ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

เปลี่ยนชะตาชีวิต - บทที่ 15 ผู้ช่วยของแม่ โดย crioA,] @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove

รายละเอียด

ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

ผู้แต่ง

crioA,]

เรื่องย่อ

"เมื่อไหร่พี่พายุจะบอกเรื่องของเราให้นันรู้สักที" เสียงหญิงสาวคุ้นหูทำให้นันที่อยู่ในบทสนทนาใจกระตุก หากได้ยินประโยคนี้ที่อื่นอาจจะเป็นความเข้าใจผิดได้ แต่นี้มันคอนโดที่นันและแฟนเช่าอยู่ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว


"วิพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ พี่กับนันคบกันมา 10 ปีแล้วนะ วิเองก็รู้" และเสียงที่ตอบโต้ก็เป็นเสียงของแฟนตัวเองที่คบกันมา 10 ปีแล้ว 

"พี่พายุจะรอให้ลูกโตก่อนหรือยังไงถึงจะยอมเลิกกับมันสักที"

"ไม่ใช่แบบนั้น..."

และนี้คือรักสิบปีและเพื่อนรัก15ปี มันจบแล้วสินะ



ในตอนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ก็มีเสียงเดินตามหลังมา นันคิดแค่ว่าอาจจะมีคนมายืนรอรถประจำทางเหมือนกันแต่แล้วก็คิดผิด เพราะคนกลุ่มนั้นคือเจ้าหนี้ที่ตามมาถึงที่นี้ นันพยายามเดินหนี้ก่อนจะวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น

เอี๊ยดดดดดด...

โครม!!!!

""



"ปวดหัวจัง เราตายแล้วนิ หรือยังไม่ตาย" นันมองไปรอบข้างเห็นเพียงห้องพักที่มีเตียงพยาบาลสองเตียง ภายในห้องดูเก่าบ่งบอกการใช้งานของห้องมานานนับปี 

"ที่นี่มัน..." ห้องพยาบาลของโรงเรียนมัธยมปลายของเขานี่

***

จะเกิดอะไรขึ้นหากคนหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง 


สารบัญ

เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่1 ความสิ้นหวังขั้นสุด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 2 กลับมาอีกครั้ง,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 3 เงินที่หายไป,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 4 หนูน้อยหัวกลม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 5 เรื่องจะเกิดมันก็ต้องเกิด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 6 ป้าจวนได้ค่ากับข้าว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 7 ชานมไข่มุก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 8 เงินก้อนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 9 ออเดอร์ใหญ่ครั้งแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 10 ผมอยากลาออกจากโรงเรียน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 11 ลูกจ้างคนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 12 ลาออก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 13 ร้านใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 14 30เปอร์เซ็นต์,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 15 ผู้ช่วยของแม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 16 ครอบครัว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 17 เว็บไซต์ขายร้านมินิ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 18 ความรวยกำลังมา,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 19 สมาชิกใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 20 โรงงานทำชานมไข่มุกสำเร็จ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 21 ช่วยแม่เพื่อน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 22 รับคนงานเพิ่ม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 23 แบ่งที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 24 รับลูกบุญธรรมและซื้อที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 25 ได้สาขาแรกที่กรุงเทพฯ

เนื้อหา

บทที่ 15 ผู้ช่วยของแม่

ในตอนที่ถึงคิวลูกค้านักเรียนกลุ่มใหญ่ ผมเห็นว่ามีวิอดีตเพื่อนสนิทของผมอยู่ในกลุ่มนั้นพอดี แต่ในเมื่อผมปล่อยวางและตั้งใจจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธอแล้วในชาตินี้ เพราะฉะนั้นผมจะทำเหมือนเธอและผมไม่รู้จักกันเสียยังดีกว่า ถ้าเธอไม่มาวุ่นวายกับผมก่อนนะ แต่เหมือนผมจะคิดผิด

"อ้าว!!? นี่มันนันห้อง 1 ไม่ใช่หรอ ไม่มีเงินเรียนต่อถึงขนาดลาออกจากโรงเรียนมาเป็นลูกจ้างร้านน้ำเล็กๆ ตกอับขนาดนี้เลย เห็นวันนั้นยังเย่อหยิ่งอยู่เลยนี้" สรที่อยู่ข้างวิรีบดึงแขนเสื้อเพื่อนสาวอย่างไว แต่ก็ไม่ทันห้ามปากเธออยู่ดี คนรอบๆตัวได้ยินสิ่งที่เด็กสาวพูด ก็มองไปที่ตัวของนัน เมื่อมาคิดย้อนกลับไปแล้วก็พบว่า นันยังอยู่ในวัยมัธยมอยู่ทำไมถึงไม่ไปเรียน มาเมื่อไหร่ก็เห็นช่วยแม่ขายน้ำอยู่ทุกวัน

