เรื่องสั้นสุดหักมุมที่ตอนแรกน่าเบื่อชะมัด

กระจกเงาใบที่สอง - ตอนที่ 1 เด็กสาวผู้​เงียบขรึม​ โดย pajnrai @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,สะท้อนปัญหาสังคม,เลือดสาด,เรื่องสั้น,อื่นๆ,แฟนตาซี,ดราม่า,เหนือธรรมชาติ​,ยิ่งอ่านก็ไม่เข้าใจ,สะท้อนจิตใจ,เรื่องสั้น,หักมุม,งง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

กระจกเงาใบที่สอง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,สะท้อนปัญหาสังคม,เลือดสาด,เรื่องสั้น,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดราม่า,เหนือธรรมชาติ​,ยิ่งอ่านก็ไม่เข้าใจ,สะท้อนจิตใจ,เรื่องสั้น,หักมุม,งง

รายละเอียด

เรื่องสั้นสุดหักมุมที่ตอนแรกน่าเบื่อชะมัด

ผู้แต่ง

pajnrai

เรื่องย่อ

... 

สารบัญ

กระจกเงาใบที่สอง-ตอนที่ 1 เด็กสาวผู้​เงียบขรึม​

เนื้อหา

ตอนที่ 1 เด็กสาวผู้​เงียบขรึม​


ลมอ่อนๆ พัดผ่านเข้ามากระทบใบหน้าชายร่างสูงสองคน เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังขึ้นใกล้ๆ แสงแดดจ้าของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้ามอบความอบอุ่นให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา ใบไม้สีส้มของฤดูกาลใบไม้ร่วงได้ร่วงลงจากต้นไม้ใหญ่ ปลิวว่อนไปตามลมจนตกถึงพื้น ชายร่างสูงทั้งสองนั่งบนเก้าอี้สาธารณะพลางยกกาแฟแก้วใหญ่ขึ้นมาดื่ม ไออุ่นจากกาแฟเพิ่มความร้อนให้ทั้งสอง สีหน้าแดงก่ำจากลมหนาวค่อยๆ จางหายหลังดื่มมัน

“ ฉันได้เจอเธอครั้งแรกตรงนี้ ” ชายร่างผอมสูงสวมใส่เสื้อหนังเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ …………. ” ชายร่างผอมที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังคงเงียบสงัด ดื่มกาแฟรอฟังอย่างเงียบๆ

ใบไม้ร่วงโรยจากต้นของมัน ปลิวว่อนพัดพาไปยังควาทรงจำนั้น ชายหนุ่มที่อ่อนล้าจากการงานอย่างเต็มที่เดินเมื่อยขามานั่งยังเก้าอี้ทรงสี่เหลี่ยม เขาหันไปมองข้างๆ เด็กสาวไม่พ้นวัยรุ่นนั่งวาดทิวทัศของทะเลในตอนเย็นอย่างตั้งใจ ทะเลสีฟ้าครามแต้มแต่งด้วยฝูงนกที่บินแข่งขันกันกลับรัง ดอกหญ้าบนสันเขื่อนที่พลิ้วไหวไปตามลมอ่อนๆ เป็นภาพที่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก

“ วาดสวยจังเลย ชื่ออะไรเหรอ ” ชายหนุ่มทัก เด็กสาวหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องทัก เธอวางพู่กันลงบนกระดานวาดพลางหันมองชายหนุ่มก่อนจะกลับมาวาดดั้งเดิม

“ เอ่อ…… ” ชายหนุ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกเมิน เขายกมือเกาหัวของตนเล็กน้อย คอยดูเด็กสาววาดอย่างเงียบๆ

เวลาล่วงเลยผ่านไปนานหลายชั่วโมง ภาพวาดของเด็กสาวเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว เธอจัดเก็บอุปกรณ์วาดภาพทั้งหมดลงไปในกระเป๋าและยืนขึ้น เดินจากไปด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งเช่นเดิม ชายหนุ่มนั่งมองอยู่เบื้องหลัง เขาสัมผัสได้ เด็กสาวคนนั้นไม่มีความสุข ทุกการกระทำล้วนดูเบื่อหน่าย ชายหนุ่มลุกออกจากที่นั่ง มองดูเสาไฟปิดๆ ดับๆ ที่กำลังจะพังในไม่ช้า แสงอ่อนๆ ของตะวันเริ่มจางหายไปเหลือเพียงแต่แสงไฟจากเสาเท่านั้น

