"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสียงหอบหายใจติดขัด ภายในลำคอรู้สึกร้อนผ่าว หัวใจเต้นระรัวเลือดลมสูบฉีดรวดเร็วไปทั่วร่าง แต่มันก็ค่อยๆ เบาลงอย่างช้าๆ จากลมหายใจที่ปล่อยออกมา
“เฮ้อ…”
ผมมองไปตรวจตราไปโดยรอบ ซากของต้นไม้กระจัดจายก่ายกองไปทั่ว เป็นซากต้นไม้ปีศาจที่ผมจัดการพวกไปจนหมด กว่าจะจัดการได้หมดก็ทำเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
เหลือเพียงแค่กำแพงกิ่งไม้อยู่ตรงหน้า พวกมันเคลื่อนไหวเลื้อยเกี่ยวพันกันอยู่
ผมใช้ดาบในมือตัดมันออก ทันทีที่กิ่งไม้ขาดออกพวกมันขยับเลื้อยคดเคี้ยวพุ่งโจมตีรวดเร็ว
“อัก!”
รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
กิ่งไม้ที่ขาดออกแทงเข้าลงในเนื้อหนังของผม เข้าไม่ลึกมากแต่ก็สร้างบาดแผลพอสมควร
ผมมองไปยังกิ่งไม้เป็นกำแพงหนาแน่นตรงหน้าแล้วจินตนาการความเจ็บปวดไม่ออกเลยว่าจะมากขนาดไหนกว่าจะฝ่าพวกมันไปได้
แต่พอนึกถึงหญิงสาวที่อยู่ด้านในแล้วก็รู้สึกกับตัวเองว่าน่าจะทนได้อีกสักหน่อย
“ช่วยกัดฟันอดทนหน่อยแล้วกันนะ”
บอกกับร่างกายตัวเองแบบนั้นแล้วมุ่งหน้าต่อไป
***
กิ่งไม้ปลายแหลมพวยพุ่งออกมาจากวงเวทสีเขียวเข้มบนฝ่ามือที่เหมือนกับไม้เนื้อแข็ง พวยพุ่งตรงมายังฉันรวดเร็วไร้ทางหลบหนี
ฉันปะทะกับมันโดยตรงด้วยดาบ ฟาดฟันกิ่งไม้ที่ออกมาอย่างไม่ลดละ บ้างแตกกระจายออกบ้างกระเด็นออกทิ่มแทงร่างกายฉัน
ในที่สุดมันก็หยุดลง
“โอ้โห ไม่ใช้เล่นเหมือนกันนี้ เดิมที่คิดว่าเป็นแมลงวันหากินกับขยะ แต่ดันเป็นผึ้งที่พอมีพิษสงอยู่บ้าง ฮ่า ฮ่า”
เสียงเจ้าของวงเวทนั้น เสียงของแม่มดไม้อสูร พร้อมกับใบหน้าที่ดูเหมือนยิ้มเยาะเย้ยอยู่
การโจมตีของมันทั้งรุนแรงแล้วต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่สกัดได้หมดแล้วแต่กลับต้องมีแผลเต็มตัวอยู่ดี
(บ้าเอ้ย!!)
"อะไรกัน อะไรกัน ทำไมเจ้าทำหน้าแบบนั้นล่ะ รู้อะไรไหมตั้งแต่พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ ก็ได้ตกเข้ามาสู่ในกำมือข้าแล้ว"
แม่มดไม้อสูรยกมือขึ้น
"จนกว่าจะดูดซับอาหารจากพวกแกหมด พวกแกก็ออกไปไหนไม่ได้"
มันกำมือแน่น
"ใครจะยอมเป็นอาหารของแก!? "
"โอ้ว ใจกล้าจริงดีนี่นา หืม… นึกดูแล้วเธอเองก็หน้าตาดูคุ้นๆ อยู่เหมือนกัน พอลองนึกดู…"
"หุบปาก!!!"
