"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พวกเราพยายามเปิดประตูบานใหญ่ออกด้วยการช่วยกันดึงอย่างสุดแรงจนเสียงบานประตูถูไถกับพื้นเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด จนกระทั่งประตูถูกเปิดออกทั้งสองด้าน แต่กลับไม่มีสิ่งใดโผล่ออกมาจากภายในประตูนั้น
“ทำไมมันดูเงียบๆ แบบนี้ล่ะ?”
“ใครจะรู้ล่ะ บางทีอาจจะเป็นกับดักล่ะมั้ง”
ผมกับไรลีย์หลบด้านข้างประตูพลางชะแง้มองเข้าไปในประตูนั้น
“พวกคุณทำอะไรกันน่ะ เข้าไปกันเถอะครับ”
“ฮะ เฮ้ย เดี๋ยวสิ!”
พูดไม่ทันจบจูเลี่ยนก็เดินเข้าไปในประตูโดยไร้ความเกรงกลัว เหมือนกับเดินเข้าพักในโรงแรมอย่างสบายใจพร้อมกับมีพนักงานต้อนรับออกมาเชิญชวน ได้แต่สงสัยว่าไม่ทำตัวสบายใจเกินไปหน่อยเหรอ?
พวกเราสองคนก็เดินตามเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“มืดจังเลย”
ทันทีที่ไรลีย์พูดไปแบบนั้น คบเพลิงไฟรอบๆ ห้องก็ถูกจุดขึ้นเองกะทันหัน ค่อยๆ เห็นแสงไฟจากคบเพลิงตั้งแต่หน้าประตูไล่ไปจนถอยของห้อง
“ระวังตัวด้วยทุกคน!”
พวกเราเตรียมตัวจับดาบเตรียมพร้อมต่อสู้
แต่กลับไม่พบเห็นศัตรูสักคน ทุกอย่างเงียบเชียบไร้เงาของมอนเตอร์หรือผู้คน แม้แต่เสียงยังได้ยินเพียงเสียงลมและเสียงไฟไหม้ของคบเพลิง
แสงไฟเผยให้เห็นก้อนคริสตัลสีฟ้าขุ่นตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ผมเองก็ไม่รู้ว่ามีไว้ทำไมคงจะเป็นของที่เอาไว้ประดับห้อง แต่มันกลับดูตั้งอยู่ผิดที่ผิดทางมากกว่าเป็นสิ่งที่เอาไว้ประดับ ในส่วนท้ายของห้องเห็นบันไดใช้สำหรับขึ้นไปบนห้องถัดไป
“ไปต่อกันเถอะครับ”
พวกเราตกลงกันว่าจะขึ้นไปชั้นต่อไป แต่เมื่อขึ้นไปแล้วก็พบเห็นคริสตัลสีฟ้าขุ่นตั้งอยู่กลางห้องและมีบันไดที่ท้ายห้องเช่นเดิม ดูเหมือนคริสตัลมันจะใหญ่กว่าชั้นล่างนิดหน่อยแถมรู้สึกได้ว่าห้องมันกว้างขึ้นเล็กน้อยอยู่เหมือนกันเดิมทีแล้วคิดว่าผมนั้นคิดไปเอง แต่เมื่อขึ้นไปชั้นที่สูงขึ้นไปเรื่อยมันยิ่งเห็นได้ชัดว่ามันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ทั้งๆ ที่ดูจากรูปร่างภายนอกปราสาทแล้วมันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ไปได้ เจอแต่เรื่องพิศวงอีกแล้วสินะ
เราเดินขึ้นมาได้70กว่าชั้นไรลีย์บ่นว่าเหนื่อยพวกเราจึงต้องพักกันก่อน ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ผมดูตามใจเธอไปซะทุกอย่างเลย แต่รู้สึกว่าอยากให้เธอทำตามที่เธอได้ตามที่ต้องการได้เลย
“เฮ้อ… พวกเราจะต้องเดินกันไปอีกกี่ชั้นกันเนี้ย ทำไมจอมมารไม่รีบโผล่หัวออกมาสักทีกันนะ?”
