ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

เปลี่ยนชะตาชีวิต - บทที่ 13 ร้านใหม่ โดย crioA,] @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove

รายละเอียด

ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

ผู้แต่ง

crioA,]

เรื่องย่อ

"เมื่อไหร่พี่พายุจะบอกเรื่องของเราให้นันรู้สักที" เสียงหญิงสาวคุ้นหูทำให้นันที่อยู่ในบทสนทนาใจกระตุก หากได้ยินประโยคนี้ที่อื่นอาจจะเป็นความเข้าใจผิดได้ แต่นี้มันคอนโดที่นันและแฟนเช่าอยู่ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว


"วิพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ พี่กับนันคบกันมา 10 ปีแล้วนะ วิเองก็รู้" และเสียงที่ตอบโต้ก็เป็นเสียงของแฟนตัวเองที่คบกันมา 10 ปีแล้ว 

"พี่พายุจะรอให้ลูกโตก่อนหรือยังไงถึงจะยอมเลิกกับมันสักที"

"ไม่ใช่แบบนั้น..."

และนี้คือรักสิบปีและเพื่อนรัก15ปี มันจบแล้วสินะ



ในตอนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ก็มีเสียงเดินตามหลังมา นันคิดแค่ว่าอาจจะมีคนมายืนรอรถประจำทางเหมือนกันแต่แล้วก็คิดผิด เพราะคนกลุ่มนั้นคือเจ้าหนี้ที่ตามมาถึงที่นี้ นันพยายามเดินหนี้ก่อนจะวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น

เอี๊ยดดดดดด...

โครม!!!!

""



"ปวดหัวจัง เราตายแล้วนิ หรือยังไม่ตาย" นันมองไปรอบข้างเห็นเพียงห้องพักที่มีเตียงพยาบาลสองเตียง ภายในห้องดูเก่าบ่งบอกการใช้งานของห้องมานานนับปี 

"ที่นี่มัน..." ห้องพยาบาลของโรงเรียนมัธยมปลายของเขานี่

***

จะเกิดอะไรขึ้นหากคนหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง 


สารบัญ

เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่1 ความสิ้นหวังขั้นสุด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 2 กลับมาอีกครั้ง,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 3 เงินที่หายไป,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 4 หนูน้อยหัวกลม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 5 เรื่องจะเกิดมันก็ต้องเกิด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 6 ป้าจวนได้ค่ากับข้าว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 7 ชานมไข่มุก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 8 เงินก้อนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 9 ออเดอร์ใหญ่ครั้งแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 10 ผมอยากลาออกจากโรงเรียน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 11 ลูกจ้างคนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 12 ลาออก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 13 ร้านใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 14 30เปอร์เซ็นต์,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 15 ผู้ช่วยของแม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 16 ครอบครัว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 17 เว็บไซต์ขายร้านมินิ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 18 ความรวยกำลังมา,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 19 สมาชิกใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 20 โรงงานทำชานมไข่มุกสำเร็จ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 21 ช่วยแม่เพื่อน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 22 รับคนงานเพิ่ม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 23 แบ่งที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 24 รับลูกบุญธรรมและซื้อที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 25 ได้สาขาแรกที่กรุงเทพฯ

เนื้อหา

บทที่ 13 ร้านใหม่

เวลากว่าสองชั่วโมงที่อยู่ในโรงพยาบาล ตั้งแต่ส่งตัวน้าฟางให้ถึงมือหมอ พวกเราถูกกันไม่ให้เข้าไปภายในห้องที่กำลังทำการรักษาอยู่ในเวลานี้ ในที่สุดคุณหมอก็ออกมาจากห้องตรวจ และแจ้งให้ทราบถึงอาการของคนไข้ นั้นก็คือน้าฟางตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว และมีภาวะครรภ์เป็นพิษนั้นเอง โดยจะมีอาการบวมตามใบหน้า มือและเท้า และจุกแน่นหน้าอก หายใจติดขัด อันตรายมากระหว่างการตั้งครรภ์ที่ไม่ระวัง 

