เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ
แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย
แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน
กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ
และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น
ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา
*** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บทนำ
ดวงตาคู่งามดั่งตากวางของหญิงสาวสะท้อนแสงจันทร์นวลกระจ่าง เบื้องหน้าของเธอคือม่านละอองน้ำสีรุ้งอันเกิดจากสายน้ำตกกระทบโขดประกายสีเงินยวง เป็นที่อาจทำให้หัวใจของผู้ที่ได้เห็นแช่มชื่นเอิบอิ่ม ทว่าหัวใจของเธอกลับมีแต่ความทุกข์ระทม แค่ฟังเสียงน้ำตกกระทบผาก็เศร้าโศกจนอยากหลั่งน้ำตา
เธอกับเขาผูกพันลึกซึ้งครั้งแรกที่นี่ แต่เขากำลังจะเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับผู้ที่เหมาะสมกัน ส่วนเธอก็ได้เป็นเพียงนางบำเรอในคืนอ้างว้าง จะโทษใครได้เล่าถ้าไม่โทษหัวใจอัปลักษณ์ผิดมนุษย์ธรรมดาของตัวเอง
‘จนกว่าจะถึงวันนั้น เราจะแหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ระลึกถึงสายใยที่ผูกพันกันอย่างไม่มีทางตัดขาด แม้จะหมดสิ้นลมหายใจ ดวงจันทร์และดวงดาวจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป’
เธอกล่าวคำพูดเสียงแผ่วคล้ายเห็นตัวอักษรเหล่านั้นเรียงร้อยอยู่บนน่านฟ้า หลับตาแล้วยกสองมือขึ้นแนบประทับหน้าอกสัมผัสจังหวะของลมหายใจ บอกตัวเองว่าพร้อมแล้วที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับแดนดินแสนรัก ขอให้ผาชันแห่งน้ำตกแห่งรับดวงวิญญาณของเธอสู่ห้วงนทีไปพร้อมกับชีวิตบริสุทธิ์ในครรภ์ที่เขาไม่ต้องการ จากนั้นก้าวเท้าเรียวงามล่วงล้ำสู่สายน้ำเย็น
เปรี้ยง!
ทว่าเสียงปืนที่ดังแว่วในป่าแทรกแซงความเงียบสงัดหยุดขาบางให้ชะงักงัน ดวงตาคู่งามหันกลับไปทางฝั่งเห็นดงไม้ใต้เงามืดสั่นไหว จนเมื่อมีลำแสงนวลของดวงจันทร์ฉาดฉายลงมากระทบเงา ปรากฏเป็นร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์เจ้าของดวงตาทมิฬกระแสความเย็นเยือกก็แล่นปราดเข้าสู่หัวใจหญิงได้ดียิ่งกว่าธารน้ำเย็น
‘นะ... นายพนา’ ปากอิ่มสั่นขยับเสียงแหบเอ่ยนามของมหาโจรใจโฉด
เปรี้ยง!
ร่างบางสะดุ้งเฮือกในตอนที่ได้ยินเสียงปืนครั้งที่สองดังใกล้กว่าเดิม ดวงตาคู่นั้นก็กร้าวขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน จึงก้าวเท้าถอยห่างด้วยหัวใจเต้นสั่นรัวราวลูกกวางผจญพญาเสือ
แต่ในทุกก้าวที่เขาขยับขาล่วงสู่ห้วงน้ำ คือในทุกก้าวที่ถอยเท้าห่างออกไป และเมื่อสุดเขตแผ่นดินที่เท้าเหยียบย่ำ ร่างบางก็ถลำลึกไม่อาจสัมผัสพื้นแผ่นดินจนต้องใช้ทั้งมือและขาพุ้ยตีน้ำพยายามประคองตัวให้ลอยคอละล่องเหมือนลูกหมาหาทางรอด
ปากของเธอเริ่มปริ่มน้ำ จมูกก็ค่อย ๆ จมลงตาม หากจะร้องบอกให้เขาช่วยละก็ เขาคงเลือกกดหัวเธอให้ดำดิ่งหมดลมหายใจ ซึ่งมันก็ไม่ต่างกันเลยกับที่เขาแหวกว่ายพาร่างกายใหญ่หนาเข้ามาใกล้แล้วคล้องคอเธอไว้ด้วยลำแขนแกร่งราวกับเหล็ก
‘ถ้าส่งเสียงแค่เพียงนิด ฉันจะจับหัวเธอกดน้ำ’