พอได้ยินคำพูดที่ไม่สบอารมณ์ทำเอารู้สึกเลือดในตัวมันจะเดือดขึ้นมา พอดูใบหน้าที่ยิ้มเยาะของมันใบหน้าแบบเดียวกับในอดีต ทำเอาคิดอะไรไม่ออกนอกจากต้องจัดการมันให้ได้
พอคิดอยู่นั้นก็รู้สึกตัวได้ว่ามือที่จับดาบอยู่นั้นสั่นไหว ความโกรธและความเกลียดเข้าครอบงำเกินไป ต้องผ่อนบ้าง
ฉันสูดลมหายใจแล้วถอนมันออกมา
มือจับดาบทั้งสองมือให้มั่นคง พร้อมประกาศกร้าว
"ไปตายซะไอ้ต้นไม้ผุ"
พอพูดแบบนั้นมันก็ทำหน้าบิดเบี้ยวทันที
"ถ้างั้นก็ตายซะเจ้าพวกแมลง"
มันยกมือขึ้นกางออกทั้งสองข้าง เกิดวงเวทสีเขียวเข้มนับไม่ถ้วนที่ด้านหลังของมัน
ฉันพุ่งเข้าจู่โจมทันทีพร้อมเสียงร้องลั่น
กิ่งไม้จากวงเวทนับถ้วยพวยพุ่งออกมาหลั่งไหลเลื้อยดั่งกับงู จุดที่พวกมันออกมามีหลายจุด แต่เป้าหมายที่มันไปมีเพียงแค่ที่เดียว
ฉันปัดป้องสายธารของกิ่งไม้ที่หลั่งไหลเข้ามา มันรวดเร็วและแหลมคม ยากจะรับมือได้หมด
บางส่วนปัดป้องได้ด้วยดาบ บางไม่ได้ก็ปล่อยมันผ่านไป โดยยังคงไว้ซึ่งการก้าวเดินไปข้างหน้าทิศทางของเป้าหมาย
ต้องเร็วกว่านี้ ต้องเข้าใกล้กว่านี้ ต้องฟันให้มันจบในดาบเดียว ฉันวิ่งฝ่าเข้าไปด้วยก้าวที่เร่งขึ้นในทุกๆ ก้าว
ก้าวที่หนึ่ง ก้าวที่สอง ก้าวที่สาม … ก้าวสุดท้ายถึงตัวเป้า คมดาบตวัดผ่านเนื้อไม้แข็งจนฉีกออกจากกันเป็นครึ่งบนและครึ่งล่าง ครึ่งบนลอยละลิ่วก่อนตกลงสู่พื้นนอนแน่นิ่งและแววตาก็ดับสนิทไป
พอเห็นนั้นฉันก็ถอนหายใจออกมา
…
ทันทีที่โล่งใจก็รับรู้ถึงอันตรายบางอย่าง แรงสั่นสะเทือน ที่เกิดขึ้นที่ภายใต้เท้า มันค่อยๆ สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ฉันยกดาบขึ้นแล้วแทงมันลงกับพื้นจนดาบจมลงไป แรงสั่นสะเทือนหายลับไป…
ฉันดึงดาบออก
"เอ๊ะ!"
ทั้งที่ออกแรงดึงแล้วแท้ๆ เหมือนกับดาบติดอยู่ในหินอะไรแบบนั้น
"ทำไมดึงไม่ออกล่ะเนี้ย!? "
ปลายดาบที่ฝังอยู่ในดินมีกิ่งไม้เลื้อยออกมาจากพื้น มันพัวพันรอบๆ ดาบพร้อมกับเกี่ยวยึดลงกับดินดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออก
ต้องถอยออกไปก่อน
พอคิดจะขยับถอยหนีเท้าก็ขยับไม่ออก มองที่เท้าพบเถาวัลย์ขึ้นเกี่ยวพันที่เท้าค่อยๆ เลื้อยพันขึ้นมาที่ขา จากนั้นก็พัวพันไปทั้งตัวโดยไม่ให้โอกาศได้หนีแม้แต่น้อย
"ปะ ปล่อยนะ!!"