"ลูกค้าอีกท่านสั่งได้นะครับ ดูท่าว่าลูกค้าท่านนี้คงไม่ได้ตั้งใจมาสั่งชานมร้านเราหรอก ยังไงก็รบกวนเขียนเมนูไว้ได้เลย แล้วรอเรียกชื่อนะครับ พอดีลูกค้าต่อคิวเยอะ" ผมไม่อยากจะสนใจคนที่มีดวงตาและจิตใจที่มืดบอด นี้สินะคือใบหน้าที่แท้จริงของวิ ทำไมเมื่อก่อนผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอคิดแบบนี้กับผมมาตลอด ต้องการที่จะเหยียบกันให้ได้เลย แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเอาเวลาเป็นเงินเป็นทอง ไปต่อล้อต่อเถียงกำคนแบบนี้ ส่วนวิก็พูดอีกหลายประโยคไม่ยอมหยุด

"นี่!!! แกกล้าเมินฉันหรอ"

"หนูจะสั่งอะไรก็สั่ง ถ้าแค่จะมายืนว่าร้ายคนอื่นเขาก็หลบให้คนข้างหลัง คนจะทำมาหากินถึงนันมันจะไม่ได้เรียนตอนนี้ก็ใช่ว่าอนาคตมันจะไม่เรียน ตอนนี้มันแค่ออกมาทำมาหากินช่วยแม่มัน แล้วมองดูตัวเองสินอกจากขอเงินพ่อแม่มาเรียนแต่ละวัน ช่วยเหลืออะไรพ่อแม่ได้บ้าง ไม่สั่งก็หลบเสียเวลาขายของ

เฮ้อ!! เด็กสมัยนี้นึกอยากจะว่าใครก็ว่า คิดว่าเงินที่ตัวเองใช้แต่ละวันหาเองหรือไง พ่อแม่ให้มาก็ใช่ว่าจะมีให้ใช้จนตายเสียเมื่อไหร่ กล้าดูถูกคนอื่นเขาไม่ดูตัวเอง นิสัยแบบนี้ที่บ้านไม่มีคนสอนหรือยังไงกัน" เสียงน้าหวานที่ทนฟังคนดูถูกนันไม่ได้ ถึงกับเอ่ยปากช่วยอีกแรงไม่มีใครรอให้วิได้สั่งก็ถูกเพื่อนในกลุ่มดึงออกมาจากแถว โดนเขาด่าต่อหน้าขนาดนี้ยังจะยืนอ้าปาก เถียงเขาไม่ทันแล้วยังกล้ายืนอยู่อีก สรไม่ไหวจึงบอกให้เพื่อนสั่งน้ำแทนเธอและวิ แล้วลากเพื่อนออกมายืนนอกแถว

"แกเป็นอะไรเนี่ย" สรที่ดึงแขนเพื่อนเอาไว้ถามขึ้นเมื่อเห็นอาการเพื่อนที่เหมือนไปโกรธเกลียดอะไรนันมากขนาดนั้น

"ก็ดูมันเมินฉันสิ ไหนจะป้าคนนั้นอีกมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันแบบนี้" วิยืนกอดอกเถียงเพื่อนเรื่องที่เกิดอย่างมั่นใจว่าตนเองทำถูก

"แล้วแกไปว่านันมันก่อนทำไม ไม่ได้คบกันก็ไม่เห็นต้องไปเหยียดมันขนาดนั้นเลย แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่มีเงิน" สรพยายามคุยกับเพื่อน เธอไม่เคยเห็นเพื่อนสาวอย่างวิเหยียดใครมาก่อน ส่วนมากก็แค่หัวเราะเวลาที่เพื่อนคนอื่นแซวคนอื่นไปทั่ว แต่ไม่ลงมือไปว่าใครเขาก่อนเลย ตั้งแต่นันตกน้ำและไม่ได้มาเรียนจนลาออกไป วิก็ดูเปลี่ยนไป เจอนันที่ไหนก็เหมือนอยากจะเข้าไปกัดคอนันที่นั่น