โชคดีที่ครั้งนี้มาหาคุณหมอได้ทันเวลา คุณหมอจึงทำการรักษาได้แต่ต้องรอดูอาการที่โรงพยาบาลสักสองวัน ถึงจะสามารถกลับบ้านได้ หมอให้ทำการฝากครรภ์กับโรงพยาบาลไว้เลย เพื่อจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพครรภ์ทุกเดือนหลังจากนี้ และนี้ก็คือเหตุผลที่แม่ต้องมาดูแลน้าฟางที่โรงพยาบาล ผมจึงต้องกลับบ้านกับน้าหวานและนนท์ แล้วตอนเช้าค่อยเอาเสื้อผ้ามาให้แม่เปลี่ยน ส่วนอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้คืนนี้ก็ซื้อให้แม่ที่โรงพยาบาลมีขายไปก่อน 

ในใจของผมได้แต่คิดว่าเรื่องนี้ผมรู้ แต่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะน้าฟางแกไม่ฟังใคร ขนาดผมให้แม่ไปคุยเรื่องการท้องของน้า แกยังบอกว่าไม่ท้องหรอกแล้วก็ไปเที่ยวเหมือนทุกวัน แล้วเป็นยังไง ก็นอนโรงพยาบาลอย่างที่เห็น

"แม่ นันกลับก่อนนะ ไว้ตอนเช้าจะมาหาก่อนเปิดร้าน"

"อย่าลืมของที่ให้เอามาด้วย เจอน้านพก็อย่าลืมบอกเขาด้วยละกลัวเขาเป็นห่วงถ้าหากันไม่เจอ" 

"ครับรู้แล้ว น้องนนท์กลับบ้านกันเถอะ" แม่ยังจะคิดว่าน้าเขยจะเป็นห่วงน้าฟางอีกหรอ เมียหายไปกว่าสามชั่วโมงแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววน้าเขยเลย จะบอกว่าคนแถวบ้านไม่รู้ว่าน้าฟางป่วยมาโรงพยาบาลก็เป็นไปไม่ได้ เพราะคนแถวบ้านก็ออกมาดูมาช่วยอยู่หลายคน แต่ผมยังเด็กไงตอบอย่างอื่นไม่ได้หรอกนอกจากขานรับ อยากบอกแม่เหลือเกินว่าน้าเขยไม่กลับบ้านหรอกช่วงนี้ อีกสามวันนู่นแหละถึงจะเห็นหัว

"โชคยังดีนะมาหาหมอทันเวลา" น้าหวานพูดขึ้นในตอนที่พวกเรากำลังกลับบ้านกัน

"นั้นสินะครับ ถ้าช้ากว่านี้ละก็ อาจร้ายแรงกว่านี้มาก" นึกถึงชาติก่อนไม่ได้โชคดีขนาดนี้หรอก เพราะคนที่เห็นเหตุการณ์คือแม่ที่ทำกับข้าวในครัวแล้วออกมาได้ยินเสียงน้องนนท์ร้องไห้ ตอนนั้นต้องอยู่โรงพยาบาลกว่าสัปดาห์เพราะเกิดอาการเลือดไหลเกือบแท้ง แต่โชคดีที่ถึงมือหมอก่อน ครั้งนี้อาจจะเพราะน้องนนท์เริ่มกล้าจะเข้าหาผม แกจึงเดินมาหาผมที่บ้าน เลยไม่เกิดเรื่องร้ายแรงเหมือนชาติที่แล้ว

"ยังไงพรุ่งนี้ให้น้าอยู่รอที่ร้าน แล้วนันก็ไปหาแม่ก่อนได้เลยนะ น้าคนเดียวตั้งร้านได้" น้าหวานเสนอทางออกนี้ให้เพราะผมต้องเอาของไปให้แม่ตอนเช้า แล้วน้าหวานก็ทำงานกับเรามาหลายสัปดาห์แล้ว แกพอจะตั้งร้านคนเดียวได้ 

