ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่
ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เปลี่ยนชะตาชีวิตชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่
"เมื่อไหร่พี่พายุจะบอกเรื่องของเราให้นันรู้สักที" เสียงหญิงสาวคุ้นหูทำให้นันที่อยู่ในบทสนทนาใจกระตุก หากได้ยินประโยคนี้ที่อื่นอาจจะเป็นความเข้าใจผิดได้ แต่นี้มันคอนโดที่นันและแฟนเช่าอยู่ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว
ตกบ่ายผมแต่งตัวรอแม่หลังกลับมาจากงานแต่งเพื่อเข้าไปในอำเภอด้วยกัน พวกเราเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์มายังร้านขายของชำขนาดใหญ่ในตัวอำเภอ ร้านนี้มีแทบทุกอย่างที่เราต้องการผมจึงซื้อมาอย่างละน้อยเพื่อทดลองและดูราคาแต่ละอย่าง ทำการจดราคาอย่างละเอียดไม่ให้ขาดแม้แต่อย่างเดียว
"เอะ!? แม่ครับเหมือนจะขาดผงสตรอว์เบอร์รี่นะครับ" ผมมองทั่วร้านแล้ว ขาดแค่อย่างเดียวคิดไว้ว่าหลังจากนี้ค่อยเข้าไปในตัวจังหวัดแทน
"แล้วใช้อย่างอื่นแทนได้ไหม" แม่ถามเพราะกลัวว่าจะทำต่อไม่ได้
"ไม่เป็นไรครับ ไว้เราทำสูตรแรกออกมาก่อน แล้วเราค่อยพัฒนาเป็นรสต่อไป ดูแล้วของทุกอย่างครบแล้วนะครับเราไปคิดเงินกันก่อนจะได้กลับบ้านกัน" พวกเราเดินจดราคาแต่ละอย่างจนหมด ซื้อวัตถุดิบทำไข่มุกและชานมเพียงเมนูเดียวก่อน ซื้อของใช้ในครัวและของจำเป็นในบ้าน
"ทั้งหมด 425 บาทครับ" แม่ถึงกับตกใจกับราคาของทั้งหมดที่ผมจ่ายไป ของสามถุงใหญ่ถูกยกขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันเก่ากลับบ้าน
"ลูกซื้อของมาเยอะเลย"
"ไม่หรอกครับแม่ ของที่ใช้ทำชานมไข่มุกจากที่ผมคำนวณแล้วแค่ 245 บาทเท่านั้นครับ เราซื้อครั้งนี้ใช้ได้หลายรอบเลยนะครับ ส่วนของที่เหลือก็เป็นของใช้ที่จำเป็นในครัวผมอยากให้แม่ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพบ้าง ต่อไปนี้ผมจะช่วยแม่ทำอาหารเองครับ" แม่ที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้าอมยิ้มกับความเอาใจใส่ของลูกชายคนเดียว ตั้งแต่ตกน้ำไปลูกชายเธอก็เปลี่ยนเป็นอีกคน เธอเหมือนได้ลูกชายคนเก่ากลับมาอย่างไรอย่างนั้น
"แต่ลูกต้องไปโรงเรียนอีก แม่ทำเองดีกว่า" ท่านตอบกลับผมอย่างนั้น ทำให้ผมเงียบไปครู่หนึ่ง
