ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

เปลี่ยนชะตาชีวิต - บทที่ 12 ลาออก โดย crioA,] @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove

รายละเอียด

ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

ผู้แต่ง

crioA,]

เรื่องย่อ

"เมื่อไหร่พี่พายุจะบอกเรื่องของเราให้นันรู้สักที" เสียงหญิงสาวคุ้นหูทำให้นันที่อยู่ในบทสนทนาใจกระตุก หากได้ยินประโยคนี้ที่อื่นอาจจะเป็นความเข้าใจผิดได้ แต่นี้มันคอนโดที่นันและแฟนเช่าอยู่ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว


"วิพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ พี่กับนันคบกันมา 10 ปีแล้วนะ วิเองก็รู้" และเสียงที่ตอบโต้ก็เป็นเสียงของแฟนตัวเองที่คบกันมา 10 ปีแล้ว 

"พี่พายุจะรอให้ลูกโตก่อนหรือยังไงถึงจะยอมเลิกกับมันสักที"

"ไม่ใช่แบบนั้น..."

และนี้คือรักสิบปีและเพื่อนรัก15ปี มันจบแล้วสินะ



ในตอนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ก็มีเสียงเดินตามหลังมา นันคิดแค่ว่าอาจจะมีคนมายืนรอรถประจำทางเหมือนกันแต่แล้วก็คิดผิด เพราะคนกลุ่มนั้นคือเจ้าหนี้ที่ตามมาถึงที่นี้ นันพยายามเดินหนี้ก่อนจะวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น

เอี๊ยดดดดดด...

โครม!!!!

""



"ปวดหัวจัง เราตายแล้วนิ หรือยังไม่ตาย" นันมองไปรอบข้างเห็นเพียงห้องพักที่มีเตียงพยาบาลสองเตียง ภายในห้องดูเก่าบ่งบอกการใช้งานของห้องมานานนับปี 

"ที่นี่มัน..." ห้องพยาบาลของโรงเรียนมัธยมปลายของเขานี่

***

จะเกิดอะไรขึ้นหากคนหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง 


สารบัญ

เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่1 ความสิ้นหวังขั้นสุด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 2 กลับมาอีกครั้ง,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 3 เงินที่หายไป,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 4 หนูน้อยหัวกลม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 5 เรื่องจะเกิดมันก็ต้องเกิด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 6 ป้าจวนได้ค่ากับข้าว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 7 ชานมไข่มุก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 8 เงินก้อนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 9 ออเดอร์ใหญ่ครั้งแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 10 ผมอยากลาออกจากโรงเรียน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 11 ลูกจ้างคนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 12 ลาออก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 13 ร้านใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 14 30เปอร์เซ็นต์,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 15 ผู้ช่วยของแม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 16 ครอบครัว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 17 เว็บไซต์ขายร้านมินิ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 18 ความรวยกำลังมา,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 19 สมาชิกใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 20 โรงงานทำชานมไข่มุกสำเร็จ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 21 ช่วยแม่เพื่อน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 22 รับคนงานเพิ่ม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 23 แบ่งที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 24 รับลูกบุญธรรมและซื้อที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 25 ได้สาขาแรกที่กรุงเทพฯ

เนื้อหา

บทที่ 12 ลาออก

จบงานในช่วงเช้าจึงได้รบกวนให้น้าหวาน พาเข้าไปในโรงเรียนของผม เพื่อที่จะไปลาออกจากโรงเรียน เมื่อมาถึงบริเวณอาคารที่ต้องการติดต่อก็เดินเข้าห้องธุรการ มีคุณครูอยู่ในห้องหนึ่งท่านพอดี ผมเลือกจะเคาะประตูเบาๆ เป็นการขออนุญาตก่อนเข้าห้อง

"คุณครูสวัสดีครับ"

"สวัสดีจ๊ะ หนูมีอะไรหรือเปล่า มาติดต่อเรื่องอะไรคะ นั่งก่อนนะคะคุณแม่" ครูสาวผายมือเชิญให้แม่และผมนั่งลงก่อนจะพูดคุย 