“เอาน่า อีกสักประมาณชั้นที่100ก็คงจะเจออีกแหละมั้ง”
“นายรู้ได้ไง? พูดอย่างกับว่าตัวเองเคยมาที่นี่ก่อน”
“ก็คิดว่ามันน่าจะมีประมาณ100ชั้นแค่นั้นเอง ฉันจะเคยมาก่อนได้ยังไงเล่า”
เมื่อเธอหายเหนื่อยแล้วก็รีบเดินทางกันต่อ ยิ่งเดินขึ้นไปห้องยิ่งกว่า คริสตัลยิ่งใหญ่ขึ้น บันไดก็เริ่มสูง รู้สึกได้เลยว่า10ห้องสุดท้ายใช้เวลาเดินทางมากกว่า90ห้องที่พวกเราได้เดินผ่านกันมาซะอีก หรือว่าบางทีจอมมารอาจจะใช้แผนการนี้หวังตัดกำลังพวกเราให้เหนื่อยล้าก่อนที่จะไปสู้กับตัวเอง
ช่วงเป็นแผนที่ชาญฉลาดอะไรเยี่ยงนี้
ในที่สุดพวกเราก็ถึงชั้นที่หนึ่งร้อย ต้องเดินกันจนเป็นขาลากกว่าจะถึงชั้นนี้ ได้แต่หวังว่าพวกเราคงไม่ได้ขึ้นมาผิดปราสาทหรอกใช่ไหม? ถ้าการเดินทางขึ้นมาครั้งนี้เสียเปล่าผมคงร้องไห้เสียงใจเป็นแน่
พวกเราเปิดประตูกันเข้าไป ด้วยความที่คิดว่ามันคงจะเป็นห้องโล่งๆ เช่นเดิม แต่ละคนต่างไม่ได้ระมัดระวังตัวอะไร รีบเดินตัวปลิวเข้าไปอย่างสบายใจ ช่างเป็นอะไรที่น่ากังวลใจเหลือเกิน
ห้องในชั้นที่100ดูแปลกตากว่าชั้นอื่น ไม่มีคริสตัลก้อนใหญ่วางอยู่ตรงกลาง ขนาดของห้องก็ไม่ต่างจากชั้น1มากนัก ไม่มีบันไดขึ้นชั้นถัดไปอยู่ท้ายห้อง แสดงว่าสิ่งที่ผมเดานั้นถูกต้องชั้นนี้คงจะเป็นชั้นสุดท้ายและเป็นชั้นบนสุด
ชั้นอื่นๆ เหมือนกับชั้นว่างเปล่าโล่ง แต่ชั้นนี้กลับเป็นชั้นที่ประดับประดาไปด้วยของประดับมากมาย ทั้งอาวุธที่ดูน่าเกรงขาม รูปปั้นของมอนเตอร์โบราณที่ดูน่ากลัวหลายอัน รวมถึงชุดเกาะอย่างดีที่ถูกตั้งทิ้งไว้บนไม้แขวน ทุกๆ อย่างดูไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดอยู่ตรงท้ายห้อง
บัลลังก์ที่ตั้งสูงขึ้นไปเหนือพื้นห้อง
บัลลังก์สีดำทมิฬประดับด้วยปีกค้างคาวสีดำสยายออกมากว้างขวางโอบพื้นที่โดยรอบเกือบครึ่งห้อง ส่งบรรยายกาสมืดมนแผร่กระจายออกมา ถึงไม่ต้องบอกก็เห็นได้ชัดว่าสิ่งนั้นเป็นที่นั่งของใคร
“นี่แหละห้องของจอมมาร”
จูเลี่ยนช่วยตอกย้ำความคิดนั้น
ผมเดินเข้าไปใกล้พบเห็นสิ่งของวางอยู่บนนั้น ส่งออเคร่งขรึมสีดำน่ากลัวแผ่กระจายออกมา เป็นสร้อยคอรูปร่างกลมสีดำทำจากวัสดุที่ผมไม่รู้จัก บนสร้อยคอสลักรูปงูหลายหัวที่มีปีกค้างคาวด้านหลัง มองแล้วช่างดูน่าสงสัยเหลือเกินว่ามันคืออะไร เสียงเรียกร้องดังขึ้นในหัวว่าให้หยิบมันขึ้นมาดู
ผมเอื้อมมือเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
“ฉันแนะนำว่าหยุดอยู่ตรงนั้นดีกว่า ก่อนที่หัวของแกจะหลุดลงจากบ่า”
เสียงพูดดังขึ้นทำให้ผมรู้สึกตัว
พวกเรามองหาต้นตอให้เสียงนั้นไปทั่วทั้งห้องอย่างตื่นตระหนก
“มองหาอะไรกันอยู่?”
