ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

เปลี่ยนชะตาชีวิต - บทที่ 6 ป้าจวนได้ค่ากับข้าว โดย crioA,] @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove

รายละเอียด

ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

ผู้แต่ง

crioA,]

เรื่องย่อ

"เมื่อไหร่พี่พายุจะบอกเรื่องของเราให้นันรู้สักที" เสียงหญิงสาวคุ้นหูทำให้นันที่อยู่ในบทสนทนาใจกระตุก หากได้ยินประโยคนี้ที่อื่นอาจจะเป็นความเข้าใจผิดได้ แต่นี้มันคอนโดที่นันและแฟนเช่าอยู่ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว


"วิพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ พี่กับนันคบกันมา 10 ปีแล้วนะ วิเองก็รู้" และเสียงที่ตอบโต้ก็เป็นเสียงของแฟนตัวเองที่คบกันมา 10 ปีแล้ว 

"พี่พายุจะรอให้ลูกโตก่อนหรือยังไงถึงจะยอมเลิกกับมันสักที"

"ไม่ใช่แบบนั้น..."

และนี้คือรักสิบปีและเพื่อนรัก15ปี มันจบแล้วสินะ



ในตอนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ก็มีเสียงเดินตามหลังมา นันคิดแค่ว่าอาจจะมีคนมายืนรอรถประจำทางเหมือนกันแต่แล้วก็คิดผิด เพราะคนกลุ่มนั้นคือเจ้าหนี้ที่ตามมาถึงที่นี้ นันพยายามเดินหนี้ก่อนจะวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น

เอี๊ยดดดดดด...

โครม!!!!

""



"ปวดหัวจัง เราตายแล้วนิ หรือยังไม่ตาย" นันมองไปรอบข้างเห็นเพียงห้องพักที่มีเตียงพยาบาลสองเตียง ภายในห้องดูเก่าบ่งบอกการใช้งานของห้องมานานนับปี 

"ที่นี่มัน..." ห้องพยาบาลของโรงเรียนมัธยมปลายของเขานี่

***

จะเกิดอะไรขึ้นหากคนหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง 


สารบัญ

เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่1 ความสิ้นหวังขั้นสุด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 2 กลับมาอีกครั้ง,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 3 เงินที่หายไป,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 4 หนูน้อยหัวกลม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 5 เรื่องจะเกิดมันก็ต้องเกิด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 6 ป้าจวนได้ค่ากับข้าว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 7 ชานมไข่มุก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 8 เงินก้อนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 9 ออเดอร์ใหญ่ครั้งแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 10 ผมอยากลาออกจากโรงเรียน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 11 ลูกจ้างคนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 12 ลาออก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 13 ร้านใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 14 30เปอร์เซ็นต์,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 15 ผู้ช่วยของแม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 16 ครอบครัว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 17 เว็บไซต์ขายร้านมินิ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 18 ความรวยกำลังมา,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 19 สมาชิกใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 20 โรงงานทำชานมไข่มุกสำเร็จ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 21 ช่วยแม่เพื่อน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 22 รับคนงานเพิ่ม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 23 แบ่งที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 24 รับลูกบุญธรรมและซื้อที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 25 ได้สาขาแรกที่กรุงเทพฯ

เนื้อหา

บทที่ 6 ป้าจวนได้ค่ากับข้าว

ทุกคนในงานต่างพากันช่วยหากระเป๋าสตางค์ของแม่ พวกเราหากันอยู่เกือบสองชั่วโมงแต่ก็ไม่พบอะไร ทำให้ตอนนี้บรรยากาศภายในงานกระอักกระอ่วนไปหมด และเหมือนว่าป้าจวนแกจะแกล้งร้อนใจเป็นห่วงแม่ผมหรือร้อนใจจริงๆก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะตอนนี้พวกเรามานั่งพักกันที่โต๊ะภายในบ้านงาน แต่ป้าจวนมีเหงื่อที่เต็มใบหน้าและเสื้อตัวที่ใส่ แสดงให้เห็นแล้วว่าแกเต็มใจช่วยอย่างแท้จริง

เรื่องที่แม่ผมไปธนาคารกับน้าหวานเมื่อเช้าก็มีคนเห็นและรู้กันหลายคน เหมือนป้าจวนเองจะมั่นใจมาก ว่าที่ทำอยู่มันคุ้มกับเงินที่ได้ไป คงรีบร้อนจนไม่ได้ดูเงินในกระเป๋าสตางค์ แล้วรีบกลับมาแสดงละครให้พวกผมดูในตอนนี้

"แม่ครับ เงินหายไปเท่าไหร่จำได้ไหม" ผมกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองแม่ลูก

