"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลังจากนั้นพวกเราก็ปล่อยชาวบ้านออกมาจากกรงขัง ทุกคนต่างดีใจและเข้ามาขอบคุณพวกเราทั้งคู่ ชาวบ้านเข้าสวมกอดกันอย่างมีความสุขหลังจากที่รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกลิซาร์ดมาได้แล้ว
“ขอขอบคุณพวกท่านจริงๆ ที่มาช่วยพวกเราไว้ ถ้าไม่ได้พวกท่านพวกเราคงเป็นอาหารให้พวกกิ้งก่านั่นกันหมดแล้ว ขอบคุณจริงๆ”
หญิงชราคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้โค้งคำนับก้มหัวให้กับตัวผม ใบหน้าที่ปลื้มปีติพร้อมกับน้ำตาของเธอก็ทำเอารู้สึกดีใจอยู่หรอก แต่ว่ายังรู้สึกว่าตัวเองยังทำหน้าที่ของตัวเองยังไม่ดีพอ ถ้าผมมาเร็วกว่านี้หรือทำได้ดีกว่านี้คงจะไม่มีชาวบ้านต้องเสียชีวิต
“ไม่เป็นไรๆ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว”
“ถ้าไม่มีท่านอัศวินมาช่วย พวกเราคงจะแย่ไปแล้ว ยังไงก็ขอบคุณจริงค่ะ”
“ฉันไม่ใช้อัศวิน ฉันเป็นผู้กล้…”
“ค่ะ?”
ผมหันไปมองกลุ่มชาวบ้านที่ช่วยเก็บร่างของชาวบ้านที่เสียชีวิตแล้วอยู่ ทำเอารู้สึกเศร้าเสียใจและผิดหวังในตัวเองขึ้นมาเลย
“ช่างเถอะ รีบๆ ช่วยชาวบ้านคนอื่นเถอะ”
หลังจากพูดแบบนั้นหญิงชราก็เดินจากไปช่วยชาวบ้านคนอื่น ผมได้แต่มองตามหลังพลางคิดว่าเธอจะรู้ไหมว่าพวกเราอาจมาช่วยเร็วกว่านี้ ถ้าไม่ติดทำเรื่องไร้สาระกันอยู่
พอคิดแบบนั้นสายตาผมก็ไปสะดุดเข้ากับคนคนหนึ่ง เขานั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมของถ้ำท่าทางดูเศร้าสร้อยหดหู่ สายตาเขาไร้อารมณ์พลางมองไปที่เหล่าชาวบ้านที่กำลังเตรียมขนร่างผู้เสียชีวิตกลับหมู่บ้าน
เขาคือเพื่อนร่วมรบของผมกับพวกลิซาร์ดเมื่อครู่นี้เอง การร่วมมือที่เข้าขากันและด้วยฝีมือของเราแล้วก็รู้สึกยอมรับขึ้นมาบ้างแล้ว ก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่ได้ต่อสู้ร่วมกันถ้าติดว่าเขาไม่ใช้คู่แข่งของเราก็คงจะดี
พอเห็นสีหน้าของเขาแล้วความรู้สึกตอนนี้คงจะไม่ได้ต่างจากของผมสักเท่าไหร่ ถึงเขาจะเป็นคนมาหาเรื่องก่อนแต่ผมที่ตามน้ำด้วยก็มีส่วนผิดเหมือนกัน
“เฮ้อ…!”
พอถอนหายใจให้ไรลีย์ได้ยินก็ถูกจ้องเขม็งพร้อมกับทำหน้าเหวี่ยงใส่
“นายมีปัญหาอะไร จะเข้ามากวนประสาทอีกหรือไง ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วยหรอกนะ”
“เฮ้ๆ ใจเย็นสิ ฉันไม่ได้ตั้งใจเข้ามาหาเรื่องเสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป หึ!”