ฉันพยามแกะเถาวัลย์พวกนั้นออก ดึงมันออกอย่างสุดแรง แต่ดึงแค่ไหนก็ไม่ไหว มันเหนียวเกินที่จะดึงออกได้
"เหวอ… ได้ไงกัน"
ยิ่งพยายามดึงออกมันยิ่งพันเข้าที่มือลามขึ้นไปยังแขน จนกระทั่งรากไม้ กิ่งไม้ เถาวัลย์ พันแน่นทั้งแขนและขา พวกมันแข็งแรงถึงขนาดยกตัวฉันลอยขึ้นได้
"ฉันบอกแล้วไงว่าตั้งแต่พวกแกก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ก็ตกอยู่กำมือของข้าแล้ว ฮ่า ฮ่า"
แม่มดไม้อสูรที่คิดว่าตายไปแล้ว ผุดออกมาจากดิน ทั้งๆ ที่จัดการมันไปแล้วแท้ๆ
พอเหลือบไปมองร่างเดิมที่ฟันไปพบว่ามันยังคงนอนแน่นิ่งไปเช่นเดิม ก็พอจะเข้าใจเหตุผลขึ้นมาบ้างแล้ว ป่าที่นี่เป็นเขตแดนของมัน เพราะฉะนั้นทุกๆ ผืนดินของที่นี่ก็เป็นตัวเองมันด้วย
"เอาล่ะ ได้เวลากลืนกินสารอาหารแล้ว จงมาเป็นส่วนหนึ่งของข้าเสียเถอะ"
แม่มดไม้อสูรยกมือขึ้นมา
กิ่งและเถาวัลย์รอบตัวก็รัดแน่นยิ่งขึ้น รัดแน่นจนยากที่จะหายใจ ศัตรูที่เคลียดแค้นมาตลอดอยู่ตรงหน้าแท้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
สติเริ่มเลื่อนลอย แทบจะดึงสติของตัวเองไม่อยู่แล้ว ทั้งที่เป็นแบบนั้นอยู่แต่กลับนึกหวนถึงเด็กพวกนั้น เด็กน้อยสามคนที่เหมือนกับน้องของตัวฉันเอง เด็กพวกนั้นคือเหตุผลที่ฉันมาอยู่ตรงนี้ คำที่เด็กๆ พวกนั้นพูดออกมา
"พี่ไรลีย์เก่งที่สุดไปเลย"
ได้ยินเมื่อฉันฝึกซ้อมดาบ
"พี่ไรลีย์ขอบคุณที่ช่วยพวกเรานะคะ"
ได้ยินเมื่อช่วยเหลือพวกเขา
"พี่ไรลีย์เป็นผู้กล้าของพวกเรา"
คำสุดท้ายที่ได้ยินก่อนออกมาจากบ้าน
คงจะได้เป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากเด็กพวกนั้นสินะ ยังไม่อยากตายเลย ยังไม่ทันได้ลองนอนบนกองเงินกองทอง เกลือกกลิ้งไปบนเหรียญทองคำมากมายในห้อง หรือใช้ชีวิตสบายๆ แบบเลดี้ในตระกูลขุนนางอะไรแบบนั้น ถึงมันจะไม่ใช่หตุผลทั้งหมดก็ตามที
แต่ว่าเลดี้ตระกูลขุนนาง? ดันนึกถึงหน้าเจ้าลูกชายดยุคเฮอเดนริชซะได้ เจ้าบ้านั้นมีคู่หมั้นหรือยังนะ ก็ว่าไปนั้น
ก่อนจะได้เจอกันได้ยินมาว่านิสัยเสียอันตพาลแต่พอได้เจอจริงๆ แล้ว…
"นี่… คนตัวเล็กอ่อนแอแบบนายคิดว่าจะได้รับเลือกเป็นผู้กล้าเหรอ ฮ่า ฮ่า"
นึกถึงพูดที่เจอกันครั้งแรกแล้ว อา… ก็ดูกับที่สมคำร่ำลือจริงๆนั่นแหละ
แต่ว่า…
หลายอย่างที่ได้เจ้านั้นช่วยเหลือ ยังไม่ได้ตอบแทนเลย ไม่มีอะไรจะตอบแทนซะด้วยสิ ใช่สิ ยังพอมีเรื่องที่สาวน้อยอย่างเราทำให้ได้อยู่
แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าบ้านั้นคงโดนต้นไม้ผีข้างนอกกำแพงรุมแทะกระดูกอยู่แหงๆ
หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีกนะ…
สติของไรลีย์ก็ดับไป
.