"ก็ประมาณ 700 บาท ดีนะที่ไม่ได้ถอนออกมาหมดบัญชีแล้วอีก 2,000 ก็เก็บไว้ที่ลูกก่อนไม่อย่างนั้น เงินที่หายไปอาจจะจำนวนมากกว่านี้แน่ ขอบใจลูกมากนะที่เตือนสติแม่" แม่ที่หันกลับมาคุยกับผมก่อนจะกุมมือผม ซึ่งสำหรับผมก็ถือว่าดีแล้วที่เสียน้อยขนาดนี้

ผมรู้นะว่าถ้าเป็นคนอื่นคงจะหาทางจับขโมยใช่ไหม แต่ผมไม่คิดแบบนั้นหมู่บ้านนี้มันเล็กมากอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ถ้าหลักฐานไม่คาหนังคาเขาก็ไม่สามารถไปค้นบ้านใครได้ เพียงข้อสันนิษฐานของผมคนเดียวคงไม่พอ แล้วจะให้ไปแจ้งความเพื่อให้ได้หมายค้นผมว่ามันเสียเวลา ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่ต้องเกิดในอดีตยังไงมันก็ต้องเกิด ผมทำได้แค่ป้องกันและผ่อนหนักให้เป็นเบาเท่านั้น

"ไม่เป็นไรครับแม่ เงินเพียงเท่านี้ผมหาให้แม่ใหม่มากกว่านี้เป็นสิบเท่า ไม่ต้องคิดมากนะครับ" ผมตบหลังมือแม่เบาๆเป็นการปลอบใจทำให้แม่ผ่อนคลายความกังวล ก่อนจะหันไปคุยกับชาวบ้านที่อยู่ภายในงาน โค้งขอบคุณทุกคน

"ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยครับที่ทำให้วุ่นวาย และก็ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่ให้ความร่วมมือในคืนนี้" ผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะกล่าวขอโทษและขอบคุณทุกคน

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงก็อย่าไปคิดมากเลยถือว่าฟาดเคราะห์นะดาวเอ๊ย" ป้าที่ยืนใกล้ๆต่างพากันกล่าวปลอบใจแม่คนละประโยคสองประโยค ก่อนจะแยกย้ายกันไปนั่งพักเหนื่อยบางคนเห็นว่าเรื่องคลี่คลายแล้วก็ขอตัวกลับบ้าน

"จ้ะป้า ขอบคุณทุกคนมากนะจ๊ะที่ช่วยหา"

"ไม่เป็นไรๆ แล้วเงินในกระเป๋าเยอะหรือเปล่าละ เห็นว่าวันนี้ไปถอนเงินที่ธนาคารมาไม่ใช่รึ หายหมดคงแย่แน่เลย" เมื่อชาวบ้านที่ยังไปไม่ไกลได้ยินคำถามก็หูผึ่งเตรียมรอฟังทันที ใครก็อยากรู้ว่าจำนวนเงินมากน้อยขนาดไหนแต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม ป้าแกชื่ออะไรผมก็ไม่แน่ใจ ต้องถามแม่อีกครั้งชาติก่อนผมละเลยรอบข้างมากเกินไปจนทำให้รู้จักคนในหมู่บ้านน้อยมาก

"ใช่จ้ะ วันนี้ก็ไปถอนเงินที่ธนาคารมาจริงๆ นั่นแหละ แต่ฉันยังไม่ได้คิดจะเอามาทำอะไรตอนนี้เลยฝากไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นละแย่แน่" แม่ถอนหายใจก่อนจะตอบคำถามป้า คนที่รอรับฟังก็ถึงกับสูดปากไปตามๆกัน ต่างก็นึกว่าถ้าเป็นพวกเขาละก็คงเสียดายไปอีกนาน แต่ต่างกับคนข้างแม่ผมที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาชั่ววูบหนึ่งเท่านั้น คนอื่นอาจจะมองไม่ทัน

ด้วยความที่ผมมองป้าจวนตลอดตั้งแต่ได้ยินคำถามนั้น อยากรู้ว่าป้าแกจะมีปฏิกิริยาอย่างไร และก็เป็นตามคาดแกดีใจในประโยคแรกที่แม่ตอบออกมา แล้วก็กลับมามีสีหน้าผิดหวังในชั่วพริบตา ก่อนจะคิ้วขมวดขึ้นเมื่อได้ยินว่าแม่ไม่ได้ถอนออกมาหมดอย่างที่คนในหมู่บ้านคิด

