโตก่อนหรือยังไงถึงจะยอมเลิกกับมันสักที"

"ไม่ใช่แบบนั้น..."

และนี้คือรักสิบปีและเพื่อนรัก15ปี มันจบแล้วสินะ



ในตอนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ก็มีเสียงเดินตามหลังมา นันคิดแค่ว่าอาจจะมีคนมายืนรอรถประจำทางเหมือนกันแต่แล้วก็คิดผิด เพราะคนกลุ่มนั้นคือเจ้าหนี้ที่ตามมาถึงที่นี้ นันพยายามเดินหนี้ก่อนจะวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น

เอี๊ยดดดดดด...

โครม!!!!

""



"ปวดหัวจัง เราตายแล้วนิ หรือยังไม่ตาย" นันมองไปรอบข้างเห็นเพียงห้องพักที่มีเตียงพยาบาลสองเตียง ภายในห้องดูเก่าบ่งบอกการใช้งานของห้องมานานนับปี 

"ที่นี่มัน..." ห้องพยาบาลของโรงเรียนมัธยมปลายของเขานี่

***

จะเกิดอะไรขึ้นหากคนหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง 


สารบัญ

เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่1 ความสิ้นหวังขั้นสุด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 2 กลับมาอีกครั้ง,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 3 เงินที่หายไป,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 4 หนูน้อยหัวกลม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 5 เรื่องจะเกิดมันก็ต้องเกิด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 6 ป้าจวนได้ค่ากับข้าว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 7 ชานมไข่มุก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 8 เงินก้อนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 9 ออเดอร์ใหญ่ครั้งแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 10 ผมอยากลาออกจากโรงเรียน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 11 ลูกจ้างคนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 12 ลาออก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 13 ร้านใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 14 30เปอร์เซ็นต์,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 15 ผู้ช่วยของแม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 16 ครอบครัว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 17 เว็บไซต์ขายร้านมินิ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 18 ความรวยกำลังมา,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 19 สมาชิกใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 20 โรงงานทำชานมไข่มุกสำเร็จ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 21 ช่วยแม่เพื่อน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 22 รับคนงานเพิ่ม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 23 แบ่งที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 24 รับลูกบุญธรรมและซื้อที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 25 ได้สาขาแรกที่กรุงเทพฯ

เนื้อหา

บทที่ 2 กลับมาอีกครั้ง

"อย่าบอกนะ..." ผมลุกจากเตียงเพื่อไปยังห้องน้ำใกล้ทางเดินลงชั้นล่าง เมื่อมองดูตัวเองที่มีใบหน้าอันอ่อนเยาว์ในวัย 15 ปี ผมที่สั้นเตียนรองทรงสูง ใบหน้าหมองคล้ำเพราะการตากแดดเพื่อช่วยแม่ทำนา และชุดที่ผมใส่อยู่ตอนนี้คือชุดนักศึกษาวิชาทหารหรือ รักษาดินแดน (รด.) อย่างที่ทุกๆคนรู้จักกันดี หลังจากนี้ผมเรียกว่า รด.ละกัน

ผมลูบหน้าตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะเปิดน้ำแล้ววักน้ำขึ้นเพื่อลูบหน้าหลายต่อหลายครั้ง ยังเหมือนเดิมยังคงเป็นนันในวัย 15 ปีคนเดิม นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมมันคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรอ

"นัน นันอยู่ไหน" เสียงคนจากข้างนอกที่กำลังเรียกหาผมอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนสาวคนสนิทของผมที่รู้จักกันเพราะเรียน รด.ด้วยกัน ผมตั้งสติก่อนจะมองดูชุดที่ชื้นอยู่ ไม่แปลกใจทำไมผมเหมือนจะไม่สบาย 

คงเป็นตอนนั้นที่ผมจำได้ว่าผมพลัดตกสระน้ำของโรงเรียนในตอนที่กำลังหลบร้อนเพราะฝึกรด.อยู่นั้นเอง แต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าตกไปได้ยังไง เหตุการณ์นี้ทำให้ผมและวิสนิทกันมากขึ้นเพราะมีเธอคอยเป็นห่วงและมาเยี่ยมที่บ้านแทบทุกวันที่ผมพักเพราะเป็นไข้ อยู่เกือบอาทิตย์

