"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ความเงียบปกคลุมไปทั่วถ้ำ พื้นดิน ผิวน้ำ หรือแม้กระทั่งหัวใจก้อนโตเบื้องหน้าของไรลีย์ไร้การขยับขับเคลื่อนไหวติงอะไรทั้งนั้น นิ่งสนิทเหมือนกับก้อนหินก้อนใหญ่ แสงสีแดงฉานส่องสว่างก็ค่อยๆ ดับลง
มองไปยังเบื้องล่างครึ่งท่อนบนของมันที่ลอยลิ้วไปจากฝีมือของผมก็ทำให้ถอนหายใจอย่างโล่งใจ
"สำเร็จแล้วนะ"
ผมหันไปยิ้มกว้างให้เธอ พร้อมเสียงหยดน้ำดัง แปะ หยดลงจากเพดานถ้ำ
"อืม~"
พยักหน้าเบาๆ พร้อมยอมยิ้มบางๆ เธอไม่ได้ยิ้มร่าออกมาเท่าไหร่ แต่จากน้ำเสียงแล้วรับรู้ได้ถึงความพอใจของเธอที่ออกมาจากใจจริง คงเหมือนกับหัวใจได้เติมเต็มอะไรบางอย่างเข้าไปแล้ว
เธอหันกลับไปมองดาบของตัวเอง พร้อมยิ้มให้ดาบนั้นอย่างพึงพอใจ ดาบซึ่งปักอยู่กลางหัวใจศัตรูคู่แค้นของเธอ มันช่วยให้เธอแก้แค้นมันได้เธอคงจะขอบใจมันอยู่
หลังจากจบสิ้นแล้วสองมือของถือดึงมันออกจากหัวใจก้อนโตนั้น…
เสียง ฮึบ! ของเธอดังขึ้นจากการพยายามออกแรงดึงดาบ พร้อมกับเสียง
ดูเหมือนว่าดาบเธอจะติดอยู่ในหัวใจที่นิ่งสนิทเหมือนกับหินนั้นเสียแล้ว
เห็นท่าทางแบบนั้นทำเอาผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้เลย
“ฮ่า ฮ่า ทำอะไรของเธอเนี้ย กำลังทำตัวเป็นผู้กล้ายุคโบราณที่กำลังดึงเอกซ์แคลิเบอร์อยู่หรือไง”
“อย่ามาล้อกันเล่นนะ ยืนอยู่เฉยๆ ทำไมกัน มาช่วยฉันดึงมันออกเลยนะ”
ไรลีย์เอาเข้ายันไว้สองขาแล้วดึงออกมาอย่างสุดแรงแล้วก็ยังไม่ออกเหรอเนี้ย ไม่ใช่ว่าตอนนี้มันกลายเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ที่ปักไว้ในก้อนหินไปแล้วเหรอ
เสียงเธอฮึบของเธอยังคงประสานกับเสียงหยดน้ำเช่นเดิม
“ครับ ครับ… จะไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ”
ผมรีบเดินเข้าไปช่วยเธอ พลางหัวเราะกับความเซ่อซ่าของเธอไปด้วย
แปะ
แปะ
แปะ!
เสียงหยดน้ำดังขึ้นถี่ตลอดการก้าวเท้าเดินไป รู้สึกหงุดหงิดและสงสัยขึ้นมา เสียงมันช่างทำให้รู้สึกถึงบางอย่างชอบกล
ผมหันกลับไป
สิ่งที่เห็นทำให้ตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก
ร่างของแม่มดไม้อสูรที่กระเด็นออกไปลุกขึ้น พร้อมกับหยดน้ำที่ตกลงบนหัวของมันผมเปียกชุ่มไปทั้งตัว ในหัวได้แต่เกิดความสงสัย ทั้งๆ ที่น่าจะจบแล้วแท้ หัวใจมันก็โจมตีเข้าไปแล้วทำไมถึงยังอยู่ได้อีก
แปะ
เสียงหยดน้ำตกลงมา
หยดน้ำเหรอ ตัวมันได้รับน้ำเข้าไปทำให้ฟื้นได้งั้นเหรอ ได้ไงกันไม่เห็นรู้เรื่องแบบนี้เลย ไม่โกงไปหน่อยเหรอแบบนี้
“ไรลีย์ระวังตัว!!”
