"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นั่งอยู่เดียวดายท่ามกลางความครื้นเครงของผู้คนภายในร้านโรงเตี้ยม เสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้คนดังไปทั่วทั้งร้าน แตกต่างจากตัวผมที่นั่งอยู่โต๊ะมุมร้านเงียบๆ อยู่คนเดียวพร้อมแก้วสุราตรงหน้า
กลิ่นสุราคละครุ้งแทงขึ้นจมูกเมื่อตอนเปิดประตูเข้ามา ตอนนี้ได้คุ้นชินจนเหมือนเป็นกลิ่นเดียวกันกับกลิ่นตัว
ยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่มสัมผัสกลิ่นหอมหวานอันขมขื่น น้ำแห่งชีวิตไหลจากแก้วผ่านลำคอไปหยุดที่ในท้อง รู้สึกถึงความร้อนวูบวาบตามเส้นทางของสายธารนั้น
สติเลื่อนลอยมองเห็นภาพด้านหน้าเบลอไปหมด เสียงร้องดังเซ็งแซ่รอบตัวก็เหมือนเพียงแค่เสียงเพลงคลอเบาๆ สร้างบรรยากาศ ดูเหมือนจิตใจนั้นจัถูกเข้าควบคุมโดยฤทธิ์สุราเสียแล้ว
กระแสแห่งความคิดหลั่งไหลไปตามความเมามาย พลางคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คำพูดว่า ‘พวกเรารู้จักกันดีแล้วงั้นเหรอ?’ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว นึกแล้วความเจ็บปวดที่กลางก็ประเดประดังเข้ามาจนตัวผมหมอบลงกับโต๊ะ
"ข้าว่าท่านจูเลี่ยนสุดยอดไปเลย เขาช่วยครอบครัวข้าออกจากซากอาคารที่กำลังถล่มด้วย"
"ใช่ๆ ทั้งแข็งแกร่งและสง่างาม เห็นมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้กล้าจากเมืองของพวกมนุษย์ด้วย"
"จริงเหรอเนี้ย! แต่เขายังมาช่วยเผ่าปีศาจอย่างพวกเราช่างประเสริฐจริงๆ "
"ท่านไรลีย์เองก็ช่วยพวกเรา หญิงสาวผู้นั้นเองก็ทั้งสง่าและแข็งเช่นเดียวกัน"
"ทั้งสองคนช่างเหมือนกับเทพบุตรและเทพธิดาเหลือเกิน ข้าว่าทั้งสองคนช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน ฮึย~ ข้าอยากเห็นท่านทั้งสองคนแต่งงานกันแล้วสิ"
เสียงพูดคุยอันน่าหนวกหูและสุดแสนน่ารำคาญของเหล่าลูกค้าโต๊ะข้างๆ ทำให้ผมกำหมัดแน่น แต่ผมก็คลายมันออกออกอย่างอนาถใจ ผมไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นแล้ว จะเป็นอย่างไรก็ช่างทำไมผมต้องสนใจด้วยล่ะ
"นี่ เห็นว่าท่านจูเลี่ยนกำลังออกสืบหาสาเหตุที่พวกปลาบินบุกมาที่เมืองของเราด้วยล่ะ"
"จริงเหรอ? ข้าไม่แปลกใจเลย คิดไว้แล้วว่าท่านจะเป็นผู้กล้าของพวกเราด้วย ในที่สุดเมืองของเราก็จะหมดปัญหาแล้ว เอ้า ทุกคนดื่มให้แก่ท่านจูเลี่ยน ผู้กล้าของพวกเรา!"
"แด่ท่านผู้กล้า!" "แด่ท่านผู้กล้า!" "แด่ท่านผู้กล้า!"
ได้ยินแบบนั้นทำไมผมยิ้มเยาะอย่างอดสู ผู้กล้างั้นเหรอ หรือว่าบางทีจริงๆ แล้วผู้กล้าจอมปลอมก็คือตัวผมเอง ตัวเองกำลังเล่นเป็นผู้กล้าอยู่นี่เอง
ตัวผมเหม่อลอยปล่อยจิตปล่อยใจให้ล่องลอยพลางจ้องมองตราผู้กล้าที่ถืออยู่ในมือแล้วก็สติหายไปอย่างไม่รู้ตัว
.
.
.
ตื่นเช้าขึ้นมาตัวผมยังคงฟุบนอนอยู่บนโต๊ะของมุมร้านตัวเดิม ผมเช็ดคราบน้ำลายที่ยืดยาวที่ปากออกไป สภาพดูไม่ได้เลยเมื่อคืนเมาจนหลับไปไม่รู้ตัว ตื่นมาแล้วในหัวยังรู้สึกปวดตึบๆ อยู่เลย
"บ้าเอ้ย!"