พอผมกลับมาเรียน หลังจากนั้นก็เดินทางมาเรียนพร้อมเธอ พักเที่ยงหรือเลิกเรียนก็อยู่ด้วยกันตลอด ตอนนั้นมีหลายครั้งที่เธอบอกว่าทำงานจนมือเจ็บและให้ผมเขียนการบ้านให้ หรือบางครั้งก็บอกให้สอนให้แต่สุดท้ายผมก็เขียนให้เธอแทน

ถึงตรงนี้ผมก็พึ่งมานึกได้ว่าตัวหนังสือผมและวิคล้ายกันมาก หลังๆเธอจึงพยายามเขียนให้เหมือนของผมให้มากที่สุด 

เพื่อจะหลอกให้ผมเขียนการบ้านให้ ข้ออ้างสารพัด ผมมันก็หัวอ่อนไง เขาทำดีเพื่อหลอกใช้ความเป็นเพื่อนเล็กๆน้อยๆมาตลอด 15 ปี แต่ผมมันก็โง่ขนาดมองไม่ออก

ผมมันเด็กเรียนดีแถวหน้าติดอันดับหนึ่งในห้ามาตลอด ถามว่าเพื่อนผู้ชายไม่มีหรอ ตอบเลยว่าไม่มีหรอกครับ เพราะพวกเขารู้ว่าผมเป็นเกย์เลยไม่กล้าเล่นด้วยเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนะก็มันเรื่องจริงนี่ทำไงได้

แล้วถ้าสงสัยว่าเพื่อนไม่บูลลี่เรื่องนี้หรอ แรกๆก็ไม่มีคนรู้หรอกเรื่องมันมีอยู่ว่าผมดันไปปลื้มคนต่างโรงเรียน และครั้งนั้นทำให้ผมรู้ตัวเองว่าเป็นเกย์ แล้วเพื่อนผู้ชายในห้องตอนมัธยมต้นมันรู้เข้า ตั้งแต่นั้นมาก็ทำให้พวกเขารู้ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่เรียนดีมีชัยไปกว่าครึ่งเพื่อนในห้องเลยไม่กล้าบูลลี่

กลับมาปัจจุบัน

ผมเปิดประตูห้องน้ำออก ก่อนจะเดินผ่านเพื่อนสนิทไปโดยไม่สนใจเธอเหมือนทุกครั้ง

"นันไปไหนมา เราตามหาตั้งนาน" วิคว้าแขนของผมไว้ รั้งให้ผมหยุดเดินทันที ผมมองไปที่มือของเธอนิ่งๆ ไม่ตอบโต้เธอแต่มองไล่ขึ้นไปที่ใบหน้านี้และมองสบตาเธอแบบไม่ลดละ วิค่อยๆปล่อยมือจากแขนผม ผมออกเดินอีกครั้งเพื่อไปห้องพยาบาลที่ตอนนี้คงมีแม่รอผมอยู่

"นันโกรธเราหรอ เราขอโทษนะตอนนั้นเราไม่ทันระวังถึงได้สะดุดรากต้นไม้" อ้อ!! นี่สินะคือสาเหตุของเรื่องทั้งหมด ที่ทำไมเธอถึงมาเยี่ยมตลอดทั้งสัปดาห์ เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ แต่ชาติที่แล้วเธอกลับเนียนไม่บอกเรื่องทั้งหมด คงเพราะเห็นว่าผมโกรธถึงได้ลนลานบอกเรื่องนี้ออกมา

"ไม่ได้ตั้งใจสินะ" ผมหยุดเดินอีกครั้งก่อนจะมองวิตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมยกยิ้มมุมปาก 

"นะ นัน เราขอโทษจริงๆ อย่าโกรธเราเลยให้เราชดเชยด้วยอะไรก็ได้แค่นันยกโทษให้ เรายอมหมด" เธอคว้ามือของผม ก่อนที่ผมจะสะบัดมือออกอีกครั้ง 