ช่างประจวบเหมาะจริง ๆ ที่เธอกำลังต้องการฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้อยากถูกใครฆาตกรรม มือบางจึงเกาะเกี่ยวลำแขนใหญ่แน่น ตะลีตะลานให้จมูกอยู่เหนือน้ำ เป็นการแสดงออกถึงความโง่เขลาให้เขารู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น
‘สูดลมหายใจให้ลึกที่สุดปอด’
คำสั่งเสียงเข้มทำให้เธอทำตามอย่างเสียไม่ได้ แล้วที่เขาบอกให้สูดหายใจลึกก็ไม่ได้สื่อความหมายว่าเขาจะพาเธอดำดิ่งลงไปใต้น้ำ แม้จะพยายามตะเกียกตะกายแต่เขากอดเธอให้แน่นราวโซ่ตรวน แล้วพาว่ายทวนกระแสธารามืดมิด กระทั่งลมหายที่กักเก็บไว้ใกล้จะหมดลงจึงได้โผล่พ้นเหนือน้ำเพื่อสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
‘ลุกขึ้นเร็ว’
ด้วยกำลังเหนือกว่าจึงไม่ยากเลยที่จะขืนหญิงสาวให้ยอมจำนนต่อการฉุดลากขึ้นฝั่ง แต่เมื่อเท้าได้เหยียบย่ำบนผืนธรณี ร่างใหญ่ก็ทรุดตัวนั่งหอบหายใจพร้อมกับพาเธอล้มไปด้วยกัน น้ำที่หยดออกจากเสื้อชื้นของเขาปนเลือดสดโชยกลิ่นคาว ใบหน้าเหี้ยมซีดปากสั่น แต่ดวงตายังคงความแข็งกร้าวจับจ้องมองมาอย่างมาดร้าย
เขากำลังบาดเจ็บ แต่เธอไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจ บอกตัวเองแล้วพยายามสะบัดแขนออกจากการเกาะเกี่ยว แต่เขากลับกระชากเธอลงไปนอนแล้วขึ้นคร่อม จากนั้นตรึงข้อมือบางทั้งสองไว้เหนือหัว
‘อย่าทำอะไรฉันเลย แม่ฉันแก่แล้ว ฉันต้องดูแลแม่’ เธอวิงวอนตัวสั่นเทิ้มต่อแววตาของชายที่จ้องมองราวกับเสือจ้องเหยื่อ
‘แต่จากที่เห็นก่อนหน้า ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะลาแม่ตาย’ เขาแสยะยิ้มเยือกเย็น
หญิงสาวเม้มปากสนิทมองแววตาหยันหยามของอีกฝ่าย ในใจก็คิดว่าถ้าเธอกระแทกหมัดเข้าที่บาดแผล ก็อาจล้มเขาได้โดยไม่ต้องออกแรง แต่ก็ทำได้แค่ในความคิดเพราะเขาชักมีดพกปลายคมที่เหน็บเอวออกมาแล้วจ่อเข้าที่คอ
‘เธอเป็นคนในหมู่บ้านชนเผ่า เธอต้องรู้จักหมอไหมแก้ว’ เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าสลับอาหารหอบหายใจ ‘พาหมอไหมแก้วมารักษาฉัน’
‘ทำไมฉันต้องช่วยแกด้วย’ เธอปฏิเสธ แม้เสียงจะไม่แข็งนักแต่ไม่อยากพาความยุ่งยากใจไปให้คุณหมอสาว ทุกกินบนเรือนขี้บนหลังคาของคุณหมออยู่แล้ว
‘ถ้าอย่างนั้น...’ เขาหยุดพูดประหนึ่งอยากสูดลมหายใจลึก ก่อนเอ่ยต่อพร้อมกับกระชากร่างบางขึ้น ง้างมีดเตรียมปักลงบนหน้าอก ‘ก็ตายเสียให้สมใจ แล้วฉันจะตามไปจัดการแม่เธอกับหมอไหมแก้วอีกคน’
‘อย่า ฉันยอมแล้ว!’ หญิงสาวก็จำต้องเปลี่ยนใจ แม่นั้นสำคัญเสมอ หมอไหมแก้วก็เป็นผู้ที่ทุกคนรัก แต่เธอก็ไม่ต้องการให้ทั้งสองต้องเดือดร้อน
‘แกต้องสัญญากับฉันก่อนว่าถ้าฉันช่วยแกแล้ว จะไม่ทำร้ายแม่ฉันกับหมอไหมแก้ว’ จึงเรียกร้องของคำสัญญา
เสียงกัดฟันกรอดนั้นเกิดจากความโกรธเกรี้ยวที่ถูกยื่นข้อเสนอหรือเป็นเพราะบาดแผลที่เริ่มสร้างความร้าวรานมากขึ้นทุกที แต่ข้อเสนอที่หญิงสาวหยิบยื่นให้มันไม่ได้ทำให้ตายในวันนี้ จึงจำต้องเอ่ยคำที่โจรเช่นเขามัธยัสถ์เอาไว้ใช้เวลาจำเป็น
‘ฉันสัญญา’
“ผมสัญญาว่าจะตามล่าหาตัวสมุนนายพนาที่เหลืออยู่จนสิ้นซาก!”
