แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอก....แต่จะตายโหงแทนน่ะสิ!!! ไม่เอาโว้ย!!! ไอ้เกี๊ยวยังไม่อยากตาย ขอหนีไปบวชได้มุ้ยยย!

#แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอกหมวย - ตอนที่ 3 ขอเบอร์หน่อยหมวย โดย earlymoon @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไทย,ชาย-ชาย,ตลก,รัก,มาเฟีย,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

#แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอกหมวย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไทย,ชาย-ชาย,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มาเฟีย,นิยายวาย

รายละเอียด

#แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอกหมวย โดย earlymoon @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอก....แต่จะตายโหงแทนน่ะสิ!!! ไม่เอาโว้ย!!! ไอ้เกี๊ยวยังไม่อยากตาย ขอหนีไปบวชได้มุ้ยยย!

ผู้แต่ง

earlymoon

เรื่องย่อ

ไอ้เกี๊ยว ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ๊ละออ เจ้าของร้านข้าวมันไก่ชื่อดังประจำซอยเคยประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ขาข้างซ้ายหัก ใส่เหล็กดามไว้แต่ยังเดินกะเผลกอยู่จึงมักจะถูกเรียกว่าไอ้เป๋เป็นประจำ


แต่จะมีอยู่คนหนึ่งที่เรียกไม่เหมือนคนอื่น...'หมวย' บ้าง 'ไอ้หนู' บ้าง บางทีก็ 'ไอ้เปี๊ยก' 'ไอ้เตี้ย' 'ไอ้ตี๋' อารมณ์ดีหน่อยก็ 'เธอ' ไม่ก็ 'คนสวย'...คำหลังนี้ชวนให้สยองอยู่เหมือนกัน แต่ที่ทำให้ขนพองสยองเกล้ายิ่งกว่าคือ 'เมียจ๋า'!

ไอ้เกี๊ยวถึงกับจะละทางโลก แล้วหนีไปบวชสักสองสามปี ทว่าพ่อเจ้าประคุณก็ไม่เกรงกลัวบาปเลยสักนิด มาชิงตัวคนถึงในวัด นอกจากตัดทางบุญของไอ้เกี๊ยวแล้ว ยังมีหน้ามาบอกว่า

'แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอกหมวย'

เออ! ไม่อดตายหรอก แต่จะตายโหงแทนน่ะสิ!!

ม่ายอาววว! ไอ้เกี๊ยวยังไม่อยากตายโว้ยย!

'ผมอยากบวช เฮียให้ผมบวชเถอะ'

'ถ้าจะบวชหนีเฮียก็ข้ามศพเฮียไปก่อน'

ไอ้เกี๊ยวอยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด

'ยังไงเธอก็ต้องแต่งกับเฮีย พวกมันอยากมีอาซ้อเต็มทีแล้ว'

มาเฟียหนุ่มแห่งแก๊งมังกรดำพยักพเยิดไปทางลูกน้องที่ยืนรายล้อม คนเหล่านั้นต่างจ้องเขาเป็นตาเดียวแล้วก้มศีรษะทำความเคารพพร้อมกับเรียกเขาว่า 'อาซ้อ' อย่างพร้อมเพรียง

สารบัญ

#แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอกหมวย-ตอนที่ 1 เฮียไม่ชอบคนโกหกนะหมวย ,#แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอกหมวย-ตอนที่ 2 เกี๊ยวไม่ชอบฤดูฝน,#แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอกหมวย-ตอนที่ 3 ขอเบอร์หน่อยหมวย,#แต่งกับเฮียไม่อดตายหรอกหมวย-ตอนที่ 4 เหมาเธอได้ไหม

เนื้อหา

ตอนที่ 3 ขอเบอร์หน่อยหมวย

“พี่เกี๊ยว!” สุ้มเสียงสดใสของเอมิกาดังแว่วมาในทันที่ใจภักดิ์ผลักประตูร้านคาราโอเกะเข้าไปด้านใน หญิงสาวปรี่เข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน มองสบดวงตากลมโตเป็นประกายระยับคู่นั้นแล้ว หัวใจก็พลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“เอิน ไม่เจอกันนานเลย สบายดีไหม” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ในหน้า มือทั้งสองไพล่ไว้ด้านหลังเพราะตื่นเต้นและขัดเขินจนไม่รู้ว่าจะวางไว้ที่ใด