"แกดูมันสิ เป็นลูกจ้างเขาแบบนั้น จะมีปัญญาที่ไหนเรียนเหมือนพวกเราได้ละ ก็คงเป็นได้แค่ลูกจ้างจนตายนั่นแหละ ฉันไม่กินแล้วไปรอที่รถนะ" วิพูดจบก็เดินสะบัดมือ เดินไปทางที่รถรับส่งรอรับนักเรียนโดยไม่รอกลุ่มเพื่อนคนอื่นเลย สรหมดคำจะพูดกับเพื่อนจึงเดินกลับไปรอน้ำกับเพื่อนในกลุ่ม เมื่อเดินมายืนอยู่ในกลุ่มก็มองไปที่นัน ที่กำลังรับออเดอร์และคิดเงินอย่างคล่องแคล่ว สรจึงตัดสินใจเข้าไปพูดบางอย่างกับนัน

"เราขอโทษแทนวิด้วยนะนัน สงสัยเมนส์มา" สรพยายามขอโทษนันแทนเพื่อน พูดติดตลกเพื่อให้นันขำ นันได้แต่พยักหน้ารับส่งๆกลับไปก็เท่านั้น อยากบอกเหลือเกินแค่คำพูดไม่กี่คำไม่สะเทือนอารมณ์คนอย่างนันหรอก มากกว่านี้ยังโดนมาแล้ว

           

ร้านเราขายหมดแล้วก็พากันขนของเข้ามาเก็บในร้านใหม่ ลุงรปภ. ที่ตอนนี้ก็เป็นลูกมือช่วยน้าหวานยกของ พูดคุยพากันดูร้านตรงนั้นทีตรงนี้ที ตั้งแต่ที่น้าหวานได้มาทำงานกับผม แล้วได้รู้จักกับลุงรปภ.ก็เริ่มพูดคุยถูกคอ มีมาช่วยยกของบ้างช่วยขายของบ้าง ดูไปดูมาก็คงจะแอบมีใจให้กันแหละผมว่านะ แต่ก่อนจะคิดเรื่องคนอื่นไปไกล ก็ถูกหยุดด้วยเสียงของผู้เป็นแม่

"นันลูก เด็กคนนั้นคือคนที่มาหานันที่บ้านเมื่อเดือนก่อนใช่ไหม"

"ใช่ครับ" ผมตอบไปแบบนั้นไม่ได้จะปิดบังอะไรท่านอยู่แล้ว ก็แค่เพื่อนที่พึ่งรู้จักกันไม่นานในชาตินี้ละนะ

"แล้วทะเลาะกันหนักมากเลยหรือ ทำไมเขาต้องพูดจาแรงๆกับลูกขนาดนั้น ลองคุยกันก่อนดีไหม เข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่า" แม่มองมาที่ผมอย่างเป็นห่วง กลัวว่าผมจะเสียใจกับคำพูดของเพื่อน

"แม่ครับ ผมโอเคดี ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของเขาเลย ลูกแม่เก่งจะตายไปไม่สะเทือนสักนิด" ผมยักไหล่ขึ้นเล็กน้อย แล้วยกป้ายที่เขียนเรื่องการย้ายร้านให้แม่ดู พรุ่งนี้จะได้เอาไปติดไว้ที่ตำแหน่งร้านเดิม โดยไม่ลืมแต่งเติมสีสันให้ป้ายอีกด้วย

"สวยแล้ว ลูกแม่เก่งมาก" แม่ลูบหัวผมเป็นการแสดงความรักที่เมื่อก่อนไม่กล้าทำเพราะผมจะเบี่ยงหัวหลบตลอด แต่ตอนนี้ผมต้องการมันจริงๆ ผมกอดแม่แล้วหอมแก้มท่านอีกครั้ง

"น้าหวานครับขอเวลาสักเดี๋ยว" น้าหวานได้ยินดังนั้นก็เข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามผม 

"ว่ายังไงจ๊ะ"

"ผมตั้งใจจะคุยเรื่องวันทำงานของน้าหวาน จะเป็นไปได้ไหมว่าหลังจากนี้ร้านเราจะเปิดวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย โดยร้านเราจะเปิดในเวลา 07.00 - 16.00 น. โดยผมจะเพิ่มเงินเป็นวันละ 175 บาท หากผ่านไปสามเดือนยอดขายเรายังดีเหมือนเดิม ผมจะขึ้นให้เป็นวันละ 200 บาท น้าหวานจะตกลงไหมครับ เราจะเปิดร้านนี้ทุกวันหลังจากนี้ แต่หากน้าหวานมีธุระหรือต้องการจะหยุดงานก็แจ้งผมได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะครับ" ผมหยิบเอกสารสัญญาว่าจ้างให้แก่น้าหวานได้อ่านรายละเอียดก่อนเซ็น