เสียงดังชัดขึ้นทำไมให้ทุกคนรู้ต้นตอของเสียง รีบมองขึ้นไปด้านบน
แววตาเฉียบคมแดงก่ำ รูปร่างเซ็กซี่เย้ายวน นั่งชันขาขึ้นเผยสัดส่วนต้นขาแน่นๆ ที่ตัวผมนั้นชอบมากที่สุด เขาและปีกสีดำเผยให้เห็นโดยชัด
เธอนั่งอยู่แบบนั้นตั้งแต่เราเข้ามาแล้วงั้นเหรอ ไม่มีใครทันได้รู้ตัวสังเกตเห็นก่อนเลย
“ทุกคนระวังศัตรู!”
ผมรีบส่งเสียงเตือน
แต่ไม่ทันไรหญิงสาวเซ็กซี่ด้านบนก็สร้างสายน้ำสีดำออกมายิ่งมาที่ผมอย่างรวดเร็ว ตัวผมรีบกระโดดหลบออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน จนนั่งทรุดลงกับพื้นออกมาห่างจากบัลลังก์นั้น
“บ้าเอ้ย! แกเป็นใครกัน-”
พูดไม่ทันจบตัวผมก็รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากทางด้านหลังจนรู้สึกได้ว่าผิวหนังเหมือนถูกย่างบนเตาไฟ
ผมหันไปมองเห็นชุดเกาะอย่างที่ดีที่ถูกแหวนไว้บนไม้กำลังถูกไฟไหม้ไปทั้งชุดอยู่
ไม่ใช่ว่ามันถูกไฟไหม้แต่ดูเหมือนว่าไฟนั้นมันอยู่ในชุดเกราะ เหมือนกับว่าไฟนั้นกำลังสวมชุดเกาะอยู่มากกว่า
“แกกล้าดียังไงถึงเข้าใกล้บัลลังก์ของท่านจอมมาร หาาาา!!!”
เสียงร้องเกรี้ยวกราดจากไฟสวมชุดเกราะ ดึงดาบเปลวไฟมาจากใบหน้าของตัวเองฟาดฟันดาบไฟนั้นลงกับพื้นจนสะเก็ดไฟนั้นกระจายออก
ผมรีบถอยหลังออกมาได้ทันแต่ก็โดนสะเก็ดไฟนั้นเหล่านั้นจนรู้สึกแสบร้อนไปหมด
“พวกแกเป็นใครกันแน่!?”