วันรุ่งขึ้น เวลาเย็นมาเยือน ชายหนุ่มเดินอย่างอ่อนล้ากลับบ้าน เขาเห็นเด็กสาวนั่งวาดรูปอยู่ที่เดิมจึงเดินเข้าไปทักอีกครา คราวนี้เด็กสาวยังคงเงียบใส่เขา วาดรูปของเธอต่อไป ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอ เด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีฟ้าครามที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวผมที่สั้นของเธอปลิวไสวไปตามลม เธอแต่งแต้มหญิงสาวที่อยู่ในรูปให้สวยงามยิ่งขึ้น ชายหนุ่มของดูพรสวรรค์ของเด็กสาวอย่างทึ่ง

เวลาดำเนินไปอย่างช้าๆ ชายหนุ่มยังคงเดินเข้ามาทักเด็กสาวทุกครั้งที่เขามีโอกาส เขามักจะเล่าเรื่องต่างๆ ให็เด็กสาวฟังถึงกระนั้นเธอก็ยังคงไม่พูดคุยกับชายหนุ่ม แต่ละวันภาพวาดของเธอจะแตกต่างกันไป ดูเหมือนมันจะตามอารมณ์ของผู้ที่วาด วันหนึ่งชายหนุ่มเดินทางกลับบ้านเช่นเคย ในมือของเขาถือกล่องนมมาด้วย เขาโน้มตัวนั่งลงบนเก้าอี้สาธารณะก่อนจะยื่นกล่องนมให้เด็กสาว เด็กสาวรับมันไว้

“ เคท ”

“ อะไรนะ ” ชายหนุ่มอุทานอย่างตกใจ

“ ชื่อเคท ”

“ เคทงั้นเหรอ เป็นคนต่างชาตินี่เอง ” ชายหนุ่มมองดูเด็กสาวดื่มนมพลางวาดรูปไปมา เธอผงกหัว วาดภาพที่ค้างใว้ให็เสร็จ

บทสนทนาของทั้งสองจบลงแค่นี้ แต่ชายหนุ่มรู้สึกได้ เด็กสาวเริ่มเปิดใจให้ตนแล้ว ชายหนุ่มมองดูเด็กสาววาดภาพอย่างตั้งใจ วันนี้ก็ยังคงสงบเช่นเดิม ลมหนาวของฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านเข้ามายังทั้งสอง ค่ำคืนที่มืดมิดคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ เด็กสาวยังคงลุกออกจากที่นั่งและเดินจากไปเวลาเดิม เหลือเพียงชายหนุ่มที่มองดูตะวันลับฟ้าเพียงผู้เดียว

รุ่งขึ้นชายหนุ่มยังคงเดินกลับจากที่ทำงานอย่างเหนื่อยอ่อน เขามองดูเด็กสาว วันนี้ไม่วาดภาพหรือ ความคิดนี้วนเวียนในหัว เขาก้าวขาเดินไปนั่งบนเก้าอี้ เด็กสาวกำลูกอมในมือแน่น ยื่นมันไปให้ชายหนุ่ม เขารับมันไว้ก่อนจะแกะกิน ใบหน้าของเด็กสาวมัวหมองกว่าปกติสังเกตุได้จากดวงตาที่เหนื่อยอ่อนยิ่งกว่าตนที่ทำงาน เด็กสาวแกะถุงลูกลมออกอย่างช้าๆ

" หนูมีพ่อกับแม่ " เด็กสาวเอ่ยขึ้นพลางยกลูกอมขึ้นมาอม

"........." ชายหนุ่มมองเด็กสาวฟังเรื่องราวอย่างเงียบๆ

" เวลาคุณพ่อกลับบ้านมาจะมีกินเหล้าติดตัวมาตลอดและมักจะทำร้ายคุณแม่ตลอดทุกครั้งที่กลับมาด้วย ตอนนั้นหนูยังเป็นเด็กเลยทำอะไรได้ไม่มาก ทำได้แค่ไปนั่งอุดอู้อยู่ในห้องของตนเพื่อรอให้จบเท่านั้น "