"ส่วนเรื่องเงินเดือนผมจะจ่ายทุกวันที่ 1 และวันที่ 15 ของทุกเดือนครับ มีรายละเอียดในสัญญาน้าหวานลองอ่านดูก่อนได้ครับ" น้าหวานมีสีหน้าตื่นเต้นกับเงินรายวันที่เพิ่มขึ้นถึงวันละ 175 บาท แถมอีกสามเดือนก็ขึ้นไปวันละ 200 บาท ไม่คิดเลยว่าเงินเดือนในต่างจังหวัดแบบนี้จะได้เงินเดือนสูงขนาดนี้มาก่อน

"เซ็นเลยนะน้องนัน ตรงนี้ใช่ไหม" น้าหวานจรดปากกาลงลายมือชื่อทั้งสองใบ

"ครับ ใบนี้ไว้กับผมแล้วก็ไว้กับน้าหวานคนละใบนะครับ"

นี่แค่จุดเริ่มต้น เพราะเมื่อไหร่ที่ร้านสำเร็จรูปของช่างใหญ่เสร็จ ผมเองก็จะขายแฟรนไชส์พ่วงไปกับร้านนั้นด้วย โดยในอนาคตก็คงเป็นน้าหวานคนนี้แหละที่จะเป็นสาขา 2 ของผม ถึงตอนนั้นคนที่ชาติก่อนช่วยดูแลแม่และดีกับแม่ ผมจะตอบแทนพวกท่านทุกคน ให้มีชีวิตที่ดีขึ้นไปด้วยกัน

"ลุงเจิดละครับ เสาร์-อาทิตย์รับงานเสริมไหม" ผมได้ยินมาว่าลุงเจิด มีลูกชายที่เรียนจบแล้ว แต่ติดทหารอยู่ได้ปีหนึ่งแล้ว ลุงเจิดมีลูกชายคนเดียวตอนนี้จึงเหมือนทำงานเลี้ยงตนเอง ส่วนแม่ของลูกเลิกกันไปตั้งแต่ลูกชายได้ขวบหนึ่ง แกไม่มีเมียใหม่เลยเลี้ยงลูกมาคนเดียว จนเรียนจบม.6 ไปทำงานแล้วติดทหาร แกเล่าให้ฟังว่าเงินที่ลูกชายได้จากทหาร แกไม่เคยคิดจะแตะต้อง เก็บไว้ให้ลูกชายสร้างตัวเมื่อปลดประจำการ 

"ลุงมาทำได้หรือนัน" ผมรู้ลุงแกก็เหงา ขนาดไม่ได้จ้างแกยังมาเดินวนเวียนช่วยน้าหวานตลอด สู้ให้แกทำงานช่วยกันในวันหยุดไปเลยดีกว่า แม่เองก็ได้พักทำแค่ไข่มุกช่วงวันหยุดก็พอแล้ว

"ได้สิครับ มาช่วยน้าหวานขายของช่วงวันหยุดลูกค้าน่าจะเยอะ ผมให้เท่ากับน้าหวานละกัน" ผมส่งใบสมัครที่มีรายละเอียดให้แกอ่าน ลุงเจิดรับไปอ่านเล็กน้อยแล้วก็รีบเซ็น ที่ผมให้ลุงเจิดได้ช่วยงานน้าหวานทำให้พวกท่านมีเวลาได้รู้จักกันมากขึ้น และผมเชื่อว่าพวกท่านไม่มีทางโกงพวกผมแน่นอน อาจจะเหมือนการเชื่อคนง่าย แต่ผมว่าผมดูคนขาดพอสมควร 

            เมื่อพวกเราเดินทางกลับบ้านกัน กลับได้ยินเสียงของน้องนนท์ร้องไห้มาแต่ไกล วันนี้ผมไม่ได้พาน้องนนท์ไปขายของด้วยเพราะต้องทำธุระหลายอย่าง แม่จึงให้น้องนนท์อยู่ที่บ้านกับน้าฟาง ตั้งแต่น้าฟางออกจากโรงพยาบาลแกก็ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน แม่จึงให้น้องนนท์อยู่กับน้าฟางแค่ตอนกลางวันเท่านั้น ผมรีบลงจากรถของน้าหวานก่อนจะวิ่งเข้าไปหาน้องนนท์ น้าฟางที่กำลังถือไม้เรียวอยู่ในมือก็หยุดมือลง ก่อนจะโยนไม้ทิ้ง