"คือว่าลูกชายอยากจะลาออกจากโรงเรียนนะคะ ต้องทำยังไงบ้าง" เมื่อครูได้ยินดังนั้นก็แปลกใจ เพราะปกติถ้าไม่อยากเรียนแล้วก็แค่หายไปเงียบๆแต่นี่ถึงขั้นมาขอใบลาออก

"นักเรียนชื่ออะไร"

"นายอนันตกาล ไพศาลสกุลครับ" ครูสาวมองมาที่ผม มองเหมือนว่าไอ้เด็กนี่ขี้เกียจเรียน จนต้องให้แม่พามาลาออกแน่เลย คงจะเรียนไม่เก่งจนโดนครูคนอื่นด่ามา แล้วไม่อยากเรียนละสิท่า เมื่อเธอหาประวัตินักเรียนเจอก็ต้องตกใจกับผลการเรียน ในช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น เกรด 3.89 เธอมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

"หนูมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ บอกครูมาได้นะตอนนี้อยู่ม.ไหนแล้ว ครูจะได้ช่วยบอกกับครูประจำชั้นให้เธอได้" ครูสาวกุมมืออยู่บนโต๊ะ มองมาที่ผมแสดงออกถึงความใส่ใจกว่าก่อนหน้านี้ ท่าทางเหมือนว่าปัญหาของผม เธอสามารถช่วยได้แลกกับการไม่ลาออกจากโรงเรียน

"อยู่ม.4 ครับครู คือผมมีปัญหาส่วนตัวนะครับ หวังว่าการลาออกของผมจะทำได้นะครับ"

"ม.4 เองแสดงว่าอายุยังไม่ครบ 16 ปี ถ้าจะลาออกต้องให้ผู้ปกครองเป็นคนยื่นเอกสารให้ คุณแม่ยินยอมให้น้องลาออกหรือคะ น้องเกรดเฉลี่ยดีมากๆ เลยนะคะคุณแม่ ถ้าน้องเรียนที่โรงเรียนของเราจนจบ น้องสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สบายแน่นอนค่ะ" ครูสาวเลิกโน้มน้าวผมแต่หันไปคุยกับแม่แทน คงหวังให้แม่ไม่ยอมนั่นแหละ 

"ลูกชายเขาตัดสินใจแล้วนะคะครู ฉันก็คุยกับเขาหลายครั้งแล้ว แกยังยืนยันว่าจะออก แต่แกก็รับปากว่าถ้าปัญหาที่บ้านดีขึ้น จะกลับมาเรียนใหม่ในปีหน้านะคะ" ครูสาวรู้แล้วว่าโน้มน้าวคุณแม่ก็คงไม่สำเร็จ แล้วจึงหยิบเอกสารการลาออกให้ผมกรอกเอกสาร 

"บัตรประชาชนของคุณแม่ด้วยนะคะ ของน้องด้วย อย่างละ 4ฉบับ รูปถ่ายด้วยจำนวน 4 ใบเช่นกันค่ะ" ครูสาวอธิบายเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องใช้เมื่อเห็นพวกเราหยิบเอกสารขึ้นมาบนโต๊ะ ต้องอุทานออกมาเบาๆ นี้คงเตรียมตัวมาอย่างดีสินะ จึงบอกเวลาในการมารับ ปพ.1 ในอีก 3 วันหรือวันทำการที่สะดวก จากนั้นพวกเขาก็เดินกลับไปขึ้นรถน้าหวานกลับบ้านกัน

 

"นั้นใช่แฟนแกหรือเปล่าวิ มาทำไมกันไม่ใส่ชุดนักเรียนด้วย" สรที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างในห้องเรียนชั้นสอง ถามเธอขึ้นในจังหวะที่เธอกำลังตั้งใจเรียนอยู่ เธอมองออกไปตามที่สรชี้นิ้วบอก ก็เห็นนันและแม่ของเขากำลังเดินออกจากห้องธุรการ

