"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลังจากนั้นเราสามคนออกมาเดินกลางเมืองมองหาร้านอาหาร ระยะห่างระหว่างผมกับไรลีย์นั้นห่างไกลมากยิ่งกว่าเส้นรอบโลก เดินอยู่เคียงคู่แต่เบือนหนีออกไปไม่สบตาพูดคุยอะไรกัน เต็มไปด้วยความตึงเครียดและความไม่สบายใจ อากาศแทบจะจับตัวเป็นก้อนได้ เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงหายใจเข้าและออกที่หนักหน่วง
"อะ เออ…คุณไรลีย์อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ? "
จูเลี่ยนที่เดินตามหลังพวกเรามาพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศน่าอึดอัดใจนี้
"...ฉันอิ่มแล้ว"
ใบหน้าเธออึ้งตึงเหลือบมองมาทางผมแล้วก็เบือนหน้าหนีทันที พร้อมทำเสียงหึ! อย่างไม่พอใจ
"แล้วคุณอารินล่ะครับ? "
"แล้วแต่แกสิวะ หือ…พอนึกๆ ดูแล้วตอนเช้าแกหายตัวไปใช่ไหม แกแอบไป-"
"!"
เสียงร้องโครกครากดังขึ้นกะทันหันดั่งกับเสียงฟ้าร่ำร้องขัดจังหวะการพูดคุย
เราสองคนมองยังต้นทางของเสียงพลางนึกสงสัย เสียงดังมาจากทางไรลีย์กำลังกุมท้องทำหน้าแดงแจ๋นิ่งไปแบบนั้น ดูเหมือนว่ากระเพาะของเธอจะทรยศต่อตัวเธอเองเสียแล้ว
“ไม่ใช่เสียงของฉันนะ”
“หึ หึ! เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว เสียงท้องร้องของฉันเองแหละ เพราะฉะนั้น…จูเลี่ยน!”
“ครับ?”
“ถ้าเธอบอกว่าไม่ได้หิว งั้นพวกเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
“อะ เออ…โอเคครับ”
ผมกอดคอจูเลี่ยนไว้แล้วเดินออกไปปล่อยให้ไรลีย์ทำตาละห้อยอยู่ที่ยืนอยู่แบบนั้น นี่คงเป็นการเอาคืนเธอได้บ้าง เธอพูดออกมาเองนี่นาว่าไม่หิว ปากไม่ตรงกับใจแบบนี้นี่แหละโดนเอาคืนไปเสียเถอะ
ไรลีย์กัดฟันกรอดอย่างขุ่นเคืองพร้อมเสียงหายใจฟึดฟัดออกมาเสียงดัง ดูเหมือนเธอจะไม่พอใจแต่พยายามเก็บกลั้นอารมณ์โกรธของเธอไว้ เอาสิมาดูกันว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่…แต่พอคิดแบบนั้นแล้วเหมือนเรากำลังทำสงครามเย็นกันอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย
เธอสูดลมหายใจเข้าแล้วปลดปล่อยมันออกมาทั้งหมดพร้อมเผยยิ้มมุมปากออกมา
“นี่ ท่านผู้กล้าจูเลี่ยน…”
เธอเข้ามาควงแขนของจูเลี่ยนให้ผละออกไป
“ว่าไงเหรอครับ?”
“คือว่านะ ตอนนี้ฉันเริ่มหิวแล้วสิ ช่วยพาฉันไปกินร้านนั้นได้ไหม?”
ท่าทีออดอ้อนของเธอพยายามแน่นชิดจูเลี่ยนถึงที่สุด รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เขากำลังลำบากใจ พลางมองมาที่ผมอย่างไม่สบายใจ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะ ใครจะยอมตกลงในแผนของเธอล่ะ เธอกำลังยั่วยุผมอยู่ถ้าผมโกรธคงจะเป็นไปตามแผนของเธอ ตอนนี้คงต้องอดทนไว้ก่อน
ผมหันหน้าหนีไม่ได้สนใจอะไร
เมื่อเห็นแบบนั้นจูเลี่ยนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องตามใจเธอ เนื้อสัตว์เสียบไม้ย่างถือไว้ในสองมือของเธอพร้อมกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ท่าทางดูเหมือนกับความสุขทั้งชีวิตของเธออยู่กับอาหารมื้อนี้เลย
“ท่านผู้กล้าจูเลี่ยน ลองชิมดูสิคะ”
พอได้ยินแบบนั้นคิ้วรู้สึกกระตุกขึ้นมานิดหน่อย
“ดะ ได้ครับ”
“อะ อ้ามมมมมม~”
“...”
