"ใครจัดการจอมมารได้ก่อนคนนั้นเป็นผู้กล้าแบบนั้นเป็นยังไง" เป็นข้อเสนอจากอีกฝ่าย "ได้เลยสิฉันจะทำให้แกได้เห็นใครกันที่คู่ควรเป็นผู้กล้า" การเดินทางของศัตรูคู่ปรับ คู่กัด คู่หู จึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฟนตาซี,รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เราจูงมือกันเข้าเมืองไป ความคึกคักภายในใจเกิดขึ้นมา กลิ่นอันคุ้นเคยแสงแดดสาดส่อง ชาวเมืองเดินไปมาเต็มทั่วทั้งสองข้างทาง
เราสองคนเดินจูงมือเข้าไปอย่างคนธรรมดาทั่วไป เมื่อเทียบกับตอนที่ออกเดินทางที่มีผู้คนออกมาต้อนรับมากมายแล้วช่างดูแตกต่าง
เดิมทีผมก็คิดแบบนั้น…
"เฮ้ๆ นั้นใช่ลูกชายของท่านดยุคเฮเดอริสหรือเปล่า? เดินจูงมือกับหญิงสาวคนนั้น เอ…ใครนะ? "
"จริงด้วย แม่สาวคนนั้นได้ไงที่ได้ถูกรับเลือกให้คู่กันกับท่านอารินไงล่ะ"
"จำได้แล้ว ฉันเองก็เกือบลืม นี่ก็ผ่านมาหลายเดือดแล้วตั้งแต่งานพิธีคัดเลือกผู้กล้า พวกเขาสองคนหายไปไหนมากันนะ? "
เสียงฮือฮาของเหล่าชาวบ้านเต็มไปทั่ว ไม่ทันไรพวกเราสองคนก็ตกเป็นเป้าสายตาของชาวบ้านโดยรอบ
บางคนก็เข้ามาแสดงความยินดี บางคนก็เข้ามาทักทายพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร พลางถามไถ่ถึงเรื่องที่หายตัวไป
แต่มีเรื่องที่น่าแปลกใจบรรยากาศชวนน่าสงสัย แต่ละคนที่เข้ามาพูดคุยไม่ได้ถามถึงเรื่องผู้กล้าเลย ทั้งที่เราประกาศท้าดวลออกไปว่าใครชนะชอบมารได้คนนั้นได้เป็นผู้กล้า
เรื่องเล่านั้นน่าจะเป็นเรื่องที่ชาวบ้านรับรู้กันดีอยู่แล้ว แต่กลับไม่มีใครพูดถึงมันเลย
ทุกคนต่างเข้ามาแสดงความยินดี บ้างบางคนเข้ามาจับมือแล้วบอกว่าทั้งสองคนช่างเหมาะสมกัน อย่างกับรู้กันแล้วว่าเราสองคนตกลงจะแต่งงานกัน ทั้งๆ ที่ยังไม่มีประกาศอะไรออกไปเลย
ไรลีย์เองก็ดูเหมือนไม่แปลกใจอะไรเลย
หญิงสาวชาวบ้านบางคนเดินมาบอกว่า
"ข้าอยากให้พวกท่านให้กำเนิดเด็กที่แข็งแรง ถ้าเป็นลูกชายข้าจะดีใจเป็นอย่างมากเลย"
ทันทีที่พูดแบบนั้นไรลีย์ก็ยิ้มแย้มดีใจพลางกระซิบข้างหูเธอ
หลังจากนั้นเธอก็ลูบเข้าที่ท้องของตัวเองอย่างอ่อนโยน
สาวชาวบ้านก็ทำตาโตอย่างตื่นเต้นดีใจบอกว่า "ยินดีกับทั้งสองคนด้วยนะ"
ผมรู้สึกสับสนไปหมดแล้วถามไรลีย์ว่าพูดคุยเรื่องอะไรกันเธอก็หันหน้ามาทำหน้าไม่พอใจ
"เจ้าโง่เอ้ย!"