หลังเสียงประกาศกร้าวของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายหลังจากได้เบาะแสสำคัญของคดีดัง มือบางก็กรีดนิ้วลงบนปุ่มรีโมทปิดโทรทัศน์ที่กำลังฉายรายการข่าว แล้วเลื่อนดวงตาลงมองรูปภาพของมหาโจรผู้จบชีวิตของตนด้วยการฆ่าตัวตายหนีความผิดทางอาญาร้ายแรงตามข่าวที่เขียนบนหน้าหนังสือพิมพ์
หลังจากที่การปฏิบัติการพิเศษนำทีมโดยสารวัตรอัชวินนำกำลังบุกทำลายค่ายโจรได้สำเร็จ และปลดปล่อยผู้ที่ถูกลักพาตัวเพื่อนำไปตัดอวัยวะขายให้เป็นอิสระแล้ว หน้าที่สำคัญต่อจากนี้ของเหล่ามือปราบก็คือการกวาดล้างสมุนโจรใจชั่วที่หนีรอดจากการจับกุมคราวนั้น
ถัดจากพาดหัวข่าวลงมาเป็นรูปของนายพนามหาโจรตัวร้าย และที่ข้างกันนั้น ปรากฏภาพถ่ายไม่งามตาของศพหญิงสาวชาวชนเผ่านางหนึ่งที่พบบนเตียงผู้ป่วยในบ้านไม้กลางป่า
เนื้อหาข่าวบอกว่าคุณหมอสาวท่านหนึ่งให้การกับทางตำรวจว่าผู้ตายคืออดีตผู้ช่วยงานวิจัยสมุนไพรที่ถูกนายพนาฉุดตัวไปในอดีต แต่จากการพิสูจน์ทางนิติวิทยา ผู้ตายเสียชีวิตนานแล้วด้วยโรคมะเร็ง ทว่านายพนายังเชื่อมั่นว่าจะรักษาเธอหายได้ได้ด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะ
และนี่เป็นเหตุผลที่นายพนาก่อเหตุสะเทือนขวัญลักพาตัวประชาชนเพศหญิงไปเพื่อส่งอวัยวะให้องค์กรเถื่อนทำการทดลอง
“ไอ้เสี่ยบัดซบนั่นเอาแต่มั่วกามจนเกือบทำงานพัง! ”
เสียงแหบห้าวดังขึ้นหลังจากเปิดประตูห้องเข้าพา แล้วพกพาเสียงดนตรีที่ดังจากลำโพงด้านล่างของผับใหญ่ให้เล็ดลอดดึงดวงตาคู่งามพิสุทธิ์ละจากหน้าข่าวหันไปมอง
“ฉันเบื่อที่จะทำงานร่วมกับมัน อยากเขี่ยมันไปไกล ๆ เสียที” เจ้าของคำพูดบอกเธอแล้วก้าวขาเดินเข้ามาวางมือทั้งสองข้างบนโต๊ะ จ้องมองด้วยดวงตาขุ่นเคือง “เรารอมานานแล้วนะ แล้วฉันก็เริ่มอยากปลดตัวเองจากคำสั่งสุดท้ายของนายแล้ว”
หล่อนรู้ว่าในหน่วยตาเคร่งขมึงคู่นั้นกักเก็บความข้นแค้นไว้นานแค่ไหน และมันคงถึงเวลาแล้วที่ต้องทวงคืนแล้วจริง ๆ
ร่างอรชรในชุดเดรสสีดำลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปหยุดที่หน้าต่างฉาบฟิล์มดำหนาทึบแต่สามารถมองเห็นภาพการเคลื่อนไหวของนักท่องราตรีทั้งหลายรวมไปถึงนางระบำยั่วยวนบนเวทีได้ชัดเจน
“พวกมันอยู่ใกล้มือแล้ว จะรออะไร” เสียงเข่นเขี้ยวยังดังแทรกซึมเข้าสู่ความคิด “อย่าลืมสิว่าที่เราทำมาตลอดก็เพื่ออะไร”
หล่อนหยุดนิ่งหลับตา แล้วผ่อนลมหายใจ ทวนภาพเหตุการณ์มากมายที่ทำให้ความแค้นฝังลึกหลั่งรินท้วมหัวใจ นึกถึงใบหน้าของไอ้คนเลวที่สร้างพรากทั้งชีวิตและความรักให้สูญหายไปจากตัว
“เราจะทำให้มันเจ็บปวดทรมานเหมือนที่มันเคยทำกับคนที่เธอรัก” เสียงพูดแหบห้าวใกล้เข้ามาทุกที
“พวกเขาทรมานอย่างไร มันก็จะได้คืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า” หล่อนเปรยคำพูดออกมาราวกับละเมอ หายใจหอบหนักจนเนินอิ่มขยับขึ้นลง เปลือกตาบางลืมขึ้นฉับพลัน เผยดวงตาที่มีประกายไฟลุกวาว เปล่งเสียงพูดหนักแน่น
“ฉันจะเอาเลือดหัวมันมาล้างความแค้นของฉัน! ”