“สบายดีค่ะ พี่เกี๊ยวล่ะคะ”

“ก็เหมือนเดิม ไม่เจ็บไม่ป่วย” พูดพลางแลมองหาทินภัทรไปพลาง ความประหม่าทำให้เขาลนลานจนคิดหัวข้อสนทนาไม่ออก สถานการณ์ในตอนนี้ หลังจากตอบคำถามของอีกฝ่ายไปแล้วจึงเงียบสงัด กลายเป็นเดดแอร์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง

“เอินนึกว่าพี่เกี๊ยวจะไม่มาซะแล้ว”

โชคดีที่เอมิกาเป็นคนอัธยาศัยดีและคุยเก่ง เธอจึงเป็นฝ่ายถามโน่นนี่ด้วยความสนอกสนใจ บรรยากาศตึงเครียดและน่าอึดอัดจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลง

เราสองคนพูดคุยทบทวนความหลังกันเล็กน้อย พลางเดินเคียงกันตรงไปยังห้องวีไอพีซึ่งอยู่ลึกเข้าไปด้านใน แยกตัวออกมาจากโซนปกติ

“เอินออกมาเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ กำลังจะเดินกลับแล้วเชียว แต่หันไปเห็นพี่เกี๊ยวผลักประตูเข้ามาพอดี” เอมิกาว่า

“แล้วไอ้ทินล่ะ”

“กำลังร้องเพลงอย่างเมามันเลยล่ะค่ะ” หญิงสาวยกมือป้องปากกระซิบว่า “เสียงแสบแก้วหูมากเลยพี่เกี๊ยว เอินก็เลยแอบออกมาเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”

ก็พอจะเข้าใจได้...สำหรับไอ้ทินที่เสียงเหมือนควายออกลูกแบบนั้น ใครมันจะไปทนฟังได้ แล้วมันก็ขยันชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจเสียจริง ๆ เดือดร้อนคนเป็นเพื่อนต้องหาอะไรมายัดใส่หู จะได้ไม่ต้องทนฟังเสียงมัน

นานแล้วที่เขาไม่ได้ยินทินภัทรร้องเพลง แต่วินาที่ที่ก้าวเข้าไปในห้องนั้นแล้วเสียงของมันกระแทกเข้ามาในโสตประสาท เขาถึงกับต้องยกมือปิดหูโดยอัตโนมัติ

“ไอ้เหี้ยเกี๊ยว! มาได้สักทีนะมึง” ทินภัทรตะโกนใส่ไมค์พลางโผเข้ามากอดคอเขา พาไปยืนอยู่หน้าจอโทรทัศน์พร้อมจับไมค์อีกอันหนึ่งยัดใส่มือเขาอย่างบังคับอยู่ในที “มา! มาร้องกะกูสักเพลง”

ใจภักดิ์ไม่ใช่คนร้องเพลงแย่ ถือว่าเสียงดีระดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นพอเปล่งเสียงออกมา เพียงแค่คำแรกก็สะกดคนที่อยู่ภายในห้องนั้นอย่างง่ายดาย เอมิกาที่ไม่เคยได้ยินเจ้าตัวร้องเพลงมาก่อนถึงกับปรบมือให้และเอ่ยชมไม่ขาดปากจนคนถูกชมใจฟูเป็นลูกโป่งเลยทีเดียว

ความจริงใจภักดิ์ไม่ค่อยชอบงานสังสรรค์นัก เขาไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบปั้นหน้ายิ้มให้ใครต่อใคร ไม่ชอบใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่น เรื่องร้องเพลงก็แทบไม่เคยร้องต่อหน้าใครยกเว้นพ่อกับแม่ ทินภัทรกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในซอยเดียวกันสองสามคน และคนสุดท้ายคือเพื่อนสนิทอย่างไอ้มิวหรือกฤชนล วันนี้เมื่อมีโอกาสได้ร้องเพลงต่อหน้าคนที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันสักเท่าไร แต่กลับได้รับคำชมจึงถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้ใจภักดิ์ได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อย ๆ คนพิการและหัวไม่ดีอย่างเขาก็พอมีข้อดีอยู่บ้าง