"ครับแม่" ผมกำลังคิดเรื่องเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย มันจำเป็นที่จะเสียเวลาอยู่ตอนนี้จริงๆหรือ ในเมื่อผมเรียนพวกนี้มาหมดแล้วขาดแค่วุฒิ หากผมเริ่มธุรกิจชานมขึ้นมาจริงๆ ผมก็ไม่อยากเสียเวลา 3 ปีเพื่ออยู่ในรั้วโรงเรียนทั้งๆที่ มีวิธีอีกมากในการได้วุฒิม.6 มาแบบไม่เสียเวลา 3ปีไปเปล่าประโยชน์
และผมก็คิดเรื่องนี้ไว้แล้วว่าจะสอบเทียบให้จบม.6 ในปีหน้าที่ผมอายุครบ 16 ปีเดือนกุมภาพันธ์ในอีก 8 เดือนข้างหน้า ตอนนี้ต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.2547 ผมมีเวลาอีก 8 เดือนในการสร้างรายได้จากเงินสองหมื่นนี้ของแม่ แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะบอกท่านเรื่องจะลาออกจากโรงเรียน
พวกเรากลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเลิกเรียนของนักเรียนพอดี หน้าบ้านของผมมีคนยื่นรออยู่ แผ่นหลังนี่ผมจำได้ดี นั้นคืออดีตเพื่อนสนิทของผม เธอลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงรถของพวกผมมาถึงหน้าบ้าน เธอส่งยิ้มให้ผมเหมือนอย่างที่เคยทำ ที่ผ่านมาใบหน้าและรอยยิ้มนี้มันช่างหลอกตาผมได้จริงๆ เมื่อย้อนกลับมาถึงได้ลองสังเกตสายตาของเธอให้ดีถึงจะรู้ว่ามันไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิด
"เข้าไปนั่งข้างในก่อนสิหนูข้างนอกมันร้อนนะ นันชวนเพื่อนไปนั่งเล่นในบ้านก่อนสิลูก" แม่ที่เห็นว่าเธอมารอก็หลงคิดว่าเธออาจจะเป็นว่าที่แฟนของผมก็ได้ จึงกล่าวชวนก่อนท่านจะรับของในมือผมไปถือเองอีกถุง
"ครับแม่" ผมตอบแม่แต่ไม่เดินตามแม่เข้าบ้าน ทำให้วิไม่กล้าเดินเข้าไปเช่นกัน
"นันเป็นยังไงบ้าง เรามาเยี่ยมแล้วก็เอาการบ้านมาให้ด้วย" เธอถามถึงอาการของผมก่อนจะบอกถึงสาเหตุอีกอย่างที่ต้องมาวันนี้ ก่อนจะทำท่าจะเดินเข้าบ้านตามแม่ไป
"เดี๋ยว จะไปไหน" เธอที่ได้ยินคำถามก็ทำท่าชี้ไปที่แม่ บอกเป็นนัยว่าแม่ชวนเข้าบ้านแล้ว
"ก็..."
"ขอบใจนะที่เอามาให้ แต่ทีหลังไม่ต้องกลับไปเถอะ" ผมหยิบสมุดจากมือเธอก่อนจะเอ่ยไล่
"นันโกรธเราขนาดนั้นเลยหรอ เราก็ขอโทษไปแล้วเรื่องแค่นี้เอง ให้อภัยเราเถอะนะเรายังอยากเป็นเพื่อนกับนันอยู่จริงๆ" วิพยายามเข้ามาเกาะแขนผม แต่ผมก็สะบัดออกทันทีพร้อมถอยห่างอีกก้าว
"เรื่องแค่นี้ของเธอ แต่ฉันเกือบตาย กลับไปในตอนที่ฉันยังพูดดีๆด้วย" ผมพูดจบก็หันหลังเดินเข้าบ้าน แต่ก็นึกได้ว่า "ฉันขอย้ำกับเธออีกครั้ง ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนเธอทั้งตอนนี้และในอนาคต อย่ามาเจอกันอีกหากบังเอิญเจอก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันเลยยิ่งดี" วิได้แต่อึ้งกับประโยคตัดสัมพันธ์ทุกอย่างของผมจนผมเดินเข้าบ้านมาแล้ว เธอถึงได้สติก่อนจะกระทืบเท้าอยู่หน้าบ้านอย่างไม่พอใจ
