"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น

The Chosen Two, Wanna Choose You - ตอนที่ 2 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง1 โดย ตัวต่อสายรุ้ง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Chosen Two, Wanna Choose You

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น

ผู้แต่ง

ตัวต่อสายรุ้ง

เรื่องย่อ

"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น


สารบัญ

The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 1 จากอนาคตข้างหน้า,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 2 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง1,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 3 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง2,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 4 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง3,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 5 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง4,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 6 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง5,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 7 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง6,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 8 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง7,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 9 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง8,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 10 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง9,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 11 สาวน้อยผู้เหลือรอด1,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 12 สาวน้อยผู้เหลือรอด2,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 13 สาวน้อยผู้เหลือรอด3,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 14 สาวน้อยผู้เหลือรอด4,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 15 สาวน้อยผู้เหลือรอด5,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 16 สาวน้อยผู้เหลือรอด6,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 17 สาวน้อยผู้เหลือรอด7,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 18 สาวน้อยผู้เหลือรอด8,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 19 สาวน้อยผู้เหลือรอด9,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 20 สาวน้อยผู้เหลือรอด10,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 21 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา1,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 22 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา2,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 23 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา3,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 24 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา4,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 25 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา5,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 26 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา6,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 27 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา7,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 28 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา8,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 29 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา9,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 30 ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมา10,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 31 สู่ปราสาทจอมมาร1,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 32 สู่ปราสาทจอมมาร2,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 33 สู่ปราสาทจอมมาร3,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 34 สู่ปราสาทจอมมาร4,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 35 สู่ปราสาทจอมมาร5,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 36 สู่ปราสาทจอมมาร6,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 37 ถึงอย่างไรก็เลือกเธอ1,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 38 ถึงอย่างไรก็เลือกเธอ2,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 39 ถึงอย่างไรก็เลือกเธอ3,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 40 บทส่งท้าย,The Chosen Two, Wanna Choose You-ตอนที่ 41 พูดคุยนักเขียน

เนื้อหา

ตอนที่ 2 ผู้ถูกเลือกทั้งสอง1


ยามที่ท้องฟ้าอึมครึมถูกย้อมไปด้วยแสงสีแดงสาดส่องดั่งเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ท้องฟ้า มันคือความวิปโยกที่เหมือนกับว่าโลกใบนี้กำลังแตกสลาย เช่นเดียวกับภาพสะท้อนภายในท้องฟ้าแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวาย เมืองอันกว้างใหญ่ เปลวไฟร้อนแรงกำลังลุกไหม้ ซากประหลักหักพัง เสียงกรีดร้อง กลิ่นคาวเลือด บรรยากาศชวนให้หดหู่

ภาพตรงหน้าชวนให้ผมรู้สึกหนักอึ้งในใจ กล้ำกลืนกับความรู้สึกโกรธแค้นที่มี แม้จะทำใจได้ยากแต่เท้าก็ยังก้าวไปข้างหน้า ภาพที่ไม่น่ามองจนอยากหลบหนี แต่ก็ต้องเหลือบมองด้วยความรับผิดชอบที่แบกไว้

เมืองที่ซิ่งเคยยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรมนุษย์ ทั้งโอ่อ่า รุ่งเรืองและน่าเกรงขาม คือสิ่งที่นิยามที่แห่งนี้ แต่ว่าตอนนี้กลับถูกตีจนแตกพ่ายไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อต้าน

ผมเดินบนถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยเสียงวุ่นวายของการต่อสู้ระหว่างกองทัพอสูรกับเหล่าทหารของอาณาจักร เสียงร้องโหยหวนจากทหาร พร้อมกับเสียงคำรามจากอสูรเป็นตัวบ่งบอกว่าเมืองแห่งใกล้จบสิ้นแล้ว

เห็นแบบนั้นจึงรีบเดินไปข้างหน้ามุ่งสู่ยังปราสาทหลังใหญ่โอ่อ่าตั้งอยู่ในกลางเมืองแห่งนี้ ขณะเดินพลางมองสิ่งก่อสร้างที่ชวนคิดถึงเรื่องราวสมัยก่อน เมื่อครั้งยังเคยอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ ถึงแม้ตอนนี้มันจะไหม้เป็นเถ้าถ่านหมดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงคิดถึงบรรยากาศเมื่อสมัยยังเป็นเด็กตอนที่ท่านพ่อและท่านแม่อยู่พร้อมหน้ากันอย่างมีความสุข

นึกถึงภาพของเด็กน้อยจูงมือพ่อและชี้นิ้วไปยังปราสาทอย่างตื่นเต้น

“ว้าว! ปราสาทหลังโต๋โต ดูสิครับท่่าพ่อท่าแม่”

พูดออกไปด้วยความไร้เดียงสา

แต่ภาพของเด็กน้อยหายไปกลับกลายเป็นภาพท่านทหารยื่นมือออกมาขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วยๆ ข้ายอมแพ้แล้ว ไว้ชีวิตพวกเราเถอะ อ้า…!!!”