ชายหนุ่มใช้เวลาสนุกสนานกับเพื่อน ๆ เพียงหนึ่งชั่วโมงจึงขอตัวลากลับบ้าน ให้เหตุผลว่าสัญญากับแม่ไว้ว่าจะรีบกลับ ไอ้ทินอาสามาส่งถึงหน้าประตูร้าน มันบ่นกระปอดกระแปด พูดเสียงอู้อี้จับความไม่ค่อยได้เพราะความเมา

“มึงเมามากแล้วนะไอ้ทิน จะกลับบ้านไหวเหรอวะ”

ใจภักดิ์ประคองอีกฝ่ายด้วยแขนข้างหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

“หวาย! หวายสิวะ! ทามมายกูจากาบบ้านม่ายหวาย กูม่ายด้ายเมานะโว้ย!”

สภาพคนไม่เมาตอนนี้แทบจะยืนทรงตัวไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ใจภักดิ์มองคนเป็นเพื่อนด้วยความปลง ส่ายหน้าไปมาพลางผลักมันให้ไปพิงผนังร้านแทนตัวเขา

“เออ! ไม่เมาก็ไม่เมา กูกลับแล้วนะเว้ย ดูแลตัวเองด้วย” พูดทิ้งทายก่อนผละจากมา ตอนปิดประตูไม่วายหันไปมองทินภัทรด้วยเป็นห่วง เห็นมันยังไม่ถึงกับคลานสี่ขาซ้ำยังยิ้มแป้นโบกมือให้เขาก็ถือว่ายังพอครองสติได้ คงกลับบ้านถูกอยู่ละมัง...ใจภักดิ์คิดพลางเดินท่องน่องไปตามถนน ไฟข้างถนนใหญ่ติด ๆ ดับ ๆ เหมือนเช่นทุกคืน บรรยากาศเงียบสลัดในยามดึกทำให้คนที่ต้องเดินตามลำพังรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

ใจภักดิ์ไม่เคยเห็นผี แต่ห้ามตัวเองไม่ให้กลัวไม่ได้ ชายหนุ่มกัดฟันเดินก้มหน้าก้มตา ภาวนาให้ตัวเองกลับถึงบ้านโดยเร็วที่สุด ทว่าขณะเดินผ่านซอยเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับร้านคาราโอเกะกลับมีเสียงอะไรบางอย่างดังแว่วมา เท้าทั้งสองชะงักทันควัน ใจภักดิ์ยืนเงี่ยหูฟังโดยอัตโมนัติ เสียงนั้นดังตึกตักเหมือนเสียงฝีเท้าของคนที่กำลังวิ่ง

บ้าน่ะ! ดึกดื่นป่านนี้แล้วใครกันจะมาวิ่งเล่า!

ใจภักดิ์เกือบคิดว่าตัวเองโดนผีหลอกเข้าเสียแล้ว ถ้าไม่มีคนวิ่งพรวดพราดออกมาจากซอยนั้น

เสียงลมหายใจหอบแรงกับกลิ่นเหม็นหมักหมมของเหงื่อทำให้เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ใช่วิญญาณหรือสิ่งเร้นลับใด ๆ ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกยาวก่อนเป่าปากอย่างโล่งอก

“ชะ...ช่วยผม...ด้วย”

เสียงแหบแห้งดังกระท่อนกระแท่นและแผ่วเบาเสียจนเขาได้ยินไม่ชัดเจนนัก

“อะไรนะครับ” ชายหนุ่มเพิ่งได้สติ มองฝ่าความมืดสำรวจคนตรงหน้าอย่างละเอียด อีกฝ่ายกำลังยืนโก้งโค้ง ท่าทางเหน็ดหน่อยเฉกเช่นคนที่กำลังวิ่งมาหลายร้อยเมตร “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”