แล้วก็หันหน้าหนีเดินนำหน้าออกไป ปล่อยผมมึนงงเกายืนเกาหัวอยู่ตรงนั้น
พวกเราสองคนตัดสินใจเดินทางเข้าไปที่โบสถ์เพื่อไปพบท่านบารหลวง คิดไว้ว่าจะเล่าเรื่องต่างๆ ที่เราเจอให้ฟังแล้วปรึกษาเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้กล้าหรือแม้แต่เรื่องจัดงานแต่ง
เปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปเห็นบาทหลวงและนักบวชต่างยืนรอต้อนรับอย่างกับว่ารู้ว่าผมกำลังจะมาที่นี่
ข้าวของต่างถูกจัดขึ้นเหมือนกับเตรียมรอทำพิธีกรรมบางอย่างที่ผมรู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร
ในที่สุดวันนี้ก็มาคง
วันที่ผมจะได้เป็นผู้กล้า
เหลือบไปมองเห็นสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ท่านพ่อยืนอยู่หน้าสุดของผู้คนทำหน้านิ่งเข้มอยู่แบบนั้น
ท่านพี่ก็อยู่ด้วยหันมองมาทางผมที่กำลังเดินเข้าไป เขาโบกมือให้พลางยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้าผม
เราสองคนเดินผมหยุดที่หน้าบาทหลวง
"พวกเรากลับมาแล้วครับท่านบาทหลวง"
"อืม อืม ข้ารู้อยู่แล้วล่ะ"
"รู้? "
"ก็วันนี้เป็นวันที่เฉลิมฉลองที่ผู้กล้าได้กำเนิดขึ้นยังไงล่ะ"
พอได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มจนแก้มปริ วันนี้คงเป็นวันของผมสินะวันที่ผมเองจะได้เป็นผู้กล้า ไม่คิดว่าวันนี้จะถึง ผ่านเหตุการณ์มากมายจนผมเองก็เกือบจะยอมแพ้ไปแล้วแต่ในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ
บาทหลวงยกดาบขึ้นมาเป็นดาบอันสง่างามถูกตีขึ้นอย่างดีจากวัสดุราคาแพงที่ทำให้ดาบนี้สวยงามขนาดนั้นได้ ถึงจะเอาไปใช้จริงไม่ได้ แต่ว่าการได้ครอบครองมันถือว่าเป็นเกียรติอย่างสู่
ผมเตรียมตัวที่จะรีบมันไว้ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
บาทหลวงยื่นดาบออกมา ทำตัวผมตื่นเต้นจนตัวสั่น ยืนเฝ้ารอคำกล่าวของบาทหลวงอยู่แบบนั้น
"รับไปสิคุณไรลีย์"
แทนที่จะยื่นดาบนั้นให้ผมเขากลับยื่นให้ไรลีพรั่งพรู ทำผมตกอยู่ในความงุนงง ทำไมถึงไม่ใช่ผมล่ะเป็นคำถามที่ดังอยู่ในหัว
"เออ...คือว่า ดาบนั้นไม่ใช่ของผมเหรอ? "
บาทหลวงส่ายหน้าปฏิเสธ
ไม่เห็นจะเข้าใจเลยทำไมถึงเป็นแบบนั้น
"ดาบนั้นจะให้กับผู้กล้าใช่ไหมครับ? "
"ใช่แล้วล่ะ คุณอาริน"
ได้ยินแล้วนั้นผมจึงชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
"ผมไม่ใช่ผู้กล้าหรอกเหรอ? "
บาทหลวงส่ายหัว
"งั้นก็หมายความว่า…ไรลีย์ได้เป็นผู้กล้างั้นเหรอ!? "
บางหลวงก็ส่ายหัวเช่นเดิม
"แล้วใครล่ะได้เป็นผู้กล้า คนๆ คนนั้นมันชื่ออะไรกันแน่ ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย"
บาทหลวงครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วก็เปิดปากพูดออกมา
"...ถ้าเป็นเรื่องชื่อล่ะก็ คุณต้องเป็นคนตั้งเอาเองแล้วล่ะ"
คำพูดนั้นทำให้ไรลีย์หัวเราะคิกคักออกมา รีบดาบนั้นไว้ในมือแล้วลูบไปที่ท้องของตัวเอง
"เดี๋ยวแม่จะรับฝากไว้ให้นะ"
สิ้นสุดคำพูดของความสงสัยของผมก็กระจ่างเหมือนแสงสว่างพรั่งพรูออกจากหัวใจ เข้าจนถึงตั้งแต่ต้นที่เราเริ่มออกจะเดินทาง
ว่าจริงๆ แล้ว…ผู้กล้าก็คือลูกของพวกเรา