มองไปโดยรอบไม่มีลูกค้าคนไหนหลงเหลืออยู่แล้ว มีเพียงพนักงานกำลังเก็บกวาดร้านเพียงเท่านั้น
"ตื่นแล้วก็ช่วยกลับไปด้วยครับ นอนอยู่แบบนั้นมันเกะกะร้าน"
พนักงานชักสีออกจนเห็นได้ชัดแถมยังไล่ผมอย่างกับคนล่ะคนกับเมื่อคืน
"แฮะ แฮะ ขอนั่งต่ออีกสักหน่อยน่า เหลืออีกตั้งครึ่งขวดเนี้ย เห็นไหม เห็นใจลูกค้าบ้างสิ"
"เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ให้เวลาแค่ขวดนี้เท่านั้นนะ"
พนักงานส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจแล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อ
ผมนั่งซดสุราต่ออย่างสบายใจ ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรต่อจากนี้ดี สิ่งที่คิดได้คือคงจะเป็นกลับบ้านกลับไปที่ตระกูลโดนท่านพ่อเมินเฉยใส่คงจะพูดว่า "ฉันคิดไว้อยู่แล้วยังไงแกก็ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่สำเร็วหรอก" หรือไม่ก็โดนพี่ชายคอยพูดถากถางว่า "อะไรกันๆ ท่านพี่กล้าทำไมกลับมาสภาพแบบนั้นล่ะ? ฮ่า ฮ่า" แต่ว่าผมก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันแล้วล่ะ
"!"
เสียงกลองเตือนภัยดังขึ้นมากะทันหัน เป็นเสียงกลองเดียวกับเมื่อวาน คงจะเป็นการโจมตีของพวกปลาบินระลอกสองเป็นแน่ มันทำให้พนักงานในร้านตื่นกลัว รีบหยุดงานที่ทำในมือแล้วเข้าหาที่หลบภัย ไม่ได้การในเวลาแบบนี้ต้องออกช่วยเหลือผู้คนสินะ
ผมยื่นมือไปหยิบดาบที่วางบนโต๊ะ
"..."
แต่ตัวผมหยุดมือตัวเองไว้ก่อน จากนั้นก็เอื้อมไปจับขวดสุราแทน
เกือบไปแล้วเกือบนึกว่าตัวเองยังคงทำหน้าที่นั้นอยู่ เราเลิกแล้วพอแล้วสินะ ยังไงต่อให้ไม่มีผมจูเลี่ยนกับไรลีย์คงจะจัดการพวกมันและช่วยชาวบ้านให้ปลอดภัยได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ก็ทำตัวตามสบายคอยให้สองคนนั้นจัดการไปดีกว่า
ประตูร้านเปิดออกแรง มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอาการเหนื่อยหอบกวาดตามองไปทั่วร้าน ผมแค่เหลือบตามองถึงไม่เห็นหน้าก็รู้ได้ว่าเป็นใคร
ออร่ารอบตัวออกจะโดดเด่นขนาดนั้นนี่นา
เขาเดินตรงมาที่ผมอย่างกระวีกระวาดหยุดยืนอยู่ด้านข้าง รับรู้ได้เลยว่าผมกำลังถูกจ้องเขม็งมองลงมาอยู่ ทำเอาผมไม่กล้าสบตา แต่ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ล่ะ รู้สึกเหมือนกำลังถูกดุด่าเหมือนกับทำอะไรผิดมาแบบนั้น
"ทำไมคุณถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะครับ? "
จูเลี่ยนมีน้ำเสียงขุ่นเคือง
"ก็มาดื่มนี้ไง นายมาดื่มด้วยกันไหมล่ะ?”
ขวดสุราถูกปัดทิ้งหลุดออกจากมือกล่นลงแตกกระจาย ดูเหมือนพนักงานที่พึ่งจะทำความสะอาดไปจะต้องลำบากอีกแล้ว รู้สึกเสียดายสุราที่เหลืออยู่ก้นขวดอยู่หรอก แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาคิดถึงเรื่องแบบนั้น
“คุณไม่ได้ยินเสียงด้านนอกเหรอ!? เห็นไหมว่าข้างผู้คนทั้งวุ่นวายและหวาดกลัวกันอยู่ คุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ? เนี้ยเหรอคนที่อยากจะเป็นผู้กล้าน่ะ”
“เหอะ ฉันจะบอกนายให้รู้ไว้นะ ฉันเลิกที่จะเป็นผู้กล้าแล้ว หลังจากนี้พวกนายจะไปทำอะไรฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว อยากจะออกไปช่วยผู้คนก็เชิญพวกนายเลย”
“คุณว่าไงนะ!?”