"ไอ้เกย์บ้า ใครอยากจะเป็นเพื่อนกับแกยะ เรียนเก่งหน่อยทำเป็นหยิ่งไปเถอะ สักวันจะไม่มีใครคบคนอย่างแก" วิด่าตามหลังผมแต่ไม่กล้าเสียงดังเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน ผมได้ยินนะแต่ไม่สนใจเดินเข้าบ้านไปหาแม่ดีกว่า
"เพื่อนละลูก" เมื่อผมว่างของที่แคร่หน้าเพิงที่ทำเป็นครัว แม่ก็ถามถึงอดีตเพื่อนสนิทของผมขึ้นมา
"เธอกลับไปแล้วครับ แค่เอาการบ้านมาให้เท่านั้น" ผมยกสมุดให้แม่ดูเป็นการยืนยันว่าคือเรื่องจริง แม่เองก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ผมจึงเก็บของที่ซื้อมาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อมองแล้วเพิงครัวเล็กๆนี้ไม่เอื้ออำนวยในการเก็บรักษาของเลย ถ้ามีคนข้างบ้านมาแอบเอาของในครัวไปก็คงเอาผิดใครไม่ได้
เก็บของเสร็จผมก็เริ่มทำไข่มุกก่อนเลย เริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบ มีผงโกโก้ แป้งมันสำปะหลัง น้ำตาลทรายแดง น้ำเปล่า ตวงตามปริมาณที่ต้องการ ก่อนจะผสมแป้งมันสำปะหลัง น้ำเปล่า และผงโกโก้ คนให้เข้ากัน จากนั้นตั้งกระทะใช้ไฟกลาง เทแป้งที่ผสมแล้วคนให้แป้งสุก ก่อนยกขึ้นมาเทใส่ถาดเทแป้งมันสำปะหลังลงไปคลุก เพื่อให้ปั้นได้และแป้งไม่ติดมือด้วย เมื่อถึงขั้นตอนนี้ก็ต้มน้ำเปล่ารอจนน้ำเดือด
หันกลับมาที่แป้งทำเป็นเส้นยาวๆหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วปั้นให้กลมคลุกแป้งมันสำปะหลังให้ตัวไข่มุกไม่ติดกันด้วย เมื่อน้ำเดือดก็นำไข่มุกลงไปต้ม
"แม่สังเกตดูว่าไข่มุกมันเลยขึ้นมา แสดงว่าสุกแล้วก็ตักขึ้นมาพักไว้ในกระชอน แล้วเอาไปใส่ไว้ในน้ำเปล่าไข่มุกจะได้ไม่ติดกัน ผมจะเตรียมขั้นตอนต่อไป" ผมเห็นแม่อยากช่วยเลยอดไม่ได้ ให้แกช่วยอะไรที่ง่ายๆไปก่อน ขั้นตอนอื่นหากปรับสูตรอะไรลงตัวแล้วค่อยให้แม่มาเรียนเพิ่มอีกที
ผมหันกลับมาเคี่ยวน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าให้เหนี่ยวเพื่อนำไปแช่ไข่มุกที่เสร็จแล้ว เมื่อเรียบร้อยก็เป็นตอนที่แม่เองก็ตักไข่มุกขึ้นมาแช่น้ำเปล่าไว้แล้วรอให้เย็นก่อนจะเทน้ำเปล่าทิ้ง ราดน้ำเชื่อมลงไปแทน
"โห่ แม่ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย น่ากินนะเนี่ย ลองชิมได้ไหมลูก" แม่มองไข่มุกที่เสร็จแล้วตาเป็นประกายอยากลองชิม