" วันหนึ่งตอนที่หนูโตพอที่จะช่วยแม่ได้ หนูได้หยิบไม้ขึ้นมาตีคุณพ่อ จนเขาล้มลงกับพื้น หวังให้คุณแม่และหนูหลุดพ้นจากคุณพ่อ" เด็กสาวเอ่ยด้วยใบหน้าที่เศร้าโศก ชายหนุ่มเพียงแค่ฟังก็ยังรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เจ็บปวด

" หนูได้จับมือคุณแม่ แต่สิ่งที่ช็อกยิ่งกว่าคือ คุณแม่ปล่อยมือหนูและวิ่งกลับไปหาคุณพ่อ เธอด่าว่าหนูเป็นเด็กอกตัญญู " เด็กสาวหยุดชะงัก มองดูชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ

ทั้งสองต่างปลอบโยนกันและกันโดยไร้เสียงใดๆ ตะวันค่อยๆ ลดต่ำลง แสงสีส้มของดวงอาทิตย์สะท้อนผิวของน้ำทะเลจนส้ม ฉายแสงที่สวยงามกระทบหน้าของทั้งสอง มองดูตะวันค่อยๆ ลับฟ้าอย่างเงียบๆ ชายหนุ่มยื่นโบว์แดงให้เด็กสาวหวังว่าเธอจะใส่มันมาในวันรุ่งขึ้น เด็กสาวรับไว้ เธอโค้งคำนับชายหนุ่มก่อนจะเดินจากไปเมื่ออาทิตย์ตกดินแล้ว

ใบหน้าของเด็กสาวฉโลมไปด้วยน้ำตา ชายหนุ่มมองดูอยู่ภายหลัง เวลาผ่านไปเร็วนักทั้งสองรู้จักกัน ณ ฤดูร้อน นี่ก็ใกล้ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่งที่เด็กสาวมาเล่าเรื่องราวในอดีตให้ตนฟัง ตอนนี้เขาเพิ่งสังเกต ผมของเด็กสาวยาวเกินไหล่ไปนิดนึงแล้ว ครั้งแรกที่เจอกันผมของเธอสั้นมาก

อากาศหนาวยามเช้าเริ่มขึ้น ชายหนุ่มออกเดินทางผ่านเก้าอี้ที่เขาและเด็กสาวนั่งไปยังที่ทำงาน ผ่านไปไม่นานก็ถึงจุดขึ้นเท็กซี่ เขาเรียกเท็กซี่คันหนึ่งระหว่างที่รถออกเดินทางชายหนุ่มสังเกตุเห็นบางอย่างที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เขามองออกนอกหน้าต่างรถ ชายนิรนามร่างกำยำสองคนกำลังจับเด็กสาวคนหนึ่งเข้ารถตู้ ชายทั้งสองดูรีบร้อนเป็นอย่างมาก

" เคท? "

ชายหนุ่มตกใจอย่างมาก เขามองดูเด็กสาวขัดขืนชายนิรนามอย่างสุดความสามารถ ชายหนุ่มเรียกให้เท็กซี่ตามรถนั้นไป รถของชายนิรนามนั้นได้ดำเนินไปจนผ่านเมืองเข้าสู่ป่าที่แสนมืดมิด ยิ่งความมืดของป่าไม้มีมากเท่าไหร่ยิ่งตามไปได้ยากเท่านั้น บัดนี้ชายหนุ่มได้หลงกับรถนิรนามแล้ว คนขับเท็กซี่กระวนกระวายใจไม่แพ้กันเพราะถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางไปสู่บ้านในเหตุฆาตกรรมนั้น

ขับรถวนไปมากว่าจะหารถคันนั้นเจอก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว รถถูกจอดทิ้งไว้หน้าโรงแรมร้างที่สูงหลายสิบชั้น เท็กซี่ของชายหนุ่มขับมาจอดข้างๆ รถนิรนามคันนั้น ชายหนุ่มรีบเร่งออกจากรถ ใช้กำลังทั้งหมดวิ่งขึ้นโรงแรมร้างก่อนจะหยุดลงด้วยเสียงบางอย่าง