.
.
.
ลืมตาตื่นขึ้นมา รู้สึกได้ว่าแสงสว่างจากดวงจันทร์ลูกกลมใหญ่นั้นแยงส่องตา ดวงตาค่อยๆ ปรับตัวกับแสง จนมองเห็นท้องฟ้าสีม่วงอมฟ้าพร้อมกับหมู่ดาวส่องแสงที่เหมือนกับมีชีวิต แต่วิสัยทัศน์เหมือนดูแคบลงอย่างกับว่ามองผ่านปล่องถ้ำอยู่ บรรยากาศวังเวงช่วยหดหู่เหลือเกิน
ก็คงจะเป็นแบบนั้น ที่คงเป็นโลกหลังความตายสินะ นี้ฉันตายแล้วจริงๆ เหรอ? พอคิดแบบนั้นรู้สึกโหวงเหวงขึ้น
พอมองไปด้านข้างก็ต้องแปลกใจ
"บ่อน้ำเหรอ? "
เป็นบ่อน้ำที่ส่องแสงระยิบระยับออกมา
"สวยจัง"
น้ำที่ใสจนเห็นก้มบ่อ แสงที่เปล่งประกายออกมาอย่างกับบ่อน้ำบนสวรรค์เลย
ฉันเอามือวักน้ำขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้น
"ว้าว มันสวยจริงๆ ด้วย สุดยอดไปเลย"
พอมองดูที่ข้อมือตัวเองแล้วยังคงมีแผลอยู่ ถึงมาโลกหลังความตายแล้วยังเอาแผลมาด้วยอีกเหรอ แย่ๆ จริง
ฉันเอาน้ำมาทำความสะอาดที่แผล ถูไถคราบเลือดและสิ่งสกปรกออกไป
"เอ๊ะ!"
พอเอานิ้วถูที่แผล แผลกลับค่อยๆ ถูกรักษาแล้วก็หายไปในที่สุด ไม่ทิ้งแม้แต่แผลเป็นไว้สักนิด
"โห นี้ในบ่อน้ำศักดิ์ชัดๆ ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ส่งฉันมายังสวรรค์"
ฉันยกสองมือขึ้นภาวนา
แต่ว่าสุดยอดไปเลยนะ ถ้าที่นี่คือสวรรค์แสดงว่าฉันจะทำอะไรที่นี่ก็ได้ จะขออะไรก็ได้สินะ ทุกๆ อย่างจะเป็นจริงที่นี่สินะ
"แต่ว่าจะขออะไรดีนะ…? "
พอคิดแบบนั้นใบนั้นภาพของใบหน้าลูกชายดยุคก็เด้งเข้ามาในหัวเป็นครั้งที่สอง
"อ้ากกก อะไรกันเนี้ยทำไมต้องนึกถึงเจ้านั้นด้วย"
ฉันได้แต่นั่งกุมหัวตัวเอง
แต่พอทำแบบนั้นก็ได้ยินเสียงหาวเหมือนกับมีคนพึ่งจะตื่นนอนอยู่ด้านข้าง
"..."
เราสองคบสบตากันในทันที
"เอ๊ะ!"
