"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนนี้ผมเจ็บจนจะตายอยู่แล้ว บาดแผลที่หัวทำเอาความมึนงงไปหมด บ้าจริงๆ เลย ในสิบชั้นสุดท้ายฤทธิ์ของโพชั่นดันมาหมดขณะที่พึ่งจะขึ้นไปได้เพียงห้าชั้นเท่านั้น ในส่วนที่เหลือต้องพยายามด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพลังในการรักษา
ทำเอาผมเกือบแย่ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันมาได้แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงอีกหนึ่งชั้นก็จะได้เจอกับพวกเขาแล้ว ผมเปิดประตูเข้าไปก้าวเท้าอย่างระมัดระวังเพื่อประคองสติตัวเองไม่ให้หลุดจนล้มคว้ำลงไป ดาบมันหักจากความเหนื่อยล้าสะสมมาเรื่อยๆ จนต้องลากมันไปกับพื้น เพราะโพชั่นช่วยรักษาได้แต่บาดแผลแต่ไม่ได้ช่วยเรื่องความเหนื่อยล้าเลย
สายตาจับจ้องไปที่ศัตรูตรงหน้า สายตายังคงเลือนรางอยู่มองเห็นได้ไม่ชัดนัก เห็นศัตรูตัวไม่ใหญ่นักเมื่อเทียบกับชั้นก่อนหน้า เมื่อจับจ้องจนสายตาค่อยๆ กลับมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็ทำเอาสั่นกลัวขึ้นมา
สาวซักคิวบัสคนนั้น…
คนที่เจาะท้องผมจนเป็นรู ทำให้ผมขยับตัวไม่ได้จนกระทั่งไรลีย์ถูกจับ พอนึกถึงแบบนั้นรอยแผลเดิมที่หายดีแล้วกลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างรุนแรง จนต้องกุมมือไปที่รอยแผลซึ่งหายดีไปนายแล้ว แต่ยังเจ็บจนเข่าทรุดลงไปกับพื้น แบบนี้แย่แน่ดูเหมือนผมจะเปิดโอกาสให้ศัตรูเข้าโจมตีก่อน
ผมเงยหน้าไปมองเธอ
“...”
สีหน้าเธอดูตื่นตระหนกเมื่อมองมาทางผม ทำไมเธอทำหน้าแบบนั้นผมเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ว่าพอเธอมองเห็นผมทรุดลงกับพื้นเธอก็ยิ้มออกมาในทันที
“อะไรกันๆ ฉันนึกว่าจะเจอเข้ากับอะไรที่ดูแข็งแกร่ง เฮ้อ~ ทำให้ฉันตกใจไปชั่วครู่เสียได้”
“เธอหมายความว่ายังไงกัน?”
“นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ว่าแต่อะไรกันล่ะ!? ทำไมนายถึงยังมาอยู่ตรงนี้กัน ฉันนึกว่านายจะวิ่งหางจุกตูดกลับเมืองไปเสียแล้วเสียอีก”
“ฉันยังกลับไม่ได้ ต้องพาไรลีย์กลับไปด้วยกัน”
ใช้แล้วกลับไปตอนนี้ตัวผมจะได้อะไร ได้เป็นผู้กล้าด้วยวิธีแบบนั้นแล้วถูกเชิดชูโดยชาวเมืองน่ะเหรอ ตลกสิ้นดี
“ไรลีย์? อ๋อ หญิงสาวคนนั้นน่ะเหรอ นายเนี้ยไม่รู้อะไรเลยจริงนะ ฉันว่านายตัดใจเสียเถอะ ตอนนี้เธอคงกำลังถูกกลืนกินกลายเป็นสารอาหารให้แก่ตราของจอมมารไปแล้วแหละ”
“จูเลี่ยนไม่ทำแบบนั้นหรอก ฉันไม่เชื่อ!”
“หาาา! นายว่าฉันโกหกอย่างงั้นเหรอ? โอ้โอ๋ โดนหลอกไปเต็มเปาขนาดนั้นยังจะเชื่อใจเจ้าหนุ่มหัวทองคนนั้นอีกเหรอ นายเนี้ยเสียสติไปแล้วจริงๆ ด้วย”
“...”
“ฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะ วิธีที่ใช้เปลี่ยนเธอเป็นสารอาหารน่ะ ก็จับเธอให้อยู่นิ่งแล้วค่อยๆ ปล่อยให้ตราของจอมมารค่อยดูดกลืนเนื้อหนังของเธอจากนั้นก็ดูดกลืนเลือดเนื้อไปยันกระดูกจนนายจะไม่ได้เห็นแม้แต่เศษซากของเธอเลยล่ะ เธอจะค่อยๆ ทรมารจนตายช้าๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ช่างน่าสนุกจริงๆ ที่ได้ดูภาพแบบนั้น แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้อยู่ดูภาพนั้น”
พอได้ยินแบบนั้นหัวใจก็รู้สึกร้อนรุ่มจนแผร่ขยายออกไปทั่วทั้งกาย อยู่ๆ แรงแขนที่ลากดาบไปกับพื้นก็ฟื้นคืนกำลังกลับมา ดาบถูกปักลงด้านหน้าพร้อมค่อยๆ พยุงร่างกายตัวเองขึ้นมา ความเหนื่อยล้าค่อยถูกไฟความโกรธเผาละลายหมดสิ้น
ผมลุกยืนขึ้นมาด้วยจิตใจที่โกรธแค้นเป็นพลัง
“อะไรกัน ยืนได้ด้วยเหรอ นึกว่า-!!!”
ตาเธอเบิกกว้างเมื่อมองมาทางผม ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นทำให้เม็ดเหงื่อไหลลงแก้ม
รู้สึกได้ว่าพลังงานในร่างกายไหลอยู่เต็มเปี่ยม เป็นความรู้คึกคักยิ่งกว่าเคย ความเหนื่อยล้าความเจ็บปวดหายเป็นปริดทิ้งทั้งหมด รู้สึกถึงการขยับเขยื้อนภายในมือที่กำแน่นอยู่ เป็นมือข้างที่มีสร้อยคอของไรลีย์อยู่
ผมแบมือข้างนั้นออก ตราผู้กล้าที่สลักชื่อของเธอค่อยขยับไปมา หลังจากนั้นก็พุ่งไปประกบกับอีกส่วนที่เป็นของตัวผมเอง
ทันใดนั้นแสงสีขาวก็แผร่กระจายออกมาจากตราผู้กล้าเข้าครอบคลุมร่างกายทั่วทั้งตัว ความรู้สึกต่างๆ หลั่งไหลเข้ามา รู้สึกถึงความกล้าหาญถูกเติมเต็มเข้ามาในจิตใจ มันไม่ใช้ความกล้าหาญของผมต้องเป็นของเหล่าผู้กล้ารุ่นก่อนๆ เป็นแน่ พลังงานถูกเติมเต็มจนล้นออกมา ตอนนี้รู้สึกได้ว่าตัวเองมีพลังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า
“บ้าน่า...ทำไมนายถึงปลดปล่อยพลังของผู้กล้าได้กัน”
"หลีกทางไปซะ!"
ผมก้าวเท้าเดินหน้าออกไปอย่างมั่นคงหนักแน่นและเปี่ยมไปด้วยพลัง
"อย่ามาพูดบ้าๆ นะ คิดว่าเก่งขึ้นหน่อยแล้วอวดดีนักนะ"
แม้จะพูดแบบนั้นแต่ท่าทีของเธอกลับดูไม่มั่นอกมั่นใจเหมือนเดิม ดูตื่นกลัวในแต่ล่ะเท้าที่ก้าวเข้าหาเธอ
เธอสร้างลูกบอลน้ำขึ้นเตรียมยิงลูกศรน้ำมาเป็นท่าประจำตัว และเป็นท่าที่ทำให้ตัวผมนั้นเสียท่า แต่ว่าตอนน่ะ…
ศรน้ำถูกมือของผมปัดกระจายออกอย่างง่ายดาย
ทันทีที่สกัดการโจมตีได้เท้าของผมก็ก้าวต่อไปข้างหน้า ส่วนอีกฝ่ายกลับระดมโจมตีด้วยเวทมนตร์แบบเช่นเดิมด้วยความเจ็บใจ
พวกมันถูกยิงออกมาระรัวต่อเนื่อง แต่ทุกดอกไม่สามารถทะเลผ่านหลังมือของผมไปได้เลย
จนกระทั่งก้าวไปถึงตรงหน้าของเธอ อยากจะทดสอบฝีมือของตัวเอง อยากลองทดสอบพลังนี้ก่อน แต่ว่าในเวลาแบบนี้ตัวผมเองไม่เหลือเวลามากพอ จะต้องจบการต่อสู้นี้ให้ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อศรน้ำลูกสุดท้ายถูกสกัด ดาบถูกเหวี่ยงเข้าไปอย่างฉับพลัน ฝ่าเหล่าหยดน้ำที่กระจายออกลงไปแสกกลางหน้าของอีกฝ่าย
แต่ดาบกระแทกลงบนพื้นจนแตกออก
ตัวของสาวซัคคิวบัสเบี่ยงหน้าหลบออกไปทางด้านหลังอย่างเฉียดฉิว ตัวเธอกลางปีกกางออกบินลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ สีหน้าเหงื่อตกหายใจหอบหืดอยู่บนนั้น
“เกือบไปแล้ว นึกว่าตัวเองจะได้ตายซะแล้วรอดไปที”
“คิดจะหนีเหรอ?”