"ถ้ายังไงผมช่วยขนของก่อนแล้วค่อยไปหาแม่ก็ได้ครับ น้าหวาน วันนี้ต้องขอบคุณน้าหวานมากนะครับ นี่ครับค่าน้ำมัน" ผมส่งเงินจำนวน 200 บาทเป็นสินน้ำใจ เวลานี้ถ้าไม่ได้สามล้อที่สามีเก่าน้าหวานทิ้งไว้ให้ ผมคงต้องพาน้าฟางขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปโรงพยาบาลแทน เหมือนชาติที่แล้ว

 

ในวันต่อมาผมจึงพาน้องนนท์ไปช่วยน้าหวานเปิดร้านและไปเยี่ยมน้าฟาง ในวันนี้ผมเอามอเตอร์ไซค์คันเก่าของที่บ้านมาด้วย ไม่ได้นั่งรถมากับน้าหวานเหมือนทุกที น้าหวานเห็นว่าผมขับมอเตอร์ไซค์ได้ก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะแกคิดว่าผมขับเป็นอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับแม่ของผม พอแม่เห็นผมและน้องนนท์ คำแรกที่ถามคือมากันยังไง พอรู้ว่าผมขับมอเตอร์ไซค์มาเอง แม่ก็ตกใจและถามผมอยู่นั่นแหละ ว่าไปเรียนมาจากไหน ใครสอนแล้วขับคล่องขนาดมาเองเลยหรือ

กว่าแม่จะยอมเชื่อว่าผมขับได้ก็เป็นตอนที่แม่ให้ผมขับให้ดู ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลนั่นแหละ 

"ไว้ผมจะไปทำใบขับขี่ให้เรียบร้อยครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมขับได้ใช่ไหมน้องนนท์" ผมลูบหัวน้องนนท์ที่นั่งอยู่ข้างแม่ของผมอย่างเรียบร้อย เป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ยอมรับในตัวแก แต่กลับเหมือนคนโตกว่าวัยเอามากๆ เด็กน้อยแค่ 3 ขวบที่ไม่เจ็บมากๆ ก็จะไม่ร้องไห้ เดี๋ยวจะเจ็บกว่าเดิมเพราะแม่ตีซ้ำ ไม่งอแงเอาแต่ใจเพราะรู้ว่าแม่ไม่เอาใจอยู่แล้ว จากรอยช้ำตามแขนขาที่เห็นเมื่อวาน คงเป็นตอนที่น้าฟางต้องการความช่วยเหลือ แต่ตนเองไม่มีแรงจะเรียกใคร คงจะหยิกจนกว่าน้องนนท์จะร้องไห้แต่แกกลับไม่ร้องจนต้องหยิกให้เจ็บกว่าเดิม 

จากที่ดูแล้วน้องนนท์ร้องไห้เพราะตกใจที่แม่นิ่งไป น้องถึงได้ร้องไห้ออกมา กลัวคนเป็นแม่จะเป็นอะไรขึ้นมา เลยรีบวิ่งมาหาคนให้ช่วย รู้ความเสียจริงเด็กคนนี้

"แม่ครับ เราให้น้องนนท์มาอยู่กับเราไม่ได้หรือครับ" แม่มองผมที่กำลังลูบหัวของน้องอย่างเอ็นดู แต่ก็แปลกใจกับประโยคที่ว่าให้น้องมาอยู่ด้วย

"ได้สิ ถ้าลูกอยากให้น้องมาอยู่ด้วยก็บอกน้าฟางว่าเราจะเลี้ยงน้องเอง แต่นันจะไหวรึ เลี้ยงเด็กไม่ง่ายหรอกนะ" แม่บอกผมแบบนั้นก่อนจะยิ้มให้อย่างดีใจที่พี่น้องรักกัน