"ทุกอย่างสินะ" เธอพยักหน้าพร้อมหยาดน้ำตาคลอหน่วยจะไหลแหล่ไม่ไหลแหล่ สายตาที่มองมาที่ผมตอนนี้คงคิดว่ามันจะใช้กับผมได้อีกครั้งสินะ เธอเป็นแบบนี้ตลอดมา ใช้วิธีบีบน้ำตาจนผมยอม แต่ครั้งนี้อย่าหวัง

"ทุกอย่างเลย ให้เราคบกับนันเพื่อบังหน้าคนอื่นก็ได้ นันจะได้ไม่ถูกคนอื่นมองว่าแปลก" 

จริงสิ เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

"เหอะ!! ใครจะสนว่าใครจะมองกูเป็นยังไง ส่วนมึงเลิกปลอมแล้วไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก" ผมพูดจบก็หันหลังเดินออกมา และมุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกอย่างจดจ่อ โดยไม่ได้สนใจคนข้างหลังว่าเป็นยังไง

ผมเดินมาถึงหน้าห้องพยาบาลที่ไม่ได้ปิดประตูแต่แรก แผ่นหลังที่แสนคิดถึงอยู่ตรงหน้าแล้ว น้ำตาที่ตอนนี้รู้หน้าที่ก็กำลังไหลอาบสองแก้มของผม เมื่อสักครู่ผมสามารถเดินเร็วได้อยู่เลย แต่เมื่อเห็นแผ่นหลังนี้ก็ก้าวขาไม่ไหวนี่มันคือเรื่องจริงใช่ไหม

"แม่ครับ" ผมเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่จากด้านหลัง นั่งลงกับพื้นห้องเพราะแม่นั่งเก้าอี้อยู่ตอนนี้ นี่มันคือเรื่องจริงผมไม่ได้กำลังฝันไป

"นันลูก เป็นยังไงบ้างเจ็บตรงไหนไหมลูก แม่รีบมาหาลูกทันทีที่ครูโทรไปตามแม่เลยนะ โถ้ลูกแม่ตกใจมากใช่ไหม แม่เป็นห่วงนันมากรู้ไหม" แม่คงตกใจที่อยู่ๆผมก็กอดท่านและร้องไห้ ทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อนตั้งแต่แม่มีพ่อใหม่ ท่านคงคิดว่าผมคงตกใจจากการตกน้ำ ท่านหันมาเผชิญหน้ากับผมลูบใบหน้าผมไปมา มองเนื้อตัวที่ตอนนี้กำลังชื้นเพราะตกน้ำ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง

"ผมไม่เป็นไรครับแม่" ท่านกอดพร้อมลูบหัวผมแบบนั้นอยู่สักพัก ก่อนจะถูกขัดด้วยเสียงของครูห้องพยาบาลและครูประจำชั้น ด้านหลังมีครูสอนรด.ด้วยอีกคน

"ทางเราต้องขอโทษนักเรียนและผู้ปกครองด้วยนะคะ ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น หลังจากนี้ทางเราจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกแน่นอนค่ะ คุณแม่วางใจได้นะคะ" ครูที่สอนรด.เป็นคนกล่าวขอโทษเพราะตอนนั้นอยู่ในคาบเรียนของท่าน

"หวังว่าคงเป็นอย่างที่พวกคุณบอกนะคะ ดีแค่ไหนแล้วที่ลูกฉันไม่เป็นอะไรไป ไม่อย่างนั้นพวกคุณเรื่องไม่จบแค่นี้แน่" ก่อนที่แม่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ผมก็คว้าแขนแม่เอาไว้

"แม่ ไม่ใช่ความผิดครูหรอก นันไม่ระวังเองเรากลับกันเถอะครับ นันไม่ค่อยสบายตัวเลย ชุดยังชื้นอยู่เลยครับแม่" ผมเลือกปล่อยเรื่องนี้ไปเพราะไม่ใช่ความผิดของทางโรงเรียนจริงๆ แต่เพราะความไม่ตั้งใจหรือตั้งใจของอดีตเพื่อนสนิทผมตางหาก

