เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ
แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย
แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน
กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ
และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น
ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา
*** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๒
การมาของเจ้าหนุ่มกะทิง
เปรี้ยง!
เสียงก้องกัมปนาทของสายฟ้าฟาดทำให้หญิงสาวผวาตื่น เธอพรวดพราดลุกขึ้นนั่งหายใจหอบสั่น รีบกวาดมองออกไปนอกมุ้ง ก่อนประจักษ์แจ้งว่าเสียงลั่นสนั่นแผ่นดินนั้นเป็นเพียงความฝันที่แสนเสมือนจริง
มือบางยกขึ้นเช็ดเหงื่อที่ซึมไหลตามไรผม แล้วลดมือลงแนบที่หน้าอกซ้าย หลับตาผ่อนลมหายใจช้า ๆ เพื่อปรับระดับการเต้นของหัวใจที่ถูกกระตุ้นให้เต้นถี่รัวเพราะภาพฝันแสนสะพรึง จนความตื่นกลัวทุเลาลงแล้ว จึงลืมตามองเข็มนาฬิกา แล้วเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องตื่นมาทำกิจวัตรประจำวัน
แต่เพราะไม่อาจหลับตาลงต่อด้วยเกรงว่าจะกลับไปพบกับดวงตาถลนโปนน่ากลัวคู่นั้นในฝัน จึงมุดออกจากมุ้งแล้วจุดตะเกียงให้ห้องนอนสี่เหลี่ยมเล็กของเรือนไม้ยกใต้ถุนสว่างพอ ก่อนจัดเก็บที่หนอนหมอนมุ้งเข้าที่ กางโต๊ะพับขนาดเล็ก แล้วเปิดสมุดเล่มหนากับหยิบจับดินสอเพื่อทำงานที่คั่งค้างต่อ
เธอเติมเต็มหน้ากระดาษเปล่าด้วยรูปวาดพันธุ์สมุนไพรเลียนแบบจากต้นฉบับจริงที่ชาวบ้านเก็บมาขาย และเขียนคำอธิบายสรรพคุณทางการรักษาโรคไว้อย่างละเอียด ตั้งใจใช้สมาธิทั้งหมดกับงานเพื่อดึงตัวเองให้หลุดพ้นจากความทรงจำในอดีต กระทั่งได้ยินเสียงเท้าย่ำขึ้นบันได
“ไหมแก้วเอ๊ย ตื่นแล้วใช่ไหม ข้าเห็นแสงไฟตะเกียงวับ ๆ แวม ๆ อยู่”
ยายก่าพอ เรียกหาเธอจากนอกบานประตู หญิงสาวจึงลุกขึ้นจากโต๊ะเขียนหนังสือเดินไปเลื่อนสลักไม้ประตูต้อนรับหญิงชราชาวชนเผ่าให้ก้าวเท้าเข้ามาในเรือน
“ครั้งต่อไป ฉันจะหาอะไรบังแสงตะเกียงไว้ ยายจะได้ไม่พะวงมาคอยดูฉัน” เจ้าของเรือนสาวว่าพลางเลื่อนสลักปิดประตูตามเดิม
“พูดอย่างกับรำคาญที่ข้ามาคอยดูเอ็งเสียอย่างนั้น” หญิงชราว่าเสียงขุ่น ย่อเข่าลงนั่งขัดสมาธิ วางเชี่ยนหมากบนพื้นกระดาน
“ใครจะไปรำคาญยายกัน ฉันอุ่นใจเสียอีกที่มียายคอยเป็นห่วง” คนอ่อนวัยรีบออดอ้อนเสียงหวาน “แล้วทำไมวันนี้ยายตื่นเช้าจังล่ะจ๊ะ”
“ก็พวกที่พักอยู่เพิงสังกะสีมาเคาะเรียกขอยืมผ้าห่ม เขาบอกว่าฝาผนังของเพิงเริ่มมีรูรั่วแล้ว พอเช้ามืดอากาศเย็น เลยกลัวลูกหลานจะเป็นไข้เอา”
คนฟังถอนหายใจ นึกสภาพของเพิงพักอาศัยที่ชาวบ้านปลูกอยู่กันเองชั่วคราวที่เริ่มชำรุดทรุดโทรมตามเวลาและสภาพอากาศ
