ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

เปลี่ยนชะตาชีวิต - บทที่ 11 ลูกจ้างคนแรก โดย crioA,] @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove

รายละเอียด

ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

ผู้แต่ง

crioA,]

เรื่องย่อ

"เมื่อไหร่พี่พายุจะบอกเรื่องของเราให้นันรู้สักที" เสียงหญิงสาวคุ้นหูทำให้นันที่อยู่ในบทสนทนาใจกระตุก หากได้ยินประโยคนี้ที่อื่นอาจจะเป็นความเข้าใจผิดได้ แต่นี้มันคอนโดที่นันและแฟนเช่าอยู่ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว


"วิพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ พี่กับนันคบกันมา 10 ปีแล้วนะ วิเองก็รู้" และเสียงที่ตอบโต้ก็เป็นเสียงของแฟนตัวเองที่คบกันมา 10 ปีแล้ว 

"พี่พายุจะรอให้ลูกโตก่อนหรือยังไงถึงจะยอมเลิกกับมันสักที"

"ไม่ใช่แบบนั้น..."

และนี้คือรักสิบปีและเพื่อนรัก15ปี มันจบแล้วสินะ



ในตอนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ก็มีเสียงเดินตามหลังมา นันคิดแค่ว่าอาจจะมีคนมายืนรอรถประจำทางเหมือนกันแต่แล้วก็คิดผิด เพราะคนกลุ่มนั้นคือเจ้าหนี้ที่ตามมาถึงที่นี้ นันพยายามเดินหนี้ก่อนจะวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น

เอี๊ยดดดดดด...

โครม!!!!

""



"ปวดหัวจัง เราตายแล้วนิ หรือยังไม่ตาย" นันมองไปรอบข้างเห็นเพียงห้องพักที่มีเตียงพยาบาลสองเตียง ภายในห้องดูเก่าบ่งบอกการใช้งานของห้องมานานนับปี 

"ที่นี่มัน..." ห้องพยาบาลของโรงเรียนมัธยมปลายของเขานี่

***

จะเกิดอะไรขึ้นหากคนหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง 


สารบัญ

เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่1 ความสิ้นหวังขั้นสุด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 2 กลับมาอีกครั้ง,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 3 เงินที่หายไป,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 4 หนูน้อยหัวกลม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 5 เรื่องจะเกิดมันก็ต้องเกิด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 6 ป้าจวนได้ค่ากับข้าว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 7 ชานมไข่มุก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 8 เงินก้อนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 9 ออเดอร์ใหญ่ครั้งแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 10 ผมอยากลาออกจากโรงเรียน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 11 ลูกจ้างคนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 12 ลาออก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 13 ร้านใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 14 30เปอร์เซ็นต์,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 15 ผู้ช่วยของแม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 16 ครอบครัว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 17 เว็บไซต์ขายร้านมินิ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 18 ความรวยกำลังมา,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 19 สมาชิกใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 20 โรงงานทำชานมไข่มุกสำเร็จ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 21 ช่วยแม่เพื่อน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 22 รับคนงานเพิ่ม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 23 แบ่งที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 24 รับลูกบุญธรรมและซื้อที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 25 ได้สาขาแรกที่กรุงเทพฯ

เนื้อหา

บทที่ 11 ลูกจ้างคนแรก

"แม่ครับ อย่างนี้เราต้องพานนท์ไปด้วยได้ใช่ไหมครับ" ผมที่อาบน้ำแต่งตัวให้นนท์เรียบร้อย ก่อนจะถามแม่ถึงการพาน้องนนท์ไปในตัวอำเภอ แต่มาคิดอีกทีไม่แน่ วันนี้เราอาจจะเดินทางไปหลายที่ ถ้าต้องพาน้องนนท์ไปด้วยก็กลัวว่าจะไปลำบากแล้วอาจจะไม่สบายได้

"ก็คงต้องพาไปแหละ น้าเราก็ไปไหนแล้วก็ไม่รู้"

"น้าฟางก็เกินไปนะ ทั้งๆที่เราบอกแล้วว่าต้องไปธุระ แต่ก็ยังทิ้งลูกไว้กับเราอีก แม่ก็ใจดีตลอด"

"นันพูดอะไร น้องก็อยู่"

"แม่ครับ ช่วงนี้น้าฟางดูแปลกๆนะครับว่าไหม" ผมจำได้ว่าช่วงนี้น้าฟางเหมือนจะท้องไม่รู้ตัว แล้วเที่ยวไปทั่วไม่ดูแลตัวเอง ผมพอจะจำได้ว่าเพราะความไม่ดูแลตัวเองจนเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ ต้องเข้าโรงพยาบาลเดือดร้อนแม่ผม ที่ต้องเป็นคนไปเฝ้าไข้แถมยังต้องเลี้ยงน้องนนท์ไปด้วย ส่วนพ่อของลูกนะหรือ นอนอยู่บ้านบอกไม่กล้าไปเฝ้าเพราะกลัวช่วยอะไรไม่ได้

