ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

เปลี่ยนชะตาชีวิต - บทที่ 16 ครอบครัว โดย crioA,] @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตาชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,ดราม่า,ย้อนเวลา,BL,BoyLove

รายละเอียด

ชายผู้หมดศรัทธาในการใช้ชีวิต โดนหลอกจากคนที่รักมานับสิบปี ชีวิตยิ่งดิ่งลงหลังจากผู้เป็นแม่ได้ตายจากเพราะโรคหัวใจโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รำลา เจ้าหนี้ก็ตามรังควานจนตาย เขามีโอกาสย้อนอดีตกลับมาตอนม.4 เขาจะแก้ไขชีวิตสิ้นหวังได้หรือไม่

ผู้แต่ง

crioA,]

เรื่องย่อ

"เมื่อไหร่พี่พายุจะบอกเรื่องของเราให้นันรู้สักที" เสียงหญิงสาวคุ้นหูทำให้นันที่อยู่ในบทสนทนาใจกระตุก หากได้ยินประโยคนี้ที่อื่นอาจจะเป็นความเข้าใจผิดได้ แต่นี้มันคอนโดที่นันและแฟนเช่าอยู่ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว


"วิพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ พี่กับนันคบกันมา 10 ปีแล้วนะ วิเองก็รู้" และเสียงที่ตอบโต้ก็เป็นเสียงของแฟนตัวเองที่คบกันมา 10 ปีแล้ว 

"พี่พายุจะรอให้ลูกโตก่อนหรือยังไงถึงจะยอมเลิกกับมันสักที"

"ไม่ใช่แบบนั้น..."

และนี้คือรักสิบปีและเพื่อนรัก15ปี มันจบแล้วสินะ



ในตอนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ก็มีเสียงเดินตามหลังมา นันคิดแค่ว่าอาจจะมีคนมายืนรอรถประจำทางเหมือนกันแต่แล้วก็คิดผิด เพราะคนกลุ่มนั้นคือเจ้าหนี้ที่ตามมาถึงที่นี้ นันพยายามเดินหนี้ก่อนจะวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น

เอี๊ยดดดดดด...

โครม!!!!

""



"ปวดหัวจัง เราตายแล้วนิ หรือยังไม่ตาย" นันมองไปรอบข้างเห็นเพียงห้องพักที่มีเตียงพยาบาลสองเตียง ภายในห้องดูเก่าบ่งบอกการใช้งานของห้องมานานนับปี 

"ที่นี่มัน..." ห้องพยาบาลของโรงเรียนมัธยมปลายของเขานี่

***

จะเกิดอะไรขึ้นหากคนหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง 


สารบัญ

เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่1 ความสิ้นหวังขั้นสุด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 2 กลับมาอีกครั้ง,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 3 เงินที่หายไป,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 4 หนูน้อยหัวกลม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 5 เรื่องจะเกิดมันก็ต้องเกิด,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 6 ป้าจวนได้ค่ากับข้าว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 7 ชานมไข่มุก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 8 เงินก้อนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 9 ออเดอร์ใหญ่ครั้งแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 10 ผมอยากลาออกจากโรงเรียน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 11 ลูกจ้างคนแรก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 12 ลาออก,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 13 ร้านใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 14 30เปอร์เซ็นต์,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 15 ผู้ช่วยของแม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 16 ครอบครัว,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 17 เว็บไซต์ขายร้านมินิ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 18 ความรวยกำลังมา,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 19 สมาชิกใหม่,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 20 โรงงานทำชานมไข่มุกสำเร็จ,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 21 ช่วยแม่เพื่อน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 22 รับคนงานเพิ่ม,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 23 แบ่งที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 24 รับลูกบุญธรรมและซื้อที่ดิน,เปลี่ยนชะตาชีวิต-บทที่ 25 ได้สาขาแรกที่กรุงเทพฯ

เนื้อหา

บทที่ 16 ครอบครัว

เวลาผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว หลังจากที่ผมได้เข้าไปเซ็นสัญญากับช่างใหญ่ และนำแบบไปเสนอให้ช่างใหญ่ได้คัดเลือก ปรากฏว่าช่างใหญ่เลือกทั้งสามแบบโดยมีค่าแบบอยู่ที่แบบละ 2000 บาท ความจริงช่างใหญ่ต้องการให้มากกว่านี้ แต่ผมกลับคิดว่าราคานี้เพียงพอแล้ว วันนี้จึงเป็นวันที่ผมและช่างใหญ่ต้องเดินทาง ไปติดต่อขอซื้อไม้อัดจากโรงงานที่ขอนแก่น ใช้เวลาเดินทางร่วม 4 ชั่วโมงก็มาถึงโรงงาน บริษัทขอนแก่นคลังไม้