"ไม่ใช่แฟนฉัน" พูดจบก็ก้มหน้าลงไปทำการบ้านที่อยู่ในมือ เพราะวันนี้ครูไม่ว่างจึงสั่งงานให้พวกเขาทำในห้องเงียบๆ

"ใช่สิ ก็แกบอกว่าจะจีบนันมาเป็นแฟนให้ได้ไม่ใช่หรือไง" แทนที่สรได้ยินคำตอบจากวิแล้วจะจบ แต่เหมือนจะไม่

"ใครจะอยากเป็นแฟนกับเกย์ ไอ้นันมันเป็นเกย์ แกไม่รู้หรือไง จะยุให้ฉันไปคบกับมันอยู่ได้" วิตอบกลับเพื่อนเสียงดังจนสรตกใจ ไม่ใช่แค่สรแต่คนทั้งห้องก็ตกใจที่คนเรียบร้อยแบบวิ เกิดโมโหด่าเพื่อนเสียงดังได้

"ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ จะโมโหอะไรขนาดนั้น" สรสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ไม่รู้วิไปกินรังแตนที่ไหนมาอยู่ๆก็มาเหวี่ยงใส่เธอ โดยที่สรเองก็ไม่รู้ว่าวินั้น ถูกนันว่าเสียๆหายๆ มากกว่าที่วิว่านันอีก เธอได้แต่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับนันหลังจากนี้ต่อไป

"นี่ๆ ได้ยินเรื่องที่มีร้านชานม อะไรมุกๆไม่รู้ มาเปิดที่ว่าการอำเภอเราไหม เห็นว่าร้านนั้นอร่อยมากนะ เพื่อนฉันอีกห้องมาเล่าให้ฟัง เสียดายไปซื้อไม่เคยทัน ตอนเที่ยงครูก็ไม่ให้ออกนอกโรงเรียนอีก" สรบ่นอุบเรื่องร้านน้ำแต่ไม่รู้เลยว่าร้านนั้นคือร้านของใคร

 

และชีวิตของผมก็ดำเนินไปแบบนี้ในทุกวัน ตื่นมาออกกำลังกาย อาบน้ำแต่งตัวไปขายของที่ว่าการอำเภอ ตกบ่ายก็มานั่งทำไข่มุกที่จะขายในวันต่อไป วนอยู่แบบนี้ไปกว่าเดือนแล้วโดยตอนนี้พวกเราสามคนโดยมีแม่ ผมและน้าหวานมาช่วยกันทำงาน น้าหวานจะได้รับค่าจ้างวันละ 150 บาท แต่หลังจากนี้เราจะขายของวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย โดยจะยกโต๊ะออกมาตั้งข้างนอกรั้วถัดจากป้อมยามนั้นเอง

โดยยอดขายของร้านจะอยู่ที่ 150 แก้วต่อวัน เราตวงปริมาณให้ได้เท่าจำนวนแก้วที่กำหนด ถ้าถามทำไมไม่เอาให้มากกว่านี้ มันเป็นกลยุทธ์ของร้านผม ถ้าพวกคุณอยากกินชานมไข่มุกร้านผมต้องมาให้ท่าน 150 แก้วต่อวันเท่านั้น ได้ประโยชน์หลายอย่างทั้งแม่ไม่เหนื่อยมาก และมีเวลากลับมาทำไข่มุกที่บ้านด้วย คนที่มาไม่ทันวันนี้ก็จะมาพรุ่งนี้ต่อ

หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เราได้รายได้หักต้นทุนแล้วยังเหลือเงินอีก 3 หมื่นบาท ใช่ครับอ่านไม่ผิดหรอก ผมจึงตัดสินใจไปติดต่อกับช่างที่จะมาทำร้านให้ผม โดยที่ตั้งจะเป็นทางเข้าที่ว่าการด้านนอกห่างกับป้อมยามแค่ 15 ก้าวเท่านั้น ถ้าร้านของเราเปิดแล้วจะสามารถขายของได้ทุกวันจนถึงเย็น โดยตกลงกับน้าหวานไว้แล้วว่า จะให้น้าหวานขายของกับแม่ ให้แกวันละ 175 บาทและไม่ต้องกลับมาทำไข่มุก เพราะแม่จะกลับบ้านมาก่อน ให้แกขายจนถึง 15.00น. เก็บร้านแล้วกลับบ้านได้เลย