“บ้าหรือไง คิดว่าคนแบบฉันจะต้องหนีมนุษย์แบบนายหรือไง”
เธอยิ้มออกมาอย่างสูงส่งดังกับว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าตอนนี้
ผมไม่รีรอรีบกระโดดขึ้นไปจับตัวเธอ แต่ก็คว้าน้ำเหลวล่นลงกับพื้นมาพร้อมกับมือเปล่า ยามเธอบินกลางอากาศรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ สายตานั้นจับมองเธอได้ทันได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อเข้าใกล้ตัวเธอกลับเคลื่อนไหวรวดเร็วเป็นสายน้ำ
ผมรีบวิ่งตามเธอไปทั่วห้อง พร้อมกับสกัดศรน้ำที่ระดมยิงใส่ตลอดการไล่ตามเธอ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! แค่นี้ก็ตามไม่ทันงั้นเหรอ มาลองดูกันว่าพลังเวทย์ของฉันจะหมดก่อนหรือแรงของนายจะหมดก่อน”
ไล่ตามเธออยู่นาน เห็นทีจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์มานานมากแล้ว มือผมเริ่มเกิดแผลที่ต้องรับการโจมตีหลากหลายครั้ง บ้างก็ปัดป้องไม่ได้โดนโจมตีเข้าที่แขนและขา
เห็นแบบนี้แล้วคงจะไม่ทันเวลาเป็นแน่
ยืนหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ พลางมองไปยังคริสตัลสีใสและบันไดข้ามชั้นที่ยังคงถูกปิดอยู่ ก็ทำให้ผมคิดอะไรออกมาได้
“ช่างเสียเวลาจริงๆ ฉันว่าฉันขอข้ามไปยังชั้นถัดไปเลยแล้วกัน”
“นายพูดอะไรน่าขำชะมัด นายยังชนะฉันไม่ได้เลย ประตูทางออกไม่มีทางเปิดให้กับนายหรอกน่า”
ยกดาบขึ้นมาตั้งท่วงท่าให้พร้อม เงยหน้าจ้องมองไปยังเพดานของห้อง
“อะไรน่ะ นายคิดจะทำอะไร อย่าบอกนะว่า…”
ถ่ายโอนพลังหลายส่วนไปที่เท้าเพื่อให้ฐานรากมั่นคง พลังถูกส่งไปยังเท้าจนพื้นของปราสาทแตกออก ทำให้ตัวของผมกระโดดขึ้นไปยังเพดานห้อง
“หยุดนะ!”
สาวซัคคิวบัสรีบบินเข้ามาขัดขวาง กลางม่านน้ำขนาดใหญ่ปิดบังไปทั่วทั้งเพดาน
แต่ไม่อาจจะหยุดการพุ่งทะยายนี้ได้แล้ว ปลายดาบของผมถูกชี้ขึ้นไป พุ่งเข้าไปในม่านน้ำจนยืดออกเหมือนกับยางยืด แต่เมื่อยืดถึงที่สุดก็แตกออกจนทะลุ
ตัวผมที่มีออร่าสีขาวรอบตัวพุ่งทะยานผ่านเพดานที่คลุมด้วยม่านน้ำจนผ่านไปยังอีกชั้นได้สำเร็จ
“มาถึงแล้ว ในที่สุดการไต่หอคอยที่ยาวนานของฉันก็ถึงจุดสุดยอด”
มองไปรอบในทันที
สถานที่แบบนี้ตัวผมนั้นจดจำมันได้อย่างดี ทุกๆ อย่างในห้องนี้ยังเหมือนเดิมไปหมด ใช่ที่นี่แน่ๆ เป็นห้องที่ผมได้แยกจากเธอ
และยังเป็นห้องที่ผมได้แยกจากเขาอีกด้วย
ผมมองขึ้นไปยังบัลลังก์อันสูงใหญ่
สายตาจับจ้องไปยังปลายสุดของสิ่งนั้น
พบชายผู้หนึ่งนั่งมันอยู่อย่างเคร่งขรึม
พอมองหน้าเขาก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองโกรธขึ้นมา
พูดออกมาอย่างขุ่นเคือง
“จูเลี่ยน…”