เนื้อสัตว์เสียบไม้ย่างยังไม่ถึงปากของจูเลี่ยนก็ถูกตัดหน้าไปเสียก่อน ผมกัดมันพร้อมกับดึงมันออกจากไม้ กลืนมันลงคอในทีเดียวโดยยังไม่ทันได้เคี้ยว ปล่อยไม้เสียบอันว่างเปล่าทิ้งไว้ในมือของเธอไว้แบบนั้น
“อ่า โทษที ฉันหิวขึ้นมาพอดีเลย มันอร่อยมากเลยล่ะ ขอกินอีกไม้ได้ไหม?”
ไรลีย์นิ่งเงียบไปจ้องมองไม้เสียบอย่างว่างเปล่า
ผมรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างจากเธอ ก้มหน้ากัดฟันกรอดมือกำแน่นสั่นระรัว กระแสการหายใจค่อยถี่และรุนแรงขึ้น รู้สึกเหมือนลูกระเบิดกำลังถูกจุดชนวนพร้อมที่จะระเบิดออกมาทำลายได้ทุกสิ่ง ดูเหมือนผมทำเกินไปหรือเปล่านะ การระเบิดอารมณ์ของดเธอจะรุนแรงขนาดไหนยากจะจินตนาการ ไม่ได้จากแล้วต้องขอโทษเธอ!
"ตายซะเถอะเจ้าบ้า!"
ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว เธอยกหมัดขึ้นด้วยความโกรธเลือกขึ้นหน้า
"!!!"
เสียงกลองดัง ตึบ ตึบ! ขึ้นมา เราสามคนหยุดเดินด้วยความสงสัยกับเสียงกลอง ไม่ใช่แค่พวกเราชาวบ้านโดยรอบก็หยุดเดินพร้อมกับเสียงกลองที่ดังขึ้นมาด้วยเช่นกัน
"..."
สิ้นสุดเสียงกลอง
ความโกลาหลวุ่นวายปะทุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผู้คนแตกตื่นตื่นตัวเหมือนกันมดแตกออกจากรัง ลุงขายเนื้อเสียบไม้เร่งรีบเก็บร้านเข้าไปในซอยอย่างลนลานจนข้าวของหกลงบนพื้นเสียหาย พ่อแม่รีบอุ้มลูกหลานกลับเข้าบ้าน ชายหนุ่มทิ้งแฟนสาววิ่งหนีหายไปก่อนก็มี ภายใต้ท่ามกลางความตื่นตระหนกอลหม่านยุ่งเหยิงนี้มีพวกเราสามคนยังหยุดยืนอยู่อย่างสับสนเหมือนเสาหินโดดเดี่ยวท่ามกลางพายุอันโหดร้าย
"หนีกันก่อนเร็ว"
ผมรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา ผมรีบคว้ามือไรลีย์แล้ววิ่งออกไป
"เอ๋…อะ อืม"
เราสามคนวิ่งอย่างเร่งรีบออกจากบริเวณตรงนั้น พร้อมตรงไปทางอาคารใหญ่หลังหนึ่ง อาคารหลังใหญ่มีผู้คนมากมายหลายคนวิ่งเข้าไปหลบอยู่ภายใน ผมจึงเลือกพาทุกคนเข้าไปที่นั่นเพื่อหลบภัยที่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด
วิ่งมาจนถึงหน้าอาคารหลังใหญ่
“!”
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ยังพุ่งเข้าชนอาคารอย่างไม่ทันตั้งตัว มันพุ่งเข้าชนใจกลางอาคารจนเศษสิ่งก่อสร้างพังทลายกระจายออกร่วงหล่นลงมา พร้อมกับติดค้างคาอยู่บนอาคารอยู่แบบนั้น มันดิ้นรนพยายามเคลื่อนตัวออกจากเศษอาคารที่พังทลาย จนทำให้อาคารเริ่มสั่นจนเหมือนจะพังได้ทั้งหลัง ผู้คนเริ่มกรูแย่งกันวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาจากอาคารที่เหมือนจะทล่มได้ทุกเหมือน
"มันกำลังจะพัง!"
"หนี!"
ทุกคนพยายามหนีเอาตัวรอด
มันเป็นปลาขนาดใหญ่แต่ผิวหนังดูแห้งและหยาบกร้าน กางคีบใสๆ สยายออกแผ่ขยายยาวกว้างขวางเหมือนกันปีก ดีดตัวออกจากอาคารพุ่งตัวออกไปบินขึ้นได้ด้วยปีกพุ่งทะยานออกไป ส่วนอาคารก็พังทลายครืนลงมาทันทีที่ปลาตัวนั้นพุ่งออกไป
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี้ย!?”