"เอ๋…"
ในจังหวะนั้นก็รู้ได้ทันทีว่า ดูเหมือนนายเองก็จะตายแล้วถูกส่งมาอยู่ที่นี้เหมือนกันสินะเสียงหอบหายใจติดขัด ภายในลำคอรู้สึกร้อนผ่าว หัวใจเต้นระรัวเลือดลมสูบฉีดรวดเร็วไปทั่วร่าง แต่มันก็ค่อยๆ เบาลงอย่างช้าๆ จากลมหายใจที่ปล่อยออกมา
“เฮ้อ…”
ผมมองไปตรวจตราไปโดยรอบ ซากของต้นไม้กระจัดจายก่ายกองไปทั่ว เป็นซากต้นไม้ปีศาจที่ผมจัดการพวกไปจนหมด กว่าจะจัดการได้หมดก็ทำเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
เหลือเพียงแค่กำแพงกิ่งไม้อยู่ตรงหน้า พวกมันเคลื่อนไหวเลื้อยเกี่ยวพันกันอยู่
ผมใช้ดาบในมือตัดมันออก ทันทีที่กิ่งไม้ขาดออกพวกมันขยับเลื้อยคดเคี้ยวพุ่งโจมตีรวดเร็ว
“อัก!”
รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
กิ่งไม้ที่ขาดออกแทงเข้าลงในเนื้อหนังของผม เข้าไม่ลึกมากแต่ก็สร้างบาดแผลพอสมควร
ผมมองไปยังกิ่งไม้เป็นกำแพงหนาแน่นตรงหน้าแล้วจินตนาการความเจ็บปวดไม่ออกเลยว่าจะมากขนาดไหนกว่าจะฝ่าพวกมันไปได้
แต่พอนึกถึงหญิงสาวที่อยู่ด้านในแล้วก็รู้สึกกับตัวเองว่าน่าจะทนได้อีกสักหน่อย
“ช่วยกัดฟันอดทนหน่อยแล้วกันนะ”
บอกกับร่างกายตัวเองแบบนั้นแล้วมุ่งหน้าต่อไป
***
กิ่งไม้ปลายแหลมพวยพุ่งออกมาจากวงเวทสีเขียวเข้มบนฝ่ามือที่เหมือนกับไม้เนื้อแข็ง พวยพุ่งตรงมายังฉันรวดเร็วไร้ทางหลบหนี
ฉันปะทะกับมันโดยตรงด้วยดาบ ฟาดฟันกิ่งไม้ที่ออกมาอย่างไม่ลดละ บ้างแตกกระจายออกบ้างกระเด็นออกทิ่มแทงร่างกายฉัน
ในที่สุดมันก็หยุดลง
“โอ้โห ไม่ใช้เล่นเหมือนกันนี้ เดิมที่คิดว่าเป็นแมลงวันหากินกับขยะ แต่ดันเป็นผึ้งที่พอมีพิษสงอยู่บ้าง ฮ่า ฮ่า”
เสียงเจ้าของวงเวทนั้น เสียงของแม่มดไม้อสูร พร้อมกับใบหน้าที่ดูเหมือนยิ้มเยาะเย้ยอยู่
การโจมตีของมันทั้งรุนแรงแล้วต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่สกัดได้หมดแล้วแต่กลับต้องมีแผลเต็มตัวอยู่ดี
(บ้าเอ้ย!!)
"อะไรกัน อะไรกัน ทำไมเจ้าทำหน้าแบบนั้นล่ะ รู้อะไรไหมตั้งแต่พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ ก็ได้ตกเข้ามาสู่ในกำมือข้าแล้ว"
แม่มดไม้อสูรยกมือขึ้น
"จนกว่าจะดูดซับอาหารจากพวกแกหมด พวกแกก็ออกไปไหนไม่ได้"
มันกำมือแน่น
"ใครจะยอมเป็นอาหารของแก!? "
"โอ้ว ใจกล้าจริงดีนี่นา หืม… นึกดูแล้วเธอเองก็หน้าตาดูคุ้นๆ อยู่เหมือนกัน พอลองนึกดู…"
"หุบปาก!!!"