เนื่องเพราะไม่มีโคมไฟข้างทาง กอปรกับท่าทางการยืนค้อมตัวก้มหน้าเช่นนั้น ใจภักดิ์จึงไม่สามารถเห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้ สังเกตเห็นเพียงเสื้อผ้าที่สวมเป็นสีดำทั้งตัว ผมเผ้าเท่าที่เห็นยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงแทบดูไม่ได้ สภาพเช่นนี้ทำให้เขาชักใจคอไม่ดี ลางสังหรณ์บอกว่าควรจะหนีไปให้ไกลคนคนนี้โดยเร็วที่สุด

“เดี๋ยวผมโทร.เรียกรถพยาบาลให้นะครับ” แม้จะกลัวแค่ไหน แต่เขาก็ไม่กล้าทิ้งชายคนนั้นไว้เพียงลำพัง “หรือว่า...” น้ำเสียงของใจภักดิ์มีความลังเลอย่างปิดไม่มิด เจ้าตัวอึกอักอยู่อึดใจจึงโพล่งออกไปมา “ให้ผมแจ้งตำรวจไหมครับ”

ใจภักดิ์ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าชายคนนี้ไปเจออะไรมา เป็นคนดีหรือเป็นร้าย แต่สภาพที่เห็นในตอนนี้น่าจะเป็นคนถูกกระทำมามากกว่า ดังนั้นการแจ้งตำรวจก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในความคิดของเขา ใครจะนึกเล่าว่าการพูดประโยคนั้นจะเป็นนำภัยมาสู่ตนเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“ก็ลองแจ้งตำรวจสิไอ้หนู”

เสียงนั้นดังขึ้นในความมืด เรียกให้ใจภักดิ์หันขวับไปมอง

วินาทีแรกเขาไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่ามืดมิด ต่อเมื่ออีกฝ่ายย่ำเท้าลงบนพื้นเฉอะแฉะเข้ามาใกล้มากขึ้น เขาจึงพอมองเห็นเงาร่างสูงใหญ่บึกบึน มันดูดำทะมึนราวกับปีศาจที่โผล่มาจากขุมนรก

ใจภักดิ์ยืนตัวแข็งค้าง กะพริบตาปริบ ๆ มองเงาดำมืดที่ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในทุกขณะด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ

พริบตาเดียว ใครคนนั้นก็ย่างสามขุมเข้ามาประชิดตัว ในระยะไม่ถึงคืบ ใจภักดิ์ถึงกับต้องเงยหน้ามองคนคนนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาสูงถึง 180 ซม. แต่อีกฝ่ายกลับสูงยิ่งกว่า น่าจะใกล้เคียง 190 ซม.เลยละมัง

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อชายลึกลับก้มหน้าลงมา เขาเม้มปากกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติ

“เราเองเหรอ”

คำเอ่ยทักนั้นช่วยให้คนตัวเล็กกว่าระลึกได้...คนนั้นน่ะเอง! คนที่เรียกเขาว่าหมวยและข่มขู่เขาด้วยคำว่า ‘ไม่เอาไว้แน่’

“ดึกดื่นป่านนี้ทำไมไม่นอน”

“อ่า...มาร้องเกะครับ” ใจภักดิ์ตอบเสียงเบา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองไปทางด้านหลังของคนตรงหน้าซึ่งมีชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำสามสี่คนยืนจังก้าเรียงหน้ากระดานอยู่ตรงนั้นด้วยหน้าตาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

“อ้อ” ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับรู้พร้อมกับส่งยิ้มให้เขา...ยิ้มของผู้ชายคนนี้ช่างเสมอต้นเสมอปลายเสียจริง ๆ นอกจากจะไม่ได้ทำให้คนมองสบายใจแล้ว ยังทำให้ขนลุกขนชันไปทั้งตัวอีกด้วย!