"ไม่ได้หมายถึงพามาเลี้ยงเฉยๆสิครับ ผมหมายถึงให้น้องมาอยู่เป็นน้องของผมจริงๆ ให้อยู่ภายใต้ชื่อของแม่เปลี่ยนนามสกุลให้เป็นลูกบ้านเรา ให้น้าฟางเซ็นมอบน้องนนท์ให้แม่รับเป็นลูกบุญธรรม ต่อไปน้าฟางจะไม่มีสิทธิ์ในตัวน้องนนท์อีก ได้ไหมครับ" แม่คิดว่าผมแค่พูดเล่น แต่เมื่อผมเงยหน้ามาสบตากับแม่ ท่านถึงกับหุบยิ้มและเงียบลงก่อนจะเรียบเรียงคำตอบให้ผม

"ทำไมลูกถึงอยากให้น้องตัดขาดจากน้าฟางละ ไม่มีแม่คนไหนกล้าปล่อยให้ลูกตัวเองต้องไปอยู่กับคนอื่นหรอกนะ เป็นแม่ แม่ก็ไม่กล้าและคิดว่าน้าฟางก็คงไม่ยอม" แม่ดูมั่นใจมาก ว่าน้าฟางจะไม่ยอม นั้นแสดงให้เห็นเลยว่าแม่ ไม่ได้รู้จักน้องสาวตนเองมากพอ นึกถึงชาติที่แล้วอนาคตของน้องนนท์ไม่ได้ดีเลย เรียนก็จบแค่ม.3 ทำงานแทนคนทั้งบ้านตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดนด่าโดนว่าทั้งแม่ผู้ให้กำเนิด ไหนจะน้องสาวที่กำลังจะเกิดมาอีก เรียกได้ว่าเป็นคนรับใช้ยังจะถูกกว่าอีก ผมไม่อยากให้น้องนนท์เจอเรื่องแบบนั้น

น้องนนท์คือคนที่อยู่กับแม่จนวินาทีสุดท้ายที่แม่จากไป คอยอยู่กับแม่มาตลอดในตอนที่ผมไม่อยู่ งานศพน้องก็เฝ้าหน้าโลงศพของแม่ข้างๆผม แถมเรื่องในงานก็ได้น้องนนท์ที่ช่วยประสานงานกับทุกฝ่ายพร้อมกับพ่อเลี้ยงของผม น้องเป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน มีงานที่ไหนน้องก็ไปช่วยตลอด ไม่มีใครไม่รักน้องยกเว้นก็แต่ครอบครัวของน้องเอง 

"นั้นสินะครับ ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหละ แค่อยากมีน้องชายน่ารักแบบน้องนนท์บ้าง ช่างเถอะครับ เราเข้าไปเยี่ยมน้าฟางดีกว่าป่านนี้คงมองหาแม่ไปทั่วแล้ว แม่ทานอะไรหรือยังครับผมซื้อของกินมาให้แม่เยอะเลย" ผมเปลี่ยนเรื่องคุยและชวนท่านไปทานข้าวแทน พวกเราเข้าไปเยี่ยมน้าฟางก่อนจะออกมาทานข้าวที่ผมซื้อมาให้แม่ น้องนนท์เองก็นั่งอยู่ข้างๆผมตลอดเวลา ตอนแรกก็คิดว่าจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่เหมือนน้องจะจำเรื่องที่โดนหยิกจนเจ็บตัวเลยไม่กล้าอยู่ใกล้แม่ตัวเอง 

เมื่อครบสองวันน้าฟางก็ออกจากโรงพยาบาล กลับมาที่บ้านก็ไม่เจอสามีสุดที่รักของตนเอง แม่จึงหาข้าวหาปลาให้กิน และบอกว่าตั้งแต่น้าฟางเข้าโรงพยาบาลจนออกมา น้าเขยไม่ได้กลับบ้านเลย 