"ดีแล้วละ ถือว่าพระยังคุ้มครองเอ็งนะ ที่ไม่ได้หายหมดเลยยังเหลือในธนาคารอีก โชคยังดีอยู่" ยายที่นั่งถัดไปกล่าวขึ้นเมื่อได้คำตอบ ก่อนจะพากันแยกย้ายไปจนหมด แม่ผมเองก็คงเหนื่อยมากแล้วเช่นกัน

"แม่ครับ เรากลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนดีไหม พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยงานแต่เช้าก็ได้นะครับ" ผมเอ่ยชวนแม่ให้กลับบ้านกัน คืนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นตามในชาติก่อนจริง ผมต้องการจะกลับไปคิดเรื่องราวในชาติก่อนให้มันถี่ถ้วนกว่านี้หน่อย

"ใช่ดาว กลับไปพักเถอะเกิดเรื่องขนาดนี้ไม่มีใครว่าหรอก ถ้าดาวจะกลับไปนอนที่บ้าน ตอนเช้าค่อยมาใหม่ก็ได้" น้าหวานเองก็กล่าวสมทบอีกคน จนแม่ยอมพยักหน้า และเดินกลับบ้านพร้อมกับผม

ระหว่างเดินกลับบ้านนั้น แม่เงียบมาตลอดทางจนถึงบ้าน ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของแม่ ท่านคงเสียใจที่เงินหายไปโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร

"แม่ครับ อย่าคิดมากเลยนะครับ ถือว่าฟาดเคราะห์แล้วกันผมว่าเรายังโชคดีที่หายไปเท่านี้ อีกสองวันเราไปทำบุญกันดีไหมครับ" ผมเอ่ยชวนแม่ไปทำบุญด้วยกันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของแม่ไปจากเรื่องเงินที่หายไป เข้าวัดบ้างจิตใจจะได้สงบ ชาติก่อนไม่ทำชาตินี้ก็ขอได้มีโอกาสทำทุกอย่างร่วมกับแม่บ้าง

"เอาอย่างนั้นก็ได้ งั้นเรารีบเข้านอนกันเถอะแม่ต้องไปช่วยงานแต่งเขาแต่เช้าเลย"

"ครับแม่" ผมและท่านต่างเข้านอนเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้ผมตั้งใจไว้ว่าช่วงบ่ายจะชวนแม่ให้ไปในอำเภอสักครั้ง เพื่อซื้อวัตถุดิบมาลองทำให้แม่ได้ชิมถ้าผ่านท่านจะได้ไว้ใจให้ผมได้ลงมือเต็มที่

ตัดมาอีกด้านหนึ่งหลังจากที่สองแม่ลูกเดินกลับไปที่บ้านตัวเอง ป้าจวนที่ได้รอจังหวะนี้มานานแล้ว ก็ขอตัวกลับบ้านตนเองเช่นกัน ในใจตอนนี้มัวแต่นึกถึงจำนวนเงินในกระเป๋าสตางค์ที่ตนได้นำไปซ่อนภายในบริเวณบ้านของตน เพื่อป้องกันหากมีคนมาค้นบ้านถ้ามีคนเห็นว่าตนเองนั้นเป็นคนเก็บกระเป๋าสตางค์ของดาวมา

ป้าจวนเดินไปหลังบ้านที่มีกองฟืนกองใหญ่ ก่อนจะล้วงเข้าไปยังตำแหน่งที่ตนซ่อนของไว้ เมื่อมองบริเวณรอบๆ มั่นใจแล้วว่าไม่มีใครเห็นแน่นอนจึงหยิบของออกมายัดใส่ในเสื้อตนเอง ก่อนจะลุกและเดินเร็วๆ เข้าไปภายในบ้านหลังเล็กของตน เดินเข้ามาในมุ้งอย่ารวดเร็ว

"อีจวนกูตกใจหมด เอ็งทำอะไรลับๆล่อๆวะ" เสียงผู้เป็นผัวที่นอนอยู่ภายในมุ้งกำลังตื่นตกใจเพราะการเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลนของผู้เป็นเมีย

"อย่าเสียงดังสิตาแก" เมื่อเข้ามาภายในมุ้ง ก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากเสื้อก่อนจะเริ่มเปิดดูเงินภายใน "100 200 300 ... 750 อะไรวะ มีแค่นี้เอง ไหนว่ามันไปถอนเงินที่ธนาคารมาไม่ใช่หรือไงกัน" ป้าจวนมีสีหน้าหงุดหงิดกับจำนวนเงินที่นับได้ ค้นทุกซอกแล้วนับได้แค่ 750 บาทเท่านั้น ต่างกับผู้เป็นผัวที่กำลังตาโตกับจำนวนเงินที่เห็นและกระเป๋าที่เมียถืออยู่