“เห มันลุกขึ้นมาได้ยังไงฉันแทงเข้าหัวใจมันไปแล้วนี่ บ้าเอ้ย!”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง-”
ผมโดนรากไม้พุ่งเข้าโจมตีไม่ทันตั้งตัว รากไม้รากร่างกายผมลอยขึ้น กระแทกเข้ากับโคนต้นไม้ใหญ่บนหัวของไรลีย์ แรงกระแทกสร้างความเจ็บปวดที่ท้องรวมไปถึงปอดจนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
รากไม้ตึงร่างกายผมให้ลอยติดอยู่กับโคนต้นไม้อยู่แบบนั้น มันตึงไว้แน่นยากที่จะขยับออกไปไหนได้
"อาริน!"
ไรลีย์เห็นแบบนั้นรีบออกแรงดึงดาบออกมา
"เอ๊ะ! อะไรกันเนี้ย!? "
เสียงตึกๆ ดังขึ้นพร้อมกับการขยับขับเคลื่อนของหัวใจ ดาบที่ควรจะถูกดึงออกด้วยแรงของเธอกลับค่อยๆ ถูกดูดเข้าไปแทน แสงสว่างสีแดงจากหัวใจก้อนโตที่ดับสนิทเหมือนไฟที่มอดม้วยไปกลับถูกจุดขึ้นใหม่จนสว่างจ้าเต็มดวงตาของเธอ
"ฮึบบบบ!"
ไรลีย์พยายามฝืนแรงดึงที่พยายามดูดดาบของเธอเข้าไป
เถาวัลย์หลั่งไหลออกจากจุดที่ถูกแทงเข้ามาตึงแขนของเธอไม่ให้ปล่อยดาบออกจากมือได้ จากดาบที่ค่อยถูกดูดเข้าไปตอนนี้เป็นตัวของเธอเองที่ค่อยๆ ถูกดูดเข้าไปด้วยเช่นกัน
ไรลีย์ถูกหัวใจก้อนโตดูด ตัวผมโดนดึงไว้ด้วยรากไม้ลอยอยู่แบบนี้ ทำไมอยู่ๆ สถานการณ์มันกลับด้านกันแบบนี้ได้ล่ะ
"ฮ่า ฮ่า ฮะ ฮ้า! ข้าขอยอม พวกเจ้าเก่งกันจริงๆ สามารถไล่ต้อนข้าคนนี้จนนึกว่าตายไปชั่วครู่หนึ่งได้"
แม่มดไม้อสูรเดินออกอย่างโซซัดโซเซ มือข้างหนึ่งกุมไว้ที่กลางอก ดูเหมือนว่าการโจมตีของไรลีย์ก็จะส่งกับมันเหมือนกัน
"...แต่ไม่ว่าอย่างไรตัวพวกเจ้าก็เป็นได้แค่หนอนแมลงเพียงเท่านั้น"
มันยกมือกางออกทั้งสองข้าง เดินมาหยุดที่ตรงกลางวงเวทขนาดใหญ่ตอนไหนก็ไม่รู้ วงเวทที่ถูกสร้างจากรากไม้ขดเป็นตัวอักษรเวทมนตร์
วงเวทถูกเปิดใช้งานแสงสีเขียวสว่างขึ้น รากไม้ต่างเคลื่อนตัวค่อยๆ ดึงสารอาหารต่างๆ เติมเข้าไปที่วงเวท
"จงยินดีเสียเถอะ สารอาหารจากพวกเจ้าจะถูกนำไปใช้ในการกำเนิดความชั่วร้ายอันแข็งแกร่ง เท่านี้เจ้าพวกมนุษย์ทั้งหลายก็จบสิ้นแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า"
