"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฉันเกิดในหมู่บ้านเกษตรกรรมเล็กๆ ในแถบชนบท หมู่บ้านอันห่างไกลและเป็นเอกเทศจากเมืองหลวง เราใช้ชีวิตเรียบง่ายแต่มีความสุข เรามีอาหารพออยู่พอกิน มีครอบครัวและเพื่อนฝูงอยู่รายล้อม เป็นบรรยากาศแห่งความสุขที่คงอยู่เรื่อยมา
วันหนึ่งทุกๆ อย่างก็เปลี่ยนไป พืชผลเริ่มเน่าเสีย น้ำเริ่มขาดแคลน อาหารค่อยๆ ที่จะหายากขึ้นในทุกๆ วัน ไม่ว่าเราจะทำอะไร เราก็ไม่สามารถหยุดมันได้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเราทุกคนคงจะอดตาย
"ทำไมอะไรสักอย่างสิครับหัวหน้าหมู่บ้าน"
"พวกเราไม่เหลือเสบียงเพียงพอสำหรับหน้าหนาวแล้วนะครับ"
"โปรดช่วยพวกเราด้วย ฉันไม่มีแม่น้ำนมเพียงพอให้ทารกฉันแล้ว"
เสียงเรียกร้องจากชาวบ้านเข้ามารวมตัวกันเรียกร้องให้ต่อหัวหน้าหมู่บ้านที่เป็นพ่อของฉันเอง
"ข้าเข้าใจแล้ว ขอให้ทุกๆ คนใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวข้าจะหาวิธีทำอะไรสักอย่าง"
ท่านพ่อพยายามที่จะลดความร้อนใจของชาวบ้านเหล่านั้นให้เย็นลง ทั้งพูดคุยทั้งแบ่งอาหารให้ชาวบ้านเหล่านั้น ถึงแม้อาหารในบ้านของเราจะใกล้หมดแล้วเหมือนกัน แต่ด้วยภาระหน้าที่นี้จึงจำใจที่จะต้องแบ่งให้เหล่าชาวบ้าน
ในทุกๆ วันท่านพ่อจะต้องทำสีหน้าเคร่งเคลียดอยู่ตลอดเวลากับปัญหาที่แก้ไม่ตกนี้
ในที่สุดก็พบเห็นแสงสว่าง วันหนึ่งที่ท่านพ่อเข้าไปในป่าเพื่อหาอาหารมาประทังชีวิตให้ครอบครัว ท่านพ่อก็เจอเข้ากับสิ่งนั้นเข้า
ต้นไม้ยืนต้นสูงตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาขึ้นไปบนฟ้า แต่มันไม่ใช่ลักษณะของต้นไม้ที่ทำให้มันแปลก มันเป็นใบหน้าที่ถูกแกะสลักเป็นลำต้น
ใบหน้านั้นเป็นของผู้ชายหรืออาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ มันเก่าและผุกร่อน ใบหน้านั้นดูเหมือนถูกแกะสลักออกมาจากใจกลางของต้นไม้ และทำให้รู้สึกว่ามีจิตวิญญาณของต้นไม้อาศัยอยู่ภายในนั้น
ต้นไม้ยืนอยู่ในที่โล่งในป่าและล้อมรอบด้วยหมอกหนา หมอกหมุนวนรอบต้นไม้บดบังการมองเห็น สิ่งเดียวที่มองเห็นได้คือใบหน้าซึ่งดูเหมือนล่องลอยอยู่ในหมอกราวกับผี
บรรยากาศรอบ ๆ ต้นไม้มืดและลึกลับ เสียงเดียวคือเสียงลมหวีดหวิวผ่านกิ่งไม้ ต้นไม้ดูเหมือนกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง
ท่านพ่อได้ให้สัตว์เล็กๆ ที่ล่ามาได้บูชาแก่เทพแห่งพืชผล โดยไม่คาดหวังอะไร
แต่เมื่อเวลาผ่านไปพืชผลต่างๆ ที่ดูเหมือนจะตายไปหมดกลับค่อยๆ ฟื้นขึ้น
ท่านรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากและนำของเซ่นไหว้ไปถวายแก่เทพแห่งพืชผลเรื่อยๆ
จากสัตว์ตัวเล็กๆ
เป็นไก่
เป็นหมู
เป็นวัว
จนกระทั่งเป็นมนุษย์
ยิ่งถวายของเซ่นไหว้มากเท่าขึ้นพืชผลยิ่งเจริญงอกงามมากยิ่งขึ้น ท่านพ่อทำทุกอย่างด้วยตัวเองโดยไม่มีชาวบ้านคนไหนรู้เรื่องนี้เลย ฉันแอบตามท่านพ่อไปถึงได้รู้เรื่องนี้เข้า
ฉันรู้สึกเย็นยะเยือกไหลลงกระดูกสันหลังขณะที่มองไปที่ต้นไม้ มีบางอย่างเกี่ยวกับมันที่ทั้งน่าดึงดูดใจและน่ากลัว ฉันอยากเข้าใกล้แต่ฉันก็กลัวเหมือนกัน ฉันรู้ว่าถ้าฉันเข้าไปใกล้เกินไป ฉันอาจจะออกไปไม่ได้ นั้นน่ะเหรอคือเทพแห่งพืชผล
ฉันกลัวมาก!
ไม่กล้าแม้แต่มองหน้าท่านพ่อเมื่อท่านกลับบ้านมา ความกลัวความอึดอัดเกิดขึ้นภายในจิตใจ สันหลังฉันนั้นเย็นเฉียบเมื่อได้มองหน้าของท่านพ่อ
จนในวันนั้นก็มาถึง วันที่ชาวบ้านต่างรู้ว่าท่านพ่อทำอะไรลงไป
เหล่าชาวบ้านต่างกรูกันเข้ามาที่บ้าน มาทวงถามถึงชีวิตของผู้คนที่หายไป
เมื่อท่านพ่อรู้เรื่องนี้เข้าก็นำตัวหนีออกทางด้านหลังบ้าน สั่งให้วิ่งหนีเข้าไปในป่าลึก
“ไรลีย์! วิ่งหนีไปวิ่งหนีออกไป! อย่ากลับมาที่นี้!”
คำพูดที่เหมือนคำขับไล่ แต่น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ก่อนจะหันหลังวิ่งฉันได้เหลือบมองสายตาของท่านพ่อนั้นทั้งดูเศร้าหมองและหม่นหมอง ก่อนฉันจะวิ่งเข้าไปในป่าโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย
ไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวของฉันบ้าง เข้าป่ามาได้สักพักลมหายใจก็เริ่มแหบแห้ง ดวงตาเริ่มชุ่มฉ่ำ หลังจากนั้นก็พรั่งพรูออกมาเป็นสาย ฉันล้มลงกับพื้นด้วยความรู้สับสนและความเศร้าใจ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจส่งผลต่อเนื่องไปยังร่างกาย
ใจเหนื่อยล้า…
ขาอ่อนแรง…
ดวงตาหนักอึ้ง…
แผ่นหลังวางลงพิงกับโคลนของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในป่าที่มืดมิดอันเงียบเหงาไร้เสียง ดวงตาค่อยๆ ปิดลงไปพร้อมกับคราบน้ำตาที่แห้งเหือดอยู่บนใบหน้า