"ได้ครับแม่" แม่ตักไข่มุกสองสามเม็ดเข้าในปากก่อนจะเริ่มเคี้ยวอยู่ในอย่างนั้น
"อร่อยนะเนี่ย มันหนุบหนับในปากมีรสหวานจากน้ำตาลทรายแล้วก็มีกลิ่นโกโก้ด้วยแปลกดี" แม่กลืนไข่มุกแล้วเอ่ยชมไม่หยุด
"ถ้าจะให้ดีแม่รอชานมก่อนนะครับ แล้วแม่จะติดใจ"
"ได้จ้ะ"
ผมเริ่มชงชานมด้วยขั้นตอนตามความทรงจำที่เคยทำเป็นประจำ สร้างความแปลกใจให้คนเป็นแม่ที่เห็นลูกชายทำชานมโดยที่ไม่ต้องดูสูตรเลย เหมือนเคยทำมาแล้วหลายครั้ง ท่านเริ่มเชื่อในตัวลูกชายคนดีขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนหน้านี้ก็แค่คำพูดและแผนงานก็ยังไม่ค่อยมีน้ำหนัก แต่หลังจากเห็นลูกชายลงมือทำทุกขั้นตอนคล่องขนาดนี้ก็ต้องเชื่อแล้วละ
ผมใส่น้ำแข็งหลอดขนาดเล็กที่ได้จากร้านค้าในหมู่บ้านลงในแก้วทรงสูงที่มีไข่มุกครึ่งแก้วตามด้วยเทชานมตามลงไป เสียบหลอดตามพร้อมเสิร์ฟ
"ได้แล้วครับแม่" ผมส่งแก้วที่เสร็จสมบูรณ์ให้ผู้เป็นแม่ลองคนแรก ท่านดูดทั้งไข่มุกและชานมก่อนจะตาโตเป็นประกาย เคี้ยวไข่มุกหนุบหนับในปากก่อนจะดูดครั้งที่สองที่สามตามมา ผมจึงจับแขนท่านเพื่อให้ท่านค่อยๆดูดเดี๋ยวติดคอ
"เป็นยังไงบ้างครับใช้ได้ไหม"
"ไม่ใช่แค่ใช้ได้นะ นี่มันสุดยอดมากอร่อยมากเลยลูก มันต้องขายได้แน่นอนจ้ะ ลูกชายแม่เก่งมากๆเลยนะ" ผมยิ้มรับคำชมของท่านก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง นี่สินะรสชาติอันคุ้นเคย ผมดื่มอีกหลายครั้งก่อนจะเดินไปหยิบสมุดขึ้นมาคำนวณราคาต่อแก้วให้ไม่ขาดทุน
เมื่อมองวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ต้องใช้เพื่อคำนวณต้นทุนต่อแก้ว คำนวณแล้วกลับเห็นว่าต้นทุนต่อแก้วอยู่ที่ 5 บาทแต่ไม่สามารถตั้งราคาต่ำได้ คงต้องตั้งที่ 12-15 บาทต่อแก้ว
"ผมตั้งใจจะใช้แก้วขนาด 16 ออนครับแม่ ราคาแก้วละ 15 บาท" แม่ได้ยินราคาถึงกับตกใจเพราะน้ำแก้วละ 15 บาทถือว่าแพงมาก
"มันไม่แพงไปหรอลูก แม่กลัวว่าจะไม่มีใครกล้าซื้อนะสิ"
"แม่ลืมหรือเปล่า สถานที่ที่เราจะไปขายคือที่ว่าการอำเภอนะครับ เขามีแต่คนมีเงินถึงจะไปที่นั่นกัน แล้วทำธุระแต่ละอย่างโคตรนาน อากาศก็ร้อนขายได้แน่นอนครับ แล้วตอนนี้น้ำเปล่าขวดละ 5บาท น้ำอัดลมก็แก้วละ 10 บาทแล้วนะครับแม่ ชานมของเรามีความพิเศษอยู่ที่ไข่มุก แก้วละ 15 บาทก็มีคนซื้อแน่นอน" ผมอธิบายเป็นฉากๆให้แม่ฟังซึ่งท่านก็พยักหน้ารับเห็นด้วยอย่างเหม่อลอย
รอก่อนนะความรวยอยู่ตรงหน้าแล้ว"สู้ๆ"
***