หัวใจก้อนโตเต้นระรัวดังก้องไปทั้งถ้ำ แรงในการดึงไรลีย์เข้าไปมากกว่าเดิมจนเธอถูกถึงเข้าไปได้ครึ่งตัว เธอพยายามกัดฟันฝืน ใช้เท้ายัยสุดแรง ทั้งเอาหัวโขกจนศีรษะมีเลือดออก แต่ก็ไม่อาจหยุดมันได้
"โอ้ ใจสู้จริงเลยแม่หนู หืมมม!? "
มันกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เมื่อคิดออกก็ยิ้มกว้างออกมา
"...จำได้แล้ว ข้าคิดออกแล้วล่ะ เจ้าเองสินะ แม่หนูตัวเล็กเมื่อตอนนั้น ลูกของไอ้โง่ที่ช่วยให้ข้าคืนชีพขึ้นมาได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
มันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น มองไปไรลีย์เห็นเธอกัดฟันแน่นจนได้ยินเสียง กร็อดๆ ชัดเจน
"น่าขันจริงๆ นึกถึงความน่าเวทนาของไอ้บ้านั้นที่เข้ามาอ้อนวอนขอให้ช่วยฟื้นฟูพืชผลของหมู่บ้าน หึ ฉันจะบอกอะไรแล้วกันนะ"
มันแบมือยกขึ้นมา มีเมล็ดพันธุ์ออกมาจากมือนั้น มันดิ้นขยับไปมาอย่างกับเป็นแมลงตัวเล็กๆ
"ข้าส่งเมล็ดปรสิตนี่ แลกกับคำขอที่จะช่วยหมู่บ้าน แล้วควบคุมมันให้ส่งอาหารมาให้ สุดท้ายแล้วก็ได้กินอาหารมื้อใหญ่ เสียดายจริงที่มันดันปล่อยเด็กแบบแกหนีไปได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
หลังจากเสียงหัวเราะหยุดลงยังคงไว้ซึ่งเสียงหัวใจเต้นดังสะเทือนจนรับรู้ได้ เสียงไรลีย์ก็ดังขึ้น
"งั้น-เอง-เหรอ"
เสียงพูดราบเรียบปนสะอื้นของเธอทำให้ผมเจ็บปวดใจ มองจากด้านบนแล้วเห็นเธอก้มหน้าอย่างเศร้าหมอง น้ำตาของเธอไหลอาบลงแก้ม คำพูดของมันทำร้ายจิตใจเธออย่างหนัก นอกจะพาหวนย้อนคืนวันที่เลวร้ายแล้วยังเยาะเย้ยเธออีก ชักทนไม่ไหวแล้วเว้ย
“เห้ย! แกน่ะหยุดได้…อุบ!”
ผมโดนรากไม้เข้ามาปิดปาก
“แกนั่นแหละหุบปาก ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก พอฉันดูดสารอาหารจากแม่หนูนั้นแล้ว ต่อไปก็เป็นตาของแก”
แม่มดไม้อสูรยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ท่าทีเริงร่าดั่งกับได้ลิ้มรสดื่มด่ำไปกับอาหารจานโปรด
“ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว”
เสียงอันแผ่วเบาของไรลีย์ลอยออกมา แต่เรียกความสนใจของผมให้หันมอง
“หืม อะไรของเธอน่ะแม่หนู?”
“ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว!!!”
เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมน้ำตาที่อาบอยู่บนสองแก้ม ตะเบ็งเสียงออกมาลั่นจนกลบเสียงเต้นของหัวใจก้อนโตไปชั่วครู่
บรรยากาศรอบๆ ตัวเธอเปลี่ยนไป จากเศร้าหมองเปลี่ยนเป็นเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญและมุ่งมั่น เต็มไปด้วยพลังบวกรอบๆ ตัวของเธอ มวลของคลื่นแห่งพลังค่อยหมุนวนรอบตัวเธอ พร้อมกับแสงส่องสว่างออกจากสร้อยคอผู้กล้าของเธอ รวมถึงสร้อยคอของผมด้วยเช่นกันมันดึงดูดสองส่วนเข้าหากัน แรงดึงดูดของขึ้นตามแสงสว่างที่สว่างจ้าออกมา ในที่สุดสร้อยก็หลุดจากคอของผมพุ่งตรงดิ่งเข้าไปหาของไรลีย์ สองส่วนประกบเข้าหากันอีกครั้งอย่างดั่งก่อนที่มันจะแยกกัน แสงจากสร้อยคอค่อยๆ ขยายออกจนครอบคลุมไรลีย์ไปทั้งตัว
แสงนั้นเพิ่มพลังให้เธอมหาศาลจนออกแรงดึงเถาวัลย์รอบตัวขาดออก ตัวของเธอที่ดูดเข้าไปครึ่งตัวค่อยๆ ดึงออกมาจนเห็นมือที่กำด้ามดาบแล้ว ดาบถูกดึงออกพลางตวัดขึ้นด้านบนจนหัวใจขาดวิ่นไปบางส่วน ของเหลวสีแดงสาดกระเซ็นออกเป็นทาง
“อ้ากกกก!”
แม่มดไม้อสูรเขาทรุกลงกับพื้นจากความเสียหายที่หัวใจ จนมือกุมแน่นที่กลางอก ดวงตาบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดอันแสนหนักอึ้ง
“ได้ยังไงกัน ทำไมแกถึงหลุดออกมาได้ แล้วแสงนั้นมันคืออะไรกัน แสงนั้นหรือว่า!? แกเป็นผู้กล้าอย่างงั้นเหรอ!”
“ถ้าใช้แล้วมันจะทำไมกัน?”
มันกัดฟันแน่น ตาเบิกกว้าง ใบหน้าอันบิดเบี้ยวแสดงออกมาหนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้เรื่องนั้น
“ขอบใจที่แกสารภาพทุกอย่าง ฉันเข้าใจแล้วทุกอย่างแล้ว ฉันจะกำจัดแกให้ได้ แก้แค้นให้กับชาวบ้านแก้แค้นให้กับท่านพ่อที่ถูกแกบงการกับเรื่องทั้งหมดนั่น”
ไรลีย์ยกดาบขึ้นเหนือหัว แสงสว่างจ้ารวบรวมตัวเข้าที่ดาบ เกิดแสงสว่างจ้าเหมือนกับไฟดวงใหญ่ที่ปลายดาบ พลังแห่งแสงสว่างรวมกันหมุนวนเป็นกระแสคลื่นรอบๆ ดาบ
“หยุดนะเห้ย!”
เสียงร้องอย่างอดสูของมัน พร้อมรากไม้พุ่งออกมาโจมตีไรลีย์จากด้านหลัง
“ไม่ไปหรอกน่า”
ผมดันตัวหลุดออกจากการตึงด้วยรากไม้ได้ กระโดดลงมาป้องกันระหว่างไรลีย์กับแม่มดไม้อสูร ปัดป้องรากไม้ไปได้แต่ตัวเองก็โดนแรงกระแทกจนตัวนั้นกลิ้งไปไกล
“ย้ากกกกกก!!!”
หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ร่างกายถูกเติมเต็มด้วยความกล้า เลือดลมสูบฉีดพลังงานไปทั่วทั้งร่างกาย ดาบอันหนักอึ้งเต็มไปด้วยพลังงานแห่งแสงควบคุมให้นิ่งได้ยาก แต่จับมันไว้ด้วยสองมืออย่างสุดแรงพร้อมแกว่งมันลงด้วยพลังอันสุดล้น
ดาบฟาดฟันลงหัวใจก้อนโต แสงสว่างระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งถ้ำ ผลักร่างของไรลีย์กระเด็นออกมาไกล
หัวใจแตกสลายไร้โครงสร้างเดิม แสงสว่าง เสียงเต้นของหัวใจ ทุกๆ อย่างหายไปแล้ว
“อ่า ไม่นะ ข้ายังไม่อยากตายตอนนี้ หน้าที่ของข้ายังไม่จน วงเวททำงานไปแล้ว ทำไมมันถึงยังไม่สำเร็จอีก ไม่นะ…”
เสียงสุดท้ายของแม่มดไม้อสูรก่อนที่ร่างกายจะเหี่ยวแห้งและสลายลงกับพื้น
ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะจบแล้วจริงๆ
ไรลีย์นอนหายใจอย่างเหนื่อยหอบอยู่ ตอนนี้สร้อยคอผู้กล้าของเธอขาดออกกระเด็นตกพื้นไปตอนไหนก็ไม่รู้ อย่าบอกนะเธอถูกเลือกให้เป็นผู้กล้าแล้วน่ะ บ้าน่า เราแพ้เธอแล้วเหรอเนี้ย แต่ว่าเราตกลงกันไว้ว่าใครชนะจอมมารได้ก่อนถึงเป็นผู้กล้านี่น่า แบบนี้จะทำยังไงต่อกันดี
เหลือบไปรอยยิ้มอันปลื้มปีติขณะที่น้ำตากำลังหลั่งไหลของเธอแล้ว รู้สึกจิตใจเต้นตึกตักขึ้นมา
ช่างมันก่อนแล้วกันเรื่องนั้น
“มานี่สิ”
ผมยื่นมือไปหาเพื่อดึงเธอให้ลุก พร้อมพยุงไหลของเธอขึ้นมา
“สำเร็จจริงๆ แล้วนะ”
“อืม ขอบใจที่คอยช่วย”
“เอ๋ ฉันก็ไม่ค่อยได้ช่วยเท่าไหร่”
เราสองคนยิ้มให้กันพร้อมหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เหมือนกับเป็นบรรยากาศดีๆ ครั้งแรกเลยระหว่างสองเรา
“ว่าแต่ ทำไมวงเวทมันถึงยังทำงานอยู่ล่ะ?”
วงเวทสีเขียนยังทำงานอยู่แม้ร่างไม้จะแห้งสลายไปแล้ว อยู่ๆ ก็มีแสงสว่างตรงกลางวงเวทลอยขึ้น เป็นตราผู้กล้าที่ไรลีย์ทำตกหล่นไปกำลังส่องแสงว่างเหนือวงเวท มันสว่างจ้าจนพวกเราเอามือปิดบังดวงตาไว้
สิ้นสุดแสงสว่างปรากฏชายคนหนึ่งออกมา ยืนสง่าผ่าเผยตรงกลางวงเวทที่แสงค่อยๆ ดับลง แม้แสงจะค่อยๆ ดับลงแต่ความส่องประกายของชายคนนั้นไม่ลดละลงเลย
เส้นผมสีทองสง่า ดวงตาคมโตสีฟ้า ร่างกายสมส่วนสมบูรณ์แบบ ชุดส่องประกายแวววับ หน้าตาหล่อเหลาเหมือนดังเทพบุตรลงมาจุติบนโลก สร้อยคอกวัดแกว่งไปมาที่ห้อยที่ลำคอ มองเห็นชัดเป็นสร้อยคอที่คุ้นเคย มันทำจากเงินมีตราประทับรูปดอกไม้ที่เหมือนกับดวงอาทิตย์อยู่
ชายคนนั้นกวาดสายตามองรอบๆ ด้วยความสงสัย หลังจากนั้นก็หลุดสายตาที่เราสองคนที่ยืนอยู่ ชายคนยิ้มออกมาสายตาแสดงออกถึงความอบอุ่น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าดวงตาซึมของชายคนนี้เหมือนน้ำพุแห่งความสุข
“สวยงามมาก”
ไรลีย์มองชายคนนั้นด้วยแววตาประกาย
ทำเอาผมขมวดคิ้วหงุดหงิด
ชายคนนั้นที่หน้าตาเหมือนกับเทพพระบุตรค่อยๆ เดินเข้ามาเบื้องหน้าอย่างช้าๆ สายตามองมาที่ผมแล้วก็มองไปที่ไรลีย์แล้วก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ทำหัวใจของสาวๆ ถูกยิงด้วยลูกศร
“ดีใจที่ได้เจอกันนะครับ~”