ให้เลี้ยงน้องนนท์ยังไม่ยอมเลย บอกเลี้ยงไม่เป็นแม่เลยต้องพามาเลี้ยงที่โรงพยาบาล จะว่าเขาก็ไม่ได้เต็มปากเพราะน้องนนท์ก็แค่ลูกเลี้ยงเขาเท่านั้น แม่รู้ในจุดนี้ดีจึงต้องเลี้ยงน้องนนท์ในตอนที่น้าฟางยังอยู่ในโรงพยาบาล จนออกจากโรงพยาบาลก็ยังต้องเลี้ยงอยู่ดี

"แปลกยังไงลูก แม่ก็เห็นเมากลับบ้านตลอด"

"ก็ที่อ้วกหลายวันที่ผ่านมานี้ แม่จะบอกว่าน้าฟางเมาเลยอ้วกหรือครับ แต่ผมว่าไม่แน่น้าอาจจะท้องก็ได้ ไม่ลองให้น้าไปตรวจดูละครับ จะได้ดูแลตัวเองให้ดีขึ้นหน่อย นี่อะไรกินเหล้ากับเพื่อนกับผัวใหม่จนไม่สนใจลูกตัวเองด้วยซ้ำ" ผมนึกแล้วก็โมโหจึงหลุดบ่นเรื่องน้องออกมา แม่รีบห้ามเพราะไม่อยากให้ผมพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนในบ้าน

"นันไม่พูดแบบนี้นะลูก คนอื่นมาได้ยินจะมองไม่ดี แล้วพอน้องโตมาได้ยินเรื่องพวกนี้ น้องคงเสียใจเกิดเป็นปมกับเด็กเอาได้นะ"

"ครับแม่" นั่นแหละแม่ผม แต่ผมไม่ได้สนใจคนอื่นมองยังไงหรอก ที่ต้องการคือให้น้าลองไปตรวจบ้างก็เท่านั้น แต่เรื่องที่ต้องพูดก็เข้าไปในความคิดของแม่แล้ว เชื่อเถอะคนรักครอบครัวแบบแม่ยังไงก็ต้องไปคุยกับน้าฟางแน่นอน

พวกเราสามคนนั่งมอเตอร์ไซค์มาที่ตลาดในอำเภอ เมื่อเดินดูไปทั่วๆแล้วเห็นแผงในตลาดว่างอยู่หลายแผง แม่ก็เดินเข้าไปถามราคาได้คำตอบกลับมาว่าคิดเป็นเดือน เดือนละ 150 บาท แต่ไม่มีอะไรให้เลย มีแค่ล็อกธรรมดาเท่านั้น

ข้างร้านสองด้านเป็นร้านปลาสด กับร้านเนื้อหมู เหลือตรงกลางที่หนึ่งเว้นไว้ทำไม แล้วร้านก็อยู่ลึกแทบจะสุดซอย ลูกค้าถ้าไม่ตั้งใจจะไปซื้อปลากับหมูสดใครจะเข้าไป

"แม่ครับ ผมว่าทำเลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จริงอยู่ที่สินค้าเราดีขายที่ไหนก็มีลูกค้ามาซื้อ แต่หากมีกลิ่นคาวปลาแบบนี้ตลอดอาจจะทำให้ลูกค้าหายไปได้นะครับ" ผมเดินออกมาจากตลาดก่อนจะหันกลับไปคุยกับแม่

"แม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แล้วเราก็มาขายที่ตลาดแค่วันหยุดเท่านั้น แต่ต้องจ่ายเพื่อจองล็อกทั้งเดือน แม่ว่าไม่คุ้มหรอก" ผมเองก็เห็นด้วยกับแม่เช่นกัน

"ความจริงเราลองไปถามที่ว่าการดูไหมครับ ว่าหน้าทางเข้าที่ว่าการอำเภอสามารถเช่าพื้นที่เล็กๆ ได้ไหม ถ้าได้ผมว่าจะทำเป็นร้านขนาดเล็ก เราจะได้มีที่ไว้เก็บของด้วย" ผมบอกเล่าเรื่องที่อยากจะมีร้านกาแฟเล็กๆ จะได้หลบแดดได้ด้วยแถมเก็บของได้อีก

"ถ้าทำเป็นร้านต้องใช้เงินเยอะขนาดไหน เงินเราคงไม่พอหรอกลูก" แม่เป็นกังวลเรื่องเงินที่อยู่ในมือ