ผมพูดออกมาท่ามกลางความตกตะลึง
ไม่ทันไรปลาอีกตัวก็พุ่งมาชนอาคารอีกด้านเสียงดังโครมคราม ไม่ใช่แค่ตัวเดียวยังมีปลาอีกมากมายบินเข้ามาชนข้าวของในเมืองไปทั่ว บ้างก็พุ่งชนอาคารจนพังแล้วก็บินจากไปบ้างก็ชนอาคารจนถล่มจมลงในซากเหล่านั้น เสียงอึกกระทึกครึกโครมทั่วทั้งเมืองผู้คนหนีตายกันจ้าระหวั่น มันคือหายนะอย่างแท้จริง
ปลาขนาดใหญ่บินเต็มท้องฟ้า บินพาดผ่านเหมือนเหมือนกับผ่านกับบินผ่านสะพานข้ามแม่น้ำสักสายหนึ่ง ถ้าภาพที่เห็นเป็นปลาปกติคงจะรู้สึกพึงพอใจแต่ด้วยขนาดของมันคงบอกว่ารู้สึกขนลุกเสียมากกว่า บางส่วนตกลงสู่เหมือนพังทลายอาคารบ้านเรือนแต่ส่วนมากก็บินผ่านออกไปได้ แต่เพียงแค่ส่วนที่ตกลงมาก็ทำให้บ้านเมืองเสียหายไปหลายหลัง
ปลาบินตัวหนึ่งร่วงหล่นลงมานอนดิ้นไปมากลางฝูงชนที่หนีตายออกมานอกอาคาร นอนอยู่เบื้องหน้าของเด็กน้อยหูแมวคนหนึ่งที่ล้มลงก้นจ่ำเบ้าลงกับพื้นด้วยความตกใจจากปลาขนาดใหญ่ที่ตกลงมาใกล้ๆ จนเขาร้องไห้เสียงดังออกมาไม่ยอมลุกขึ้นแล้วหนีไป ดูเหมือนเด็กจะกลัวจนขาขยับไม่ได้
ปลาดิ้นไปมากางคีบออกมาแล้วพุงออกไป ปลายคีบเกี่ยวเสื้อของเด็กน้อยหูแมวลากตัวของเธอลอยตามปลาตัวนั้นบินขึ้นไปด้วย
“ใครก็ได้ช่วยด้วยหนูด้วย!”
เสียงร้องหนูน้อยหูแมวตะโกนออกมาพร้อมกับน้ำตา
ไรลีย์สูดลมหายใจเข้าแล้วถอนหายใจดังฟู่ ดึงดาบออกมารีบพุ่งตัวกระโดดเหยียบร้านค้าของชาวบ้านไต่ขึ้นไปยังอาคารสูงวิ่งตามทิศทางการบินของปลาไปทันที
“รีบไปช่วยกันเถอะครับ คุณอาริน”
เราสองคนก็ออกตัวกระโดดขึ้นตามรอยเดิมของไรลีย์ จนร้านค้าของชาวบ้านพังลงไป พวกเราตามหลังของเธอไป โดดข้ามอาคารหลายหลัง หลบสิ่งกรีดขวางของชาวบ้านจนเผลอทำพังไปหลายอย่าง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะเข้าช่วยเด็กหูแมวที่ติดอยู่ด้านบนปลาบินตัวนั้นเลย ปลาบินสูงเหนือหัวพวกเราไปมากแต่ระดับการบินของมันก็ค่อยๆ ลดระดับลง
เมื่อถึงระดับความสูงได้ระดับหนึ่งมันก็ค่อยๆเริ่มร่วงลง ตัวชันหัวลงแล้วขยับตัวพุ่งลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ตัวมันชนกับพื้นเสียงดังจนฝุ่งฟุ้งกระจายแต่มันก็เหมือนกับการเพิ่มแรงดีดตัวพุ่งขึ้นมาบินสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง มันพุ่งตัวบินผ่านหน้าเราไป
“บ้าเอ้ย!”
ไรลีย์ดูสบถออกมาอย่างหงุดหงิด
เธอทนไม่การไล่ตามไม่ไหวกระโดดขว้างหางของปลาไว้ได้ แต่ตัวเธอก็บินขึ้นไปตามติดตัวของปลานั้นไป มันบินสูงยิ่งกว่าเคยบินขึ้นสูงไปเหนือตัวเมือง
“ปล่อยเด็กนะ ย้ากกก!”
เธอตะโกนลั่นออกมาพร้อมยกดาบแทงเข้าไป ปลาบินรับรู้ถึงความเจ็บปวดตัวดิ้นไปมากลางอากาศสะบัดด้วยความรุนแรงจนเด็กที่ติดตรงคีบกระเด็นออกมา สองคนถูกดีดออกจากกัน เด็กน้อยลอยเคว้งคว้างกลางอากาศ ส่วนไรลีย์ไปทางฝั่งเดียวกับปลา
ปลาบินไร้เรี่ยวแรงจะบินหุบคีบลงแล้วร่วงลงสู่พื้นด้วยความเร็วจากน้ำหนักของทั้งสอง
เห็นทั้งสองคนลอยแยกออกจากกันแบบนั้น ผมมองสลับไปมาสองฝั่งอย่างตื่นตระหนกยากที่จะตัดสินใจ สถานการณ์แบบนี้ควรจะไปช่วยใครก่อนดี คำถามเกิดขึ้นด้วยความลังเลภายในหัว