"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แต่ล่ะดาบที่ฟาดฟันเข้ามาทำให้ตัวผมนั้นทำผมใจผมเต้นเร็ว เสียงกึกก้องดังไปถึงขั้วหัวใจ คุณเก่งขึ้นจริงๆ จนหน้าเหลือเชื่อ
ถึงจะอาการสาหัสที่โดนตัดแขนออกไป แต่ผมยังคงต้องสู้ต่อไป เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจบสิ้น
ดาบที่อยู่ในมือกับแขนอีกหนึ่งข้าง
สองเท้าค่อยๆ เดินออกไปยกดาบขึ้นประจันหน้า
“ย้ากกก!”
ตวัดดาบเข้าฟันจนอารินถอยหลังออกไป พร้อมท่าทางตกตะลึง
“ผมเองก็มีดีเหมือนกันนะ แขนอีกข้างผมยังมีอยู่นะครับ คุณอาริน”
“ทำไมนายยังสู้ต่อไหวอีกล่ะ?”
“อะไรกันครับ หรือว่าคุณเหนื่อยแล้ว แบบนี้คุณไรลีย์คงจะเยาะเย้ยเอานะ”
พอพูดแบบนั้นเขาก็โกรธทันที กำดาบแน่นพุ่งเข้าฟาดฟันอย่างไม่หยุดหย่อน
ตัวผมได้แต่ตั้งรับไม่มีโอกาสได้สวนกลับเพราะเหลือแขนเพียงข้างเดียว
แต่ว่าแบบนั้นก็ดีแล้ว…
ดาบที่ค่อยๆ ฟันเข้ามาทำให้ผมเสียเปรียบเรื่อย ถึงแม้พลังจะมากแต่มันก็ค่อยลดลงไปเรื่อยๆ แรงกดดันรอบตัวเริ่มอ่อนลง แบบนี้อีกไม่นานตัวผมคงจะโดนกำจัดในเร็วนี้
เท่านี้ทุกอย่างก็จะสำเร็จ…
“ฉันขอถามอีกครั้ง ไรลีย์อยู่ที่ไหน!?”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทำผมคิ้วขมวด
"คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ว่าเธอน่ะ ไม่อยู่แล้วตอนนี้!"
ผมดันดาบออกไปจนเขาผละไปข้าง แต่เมื่อขาขึ้นพื้นเขาก็พุ่งเข้าโจมตีต่อในทันทีพร้อมเสียงตะโกนสนั่น
"โก-หก!!"
เสียงตะโกนนั้นสั่นสะเทือนลึกเข้าไปในจิตใจ
เหมือนกับว่าตอนนี้เขาไม่ได้เชื่อคำพูดที่ผมพูดไปเลย ทั้งๆ ที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ดีอยู่แท้ๆ แต่เสียงนั้นกลับทำให้ผมหวนนึกถึงเมื่อครั้งที่ได้คุยกับเธอ
บนบัลลังก์ที่เธอนอนหลับอยู่ ผมนั่งลงที่ชานบันไดด้านล่าง พลางนั่งคิดถึงสิ่งต่างๆ หลังส่งเขาคนนั้นออกไปนอกปราสาทได้
ผมถอดสร้อยคอของผู้กล้าออก แล้วสวมสร้อยคอของจอมมารแทนลงไป
ถอดออกมาแล้วก็ถือมันไว้ในมือ พลางมองดูด้วยความคิดถึง เป็นสร้อยคอที่มีความทรงจำกับมันอยู่มาก ไม่ใช่ว่าผ่านเรื่องราวต่างๆ ด้วยกันมาหรอก แต่กับบุคคลที่ให้ผมมานั่นแหละที่สำคัญ
แต่ตอนนี้กลับต้องถอดแล้วเปลี่ยนเป็นขั้วตรงข้ามเสียอย่างั้น
ทำผมถอนหายใจอย่างอดสู
"จูเลี่ยน...เหรอ? "
เสียงสะลึมสะลือขอเธอดังจากด้านหลัง ดูเหมือนเธอจะรู้สึกตัวแล้ว
“เอ๊ะ เอ๋… อะไรกันเนี้ย ทำไมถึงมีรากไม้พวกนี้มัดฉันไว้ล่ะ ดึงไม่ออกเลย เฮ้! อย่านั่งเฉยๆ สิช่วยเอาออกให้ฉันได้ไหม!?”
ตื่นมาก็โวยวายทันทีสมกับเป็นตัวคุณจริงๆ เลย ผมเหลือบมองเห็นแบบนั้นก็รู้น่าคิดถึงเหลือเกินคุณเป็นแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปจริงๆ
“นายมัวยิ้มอะไรอยู่ แล้วคนอื่นๆ ล่ะพวกเขาไปไหน อ่าใช่ โดยเฉพาะเจ้านั้น!! อารินล่ะ เขาไปไหน เขาบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
เห็นท่าทีแสดงความเป็นห่วงกันและกันของทั้งสองผมก็อดยิ้มไม่ได้ หันกลับไปมองยังประตูทางเข้าเช่นเดิม
“สบายใจเถอะครับ ผมให้โพชั่นชั้นดีกับเขาไปแล้ว ส่วนตอนนี้คุณอารินผมส่งไปเขาไปนอกปราสาทแล้วล่ะครับ”
“นายทำแบบนั้นไปทำไม ฉันเห็นนายทำตัวแปลกๆ มาสักพักแล้วนะ จริงๆ แล้วนายกำลังติดจะทำอะไรกันแน่?”