"แม่ครับ เราลองไปถามดูก่อน ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ครับแม่ ถ้าได้เราก็ขายจันทร์-ศุกร์ ข้างใน และขายเสาร์-อาทิตย์ ที่หน้าที่ว่าการก็ได้ครับ เราไม่ได้เข้าไปภายในแต่ตั้งขายนอกรั้วแทน เมื่อเราพอมีเงินสักก้อนค่อยทำร้านเล็กไปก็ได้ครับ"

"อย่างนั้นเราก็ลองไปถามดูก่อนก็แล้วกัน ไปกันครับน้องนนท์ ขากลับป้าจะพาไปกินของอร่อยดีไหมคะ" แม่จูงมือน้องนนท์พาเดินไปที่รถ ก่อนจะเดินทางไปที่ว่าการ

  เมื่อมาถึงประตูที่ว่าการปิดอยู่ แต่ยังมีลุงยามทำหน้าที่ประจำพอดี เดินเข้าไปถามเรื่องการเช่าพื้นที่ข้างหน้าถัดจากป้อมยามลุงไปหน่อย ได้คำตอบกลับมา ว่าให้ลองมาถามใหม่วันจันทร์เพราะเจ้าหน้าที่หยุด

แต่ลุงเองก็แอบบอกมาเหมือนกันว่า เคยมีคนมาเช่าขายของวันหยุด แต่เจ๊งต้องย้ายไปขายที่ตลาดแทน คิดว่าคงเช่าได้แหละ

เมื่อได้คำตอบจึงพากันไปซื้อข้าวสารที่ร้านขายข้าวสาร เพื่อเอาไปให้น้าฟาง แล้วค่อยพากันไปกินมื้อกลางวันที่ร้านแถวๆนี้ ตามที่คุยกับน้องนนท์ไว้แล้ว

 "แม่ครับ วันพรุ่งนี้ที่เราต้องเอาของไปส่ง แม่จะไปหรือให้ผมไปครับ หรือเราจะปิดร้านเลย แต่ก็ไม่ดีเพราะนัดลูกค้าคนอื่นไว้ด้วยสิ ผมไปคนเดียวมีหวังทำไม่ทันแน่นอน" ผมกำลังยกมือขึ้นกุมขมับตนเอง เพราะคิดไม่ตกเรื่องพรุ่งนี้ ถ้าร้านปิดไวเขาจะชวนแม่ไปลาออกจากโรงเรียนด้วย

"หรือเราจะขอให้น้าหวานมาช่วยดีไหมลูก น้าหวานเองก็อยากเก็บเงินส่งน้องตามเข้าโรงเรียนด้วย เห็นว่าจะไปทำงานในกรุงเทพฯ แต่ก็ห่วงลูกเลยยังไม่ไปไหน" แม่เองก็นึกถึงใครไม่ออกแล้ว เพราะน้องสาวตนเองก็ไม่ได้เรื่องได้ราว ไม่อย่างนั้นเรื่องดีๆแบบนี้คงไม่ตกไปอยู่ในมือคนอื่นหรอก

"แล้วเรื่องค่าจ้างละครับ ตอนนี้รับจ้างเกี่ยวข้าวก็สูงสุด 150 บาทเท่านั้น เราจ้างหน้าหวานมาช่วยวันที่เราต้องส่งออเดอร์ใหญ่ พอจะเป็นไปได้ไหมครับ" แม่ยิ้มและบอกว่าจะลองไปคุยกับน้าหวานก่อน แต่คิดว่าน้าหวานคงยินดีไม่น้อย และก็เป็นตามคาดน้าหวานยินดีที่จะมาร่วมงานด้วย ถึงจะแค่บางวันก็ตาม

 วันจันทร์มาถึงทางร้านต้องส่งสินค้า ให้ที่ว่าการในเวลา 9.30 น. ผมจึงเช่ารถสามล้อของบ้านน้าหวาน เพื่อนำสินค้ามาส่งคนทั้งหมดลงที่ร้าน และให้น้าหวานกับผมไปส่งสินค้าตามนัดกับลูกค้า และเมื่อถึงเวลาแจกให้ลูกค้า ผมก็มารอให้บริการที่จุดให้บริการในเวลา 11.00 น. ก่อนเวลาพักเที่ยง

ผมไม่สามารถปล่อยให้สินค้าเสียหาย ก่อนจะถึงมือผู้บริโภค จึงบอกกับลูกค้าว่าจะมาทำให้เป็นแก้วๆ ในตอน 11.00 น. พร้อมเสิร์ฟแน่นอน ในเวลา 11.30 น. ลูกค้าเองก็พอใจตอบรับทันที