พอได้ยินคำพูดที่ไม่สบอารมณ์ทำเอารู้สึกเลือดในตัวมันจะเดือดขึ้นมา พอดูใบหน้าที่ยิ้มเยาะของมันใบหน้าแบบเดียวกับในอดีต ทำเอาคิดอะไรไม่ออกนอกจากต้องจัดการมันให้ได้
พอคิดอยู่นั้นก็รู้สึกตัวได้ว่ามือที่จับดาบอยู่นั้นสั่นไหว ความโกรธและความเกลียดเข้าครอบงำเกินไป ต้องผ่อนบ้าง
ฉันสูดลมหายใจแล้วถอนมันออกมา
มือจับดาบทั้งสองมือให้มั่นคง พร้อมประกาศกร้าว
"ไปตายซะไอ้ต้นไม้ผุ"
พอพูดแบบนั้นมันก็ทำหน้าบิดเบี้ยวทันที
"ถ้างั้นก็ตายซะเจ้าพวกแมลง"
มันยกมือขึ้นกางออกทั้งสองข้าง เกิดวงเวทสีเขียวเข้มนับไม่ถ้วนที่ด้านหลังของมัน
ฉันพุ่งเข้าจู่โจมทันทีพร้อมเสียงร้องลั่น
กิ่งไม้จากวงเวทนับถ้วยพวยพุ่งออกมาหลั่งไหลเลื้อยดั่งกับงู จุดที่พวกมันออกมามีหลายจุด แต่เป้าหมายที่มันไปมีเพียงแค่ที่เดียว
ฉันปัดป้องสายธารของกิ่งไม้ที่หลั่งไหลเข้ามา มันรวดเร็วและแหลมคม ยากจะรับมือได้หมด
บางส่วนปัดป้องได้ด้วยดาบ บางไม่ได้ก็ปล่อยมันผ่านไป โดยยังคงไว้ซึ่งการก้าวเดินไปข้างหน้าทิศทางของเป้าหมาย
ต้องเร็วกว่านี้ ต้องเข้าใกล้กว่านี้ ต้องฟันให้มันจบในดาบเดียว ฉันวิ่งฝ่าเข้าไปด้วยก้าวที่เร่งขึ้นในทุกๆ ก้าว
ก้าวที่หนึ่ง ก้าวที่สอง ก้าวที่สาม … ก้าวสุดท้ายถึงตัวเป้า คมดาบตวัดผ่านเนื้อไม้แข็งจนฉีกออกจากกันเป็นครึ่งบนและครึ่งล่าง ครึ่งบนลอยละลิ่วก่อนตกลงสู่พื้นนอนแน่นิ่งและแววตาก็ดับสนิทไป
พอเห็นนั้นฉันก็ถอนหายใจออกมา
…
ทันทีที่โล่งใจก็รับรู้ถึงอันตรายบางอย่าง แรงสั่นสะเทือน ที่เกิดขึ้นที่ภายใต้เท้า มันค่อยๆ สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ฉันยกดาบขึ้นแล้วแทงมันลงกับพื้นจนดาบจมลงไป แรงสั่นสะเทือนหายลับไป…
ฉันดึงดาบออก
"เอ๊ะ!"
ทั้งที่ออกแรงดึงแล้วแท้ๆ เหมือนกับดาบติดอยู่ในหินอะไรแบบนั้น
"ทำไมดึงไม่ออกล่ะเนี้ย!? "
ปลายดาบที่ฝังอยู่ในดินมีกิ่งไม้เลื้อยออกมาจากพื้น มันพัวพันรอบๆ ดาบพร้อมกับเกี่ยวยึดลงกับดินดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออก
ต้องถอยออกไปก่อน
พอคิดจะขยับถอยหนีเท้าก็ขยับไม่ออก มองที่เท้าพบเถาวัลย์ขึ้นเกี่ยวพันที่เท้าค่อยๆ เลื้อยพันขึ้นมาที่ขา จากนั้นก็พัวพันไปทั้งตัวโดยไม่ให้โอกาศได้หนีแม้แต่น้อย
"ปะ ปล่อยนะ!!"