สิ้นเสียงร้องทหารก็สิ้นใจด้วยคมหอกของอสูร

มองภาพทหารที่สิ้นใจไปก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วก็เดินผ่านร่างนั้นไป

ผมเดินจนถึงหน้าปราสาทแล้ว ปราสาทหลังใหญ่แห่งนี้ที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆ อย่าง แต่ว่าในวันนี้ทุกๆ อย่างนั้นกำลังจะถึงจุดสิ้นสุดเสียที วันนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายหลังจากสงครามที่ยาวนานนี้เกิดขึ้น

แต่ก็ได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมกันตัวผมยืนรออยู่นานแล้วแต่ยังไม่มีคนรับใช้ออกมาต้อนรับเสียที

ขณะที่คิดอยู่แบบนั้นก็มีคนสองคนวิ่งออกมาด้วยความรีบร้อน วิ่งออกมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของผมทั้งคู่ คนหนึ่งเป็นผู้หญิงแต่งตัววาบหวิวใส่ชุดเผยให้เห็นสัดส่วนหลายๆ ส่วน มีปีกกลางหลังและแสดงถึงคมเขี้ยวคมกริบที่ปาก เธอคือปีศาจซักคิวบัส

อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายใส่ชุดเกราะแน่นหนาแค่เมื่อมองไปภายในนั้นลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงที่ร้อนแรง ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่จากน้ำเสียงก็รู้ได้ว่าเป็นผู้ชาย

อสูรทั้งสองคนนี้เปรียบเสมือนดั่งกับมือซ้ายและมือขวาของจอมมาร เป็นสองคนที่มีประโยชน์เหลือเกินกับผม

“ขออภัยที่ช้า เชิญเข้าด้านในได้เลยค่ะ ท่านจอมมาร”

ผมถูกเรียกแบบนั้นมานานแล้ว จอมมารเป็นชื่อเรียกที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจที่สุดในเหล่าอสูร เป็นศัตรูคู่ปรับกับสิ่งที่เรียกว่าผู้กล้า แต่สิ่งที่น่าตลกก็คือสมัยก่อนนั้นผมดันถูกเลือกให้เป็นผู้กล้าเสียอย่างนั้น แต่ตอนนี้ดันเป็นจอมมารเองเสียได้ สองอย่างในคนคนเดียว ผูกขาดอำนาจนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว น่าเหลือเชื่อเหลือเกิน

แต่มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว

“ช้ากันเหลือเกินนะ”

น้ำเสียงของผมแผล่วเบา แต่ก็ทำให้ทั้งสองคนตัวสั่นกลัวได้

“ตะ ต้องขออภัยด้วย พอดีข้าต้องจัดการหลายๆ ให้เรียบร้อยสำหรับนายท่านขอรับ”

“…”

ผมจ้องเขม่นมองไปยังทั้งสอง เหมือนว่าทั้งสองจะรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจนก้มหน้าลงตัวจนเกือบจะถึงพื้น

“ช่างเถอะ เรียบร้อยก็ดีแล้ว”

ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับความไม่ได้ดั่งใจของลูกน้องเท่าไหร่ เพราะผมนั้นเป็นเจ้านายที่ดียังไงล่ะ จึงรีบเดินเข้าไปในปราสาทโดยไม่สนใจมั้งสองที่นั่งคุกเข่าอยู่ เดินผ่านสักพักไปแอบได้ยินเสียงถอนหายใจของทั้งคู่ไล่หลังมา จริงๆ แล้วดูเหมือนผมจะกดดันทั้งคู่เกินไปล่ะมั้ง

เดินผ่านเข้าไปผ่านลานกว้างที่เงียบเชียบ ผ่านสวนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ตลอดโถงทางเดินที่พื้นเต็มไปด้วยเศษของกระจก มุ่งไปยังที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางของประเทศนี้ ห้องบัลลังก์ของพระราชา