ไรลีย์ถามไปอย่างสงสัย
“พวกมันสองคนคือสองขุนพลจอมมารที่เหลืออยู่ ซัคคิวบัสแห่งวารี และ อัศวินเกราะวิญญาณเพลิง”
จูเลี่ยนพูดออกมาอย่างเรียบเฉยท่าทีของเขายังคงเคร่งขรึมไม่มีทีท่าว่าจะตื่นตระหนกทุกร้อนอะไร
พอได้ยินที่จูเลี่ยนพูดพวกเราก็เข้าใจในทันที มันเป็นเรื่องที่พวกเราเตรียมใจกันไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอกับอะไร ผมจึงหันไปผยักหน้าให้ไรลีย์ เธอก็เข้าใจในทันทีชักดาบออกมาพุ่งเข้าหาอัศวินเกราะวิญญาณเพลิง
ส่วนตัวผมนั้นเงยหน้าขึ้นไปหาสาวเซ็กซี่อยู่ด้านบน เธอยังคงนั่งนิ่งมองลงมาหาพวกเราด้วยสายตาเหยียดหยาม ชุดที่เธอใส่ทำให้สายตาของผมว่อกแว่กจนจับจุดโฟกัสไม่ได้เลย
“ไฟเยอร์บอล ไฟเยอร์บอล ไฟเยอร์บอล!”
ผมยิงบอลไฟไปใส่เธอโดยเล็งไปแบบหยาบๆ เพียงเท่านั้น บอลไฟพุ่งออกไปไม่โดนเธอแม้แต่น้อย แต่ทำให้เธอกระโดดกลับหลังด้วยท่วงท่าสง่างามจนสยบสายตาของผมให้มองตาม ขาของเธอแตะลงบนพื้นอย่างนุ่มนวลคงเพราะปีกทั้งสองข้างของเธอช่วยพยุงไว้จึงลงมาด้วยท่าทางที่นุ่มนวลแบบนั้น
ถึงบอลไฟของผมจะโจมตีเธอไม่โดนแต่ว่ามันก็บรรลุผลตามที่ผมตั้งใจไว้ ผมชักดาบตั้งท่าพร้อมโจมตีในทันที ต้องรีบจบศึกนี้อย่างรวดเร็ว เร็วกว่าที่การต่อสู้ของคู่นั้นจะรู้ผล ผมตกลงกับไรลีย์ไว้ว่าให้แยกกันสู้กับขุนพลจอมมารสองคนที่เหลืออยู่ ใครชนะได้ก่อนถึงจะมีสิทธิ์ได้สู้กับจอมมารก่อน ถึงตัวผมจะไม่อาจจะชนะจอมมารได้เหมือนไรลีย์ที่ปลดปล่อยพลังผู้กล้าได้ แต่อย่างน้อยขอให้ผมได้แสดงฝีมือในการได้ต่อสู้กับจอมมารบ้างถึงจะไม่รู้สึกอายขี้หน้าคนอื่น
เพราะฉะนั้น…ผมต้องรีบชนะซัคคิวบัสอย่างเธอคนนี้ให้ได้
ดวงตาจับจ้องมองศัตรูตรงหน้า คาดเดาการเคลื่อนไหวล่วงหน้า จู่โจมให้จบในรวดเดียว กำดาบแน่น ส่งกำลังไปที่ขาให้ก้าวออกไป…
“อาเระ…!”
ขาที่ก้าวออกไปทรุดลงกับพื้น ผมรู้สึกชาที่ช่วงล่างลงไปจนถึงเท้า พยายามที่จะลุกขึ้นแต่ก็สั่นอย่างอ่อนแรงจนต้องใช้มือค้ำไว้ ความเจ็บปวดเริ่มแสดงออกมาอย่าช้าๆ ถามปริมาณเลือดที่หลั่งไหลออกมาจากร้อยแผลขนาดใหญ่ในช่วงท้อง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ผมมองไปที่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้า เธอยื่นมือออกมามีน้ำสีดำทมิฬลอยอยู่บนมือนั้น
เธอร่ายเวทมนตร์ตั้งแต่ตอนไหนผมไม่อาจทราบได้ แต่สิ่งที่ผมรู้คือผมอาจจะตามการโจมตีของเธอได้ทัน