"เกิดอะไรขึ้น" น้องนนท์ที่ได้ยินเสียงของผม รีบวิ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของผมทันที ผมรีบอุ้มแกก่อนจะลูบหัวลูบหลังให้แกใจเย็นลง "ไม่ร้องนะครับคนดี พี่นันอยู่นี้แล้ว" จากเสียงที่ดังเหมือนแทบตะโกนก่อนหน้านี้ อ่อนลงเมื่อปลอบโยนเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน แต่สายตาที่มองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ คนตรงหน้ากลับแฝงไปช่วยสายตาโกรธเคืองอย่างที่น้าฟางเองก็ไม่เคยได้พบเจอ 

"ก็มันทำถ้วยแตก ฉันเป็นแม่มันก็ต้องลงโทษเป็นการสั่งสอนมันสิ" ด้วยความที่ตนเองมีฐานะเป็นน้าของเด็กตรงหน้าจึงทำให้ใจกล้าที่จะตอบโต้เช่นนั้นไป

"แต่นนท์แค่เด็กยังไม่4ขวบด้วยซ้ำนะครับน้า วัยเท่านี้ทำได้แค่วิ่งเล่นเท่านั้นแหละ ไม่ใช่มานั่งล้างจาน พอไม่ได้ดั่งใจก็ตีแบบนี้" ผมที่พูดด้วยเสียงเย็นชาไม่อ่อนข้อ และไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องที่แกทำ แต่ก่อนที่น้าฟางจะตอบโต้สิ่งที่ผมพูดก็ถูกขัดด้วยเสียงของแม่ที่ตามมาทีหลัง

"มีอะไรกัน นันเกิดอะไรขึ้นลูก" แม่ถามผมและมองหลานที่อยู่ในอ้อมแขนของผม ก่อนจะมองไปที่น้องสาวตนเอง

"ผมว่าแม่ลองถามน้องสาวแม่เองดีกว่าครับ เรากลับบ้านกันเถอะน้องนันท์ไม่ร้องนะครับ" น้องนันท์พยักหน้า พร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ คลอตลอดทางที่เดินกลับบ้านผม เมื่อผมให้น้องนนท์ยืนบนแคร่ให้เรียบร้อยผมมองไปรอบๆ เห็นรอยที่ถูกไม้ตีอยู่หลายจุด และมองใต้ร่มผ้าก็เจอเข้ากับรอยหยิกอีกหลายที่ 

"เจ็บไหมหึ"

"อึก ฮือ เจ็บ ตี เจ็บ ฮือออ" ผมกอดน้องแนบอกอีกครั้ง "ไม่ต้องกลัวนะ ต่อไปพี่นันจะไม่ให้ใครมาทำร้ายหนูอีก พี่นันสัญญา" กอดปลอบกันอยู่พักใหญ่แม่ก็เดินกลับมา บอกว่าต่อไปจะให้น้องนนท์มานอนกับเราจนกว่าน้าฟางจะคลอด

"แม่บอกว่าจะเลี้ยงเจ้านนท์เอง ต่อไปก็ไม่ต้องเอาไปฝากน้าฟางหรอก ไกลแค่ไหนก็พาไปได้ไปอยู่ที่ร้านก็ได้ ร้านเราก็พอมีพื้นที่ให้น้องนอนได้อยู่ เดี๋ยวแม่ดูน้องเองดีไหม" ผมพยักหน้ารับ แม่เองก็ลูบหัวปลอบใจน้องนนท์และผม ก่อนจะบอกว่าจะไปเตรียมของทำไข่มุกที่ต้องใช้พรุ่งนี้ ส่วนผมเองก็พาน้องนนท์ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็หาข้าวให้น้องกินก่อนจะพาน้องนอนกลางวัน

ทำไมกันนะคนเป็นแม่แท้ๆ ถึงกล้าลงไม้ลงมือกับลูกตนเองได้ขนาดนี้ มันไม่มีทางไหนเลยหรือที่จะสามารถทำให้น้องนนท์ หลุดพ้นจากครอบครัวแย่ๆ น้องแค่เด็กยังไม่ 4 ขวบเต็มด้วยซ้ำ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ เมื่อน้องนนท์หลับไปแล้ว ผมจึงมาช่วยแม่และน้าหวานทำไข่มุก น้าหวานแกก็บ่นเรื่องที่น้าฟางตีลูกไม่หยุด ส่วนผมก็ยังไม่ได้บอกแม่เรื่องที่ตกลงขายแบบให้ช่างใหญ่ งานเพิ่มขึ้นอีกอย่างคงต้องถึงเวลาหาคนมาช่วยแม่ทำงานแล้วละ นี้ก็เดือนกว่าแล้วที่ผมย้อนกลับมา สิ้นเดือนนี้พ่อเลี้ยงคงจะกลับมาพอดี หรือจะให้แม่เร่งการกลับของพ่อเลี้ยงดีนะ

***