ฉันพยามแกะเถาวัลย์พวกนั้นออก ดึงมันออกอย่างสุดแรง แต่ดึงแค่ไหนก็ไม่ไหว มันเหนียวเกินที่จะดึงออกได้
"เหวอ… ได้ไงกัน"
ยิ่งพยายามดึงออกมันยิ่งพันเข้าที่มือลามขึ้นไปยังแขน จนกระทั่งรากไม้ กิ่งไม้ เถาวัลย์ พันแน่นทั้งแขนและขา พวกมันแข็งแรงถึงขนาดยกตัวฉันลอยขึ้นได้
"ฉันบอกแล้วไงว่าตั้งแต่พวกแกก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ก็ตกอยู่กำมือของข้าแล้ว ฮ่า ฮ่า"
แม่มดไม้อสูรที่คิดว่าตายไปแล้ว ผุดออกมาจากดิน ทั้งๆ ที่จัดการมันไปแล้วแท้ๆ
พอเหลือบไปมองร่างเดิมที่ฟันไปพบว่ามันยังคงนอนแน่นิ่งไปเช่นเดิม ก็พอจะเข้าใจเหตุผลขึ้นมาบ้างแล้ว ป่าที่นี่เป็นเขตแดนของมัน เพราะฉะนั้นทุกๆ ผืนดินของที่นี่ก็เป็นตัวเองมันด้วย
"เอาล่ะ ได้เวลากลืนกินสารอาหารแล้ว จงมาเป็นส่วนหนึ่งของข้าเสียเถอะ"
แม่มดไม้อสูรยกมือขึ้นมา
กิ่งและเถาวัลย์รอบตัวก็รัดแน่นยิ่งขึ้น รัดแน่นจนยากที่จะหายใจ ศัตรูที่เคลียดแค้นมาตลอดอยู่ตรงหน้าแท้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
สติเริ่มเลื่อนลอย แทบจะดึงสติของตัวเองไม่อยู่แล้ว ทั้งที่เป็นแบบนั้นอยู่แต่กลับนึกหวนถึงเด็กพวกนั้น เด็กน้อยสามคนที่เหมือนกับน้องของตัวฉันเอง เด็กพวกนั้นคือเหตุผลที่ฉันมาอยู่ตรงนี้ คำที่เด็กๆ พวกนั้นพูดออกมา
"พี่ไรลีย์เก่งที่สุดไปเลย"
ได้ยินเมื่อฉันฝึกซ้อมดาบ
"พี่ไรลีย์ขอบคุณที่ช่วยพวกเรานะคะ"
ได้ยินเมื่อช่วยเหลือพวกเขา
"พี่ไรลีย์เป็นผู้กล้าของพวกเรา"
คำสุดท้ายที่ได้ยินก่อนออกมาจากบ้าน
คงจะได้เป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากเด็กพวกนั้นสินะ ยังไม่อยากตายเลย ยังไม่ทันได้ลองนอนบนกองเงินกองทอง เกลือกกลิ้งไปบนเหรียญทองคำมากมายในห้อง หรือใช้ชีวิตสบายๆ แบบเลดี้ในตระกูลขุนนางอะไรแบบนั้น ถึงมันจะไม่ใช่หตุผลทั้งหมดก็ตามที
แต่ว่าเลดี้ตระกูลขุนนาง? ดันนึกถึงหน้าเจ้าลูกชายดยุคเฮอเดนริชซะได้ เจ้าบ้านั้นมีคู่หมั้นหรือยังนะ ก็ว่าไปนั้น
ก่อนจะได้เจอกันได้ยินมาว่านิสัยเสียอันตพาลแต่พอได้เจอจริงๆ แล้ว…
"นี่… คนตัวเล็กอ่อนแอแบบนายคิดว่าจะได้รับเลือกเป็นผู้กล้าเหรอ ฮ่า ฮ่า"
นึกถึงพูดที่เจอกันครั้งแรกแล้ว อา… ก็ดูกับที่สมคำร่ำลือจริงๆนั่นแหละ
แต่ว่า…
หลายอย่างที่ได้เจ้านั้นช่วยเหลือ ยังไม่ได้ตอบแทนเลย ไม่มีอะไรจะตอบแทนซะด้วยสิ ใช่สิ ยังพอมีเรื่องที่สาวน้อยอย่างเราทำให้ได้อยู่
แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าบ้านั้นคงโดนต้นไม้ผีข้างนอกกำแพงรุมแทะกระดูกอยู่แหงๆ
หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีกนะ…
สติของไรลีย์ก็ดับไป
.