“มาคุยกันหน่อยดีไหมหมวย”

เป็นประโยคที่ทำให้ใจของคนฟังร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใจภักดิ์ผงะถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว กำลังอ้าปากบอกว่าต้องรีบกลับบ้านเพราะแม่คอยอยู่ คอของเขาพลันถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกลากเข้าไปในซอยเสียแล้ว

ᯓᡣ𐭩

สถานที่ที่ใจภักดิ์ถูกพาตัวมาเป็นบ้านร้างเก่าโทรมหลังหนึ่ง ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มีโต๊ะหนึ่งตัววางอยู่กลางห้อง มีเก้าอี้สองตัว คนคนนั้นบังคับให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะลากอีกตัวมานั่งข้างกัน หันหน้าไปทางประตู

ชายในชุดสูทลากคนที่ถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเข้ามา ผลักอย่างแรงจนอีกฝ่ายหน้าคะมำอยู่แทบเท้าของผู้เป็นนาย

“มึงคิดว่ามึงจะหนีพ้นเหรอวะ วันนี้มึงหนีไปได้ วันหน้ากูก็ตามเจออยู่ดี”

คนที่เป็นนายใหญ่หยิบหมากฝรั่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง แกะกระดาษที่หุ้มด้านนอกออกแล้วยัดใส่ปาก เคี้ยวหมุบหมับพร้อมกับข่มขู่คนตรงหน้าไปด้วย

“ถ้าวันนี้กูไม่ได้คำตอบ มึงก็เอาชีวิตมึงทิ้งไว้ที่นี่ก็แล้วกัน”

“มะ...ไม่ได้นะครับเฮีย ผมยังตายไม่ได้ ผมยังมีลูกมีเมีย พวกเขาต้องการผม อย่าฆ่าผมเลยนะครับ ผมขอร้อง!”

ฝ่ายนั้นยกมือไหว้ปลก ๆ พร่ำขอร้องน้ำตานองหน้าจนใจภักดิ์นึกสงสาร นึกอยากจะช่วย แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จะไปช่วยคนอื่นคงไม่ไหว จึงได้แต่ช่วยภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในใจ

“งั้นก็ตอบกูมาว่ามึงเอาของของกูไปไว้ที่ไหน เอาไปขายหรือเอาไปให้ใคร” พร้อมกับคำถาม มีดคมกริบเล่มหนึ่งก็ถูกชักออกมา ปลายแหลม ๆ ของมันจ่ออยู่ที่คอหอยของชายผู้น่าสงสาร ใจภักดิ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับหรี่ตาไม่กล้ามอง

บรรยากาศอันกดดันทำให้เขารู้สึกเจ็บจี๊ดที่ขาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งหลังฝนตกเช่นนี้ อุณหภูมิที่ต่ำลงทำให้อาการปวดขาของเขากำเริบขึ้นมาอีก

“ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร แต่มึงต้องแลกชีวิตมึงกับของที่กูเสียไป” ปลายคมมีดกดลึกลงไปในเนื้อจนโลหิตสีแดงฉานไหลซึมออกมา ใจภักดิ์ขบริมฝีปาก เบี่ยงตัวหนี อยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อเพราะรู้ชะตาชีวิตตัวเองดี สภาพของเขาหลังจากนี้คงไม่ต่างจากชายคนนั้นเท่าไรนัก

ซวย!ซวยฉิบหายเลยไอ้เกี๊ยวเอ๊ย!

ใจภักดิ์นึกถึงพ่อกับแม่ พวกท่านคงกำลังรอเขากลับบ้านอยู่จึงความกล้าหาญของตัวเองขึ้นมา ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยมืออันสั่นเทา

“เฮียเล็กครับ!” ชายผู้ถูกมีดจ่อคอตะโกนออกมาด้วยเสียงดังลั่น พลอยทำให้ใจภักดิ์ตกใจจนเกือบทำโทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือ

“เฮียเล็กเป็นคนสั่งให้ผมขโมยของของเฮียครับ”

คำตอบพรั่งพรูออกมาอย่างหมดเปลือก กระนั้นใจภักดิ์กลับยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะรอดชีวิตกลับไปหรือไม่

ตัวเขาเองก็เช่นกัน ‘เฮีย’ ที่เขายังไม่รู้จักชื่อคนนั้นจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ หรือ?! ไม่มีทางซะหรอก! ชายหนุ่มลนลานปลดล็อกโทรศัพท์ ใส่รหัสผิด ๆ ถูก ๆ จึงใช้เวลานานกว่าปกติ พอจะกดเบอร์ฉุกเฉิน คนที่นั่งข้าง ๆ ก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบถามเสียงทุ้ม

“โทร.หาตำรวจเหรอหมวย”

เสียงนุ่มนวลนั้นไม่ได้ทำให้ใจภักดิ์อุ่นใจเลยแม้แต่น้อยแต่กลับทำให้อยากร้องไห้มากกว่า

“เฮียว่าไม่ต้องหรอก เสียเวลาเปล่า ๆ”

ไม่พูดเปล่ายังแกว่งมีดเปื้อนเลือดไปมาตรงหน้าเขาอีก แบบนี้มันขู่กันชัด ๆ!