เธอรัวคำถามออกมาเป็นชุด แต่ว่าก็ไม่รู้สึกว่าแปลกอะไรที่เธอจะสงสัย
“...มันเป็นเรื่องในอนาคตน่ะครับ”
“นายรู้อนาคตเหรอ!?”
แววตาเธอส่องประกายเมื่อพูดถึงเรื่องนั้น
“ใช่ครับ ในอนาคตพวกคุณสองคนก็ไม่มีคนไหนเลยที่ได้เป็นผู้กล้า”
“แล้วในอนาคตฉันได้แต่งกับผู้ชายรวยๆ หรือเปล่า?”
“...”
ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ พร้อมพูดต่อไปโดยไม่ได้ให้คำตอบเธอ
“หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้กล้าถือกำเนิดขึ้นมาอีกเลย มีแต่เพียงจอมมารอันแสนชั่วร้ายที่โจมตีมวลมนุษย์ด้วยโกรธแค้น จนมนุษย์ล่มสลายไปจนหมดสิ้น”
ผมถอนหายใจออกมา
“เพราะฉะนั้นแล้ว ผมถึงจึงอยากจะให้คุณอารินได้เป็นผู้กล้าน่ะครับ”
“ทำไมนายรู้เรื่องอนาคตได้ล่ะ หรือว่าจริงๆ แล้วนายไม่ได้เป็นผู้กล้าที่มาจากอดีต แต่เป็นผู้กล้าที่มาจากอนาคตงั้นเหรอ”
“คุณเข้าใจได้เร็วดีนี่ครับ”
“เอ๊ะ! สร้อยคอนั้น หรือว่าจริงๆ แล้วนายคือ…”
เธอดูตกใจกับสร้อยคอผู้กล้าที่ผมถืออยู่ เป็นสร้อยคอที่สองฝั่งสามารถแยกออกจากกันได้ ฝั่งหนึ่งเขียนชื่อของไรลีย์ อีกฝั่งเขียนด้วยชื่อของอาริน
ไรลีย์มองไปที่สร้อยคอสลับกับมองหน้าของผมไปมาอย่างตกตะลึง
ทันใดนั้นเสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นจนรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่พื้นปราสาท
ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะใกล้มาถึงแล้ว คงต้องรีบดำเนินการต่อไปให้เสร็จสิ้น
ผมลุกขึ้นเดินไปหาไรลีย์ที่นั่งบนบัลลังก์ จับมือของเธอขึ้นมาอย่างอ่อนโยน พร้อมถือสร้อยคอแห่งจอมมารออกมาเตรียมใช้งาน
“ผมขอใช้เลือดเนื้อของคุณหน่อยนะครับ”
ผมยื่นสร้อยคอจอมารเข้าไปใกล้ๆ ก็ส่งกลิ่นอายของความตายคืบคลานออกมา
.
.
.
ทั้งหมดที่ทำไปเพื่อเหตุผลนั้น ทำไมคุณถึงดื้อรั้นอะไรอย่างนี้นะ แค่ทำตามที่ผมกำหนดไว้ทุกอย่างทุกคนก็จะมีความสุข ไม่มีใครต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้วแท้ๆ
พอนึกแบบนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมา โกรธจนตัวสั่น มือถือดาบไว้แน่น ปลดความรู้สึกผ่านคมดาบใส่ชายตรงหน้า
คมดาบปะทะกับดังสนั่นเหมือนอารมณ์เดือดดาลที่ปะทุขึ้นมา
แขนเพียงข้างเดียวก็ยังสามารถกวัดแกว่งดาบได้รวดเร็วและเฉียบคมจนอีกฝ่ายต้องคอยตั้งรับ อารมณ์โกรธที่ถาโถมออกไปทำให้ดาบแต่ละดาบที่ฟาดฟันรุนแรงยิ่งขึ้นจนดาบในมืออีกฝ่ายสั่นสะเทือน
แต่ถึงจะสู้อย่างจริงจังแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยได้จริงจังด้วย เพียงแค่คอยตั้งรับและสวนกลับเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบเพียงเท่านั้น
"ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจเสียงที เพียงแค่ต่อสู้อย่างจริงจัง ใช้ความโกรธของตัวเองให้พลัง แล้วก็ต่อสู้อย่างจริงได้แล้ว!"