.
.
.
ลืมตาตื่นขึ้นมา รู้สึกได้ว่าแสงสว่างจากดวงจันทร์ลูกกลมใหญ่นั้นแยงส่องตา ดวงตาค่อยๆ ปรับตัวกับแสง จนมองเห็นท้องฟ้าสีม่วงอมฟ้าพร้อมกับหมู่ดาวส่องแสงที่เหมือนกับมีชีวิต แต่วิสัยทัศน์เหมือนดูแคบลงอย่างกับว่ามองผ่านปล่องถ้ำอยู่ บรรยากาศวังเวงช่วยหดหู่เหลือเกิน
ก็คงจะเป็นแบบนั้น ที่คงเป็นโลกหลังความตายสินะ นี้ฉันตายแล้วจริงๆ เหรอ? พอคิดแบบนั้นรู้สึกโหวงเหวงขึ้น
พอมองไปด้านข้างก็ต้องแปลกใจ
"บ่อน้ำเหรอ? "
เป็นบ่อน้ำที่ส่องแสงระยิบระยับออกมา
"สวยจัง"
น้ำที่ใสจนเห็นก้มบ่อ แสงที่เปล่งประกายออกมาอย่างกับบ่อน้ำบนสวรรค์เลย
ฉันเอามือวักน้ำขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้น
"ว้าว มันสวยจริงๆ ด้วย สุดยอดไปเลย"
พอมองดูที่ข้อมือตัวเองแล้วยังคงมีแผลอยู่ ถึงมาโลกหลังความตายแล้วยังเอาแผลมาด้วยอีกเหรอ แย่ๆ จริง
ฉันเอาน้ำมาทำความสะอาดที่แผล ถูไถคราบเลือดและสิ่งสกปรกออกไป
"เอ๊ะ!"
พอเอานิ้วถูที่แผล แผลกลับค่อยๆ ถูกรักษาแล้วก็หายไปในที่สุด ไม่ทิ้งแม้แต่แผลเป็นไว้สักนิด
"โห นี้ในบ่อน้ำศักดิ์ชัดๆ ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ส่งฉันมายังสวรรค์"
ฉันยกสองมือขึ้นภาวนา
แต่ว่าสุดยอดไปเลยนะ ถ้าที่นี่คือสวรรค์แสดงว่าฉันจะทำอะไรที่นี่ก็ได้ จะขออะไรก็ได้สินะ ทุกๆ อย่างจะเป็นจริงที่นี่สินะ
"แต่ว่าจะขออะไรดีนะ…? "
พอคิดแบบนั้นใบนั้นภาพของใบหน้าลูกชายดยุคก็เด้งเข้ามาในหัวเป็นครั้งที่สอง
"อ้ากกก อะไรกันเนี้ยทำไมต้องนึกถึงเจ้านั้นด้วย"
ฉันได้แต่นั่งกุมหัวตัวเอง
แต่พอทำแบบนั้นก็ได้ยินเสียงหาวเหมือนกับมีคนพึ่งจะตื่นนอนอยู่ด้านข้าง
"..."
เราสองคบสบตากันในทันที
"เอ๊ะ!"
"เอ๋…"
ในจังหวะนั้นก็รู้ได้ทันทีว่า ดูเหมือนนายเองก็จะตายแล้วถูกส่งมาอยู่ที่นี้เหมือนกันสินะ