เมื่อเข้าไปเป็นห้องโถงกว้างใหญ่มีพื้นที่มากมายมีบัลลังก์สีทองโอ่อ่าตั้งอยู่บนสุด ห้องนี้มันกว้างใหญ่แต่ดูเหมือนพื้นที่จะถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว ทั้งห้องเต็มไปด้วยร่างของขุนนางทุกตระกูลในเมืองนี้ ดูจากร่องรอยเผาไหม้และรูบนตัวพวกเขาแล้วดูเหมือนจะเป็นฝีมือของซักคิวบัสและเกราะเพลิง เห็นแบบนั้นรู้สึกเสียใจเลยที่ทำท่าทางกดดันสองคนนั้นไป

ผมมองเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาจากกลุ่มของร่างของลูกขุนนางเหล่านั้น บางคนเคยสนิทชิดเชื่อด้วย บางคนเคยได้พูดคุยพบเจอ บางคนก็เป็นศัตรูที่ไม่ชอบขี้หน้า แต่ตอนนี้พวกเราตายกันหมดแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าควรรู้สึกกับมันเช่นไรดี แต่ถึงอย่างไรผมก็มีสิ่งสุดท้ายที่ต้องจัดการ

ด้านบนใกล้กับบัลลังก์มีชายแก่พุงพลุ้ยสวมชุดสีแดงหรูหราอย่างดีนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนว่าจะตัวสั่นกลัวไม่อาจจะขยับไปไหนได้ ดูแล้วก็น่าสมเพชจริงๆ กับราชาของประเทศนี้

“ว่ายังไงล่ะท่านพระราชา ข้าอยากจะขอหัวของท่าน เพื่อเป็นเกียรติให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าได้หรือไม่?”

พอได้ยินแบบนั้นราชาก็หยุดตัวสั่นเงยหน้ามองมาที่ผม

มองอยู่สักพักก็ทำเหมือนกับคนคุ้นเคยพร้อมทั้งแสยะยิ้มออกมา

“หึ หึ หมายถึงดยุคเฮย์เดนลิชกับยัยผู้หญิงสามัญชนนั้นเหรอ!?”

เขากำหมัดแน่นทุบลงกับพื้น พร้อมทั้งเค้นเสียงพูด

“ไหนเจ้านั้นบอกว่าแกคือความหวังของมวลมนุษย์ หน้าที่ของแกคือผู้กล้าแกลืมไปแล้วเหรอ ผู้ก็ต้องทำงานให้พระราชาแบบฉันสิ แต่ทำไมแกถึง…”

พูดไม่ทันจบ ลูกศรสีดำพุ่งเฉียดหน้าราชากระแทกกำแพงด้านหลัง

"จองหองเกินไปแล้ว เจ้าหมูโสโครก!!"

สาวซักคิวบัสตะโกนทางด้านหลังของผม ดูเหมือนอสูรทั้งสองจะตามผมเข้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนกัน

"พอแล้ว"

ผมยกมือให้อสูรทั้งสองหยุด

"รับทราบค่ะ"

เมื่อกลับไปมองที่ราชา ริมฝีปากของเขาก็ยังคงยิ้มอยู่เช่นเคยทั้งๆ ที่ตัวเองยังสั่นกลัวอยู่ ดูเหมือนจะทำท่าทีกล้ำกลืนฝืนยิ้มอยู่

"แกยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?"

ราชาหัวเราะออกมาเบาๆ

“ต่อให้ฆ่าฉันไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมางั้นหรือ”

“…”

“แกคิดว่าดยุคเฮย์เดนลิชจะหลับได้อย่างสงบหรือไง ในเมื่อลูกชายตัวเองกลายเป็นแบบนี้”

“หยุดพูด!”

ตะโกนออกไปพร้อมกับกำหมัดแน่น

“อะไรกันจี้ใจดำหรือไง นั้นสินะ จะแก้แค้นฉันงั้นเหรอ ทั้งๆ ที่แกเองก็เป็นคนฆ่าดยุคเฮย์เดนลิชเอง ลูกสารเลวแบบแกน่ะ…”

“ฉันบอกให้หยุดไง!”