"...นายเองก็ไม่ได้จริงจังกับมันตั้งแต่แรกเท่าไหร่นี่"
คำพูดนั้นทำผมกัดฟันแน่น
"อา ใช่แล้ว คุณบอกว่าอยากเป็นผู้กล้าไม่ใช่เหรอ นี่ไง เป็นจอมมารให้คุณแล้วนี่ไง ไม่อยากทำตาม-"
"พอ-ได้-แล้ว! รีบบอกมาเถอะว่าไรลีย์อยู่ที่ไหน? "
พอได้ยินแบบนั้นผมก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น บางทีแล้วสิ่งที่ผมทำคงได้เพียงแต่เท่านี้
ยิ้มพลางหัวเราะออกมาเบาอย่างอนาถใจในตัวเอง
"ถ้าคุณอยากรู้…ก็ลองเอาชนะผมให้ได้ก่อนไหมครับ? "
ผมยกดาบขึ้นเหนือหัวปลายดาบชี้เข้าหาศัตรู เป็นท่าประจำอันคุ้นเคยที่ได้เรียนมาจากท่านแม่ผู้เชี่ยวชาญวิชาดาบ
"ได้สิ ฉันรอคำพูดแบบนั้นอยู่เลย"
อีกฝ่ายไม่มีตั้งท่าเตรียมพร้อมอะไรพุ่งตัวเข้ามาโจมตีอย่างรีบร้อน การกระทำช่างดูสวนทางกับตัวผมจริงๆ
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกมา กำดาบด้วยมือที่มีเพียงข้างเดียวอยู่แน่น ส่งพลังไปที่มือข้างนั้นอย่างเต็มกำลัง จ้องมองอีกฝ่ายที่ตรงหน้าเข้ามาพร้อมออร่าสีขาวอย่างเข้มข้น
ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินครั้งสุดท้ายอย่างจริงจังแล้วสินะ
"เข้ามาเลย!"
ผมไม่ขยับไปไหนถือดาบที่สั่นไปด้วยพลังอันเหลือล้นไว้ ยืนอยู่กับที่รอสวนกลับอีกฝ่ายที่โจมตีเข้ามา
อีกฝ่ายเข้าประชิดตัวรวดเร็ว ยกดาบขึ้นเหนือหัวฟาดฟันลงมาผ่าห่วงอากาศจนแยกออกจนเกิดสะเก็ดไฟโดยรอบ
ผมฟาดฟันดาบขึ้นไปปะทะพร้อมปลดปล่อยพลังที่เหลือล้นฟาดฟันขึ้นไป
ดาบสองเล่มปะทะกันรุนแรงจนเกิดคลื่นกระแทกพัดปลิวเศษฐานอิฐที่พังทลายลงมารอบตัวกระจัดกระจายออกไป แรงกระแทกรุนแรงจนทำให้ปราสาทสั่นคลอนไปมาเหมือนกับกำลังจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
"ย้ากกกกก!" "ย้ากกกกกก"
ผมใส่สุดกำลัง เขาก็ใส่สุดกำลัง ดาบเข้าปะทะกันจนสั่นไปมา
แต่ด้วยพลังที่สะสมอย่างเต็มเปี่ยมไว้ในดาบของผมทำให้สามารถปลดปล่อยพลังได้มาก
พลังอันมหาศาลที่ดาบระเบิดกระจายออกซัดศัตรูตรงหน้าจนปลิว ฝุ่นควันกระจายไปทั่วจากแรงระเบิดของพลังดาบ
ชนะแล้ว! รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที แต่นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้นเลย
ศัตรูที่ถูกซัดออกไปลอยลิ่วไปกับกลุ่มฝุ่นควันพุ่งออกไปจนติดกำแพงได้ยินเสียงดัง กึก! เหมือนเป็นเพียงของดาบกระแทกกับกำแพงเพียงเท่านั้น แล้วตัวของเจ้าของดาบล่ะ?
"!"
ทันทีที่คิดแบบนั้นอีกฝ่ายก็พุ่งออกจากกลุ่มฝุ่นควัน ง่างมือออกมาพุ่งเข้าหาประชิดตัวโดยไม่ทันทั้งตัว
"ย้ากกกกกกกกก!"
หมัดอันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังถูกปล่อยออกมาซัดเข้าหน้าของผมเต็มๆ พลังที่พรวยพุ่งออกมาทำตัวผมปลิวไปตามแรงหมัด ลอยละลิ่วเหมือนกับก้อนหินเข้าไปกระแทกกับกองอิฐที่กองรวมกันอยู่
หมัดรุนแรงจนตัวผมลุกขึ้นไม่ได้นอนแผ่แขนออกแน่นิ่งไป
ผมแพ้แล้ว…
เท้าคู่หนึ่งเดินเข้ามาหา พลางก้มมองที่ผม
"ทีนี้จะบอกหรือยังว่าเธออยู่ไหน!? "
ผมยิ้มออกมาอย่าขมขื่นยอมรับความพ่ายแพ้พลางทองขึ้นไปข้างบนเหนือไปยังเพดานของชั้นสุดท้ายของปราสาท