" ปล่อยหนูนะคะ " เด็กสาวพยายามขัดขืนสุดชีวิต

" เฮ้ย… ทำตัวดีๆ สิ เดี๋ยวผู้ว่าจ้างก็มาแล้ว"

ชายหนุ่มถอยหลังกลับ เดินไปใกล้เท็กซี่พร้อมกับเงยหน้ามองเด็กสาวกับชายกำยำสองคนที่อยู่บนชั้นสิบ เด็กสาวขัดขืนทั้งสองอย่างสุดความสามารถจน เธอก้าวขาพลาดและดำดิ่งตกลงมาจากชั้นบนสุด ในมือขวาของเธอถือโบว์แดงที่ชายหนุ่มมอบให้

" ตึงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!! "

เสียงร่างกายของเด็กสาวกระทบกับรถตู้ขนาดใหญ่ดังขึ้น ชายหนุ่มตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาเงยหน้าของดูที่ตึกชั้นสิบอีกคราชายนิรนามทั้งสองได้หายไปแล้ว คนขับเท็กซี่ก็วิตกไม่แพ้กันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหน่วยฉุกเฉิน เลือดของเด็กสาวถูกเติมเต็มบนหลังรถ โบว์แดงในมือขวาเปรอะเปื้อนเลือดของเธอไปหมด ชายหนุ่มเดินขาอ่อนแรงมาทางเธอ เวลานี้หน่วยฉุกเฉินได้เดินทางมาถึงแล้ว ทั้งหน่วยได้พาเด็กสาวไป

งานศพของเด็กสาวถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ชายหนุ่มถือดอกไม้ไว้อาลัยพวงใหญ่เข้ามา หวังว่านี่จะช่วยเด็กสาวได้บ้าง ชายหนุ่มตำรวจได้เดินเข้ามาหาเขา

" พ่อของเธอก่อหนี้ไว้เยอะ " ตำรวจชายกล่าว ชายหนุ่มหันมามองตำรวจ

" เขาก่อหนี้ไว้กับเจ้าหนี้ที่ไม่ธรรมดา แต่เขากลับตายไปก่อนพร้อมกับภรรยา เหลือแค่เด็กคนนั้นเท่านั้น เธอเลยต้องชดใช้หนี้แทนพ่อของเธอ โชคดีที่เด็กคนนั้นยังมีปู่ ปู่เธอช่วยชดใช้หนี้ให้แต่มันเยอะเกิน แถมปู่ของเธอยังร่างกายไม่แข็งแรงอีก "

" ไม่กี่วันก่อน…. ปู่ของเธอเพิ่งเสียไป เลยไม่มีคนชดใช้หนี้ให้ เด็กคนนั่นเลยลงเอยแบบนั้น" นายตำรวจพูดด้วยใบหน้าที่สงสาร

" ทำไมถึงพูดกับผมเหรอครับ? " ชายหนุ่มเอ่ยถามตำรวจ

" เห็นว่าสนิทกันนี่ "

".......... " ชายหนุ่มเงียบ เขาไม่ตอบอะไร

บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้ ชายหนุ่มมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ใบไม้ปลิวว่อนหวนคืนสู่ปัจจุบัน กาแฟในมือของสองชายหนุ่มหมดลงแล้ว ลมหนาวยังคงพัดผ่านไปมา ชายร่างสูงลุกขึ้นยืน ยื่นแก้วกาแฟของตนให้ชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง

" ขอบใจที่เล่าให้ฟัง "

ชายหนุ่มร่างสูงยื่นมือมาประกบไผล่ของอีกคนหนึ่ง เขาเดินจากไปยังเงามืดเหลือเพียงชายหนุ่มที่นั่งบนเก้าอี้สาธารณะท่ามกลางความมืดมิดเท่านั้น เขายิ้มขึ้นเมื่อใบหน้าของเด็กสาวลอยมาบนหัว ใบหน้าของเด็กสาว……………






[จบเรื่องราวนี้อย่างบริบูรณ์​]