ซึ่งก่อนเข้ามาผมใช้โทรศัพท์จากร้านช่างใหญ่ โทรนัดกับฝ่ายขายของโรงงานคลังไม้แล้ว เมื่อเดินทางมาถึงหน้าโรงงานแจ้งชื่อฝ่ายขายที่นัดหมายไว้ ยามหน้าโรงงานก็ให้เข้ามาเพราะมีรายชื่อในสมุดนัดหมายจริง 

การเข้าพบวันนี้ คือการแนะนำช่างใหญ่ให้รู้จักกับฝ่ายขายท่านนี้ เมื่อครั้งที่แล้วที่เขาได้มาติดต่อซื้อไม้ที่หน้าร้านที่ตั้งโชว์ ไม่มีใครสนใจเขาด้วยซ้ำ คงเพราะเขายังเด็กอยู่มาก มีแค่พี่วิชัยฝ่ายขายคนนี้แหละที่คอยให้คำแนะนำ และเชิญผมเข้าไปดูไม้ที่อยากได้ในโรงงาน เพราะที่วางไว้เป็นตัวอย่างไม่มีที่ลูกค้าต้องการ แต่เมื่อเดินเข้ามาภายในโรงงานจนเกือบกลางๆ ก็พบกับไม้อัดกองใหญ่ที่ทางลูกจ้างของโรงงานผลิตไม้อัดชนิดนี้ผิด จึงถูกนำมาวางไว้เพื่อรอการแปรรูปใหม่

แต่ก่อนที่จะได้ทำใหม่ ลูกค้าอายุน้อยที่มารู้ภายหลังว่าชื่อคุณนัน กลับเรียกไม้อัดชนิดนี้ว่าไม้อัด OSB และขอซื้อกับทางโรงงานของเขา เพื่อเป็นการตอบแทนที่วินัยให้บริการเขาเป็นอย่างดี จึงแนะนำให้วินัยบอกกับทางโรงงานว่ามันสามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง สามารถขายได้แน่นอน วินัยจึงเสนอให้เป็นสินค้าใหม่กับทางโรงงาน ทำให้เมื่อครั้งนั้นวินัยถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นพนักงานประจำ พร้อมขึ้นเงินเดือนอีกด้วย วิชัยยังนึกแปลกใจที่ลูกค้าอายุน้อยท่านนี้ กลับรู้จักและรู้ว่าโรงงานเขามีไม้อัดที่ผลิตแบบไม่ตั้งใจ แต่กลับเป็นที่ต้องการของลูกค้าพอดี แถมตั้งชื่อให้กับไม้ชนิดนี้อีกว่า ไม้อัดแข็งOSB เพราะทั้งแถบอีสานยังไม่มีเจ้าไหนนำมาจำหน่าย มีแค่โรงงานเขาเท่านั้น

"สวัสดีครับคุณวิชัย" นันที่เดินนำช่างใหญ่ลงมาจากรถ ที่ลูกน้องเป็นคนขับ พวกเขาเดินมาทักทายวิชัยก่อนจะแนะนำตัวให้รู้จักกัน

"สวัสดีคุณอนันตกาล สบายดีนะครับผม ไม่คิดเลยว่าเราจะได้กลับมาเจอกันรวดเร็วขนาดนี้"

"ครับ สบายดีครับ เรียกผมว่านันเหมือนเดิมเถอะครับ เรียกเต็มยศเลยไม่ค่อยชิน ผมมีคนอยากแนะนำให้รู้จัก ท่านนี้คือคุณภาคภูมิครับ" วิชัยกล่าวทักทายช่างใหญ่ และจับมือกันเป็นการทักทาย

"เรียกช่างใหญ่ก็ได้ครับ ผมชื่อใหญ่ครับ ลูกน้องชอบเรียกช่างใหญ่"

"อ่อ สวัสดีครับช่างใหญ่ ผมวิชัยครับ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณนันต้องการมาติดต่อเรื่องไม้อัด OSB ใช่ไหมครับ นี่ผมต้องขอบคุณ คุณนันเลยนะ ตอนนี้ผมได้เป็นพนักงานขายประจำแล้ว" ประโยคหลังวิชัยแอบกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น