"ฉันพาลูกกลับบ้านได้ใช่ไหมคะครู"

"แน่นอนค่ะคุณแม่ ยังไงให้น้องพักรักษาตัวก่อนสักวันสองวันค่อยมาเรียนก็ได้นะคะ ใช่ไหมคะครูแวว"

"ใช่ค่ะคุณแม่ รักษาตัวให้หายดีค่อยมาเรียนนะอนันตกาล"

"ขอบคุณครับครู" ผมไหว้คุณครูทั้งสามคนก่อนจะหยิบกระเป๋านักเรียนที่วางอยู่ข้างเตียงพยาบาล แล้วเดินตามแม่ไปที่จอดรถมอเตอร์ไซค์เพื่อกลับบ้าน 

"แม่ นันขับเอง"

"ไหวหรอ แกขับไม่เป็นไม่ใช่หรือไง แม่ขับเองดีกว่า" ผมไม่ได้ขัดใจท่านก็แค่อยากเป็นคนทำอะไรให้ท่านบ้าง แล้วสมัยก่อนผมก็ขับขี่รถอะไรก็ไม่เป็น พอโตขึ้นถึงได้เริ่มฝึกก็ตอนก่อนจะเรียนมัธยมศึกษาปีที่6 เพราะแม่ซื้อรถมอเตอร์ไซค์คันแรกให้ แต่ตอนนี้มีคันเก่าของแม่เท่านั้น

ผมนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แม่ กอดเอวท่านไว้หลวมๆ ล้มที่ผ่านหน้าสิ่งแวดล้อมข้างทางที่ตอนนี้ยังไม่เจริญเท่าก่อนที่ผมจะย้อนกลับมา แต่บรรยากาศดีขนาดนี้กลับแอบอันตรายแบบแปลกๆ เส้นทางที่เราเดินทางกลับบ้านคือถนนสองเลนสวนกันเท่านั้น ข้างทางยังเป็นป่าตลอดสองข้าง

โรงเรียนของผมอยู่ในตัวอำเภอที่ต้องเสียค่าเทอมเข้ามาเรียน มัธยมศึกษาตอนต้นผมเรียนโรงเรียนรัฐบาลไม่เสียค่าเทอม แต่พอจะขึ้นมัธยมศึกษาตอนปลายกลับอายเพื่อนที่เรียนโรงเรียนนั้น เลยขอให้แม่ส่งเรียนโรงเรียนประจำอำเภอแทน เราใช้เวลาเดินทางกว่า 30 นาที จึงถึงบ้าน

เมื่อลงจากรถก็พบกับบ้านไม้ยกสูงหลังเล็กที่มีขนาดเพียง 4 x 6 เมตร บ้านกลางเก่ากลางใหม่ที่ใช้ไม้ จากการรื้อบ้านเก่าของยายหลังจากน้าสาวกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้าน โดยแบ่งเป็นสามส่วน มีส่วนของแม่ผมที่เป็นพี่คนโต น้าคนกลาง น้าคนเล็กอย่างเท่าๆกัน เพราะแบบนั้นบ้านของเราจึงมีขนาดเล็ก มีห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน ภายในบ้านจึงมีพื้นที่พอให้คนในบ้านอยู่อาศัย ใต้ถุนบ้านมีแคร่อยู่และมีเปลแขวนไว้สองตัว ผมชอบนอนกลางวันที่เปลนั้น สวนผักเล็กๆหลังบ้าน ถัดไปอีกไม่กี่ก้าวก็เป็นบ้านน้าสาวที่มีน้าสาว น้าเขยและลูกพี่ลูกน้องของผมที่ตอนนี้อายุเพียง 4 ขวบเท่านั้น ที่อยู่ภายในรั้วบ้าน ส่วนน้าคนกลางทำงานที่กรุงเทพตั้งแต่สาวๆแล้ว 

"นัน ยืนทำอะไรตรงนั้น รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก"

"ครับแม่"

***