"ยังไงช่วงนี้ก็ให้นนท์มาอยู่ที่บ้านผมก่อนแล้วกันครับ จะได้ไม่กวนน้า เดี๋ยวจะเป็นอะไรขึ้นมาอีก" ผมบอกกับน้าฟางแค่นั้น ก่อนจะจูงมือน้องนนท์กลับมาที่บ้านตนเอง โดยไม่ฟังคำคัดค้านจากคนเป็นน้า ความจริงไม่ต้องมีคนเฝ้าหรอก เพราะน้าสามารถดูแลตนเองได้แล้ว แต่ติดสำออยมากกว่า อีกวันน้าเขยก็กลับมาและอยู่ดูแลน้าฟางกันสองคน ซึ่งผมก็ไม่ได้ให้น้องนนท์กลับไปอยู่กับทั้งสองคนอีก น้าฟางไม่มีการตามกลับบ้านแต่อย่างใด เพราะกลับไปก็ต้องมานั่งดูแลเด็กคนอีก ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับผม

           

วันนี้เป็นวันที่ช่างส่งร้านขนาดเล็ก ที่ผมเป็นคนออกแบบและให้ช่างเป็นคนทำขึ้นมา โดยรูปร่างเหมือนกล่องขนาดสี่เหลี่ยมทรงสูง โดยใช้ไม้อัดไม้เนื้อแข็ง ที่เมื่อถูกน้ำจะไม่พองตัว หลังคาใช้เป็นไม้อัด OSB ที่ชาติก่อน ผมได้มีการไปสัมมนาและได้ติดต่อกับทางโรงงานอยู่พักหนึ่ง ผมจึงเดินทางไปติดต่อขอซื้อไม้พวกนี้ ถึงเขาจะแปลกใจแต่ก็ยอมขายให้ และผมต้องการจ้างลูกน้องของทางโรงงาน ช่วยมาส่งของทั้งหมด ทางโรงงานก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ปกติก็ต้องไปส่งให้ลูกค้าต่างจังหวัดอยู่แล้ว จึงไม่เป็นปัญหา

ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมทรงสูงนี้ เมื่อเปิดหน้าต่างทั้งสามด้านก็จะมองเห็นภายในร้านได้ แถมแผ่นไม้ที่ทำเป็นหน้าต่างทั้งสามด้านสามารถบังแดดได้ด้วย เมื่อปิดลงจะกลับมาเป็นสี่เหลี่ยมทรงสูงเหมือนเดิม ด้วยขนาดที่ร้านเล็กและเบาทางช่างจึงขนมาได้ง่ายๆ ติดตั้งใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีด้วยซ้ำ

"คุณนันตรวจงานก่อนได้นะครับ ติดขัดตรงไหนจะได้แก้ไขให้" ช่างที่ยืนมองการติดตั้งร้านกาแฟขนาดเล็กนี้อย่างพึงพอใจ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีการทำร้านกาแฟ โดยใช้ไม้อัดพวกนี้ได้ด้วย ถ้าเด็กคนนี้ไม่มาติดต่อให้ทางเขาทำขึ้น เขาก็นึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีการทำร้านที่สามารถเบาและแข็งแรงได้ สามารถทำที่ร้านเขาแล้ว ยกมาส่งให้ลูกค้าได้ถึงที่ 

"ครับ เรียบร้อยดีทุกอย่างเป็นแบบที่ผมอยากได้ ตรงตามต้องการทั้งหมด ต้องขอบคุณช่างมากนะครับ" เมื่อผมเดินเข้าไปตรวจภายในร้านลองเปิดประตูหน้าต่าง ที่ยึดหน้าต่างและอุปกรณ์ที่ผมให้ช่างติดตั้งเพิ่มเช่นซิงค์ล้างอุปกรณ์พร้อมท่อน้ำทิ้ง ปลั๊กไฟที่เดินสายไฟออกมาเรียบร้อย ก่อนจะส่งเงินที่เหลือจากการวางมัดจำไว้ให้ทางช่าง

***