"ยินดีด้วยนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็สามารถพูดคุยกับคุณวิชัยได้เลยใช่ไหม ถ้าหากผมต้องการสั่งซื้อไม้อัด OSB หรืออาจจะเป็นไม้อัดชนิดอื่นๆด้วย" นันเองก็กล่าวแสดงความยินดีกับวิชัยจากใจจริง เพราะพนักงานขายที่บริการลูกค้าดีกว่าจะเลือกลูกค้าแต่งตัวดีๆ ละเลยลูกค้าที่ยังเด็กและแต่งตัวธรรมดาพร้อมมองด้วยสายตาไม่เชื่อถือ วันนี้นันเองจึงตัดสินใจจะซื้อขายไม้อัดกับวิชัยคนเดียว 

 

ทั้งสองฝ่ายนั่งพูดคุยเรื่องสินค้า ที่ทางนันต้องการซื้อกลับในครั้งนี้ เป็นจำนวนหนึ่งคันรถบรรทุก เพื่อนำกลับไปทำร้านตัวอย่างก่อน และจะโทรมาสั่งกับทางวิชัยให้ไปส่งที่ร้านของช่างใหญ่ในครั้งต่อไป วิชัยเสนอถ้าทางนันซื้อไม้อัดหรือสินค้าใดรวมกัน ได้ตามจำนวนเงินที่โรงงานกำหนดจะจัดส่งให้ฟรี

ข้อตกลงเป็นอันถูกใจทั้งสองฝ่าย นันได้ส่วนลดที่วิชัยแทบจะได้ค่าคอมมิชชั่นไปน้อยนิด แต่เมื่อแลกกับระยะเวลายาวนาน กินน้อยแต่กินได้เรื่อยๆ วิชัยเลือกแบบนี้ดีกว่าและเขายังได้ผลงานอีก เขาอยากรักษาลูกค้ากระเป๋าหนักแบบนันเอาไว้ และเขามั่นใจว่าในอนาคตหากมีสินค้าใหม่ๆ ที่โรงงานเขานำมาขายเขาไม่ลืมที่จะแนะนำให้ทางนันเป็นเจ้าแรกแน่นอน

"วันนี้ต้องขอบคุณ คุณนันและช่างใหญ่มากๆ นะครับ ยังไงครั้งต่อไปก็สามารถโทรหาผมได้เลยนะครับ"

"ยินดีมากครับ วันนี้ต้องขอตัวกลับก่อน นี้ก็ได้เวลาต้องกลับแล้วละครับ" 

จากนั้นพวกเขาก็ตีรถกลับบ้านทันที มีแวะกินข้าวไม่นานก็ขับรถกลับต่อ ทั้งสามคนที่อยู่บนรถในตอนนี้สามารถขับรถได้หมด เพียงแต่ช่างใหญ่ไม่กล้าให้ผมขับ เพราะใบขับขี่ยังไม่มีนั้นเอง

"ถ้าไม่ได้นันเรื่องคงไม่ง่ายขนาดนี้ ต้องขอบใจนันมากนะ" ช่างใหญ่ที่ตอนนี้เปลี่ยนคำเรียกขานจากคุณนันเป็นนันเฉยๆ ส่วนผมก็เรียกแกว่าพี่ใหญ่แทน เราช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นดั่งพี่น้องกันแล้ว ยิ่งได้รู้จักกันก็สนิทกันมากขึ้น ช่างใหญ่เองก็เป็นคนดีซื่อสัตย์ไม่เอาเปรียบทั้งลูกน้องและคนร่วมลงทุนอย่างเขา 

แต่ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยร้านช่างใหญ่ เขามองเห็นบุคคลที่เขาคุ้นตาลงมาจากรถโดยสารพอดี

"พี่ใหญ่รบกวนจอดข้างหน้าก่อนแปบๆ เดี๋ยวมา" ผมโดดลงจากรถบรรทุกของที่ร้าน เดินไปหาชายร่างสูงใหญ่มีผิวขาวของชาวต่างชาติ จมูกโด่งเป็นสัน หุ่นที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้าคงเป็นหุ่นสุขภาพดีเหมือนพวกเข้ายิมประจำ

ผมเดินไปอยู่ด้านหลังก่อนจะสะกิดไหล่เบาๆ ก็ผมยังโตไม่เต็มที่สูงเท่าไหล่เขาเอง เมื่อเขาหันกลับมาก็ต้องตกใจที่เจอผม ผมเองก็ตัดสินใจทักทายเป็นภาษาอังกฤษ ก็มันเป็นภาษากลางของโลกไง

"Hi dad!" เขาตกใจที่ผมเรียกพ่อ หน้าตาตกใจเอามากๆ ก่อนจะตอบผมเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน

"Hi nan. Why are you here?" 