หลับลึกลงไปยังห่วงของความเศร้าเสียใจ จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่กันแน่
ฉันตื่นขึ้น…ตื่นขึ้นจากเสียงที่ดังแซ็งแซ่จากที่บางแห่ง กลิ่นควันและกลิ่นเหม็นไหม้อ่อนๆ ลอยมาจากไกลจากที่ๆ ฉันอยู่
ฟังดูแล้วเสียงดังมาจากทิศทางเดิมที่ฉันมา ทิศทางของหมู่บ้าน พอรู้แบบนั้นฉันก็รีบวิ่งกลับไปในทันที
ภาพที่เห็นคือความอลหม่านวุ่นวาย เปลวไฟและควันลุกโชนไปทั่ว
หมู่บ้านถูกโจมตี…
ถูกโจมตีจากต้นไม้ผีที่วิ่งไล่กินชาวบ้าน เสียงกรีดร้องโหยหวนมาพร้อมกลิ่นอายความตายอยู่ตรงหน้า
ทำขาฉันสั่นกลัวไร้เรี่ยวแรงล้มฟุบลงกับพื้น ภาพข้างหน้าที่ไม่อยากมองแต่ก็สะดุดตากับภาพอันสยดสยอง
เหล่าต้นไม้ปีศาจขนร่างชาวบ้านไปกองรวมกันไว้ ตรงกลางที่ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ตอนก็ไม่อาจรู้ได้
ต้นไม้นั้นรูปร่างเหมือนกับเทพแห่งพืชผลที่ท่านพ่อค่อยเซ่นไหว้เป็นประจำ หลังจากมันก็ดูดกลืนร่างของชาวบ้านไปจนหมด แล้วค่อยๆ กลายเป็นแม่มดไม้อสูรเหมือนทุกวันนี้
หลังทุกๆอย่างจนสิ้นแล้ว วันนั้นฉันไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเดิมท่ามกลางซากหมู่บ้านอย่างสิ้นหวัง อยู่ๆก็ได้ยินเสียงแปลกๆจากถังเบียร์ที่วางอยู่ เมื่อเปิดออกมาพบเด็กน้อยสามคนกำลังสะอื้นร้องไห้จนหมดเสียงกอดกันจนกลมอย่างหวาดกลัว ดูเหมือนพ่อกับแม่ของเด็กเหล่าจะนำพวกเขาไม่กลบก่อนที่ตัวเองจะตาย
ทันทีที่เห็นแบบนั้นฉันตัดสินใจได้ว่าจะดูแลพวกเขาเหมือนกับน้องแท้ๆ บางทีแล้วอาจจะเป็นความรู้สึกผิดในใจของตัวเอง
.
.
.
ผมฟังเธอเล่าเรื่องราวจนจบ
หลังจากเธอเล่าเรื่องชีวิตของเธอให้ฟังเราทั้งสองคนก็นิ่งเงียบไปหลายนาที ถึงเรื่องราวที่เธอเล่าจะดูน่ากลัวแต่ว่าผมเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกันตอนอยู่ที่เมืองหลวง
หมู่บ้านถูกโจมตีโดยปีศาจต้นไม้ ชาวบ้านถูกจับกินจนหมดไร้ร่องรอย มีเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่รอดมาได้ คนนั้นคือเธอเองเหรอ? แต่เพิ่งจะรู้ว่าทีเด็กอีกสามคนเหลือรอดมาด้วย เธอคงจะปกปิดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาของพ่อค้าทาส
ไรลีย์ถอนหายใจออกมาเหมือนคลายเศร้า สายตาดูเม่อลอย
"เพราะแบบนั้น ฉันเลยมาเป็นผู้กล้า…"
"..."
"ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่รู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรสักอย่างกับชีวิตที่เหลือของตัวเอง นายว่างั้นไหม? "
"อืม"
ไม่รู้จะว่าอย่างไรดี เธออาจจะสับสนและหาคำตอบว่าควรจะโกรธที่พ่อโดนชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์หรือโกรธสิ่งที่พ่อทำกับชาวบ้านดี แต่ใดๆ ปัญหามันก็มาจากแม่มดไม้อสูรนั้น
พอฟังแบบนี้ก็เข้าใจเรื่องของเธอมากขึ้นแล้ว
"นี่…แล้วนายล่ะ? "
อยู่ๆ เธอก็ถามออกพร้อมกับมองด้วยสายตาดูสงสัย
"เอ๋ ฉันไม่มีเรื่องราวอะไรแบบนั้นให้เล่าหรอก"
ก็ตามที่บอกไป ครอบครัวผมยังอยู่สุขสบายดี มีปัญหากับท่านพ่อและท่านพี่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรเลย เป็นเรื่องที่โกรธอยู่บ้างแต่ก็พอยอมรับได้
"บ้าหรือไง! ฉันหมายถึงว่าทำไมนายถึงอยากมาเป็นผู้กล้าต่างหาก"
ได้รับคำถามที่คาดไม่ถึง
"ทำไมน่ะเหรอ…"
ไม่รู้จะบอกเธอไปอย่างไร หรือบางทีแล้วจะบอกกับตัวเองอย่างไรต่างหาก ทำไมถึงอยากมาเป็นผู้กล้าเหรอ? คำถามหนักอึ้งที่เหมือนกับตาชั่งเหล็กหล่นใส่หัว คงบอกว่าได้ว่าไม่ได้คิด ไม่สิคิดไว้แล้วต่างหากแต่มันกลับคิดไม่ตกว่ามันคืออะไรกัน เงินทอง? ชื่อเสียง? เกียรติยศ? คงไม่ใช่คำตอบบางสิ่งก็มีอยู่มากมาย บางสิ่งก็ไม่ได้ต้องการมัน คำถามนั้นหมุนวนอยู่ในหัวไปหมด
สุดท้ายก็ไม่ได้ให้คำตอบกับเธอไปจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน
.
.
.
ผมสดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกด้วยเสียงอะไรบางอย่าง
มองไปทางไรลีย์เธอยังหลับสบายอย่างไร้พิษภัย
"นี่ ไรลีย์ ไรลีย์ ไรลีย์!"
เธอไม่ตื่น เธอเป็นพวกนอนตื่นยากนี่เอง ผมได้ถอนหายใจด้วยความละเหี่ยใจแล้วออกไปตามหาต้นตอของเสียงนั้น
เสียงเหมือนกับน้ำค่อยถูกดูดและกระเพื่อมเหมือนน้ำในแม่น้ำ ถ้าแบบนั้นต้องไปดูที่บ่อน้ำ
บ่อน้ำยังสีใสและเปร่งประกายแสงระยิบระยับจนสะท้อนไปยังผิวถ้ำอยู่เช่นเดิม แต่รู้ถึงบางอย่างเปลี่ยนไป
รู้สึกได้ว่าระดับของผิวน้ำมันต่ำลงกว่าเดิม สังเกตได้จากร่องรอยเปียกชื้นบริเวณขอบบ่อน้ำที่ถอยร่นลงไป
"น้ำมันลดงั้นเหรอ? "
เหมือนจะเป็นแบบนั้น ส่วนสาเหตุก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ผิวน้ำมันดูสั่นกระเพื่อมอยู่ตามที่เคยได้ยินเสียง ดูเหมือนมันจะค่อยสั่นแรงขึ้น แรงขึ้นจนผิวน้ำเริ่มจะขยับ มันค่อยๆ หมุนวนตามเข็มนาฬิกา
น้ำวนอย่างเหรอ? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ ทิศทางที่น้ำหมุนวนจะรวบรวมไปที่ตรงกลาง เหมือนกับน้ำมันค่อยดูดเข้าไป ใช่แล้วมันกำลังดูดน้ำเข้าไป
พอน้ำเริ่มลดลงก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นรากไม้ที่กำลังดูดน้ำออกไป
มันเจอเราแล้ว!!
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ พอรากไม้ดูน้ำจนพอแล้วมันก็ดึงตัวกลับอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ เดี๋ยวก่อนสิ!"
ผมรีบโดดตามลงไป มือพยามที่จะคว้ามันไว้ แต่มันกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จวบจนมือคว้าไว้ได้เพียงอากาศ
ตัวของผมจึงตกลงบ่อน้ำไป