“ก็อย่างที่พูดฉันจะไม่เดินทางไปกับพวกนายแล้ว ฉันล้มเลิกที่จะเป็นผู้กล้าแล้ว”
หน้าจูเลี่ยนดูตกตะลึงอย่างหนัก สีหน้าดูสับสนวุ่นวาย เหมือนในหัวพยายามคิดอะไรต่างๆ มากมายอยู่ คงไม่ได้คิดว่าแผนที่ตัวเองวางไว้จะพังเพราะผมถอนตัวไปก่อนใช่ไหม
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ ที่เหลือก็ฝากช่วยจัดการช่วยชาวเมืองด้วย อา จริงสิ ฉันเองก็ถือเป็นชาวเมืองด้วย ฝากช่วยดูแลฉันเองด้วยก็ดีเหมือนกัน”
ผมลุกขึ้นแตะบ่าของจูเลี่ยนที่เหมือนยังหลุดไปในภวังค์อยู่ แล้วเดินมุ่งไปทางประตูร้าน ปล่อยให้เจ้านั้นตกตะลึงกับการที่แผนการของตัวเองถูกทำลายโดยตัวผมเองก็ดูสะใจดีเหมือนกัน ออกไปหาสุราดื่มฉลองกับความสำเร็จครั้งนี้ดีกว่า
“เดี๋ยวก่อนครับ!”
เสียงของจูเลี่ยนทำเท้าผมหยุดชะงัก การที่เขาไม่ยอมปล่อยผมไปเสียทีชักทำผมหงุดหงิดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
“อะไรของนายอีก ช่วยปล่อยฉัน-”
“อย่างน้อยก็ไปช่วยคุณไรลีย์ทีเถอะครับ”
เอ๊ะ!
ผมหันหน้ากลับไป
อะไรกัน?
การที่ผมหันไปมองหน้าจูเลี่ยนทำผมหยุดชะงัก แววตาเศร้าสร้อยส่งผ่านออกมาทางดวงตาที่ชุ่มชื่นเหมือนกับจะร้องไห้ ใบหน้าที่เหมือนกับขอร้องอ้อนวอนดั่งกับเด็กน้อยตัวเล็กๆ เพียงเท่านั้น มันไม่เหมือนกับคนที่จะประสงค์ร้ายอะไรต่อพวกเราเลย มันดูไม่คุ้นเคยหรือจริงๆ แล้วตัวผมเองไม่ได้มองไปที่หน้าเขาอย่างจริงจังเสียที หรือว่าบางทีแล้วเป็นที่ตัวผมเองที่ปล่อยอคติมันบังตาของตัวเอง จนคิดไปต่างๆ นาๆ
“ไรลีย์เธอเป็นอะไรงั้นเหรอ?”
“ทหารแจ้งว่าเธอ ออกไปล่อฝูงปลาบินไปหาตัวเองเพียงคนเดียวครับ”
“งั้นเหรอ…”
“เธอคงจัดการเองคนเดียวไม่ไหวแน่ คุณอยากเห็นเธอตายเหรอครับ?”
ตายงั้นเหรอ…คนแบบไรลีย์น่ะเหรอจะตายได้ เธอทั้งแข็งแกร่งทั้งดุดัน ฝีมือดาบของเธอดีกว่าผมอีก นอกจากนั้นแล้วเธอยังเข้าถึงพลังของผู้กล้าได้อีกด้วย ตัวผมเนี้ยน่ะเหรอจะไปช่วยเธอได้
“...คุณไม่ได้ชอบเธอเหรอ!?”
“...”
คำพูดของจูเลี่ยนทำให้ผมนึกคิดได้ ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี้ เราอยากจะเป็นผู้กล้าจริงๆ เหรอ หรือบางทีแล้วตัวเราเองแค่อยากให้มีคนยอมรับในตัวเรา เป็นเธอ…เป็นเธอจริงๆ ด้วย บางทีแล้วตัวผมเองสามารถช่วยทำตัวเป็นประโยชน์แก่เธอได้ เดิมทีแล้วผมเองก็คิดว่าอยากจะคอยอยู่ช่วยเธอ เข้าใจแล้วว่าถ้าเธอได้เป็นผู้กล้าผมเองก็จะคอยสนับสนุน
เพราะผมนั้นชอบเธอ
ผมเดินออกไปมุ่งหน้าหาประตู จับประตูแล้วเดินผ่านออกไป ท่ามกลางแสงสว่างยามสายที่สาดส่องผ่านตัวผมไป สะท้อนให้เห็นเงาตกกระทบให้เห็นลงบนพื้น