สิ้นเสียงตะโกน ศีรษะของราชาก็ไม่ได้ติดอยู่กับลำตัวเสียแล้ว ร่างของราชาล้มลง แน่นิ่งสิ้นใจไปในทันที

“เฮ้อ.. สิ้นสุดเสียที”

ผมสะบัดเลือดที่ดาบทิ้ง แล้วเก็บดาบเข้าฝัก มองไปที่บัลลังก์ที่ว่างเปล่า เมื่อก่อนนั้นมันเป็นของผู้นำของมวลมนุษย์แต่ตอนนี่มันเป็นของผมแล้ว ตอนนี้ผมสามารถพิชิตมวลมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์

ผมเดินข้ามร่างของราชาไปหยุดยืนอยู่ที่บัลลังก์ บัลลังก์หรูหราสีทองอร่ามด้านข้างมีลักษณะเหมือนปีกพญาอินทรีสีทองกางออกจากบัลลังก์ ดูไปแล้วช่างไม่กับตัวผมตอนนี้เสียจริง

มือที่ยื่นออกไปปลดปล่อยพลังออกมา สร้างวงเวทย์ขึ้นที่พื้น จากนั้นบัลลังก์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท สีเดียวกับชุดที่ผมใส่อยู่ ปีกของพญาอินทรีเปลี่ยนเป็นปีกสีดำดั่งปีกของมังกรปีศาจ

ไม่ใช่แค่ที่บัลลังก์ บนพื้นและรอบๆ ห้องก็ค่อยเปลี่ยนเป็นสีดำแผ่กระจายออกจากบัลลังก์ออกไปอีกด้วย

“แบบนี้ค่อยเหมาะขึ้นมาหน่อย”

ผมเอามือไว้ที่คางขณะพูดไป

ผมทิ้งตัวลงนั่งบนบัลลังก์ดำสนิทอันใหม่อย่างสบายใจ ภาพที่เห็นช่างดูเข้ากันกับตัวเองผมเองขึ้นมาแล้ว

“ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมมารด้วยขอรับ”

“ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมมารด้วยค่ะ”

“ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมมารด้วยครับนายท่าน”

“ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมมารด้วยเจ้าค่ะ”

เสียงของเหล่าลูกสมุนหลายตนที่นั่งคุกเข่าหนึ่งข้างภายใต้บัลลังก์นี้ อสูรเหล่านั้นเข้ามาจนเต็มห้องเว้นไว้แต่เพียงทางเดินตรงกลางเพียงเท่านั้น

“เฮ้อ.. เท่านี้ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นหมดแล้ว”

ใช่แล้วมันจนสิ้นทุกอย่าง สงครามกับมวลมนุษย์ที่ยาวจบสิ้นที่ชัยชนะของผมเอง การแก้แค้นให้ท่านพ่อท่านก็สำเร็จแล้ว ไม่มีอะไรเหลือที่ต้องทำต่อแล้วหมดสิ้นทุกอย่าง

คิดไปแบบนั้นเอง

ในหัวคิดไปแบบนั้นแต่ในใจกลับคิดไปอีกอย่าง ตลอดเวลาหลายปีที่มีสงครามมาไม่มีวันไหนเลยที่ไม่ได้คิดถึงช่วงเวลาที่สำคัญ ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับท่านพ่อท่านแม่

กอดที่อบอุ่นจากท่านแม่ สนุกกับการต่อสู้กับท่านพ่อ มื้ออาหารบนโต๊ะกับครอบครัว การได้ฟังนิทานยามค่ำคืนของเราทั้งสาม ช่างน่าคิดถึงเสียจริง

ผมหลับตาพลางนึกถึงวันเก่าๆ หัวของผมหันไปพิงกับบัลลังก์แข็งๆ ความเหนื่อยล้าเริ่มถาโถม การกำศึกมายาวนานด้วยร่างกายของมนุษย์ทำให้ผมไปต่อไม่ไหวแล้ว รู้สึกง่วงเหลือเกิน การหลับครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตแล้ว

ก่อนจะหลับลงผมพูดถึงสิ่งสุดท้ายของชีวิต เป็นคำถามที่ผมอยากจะส่งถึงคนที่ผมเคารพเทิดทูนอย่างถึงที่สุด

“ท่านพ่อ.. ผมทำได้ดีหรือเปล่า?”

ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ผมก็รู้ตัวเองดีว่าทุกๆ อย่างที่ทำมานั้นมันเลวร้าย ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากในอดีตส่งต่อให้ทุกๆ อย่างแตกสลายในตอนนี้ บางทีแล้วถ้าตอนนั้นถ้าผมสามารถทำอะไรได้บ้างทุกอย่างคงไม่จบแบบนี้ แต่คิดมากไปมันก็เพียงเท่านั้น ผมไม่อาจจะทำอะไรได้อีกแล้ว ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้วทำได้เพียงยอมรับมันและปล่อยให้ทุกๆ อย่างดำเนินไป

“ใช่แล้ว ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว”

ผมคิดแบบนั้นถึงแม้ลึกๆ แล้วจะหวังตรงกันข้ามก็ตาม