เมื่อเพิ่มเวลาในการขาย ยอดขายก็เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 150-200 แก้วต่อวัน แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคต ที่สร้างร้านเรียบร้อยแล้ว แต่ในตอนที่ผมกำลังคิดอะไรเพลิน ก็ได้ยินเสียงของเด็กร้องไห้จ้ามาแต่ไกล และพอฟังดีๆ ก็เหมือนจะเป็นเสียงร้องของนนท์ ผมลุกจากเปลที่นั่งพักอยู่ ในตอนนี้เป็นช่วงเย็นหลังจากที่พวกเราทำไข่มุกเรียบร้อยแล้วต่างแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตนเอง 

น้าหวานกลับบ้านไปแล้ว แม่ก็ไปซื้อวัตถุดิบทำกับข้าว และผมกำลังนั่งพักอยู่ที่เปลใต้ถุนบ้านของตนเอง เมื่อเดินเร็วๆไปรับตัวเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด ที่แขนเป็นรอยช้ำเหมือนโดนใครตีมาอยู่หลายจุด

"โอ๋ๆ น้าน้องนนท์ไม่ร้องนะครับ บอกพี่นันสิใครทำหนู" ผมอุ้มน้องนนท์ขึ้นมากอดปลอบคนน้องที่กำลังร้อง ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ไหลเต็มแก้ม

"แม่ ฮือ แม่อึก แม่ฮือ ฮือ" น้องนนท์เรียกแต่แม่ๆ แล้วชี้นิ้วไปทางบ้านของน้อง ผมที่ฟังอะไรไม่ออกนอกจากคำว่าแม่ ก็นึกถึงเรื่องเมื่อชาติก่อนที่มันเคยเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมรีบเดินไปทางบ้านน้าฟาง ก่อนจะเรียกน้าฟางเสียงดังแต่เหมือนไม่มีคนอยู่ เงียบกริบ

"น้าฟาง น้าฟางอยู่ไหมครับ" ไม่มีสัญญาณตอบรับจากใครหรืออะไร มีแค่เสียงของเด็กน้อยที่ร้องไห้ชี้ไปในห้องเล็กๆ ที่เป็นที่นอนของน้าฟางและสามีของแก ผมตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในที่ไม่ได้ล็อก ก่อนจะเห็นน้าฟางนอนบิดอยู่ที่แคร่ที่ใช้แทนที่นอน สีหน้าเจ็บปวดมือกุมท้องไว้ เหงื่อไหลตามกรอบหน้าเต็มไปหมด ผมเข้าไปกุมมือแกไว้แล้วถาม แต่น้าฟางไม่มีแรงจะตอบผมด้วยซ้ำก่อนจะสลบไป

"น้องนนอยู่กับแม่ก่อนนะ" ผมลุกวิ่งออกไปข้างนอกก่อนจะเป็นจังหวะที่แม่กลับมาพอดี ผมรีบวิ่งเข้าไปหาท่านด้วยสีหน้าแตกตื่น

"เกิดอะไรขึ้นลูกนัน"

"แม่ครับน้าฟางแย่แล้ว แม่ไปอยู่กับน้าฟางก่อนเดี๋ยวผมไปตามน้าหวานให้" แม่ตกใจรีบจอดมอเตอร์ไซค์ไว้แล้ววิ่งไปที่บ้านน้าฟางทันที

ผมเล่าเรื่องน้าฟางให้น้าหวานรู้ ระหว่างที่ขับรถสามล้อมาจอดหน้าบ้านของน้าฟาง พวกผมช่วยกันพาน้าฟางไปโรงพยาบาลประจำอำเภอในเวลาต่อมาโดยที่ไร้วี่แววของผู้เป็นน้าเขย

***