“กว่าตำรวจจะมา ถ้าเฮียอยากฆ่าเรา เราคงตายไปแล้ว”

ใจภักดิ์กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ แอบแลมองไปยังชายร่างสะบักสะบอมคนนั้นก็พบว่านอนคว่ำแน่นิ่งไปแล้ว ตายหรือยังไม่รู้แน่ชัด ชายหนุ่มตาเหลือก ตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว

“หนาวเหรอ”

‘เฮีย’ ถามโดยไม่รอคำตอบ เพราะจัดการถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองแล้วคลุมลงบนบ่าของเขาอย่างเอื้อเฟื้อ

ใจภักดิ์นั่งตัวแข็งทื่อ เสื้อของ ‘เฮีย’ อุ่นมาก แต่ตัวเขากลับสะท้านหนาวยิ่งกว่าเดิม

“บ้านอยู่ไหนล่ะเฮียไปส่ง”

คนตัวเล็กกว่าลุกพรวดขึ้นมาทันที ก้มศีรษะให้ทีหนึ่ง

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้” พูดรัวเร็วจนลิ้นแทบพันกัน ก่อนจะประกาศด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“ผมไม่แจ้งตำรวจหรอกครับ ผมสัญญา” ทำหน้าจริงจังพร้อมกับยกมือชูสามนิ้วเป็นดั่งคำสาบาน ก่อนจะหันมาสบตา ‘เฮีย’ และย้ำอีกครั้งว่า “ผมสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ใครฟัง จะปิดปากให้สนิทเลยครับ”

ใจภักดิ์ส่งยิ้มจืดเจื่อนให้คนตรงหน้า ก้มศีรษะขอตัวลา จากนั้นก็กลั้นใจเดินจากไป

ขณะกำลังก้าวข้ามธรณีประตู เสียงของ ‘เฮีย’ ก็ดังตามหลังมา

“ขอเบอร์หน่อยสิหมวย”

คนถูกขอเบอร์โทร.ชะงักฝีเท้า เหลียวไปมองคนที่เดินตามมาด้านหลัง ตาเบิกโตเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังควงมีดเปื้อนเลือดในมือเล่นด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจ

ใจภักดิ์ยิ้มแหย พึมพำตอบไปว่า “คงไม่จำเป็นมั้งครับ เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว”

สิ้นคำนั้นก็โกยแน่บแบบไม่คิดชีวิต ไม่คิดเหลียวหลัง และไม่สนใจว่าขาข้างซ้ายของตนเองจะเจ็บปวดเพียงใด ยามนี้ขอเพียงพาตัวเองไปให้พ้นระยะอันตรายเสียก่อน

...วิ่งหน้าตั้งเป็นเช่นไร ใจภักดิ์เพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง

ชายหนุ่มวิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รองเท้าเปื้อนโคลน กางเกงยีนตัวโปรดฉ่ำไปด้วยน้ำ เขาก็ไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาวิ่งจนในที่สุดก็ถึงบ้านอันแสนสุขของตนเอง ขณะยืนหอบอยู่หน้าประตูบ้านนั้น ความอบอุ่นจากเสื้อตัวนอกของ ‘เฮีย’ ก็ทำให้เจ้าตัวถึงกับตบหน้าผากของตัวเองไปทีหนึ่ง

ไอ้โง่เกี๊ยวเอ๊ย!ทำไมมึงไม่คืนเขาไปวะ!

คืนนั้น ใจภักดิ์เข้านอนด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวังว่าเจ้าของเสื้อจะไม่ตามมาเอาคืน เพราะถ้าเจอกันอีกหน เขาเป็นต้องโดนฆ่าปิดปากเป็นแน่แท้!



ᡣ˶ᵔ ᵕ ᵔ˶𐭩 ♡