ไรลีย์หันหน้าหนีในทันที
อะไรของเขากันละเนี้ย อุตส่าห์ว่าจะมานั่งปรับทุกข์กับเรื่องที่ผ่านมา คิดว่าได้ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันแล้วจะเข้าใจกันเสียอีก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เรื่องแบบนี้
พอคิดอย่างนั้นผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างผิดปรกติในตัวเองไรลีย์ การที่เขานั่งอยู่เฉยๆ ที่มุมห้องไม่เดินออกไปไหนเลยก็เพราะเหตุผลนี้เองสินะ
“นี่ ทำไมถึงไม่ลุกยืนล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“นายยุ่งอะไรด้วยล่ะ ฉันจะนั่งหรือจะยืนมันก็เรื่องของฉัน”
ปากแข็งจริงๆ เลย ปรกติแล้วถ้าโดนเหวี่ยงใส่แบบนี้ผมคงจะโกรธไปแล้ว แต่เห็นคนกำลังบาดเจ็บนั่งขดตัวเป็นแมวอยู่แบบก็ทำเอาโกรธไม่ลงเลย
“ว้าย…! นายจะทำอะไรเนี้ย มาจับต้นขาฉันทำไมเนี้ย”
“อยู่นิ่งๆ น่า”
ผมนั่งลงจับต้นขาของไรลีย์ขึ้นมาดู เขาใส่กางเกงขาดสั้นจึงเห็นมันได้อย่างชัดเจนผิวของ ต้นขาที่เรียบเนียนและเต่งตึงอย่างกับไม่ใช่ของผู้ชาย มันดูเล็กมากเมื่อเทียบกับต้นขาของผมจขนาดของมันพอที่จะใช้สองมือโอบล้อมได้เลย
ที่บนต้นขาที่เรียบเนียนปรากฏรอยของบาดแผลที่โดนกรงเล็บของลิซาร์ดเมื่อตอนนั้น รอบๆ บาดแผลเริ่มเป็นสีม่วงแล้วคงจะปล่อยไว้นานเกินไปจนพิษของมันเริ่มทำงานแล้ว ส่วนเลือดยังคงไหลอยู่เรื่อยๆ ปล่อยไว้แบบนี้คงจะแย่แน่
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ จับเบาๆ หน่อยสิ”
“แกก็อย่าขยับสิ ฉันจะช่วยอยู่นี้ไง ชาวบ้านเขาจะกลับกันแล้ว อยากถูกทิ้งไว้ในถ้ำคนเดียวหรือไง”
“อือ”
อยู่ๆ ก็ดูว่าง่ายขึ้นมาเลยแฮะ แล้วท่าทางแบบนั้นมันคืออะไรกัน ทำไมถึงหน้าแดงดูเขินอายแบบนั้นล่ะ เขาคงไม่ได้คิดอะไรแปลกๆ อยู่ใช่ไหม อย่าสนใจเลยดีกว่ารักษาบาดแผลก่อนแล้วกัน
ผมหยิบขวดน้ำยาถอนพิษออกมาราดมันลงไปที่แผล
“อือออ…”
ไรลีย์ครางออกมากัดฟันแน่นอดทนความเจ็บปวด
เมื่อน้ำยาสัมผัสกับแผลก็เกิดฟองฝุดขึ้น ถือว่ามันทำงานได้ดีมันจะค่อยๆ สลายพิษออกไป แต่ว่าดันมีอยู่ขวดเดียวนี้สิไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่าด้วย
หลังจากนั้นผมก็ฉีกเอาเศษผ้าออกมาจากเสื้อออกมา มันดูสกปรกอยู่คงต้องทำความสะอาดมันก่อนถึงจะใช้พันแผลได้
“เพียวริตี้!”
ผมร่ายเวทมนตร์ใส่ลงบนเศษผ้า ทำให้เศษผ้าจากที่เต็มไปด้วยเศษดินเศษโคลนกลับใสสะอาดขึ้นโดนทันที หลังจากนั้นก็เทน้ำยาถอนพิษที่เหลืออยู่ครึ่งขวดลงบนผ้าให้ชุ่ม แล้วนำไปพันโดยรอบของบาดแผลไว้เท่านี้ก็เสร็จแล้วเรียบร้อย หวังว่ามันจะค่อยๆ ดีขึ้นนะ
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว พอจะลุกยืนได้ไหม”
ไรลีย์พยักหน้า
เขาพยายามลุกยืนขึ้นแต่ก็ขาสั่นไปหมดแล้วก็นั่งลงเหมือนเดิม
ผมจึงยื่นมือออกไป
“มานี่ ฉันช่วยเอง”
ไรลีย์ค่อยยื่นมือออกมาค่อยๆ จับมือผม มือของเขาดูสั่นไหวเล็กน้อย
“ว้าย…!”