"ผมไปทำงานมาครับ คุณบอกแม่ให้มารับหรือยัง" ผมถาม เขาส่ายหน้าแล้วบอกว่าพึ่งถึง กำลังจะโทรหาแม่ให้มารับ ผมจึงบอกให้เขารอที่ใต้ต้นไม้ 15 นาที ผมจะกลับมาไปเอารถก่อน 

"คนรู้จักหรอนัน เห็นคุยตั้งนานเก่งแฮะคุยกับฝรั่งก็เป็นด้วย" ช่างใหญ่ถามขึ้น เมื่อผมโดดขึ้นรถเพื่อกลับไปเอามอเตอร์ไซค์ที่ร้าน

"รู้จัก แฟนแม่นะ พึ่งถึงเลยบอกให้รอกลับพร้อมกัน แม่จะได้ไม่ต้องออกมารับ ป่านนี้คงกำลังยุ่งอยู่กับงานที่บ้าน" ผมตอบไปตามจริง คนที่ได้ฟังก็ตกใจ ว่าแฟนใหม่แม่กับลูกเลี้ยงเข้ากันได้ง่ายขนาดนี้เลย พวกเขาคุยกันอีกหลายเรื่องจนมาถึงร้าน ผมก็ขับมอเตอร์ไซค์ตัวเองไปรับเขา

"แด๊ดขึ้นรถมาเลย ผมพากลับเอง" เขาขึ้นรถผมพร้อมเป้ใบใหญ่ที่สะพายหลัง 

รถขับมาในหมู่บ้านผ่านบ้านใครเขาก็มองว่าผมพาใครกลับมาด้วย บางคนที่เคยเจอก็นึกออกว่าพ่อเลี้ยงผมเอง แต่ในสายตาคนในหมู่บ้านยังจำภาพที่ผมไม่ต้อนรับพ่อเลี้ยงคนใหม่ บางคนจึงไม่แน่ใจ

"แม่ มีคนมาหา" ผมตะโกนทั่วบ้านจนแม่ที่อยู่ในครัวตกใจ ท่านลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กำลังจะดุลูกชายตัวเองที่เสียงดังทำให้ท่านตกใจ ก็ดุไม่ออกเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกับลูกชายคือคนที่เธอรัก และรอเขามาทั้งวัน 

แม่เดินเข้ามากอดกับพ่อเลี้ยงด้วยความคิดถึง จนลืมไปแล้วมั่งลูกชายกับหลานยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ 

"น้องนนท์ห้ามดูนะครับ" ผมปิดตาน้องนนท์ไม่ให้ดู ผู้ใหญ่สองคนกำลังแสดงความรักต่อกัน พูดไปเรื่อยเขาแค่กอดกันแสดงความรักเท่านั้นแหละ พวกคุณนะคิดมาก

"คิก คิก พี่นันดูเอ๋ น้องนนท์ดูเอ๋ คิกคิก เอ๋ "น้องนนท์แกะนิ้วที่ผมกำลังปิดตาไว้แบบไม่สนิท ยังพอมองเห็นได้ น้องก็เข้าใจว่าเล่นจ๊ะเอ๋กับแก เด็กน้อเด็ก

ผมจึงพาน้องนนท์ไปอาบน้ำกัน เพราะผมเองก็เหนื่อยกับการนั่งรถทั้งวันแล้ว ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่เขาคุยกันไปเถอะ 

"น้องนนท์ไปอาบน้ำ เตรียมกินข้าวเย็นกันดีกว่าเรา" น้องนนท์ก็อ้าแขนให้กับผม พวกเราก็ไปอาบน้ำกันก่อนจะมานั่งกินข้าวเย็นร่วมกัน 

แม่ที่นั่งกินข้าวคุยไปยิ้มไป คงเป็นวันที่ท่านมีความสุขมากวันหนึ่งเลยละ หลังจากนี้ครอบครัวของเราอาจจะมีน้องสาวมาเพิ่มอีกสักคนก็ได้ ผมจะรักษาครอบครัวนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด

***