 "ขอบใจมากนะพ่อค้า มีแต่คนชมเต็มไปหมดเลยว่าชานมไข่มุกร้านพ่อค้าอร่อยมาก เขาถามถึงร้านพ่อค้ากันหลายคนเลยนะ ฉันเองก็แนะนำไปแล้วว่าร้านพ่อค้า อยู่หน้าที่ว่าการของเรา หลายคนบอกจะไปอุดหนุนร้านพ่อค้าแน่นอน" เจ้าหน้าที่ ที่ติดต่อก่อนหน้านี้ได้เอ่ยคำชมไม่ขาด เพราะน้ำที่ใช้รับรองผู้เข้าร่วมประชุมรอบนี้ เป็นที่ถูกใจพวกเขาอย่างมาก ชมหน่วยงานเรื่องนี้ไม่หยุด

"ต้องขอบคุณลูกค้าที่ไว้ใจทางร้านนะครับ ยังไงมีงานหน้าก็อย่าลืมใช้บริการทางร้านอีกครั้ง จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ ทางเรายินดีให้บริการเต็มที่"

"แน่นอนจ๊ะ เจ้านายพี่เขาพอใจมาก บอกว่าครั้งต่อไปก็ไม่พลาดใช้บริการกับทางร้านแน่นอน" ลูกค้าส่งเงินให้ผม ที่อยู่ในซองเอกสารสีน้ำตาล โดยให้ผมนับให้เรียบร้อยก่อน

"ไม่เป็นไรครับ ผมต้องขอตัวกลับไปช่วยแม่ขายของก่อนนะครับ สวัสดีครับ" กล่าวลาลูกค้า แล้วเดินมาหาน้าหวานที่กำลังเก็บของขึ้นรถสามล้อเสร็จพอดี พวกเราจึงพากันมาหาแม่ที่ร้านหน้าที่ว่าการ

"งานเรียบร้อยแล้วหรอนัน มีอะไรให้น้าทำอีกไหมวันนี้ ต้องกลับไปหาแม่นันที่ร้านก่อนใช่ไหม" น้าหวานที่ขับสามล้อถามขึ้นในตอนที่รถกำลังออกตัว

"ใช่ครับ เดี๋ยวแวะรับแม่ที่ร้านแล้วเราไปกินข้าวกันก่อนครับ ค่อยกลับไปทำไข่มุกที่บ้านต่อ"

"ชานมไข่มุกร้านนันขายดีมากเลยนะ ดูนั้นมีคนต่อคิวยาวเลยต้องรีบไปช่วยดาวมันแล้วแหละ" น้าหวานที่กำลังเลี้ยวรถไปจอดที่ลานจอด เห็นคิวลูกค้ายาวมาก กลัวว่าแม่จะทำไม่ทันก็รีบอยากเข้าไปช่วย

น้าหวานได้เริ่มช่วยผมตัดน้ำแข็ง ใส่ไข่มุกจนคล่องแล้ว เมื่อมาช่วยแม่จึงไม่เป็นปัญหา ผมจึงมีหน้าที่รับออเดอร์ และคิดเงินด้วย แบ่งหน้าที่กันชัดเจน เมื่อคิวลูกค้าน้อยลงแล้ว พร้อมกับเครื่องดื่มร้านเราก็กำลังจะหมด ทุกคนจึงเริ่มผ่อนคลายมีคุยกันบ้าง

"เป็นยังไงบ้างหวานเหนื่อยไหม" แม่ถามน้าหวานขึ้นหลังจากลูกค้าคนสุดท้ายจากไปแล้ว พวกเขานั่งลงพักกันและเริ่มถามไถ่กันขึ้น

"เหนื่อยแหละแต่สนุกดีจ๊ะ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้ำจะขายดีขนาดนี้ เอะ!? ให้น้าหรอนัน" ผมที่ส่งชานมไข่มุกให้น้าหวานเพื่อช่วยดับร้อน

"ครับ ร้อนๆแบบนี้ ต้องลองสักแก้ว"

"ไม่ได้หรอก ของซื้อของขายนะแก้วหนึ่ง 15 บาทแหนะ น้าไม่กล้ากินหรอก" น้าหวานปฏิเสธไม่ยอมรับ

"น้าไม่ลอง แล้วจะบอกลูกค้ายังไงครับ ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย ลองเถอะครับ" น้าหวานได้ฟังเหตุผลจึงรับไปดื่ม

"อืมมมม อร่อยมากจริงๆ" ผมยิ้มรับคำชมอย่างพออกพอใจ แน่นอนใครๆก็ต้องบอกว่าอร่อย สูตรพิเศษไอ้นันเสียอย่าง

***