ผมคว้ามือไรลีย์มา แล้วค่อยๆ ดึงตัวเขาขึ้นบนหลัง แต่มันก็รวดเร็วจนไรลีย์ตั้งตัวไม่ทัน
“ก็เห็นเดินไม่ไหวนี่ เดี๋ยวฉันช่วยแบกเอง”
“อะ อือ…”
เอาล่ะทุกอย่างเหมือนจะพร้อมแล้ว เหล่าชาวบ้านก็เหมือนจะเตรียมตัวกับเสร็จแล้ว พวกเราคงต้องเดินทางกลับไปพักที่หมู่บ้านก่อน
ไรลีย์ตอนนี้ก็บาดเจ็บอยู่ด้วย เรื่องแข่งขันกันคงต้องพักไว้ก่อน ถ้าตัวเราล่วงหน้าไปก่อนทั้งๆ ที่อีกฝ่ายบาดเจ็บอยู่คงน่าขายหน้าแน่ๆ
เอาตามนั้นแล้วกัน
หลังจากพวกเราทุกคนก็เดินออกจากถ้ำมุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน ชาวบ้านต่างแบกสัมภาระสมบัติต่างๆ ที่พวกลิซาร์ดขโมยมากลับไปด้วย การเดินทางกลับจึงใช้เวลานานสักหน่อย
"นี่ ขอบใจนะที่ช่วยแบกฉันมาน่ะ"
เสียงพูดมาจากทางด้านหลังของผม
"หึ! มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้กล้าต้องช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะสิ"
"ถ้าอย่างนั้นให้ฉันตอบแทนอะไรให้ไหม? "
"สิ่งที่ผู้กล้านั้นไม่หวังผลตอบแทนหรอกนะ ถ้าอย่างตอบแทนแกก็ถอนตัวไปสิ"
พูดไปแบบนั้นจะโกรธหรือเปล่านะ คงไม่ได้ไปจี้จุดหรือทวงหนี้บุญคุณกันเกินไปหรอกนะ ผมเหลือบไปมองเล็กน้อย
เขายังคงทำปกติไม่มีทีท่าว่าจะโกรธหรืออาละวาดอะไรขึ้นมา
"งั้นเอาแบบนี้เป็นไง ฉันจะช่วยนายจนกว่าจะไปถึงปราสาทจอมมาร พอถึงที่นั่นแล้วค่อยมาตัดสินกัน แบบนั้นเป็นไง? "
ข้อเสนออีกแล้วงั้นเหรอ ไหนว่าจะตอบแทนบุญคุณไงแต่มันก็น่าสนใจดีอยู่เหมือนกัน เราช่วยกันสู้กับมอนเตอร์ ดูเหมือนเราจะเข้าขากันดีด้วย ระหว่างทางคงจะสะดวกหน้าดู
"ได้สิ! ข้อเสนอไม่เลว"
ไรลีย์ยื่นมือออกมาข้างหน้าของผม
"ถ้าอย่างนั้นเป็นอันตกลง"
"ตกลง"
ผมจับมือรับข้อเสนอของเขา คงไม่โดนทุ่มเหมือนกับคราวที่แล้วหรอกมั้ง ไม่สิเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่ทำแบบนั้นได้เสียหน่อย
"ถ้าอย่างนั้นจอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉัน อาริน คูเฮอรี่ เฮย์เดนลิช ขอฝากตัวด้วย"
"ฉัน ไรลีย์ ของฝากตัวด้วยเช่นกัน"
.
.
.
พอเราเดินทางกันจนถึงหมู่บ้าน ก็มีคนที่หลงเหลืออยู่ที่ไม่ได้ถูกจับไปรอต้อนรับอยู่ ยัยเด็กคนที่ผมช่วยไว้ยังโบกมือไปมารอต้อนรับด้วยรอบยิ้มที่สดใส
"พี่ชาย!! ขอบคุณที่ช่วยทุกๆ นะคะ"
"โฮ! ไม่เท่าไหร่หรอกยัยหนู แล้วตอนนี้รู้หรือยังว่าฉันเป็นใคร"
"หนูรู้แล้วค่ะ พี่ชายเป็นอัศวิ… เป็นผู้กล้าค่ะ"
"..."
ที่เธอชงักไปหมายความว่ากันแน่เนี้ย เธอเข้าใจจริงหรือเปล่านะ
"แล้วก็…"
เด็กน้อยมองไปที่ไรลีย์อยู่บนหลังของผม
"ขอบคุณพี่สาวด้วยค่ะ พี่สาวเองก็ช่วยทุกคนไว้เหมือนกันสินะคะ ดูจากบาดแผลพวกนั้น"
"ไม่เป็นไรจ่ะ แค่นี้เรื่องเล็กน้อย"
ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร แต่ว่าดูเหมือนเข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่านะ ใช้แล้วเธออาจจะยังเด็กอาจจะเข้าใจผิดไปบ้างก็ไม่แปลก
"นี้ยัยหนูทำไมเรียกเจ้านี้ว่าพี่สาวล่ะ"
"ไม่ใช่เหรอคะ"
เด็กน้อยได้แต่ทำสีหน้างุนงง
"เหวอ… จะทำอะไรน่ะ อย่าดิ้นมากสิมันหนักนะ"
ไรลีย์เอนตัวเข้าไปกระซิบข้างหนูของเด็กน้อย เสียงคุยกันเบามากถึงแม่จะอยู่ข้างหลังผมแต่ก็ไม่ได้ยิน หลังจากนั้นยัยหนูนั้นหัวเราะ
"ฮ่า ฮ่า แบบนั้นเองเหรอคะ เข้าใจแล้วค่ะ"
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็หัวเราะชอบใจอยู่สองคนโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนพูดเรื่องอะไรกันอยู่