"นี่...นี่เอ็งไปได้มาจากไหน เอ็งขโมยมาหรือไง ยัยแก"

"ขโมยอะไร ข้าเก็บได้เถอะแล้วเรื่องนี้เอ็งต้องเหยียบไว้ให้มิดที่สุดห้ามใครรู้เรื่อง เดี๋ยวของอย่างอื่นข้าจะเอาไปเผาตอนเช้าจะได้ไม่มีใครรู้เรื่องนี้" ป้าจวนปฏิเสธเรื่องขโมยและบอกให้ผู้เป็นผัวเงียบปากไปแทน

"อย่างน้อยก็มีเงินซื้อกับข้าวอีกหลายมื้อละกัน" ป้าจวนพึมพำกับตนเองก่อนจะเข้านอนและตื่นแต่เช้าเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมดในตอนเช้าแทน

ผมตื่นขึ้นมามองเวลาแล้วพึ่งจะหกโมงเช้า มองไปที่นอนแม่ไม่เจอแล้ว แกคงไปช่วยงานตั้งแต่ตีสี่แน่เลย ผมลุกขึ้นก่อนจะไปหุงข้าวแล้วค่อยมาจัดการตัวเอง เริ่มจากล้างหน้าก่อนจะไปเปลี่ยนเป็นชุดสบายเพื่อจะไปวิ่งจากหน้าบ้านไปจนถึงหน้าวัดเป็นระยะทางไปกลับประมาณหนึ่งกิโลเมตร บ้านผมใช้เป็นฟืนจากไม้ที่ตายในป่า จึงต้องดูไฟเป็นระยะไม่ให้แรงไปหรือเบาไป วิ่งรอบหนึ่งก็มาดูไฟรอบหนึ่ง จนผมวิ่งได้รอบที่ห้าข้าวก็สุกพอดี

ผมเลือกจะออกกำลังกายอย่างเบาไปก่อนในเช้านี้ การวิ่งเหยาะๆ เป็นระยะทางไปกลับ 5 กิโลเมตรในวันแรก และกระโดดตบอีก 10 ครั้งสลับกับบิดแขนขาไปมาทั้งสองข้าง เช้าแรกในการออกกำลังกายไม่ควรหนักมากเกินไปเท่านี้พอ ผมเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกมาทำกับข้าวง่ายๆแทนเพราะคงมีแค่ผมคนเดียว แม่คงกินข้าวที่บ้านงานแล้ว ผมเลือกจะทำไข่เจียวชะอมเป็นมื้อเช้า

มองไปที่ครัวมีไข่สดในตะกร้าอยู่ 4 ฟอง ก่อนจะเดินไปที่ต้นชะอมข้างบ้านเก่าที่ปลูกไว้นานแล้ว เด็ดชะอมเรียบร้อยก็เดินกลับไปที่ครัวเพื่อตีไข่สองฟอง ปรุงรสนิดหน่อยใส่ชะอมลงไป ตั้งกระทะเทน้ำมันรอให้น้ำมันร้อน ก่อนจะเทไข่ลงในกระทะ

"อืม ได้ที่ละ" รอให้ขอบด้านข้างกรอบอีกหน่อยก็ตักใส่จานได้เลย

หอมมากๆ จะว่าไปก็อยากดื่มกาแฟหอมๆ ในตอนเช้าแบบนี้เหมือนกันนะเนี่ย ชาติก่อนผมเป็นคนติดกาแฟมากไม่ได้ดื่มคือปวดหัวเลยละ แต่ตอนนี้กลับไม่ได้ดื่มมาสองวันก็ไม่มีอาการปวดหัวแต่อย่างใด ขอซึมซับช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุดก่อนแล้วกัน

ผมยกจานข้าวและไข่เจียวชะอมมีน้ำพริกกับผักที่ได้จากสวนของแม่มาทานด้วย โภชนาการครบถ้วนแน่นอน เมื่อทานข้าวเรียบร้อยก็เก็บจานไปล้าง ผมเริ่มนำเสื้อผ้าไปซักทั้งของแม่และของผม ตอนอยู่กับแฟนผมก็เป็นคนซักแต่ของแม่ไม่เคยทำมาก่อน คงต้องเริ่มทำงานช่วยแม่บ้างเพื่อผ่อนงานหนักให้แม่ได้พัก โรคที่แม่เป็นคือโรคหัวใจเพราะผมทำให้แม่คิดมากและเหนื่อยงานมาทั้งชีวิตแม่จึงจากไปเร็ว การกลับมาของผมครั้งนี้จะไม่เป็นแบบนั้นอีก

***