“แล้วไอ้เจ้าคนที่จะมาสร้างเรือนใหม่ให้พวกเขานั่นน่ะ ตกลงว่ามันจะมาหรือจริงเปล่าวะ หรือว่ามันจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยที่หมู่บ้านเสียหายเพราะน้องสาวของมัน”
“เราก็ต้องคอยดูกันจ้ะยาย แต่ถ้าเพิงชั่วคราวทรุดโทรมไปมากกว่านี้ ฉันจะเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ในเมือง ขอให้เขาส่งคนมาช่วย”
“ช่วงนี้มันเป็นฤดูเลือกตั้ง จะมีใครมาใส่ใจปัญหาของเรา” หญิงอาวุโสบ่นกะปอดกะแปด แล้วป้อนหมากคำใหม่เข้าปากเคี้ยวหนุบหนับ “ไม่งั้นก็ต้องให้ไปนอนตามเรือนที่ยังพอมีที่ว่าง ช่วย ๆ กันไปก่อน”
ก็เพราะเรือนไม้ที่สมบูรณ์อย่างเรือนของเธอและเรือนผู้ใหญ่บ้านนั้นเหลือไม่กี่เรือน นอกนั้นถูกไฟเผาทำลายในตอนที่นายพนา หัวหน้าโจรป่าส่งลูกน้องชั่วของมันมาลักพาหญิงสาวชาวเมืองที่เดินทางมาพร้อมกับค่ายอาสาของมหาวิทยาลัยหลายเดือนก่อน ซึ่งก็คือน้องสาวของ ‘คน’ ที่ยายก่าพอกำลังกล่าวถึง
ยายก่าพอบ้วนน้ำหมากทิ้งลงกระโถน หันมาพูดเสียงขึงขังราวกับกำลังถกเรื่องปัญหาสังคม “จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากให้คนนอกมาช่วยเหลืออะไรหรอกนะ แต่จะให้รอทางการส่งความช่วยเหลือมาก็ช้าเกินไป ลำพังผู้ใหญ่บ้านของเราคงไม่มีปากไม่มีเสียงไปเร่งรัดกับใครเขา”
ไหมแก้วเห็นด้วยทีเดียวในเรื่องที่ไม่ได้ต้องการให้พวกเขามารับผิดชอบฟื้นฟูหมู่บ้านช้างโดยไม่เรียกเก็บค่าใช่จ่ายใด ๆ ยิ่งคิดถึงแบบแปลนที่เขียนขึ้นโดยไม่ศึกษาพื้นเพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ก็เกิดอาการขุ่นใจขึ้นมาในบัดดล แต่หากคิดถึงความลำบากของชาวบ้านแล้ว ก็ต้องลดอคติที่มีต่อ ‘คน’ คนนั้นที่เป็นถึงผู้ดำรงตำเหน่งรองประธานบริษัทชลธารคอนสตรัคชั่น
เสียงโซ่ตรวนช้างดังแกร๊งกร๊างจากด้านนอก บอกให้เธอรู้ว่าเช้าวันใหม่ของหมู่บ้านช้างได้เริ่มต้นขึ้นอีกวันแล้ว และถึงเวลาที่เรือนคุณหมอแห่งนี้จะต้องเปิดให้การรักษาชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วยแต่ไม่สามารถเดินทางไปหาหมอได้ถึงตัวจังหวัดเช่นกัน
ซึ่งในทันทีเธอเปิดบานประตูเรือน คนไข้หลายคนก็มานั่งต่อแถวรอกันบนขั้นบันไดกันแล้วเหตุเพราะบางคนอยู่ไกล จึงต้องเดินทางมาแต่เช้ามืดเพื่อรับการรักษา
ไหมแก้วเคยเสนอความคิดเรื่องโครงการแปลงเพาะพันธุ์สมุนไพรกินเองกับนายก อ.บ.จ ท่านปัจจุบัน ทว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งเปลี่ยนสมัย โครงการของของเธอจึงถูกชะลอไว้ เพื่อรอให้รู้ว่าใครจะเข้ามารับตำแหน่งนายก อ.บ.จ คนใหม่ ซึ่งคนที่ดูจะมีคะแนนเสียงไล่เลี่ยกันมากับคนปัจจุบันก็คือ เอกรัตน์ อดีตชายคนรักที่เธอยกเลิกความสัมพันธ์ก่อนเข้าพิธีวิวาห์ก่อนไม่กี่วัน
เหตุการณ์ช้ำรักในอดีตทำให้ไหมแก้วคิดได้ว่าอย่าได้คาดหวังกับหัวใจคน เธอจึงทุ่มเทเวลาไปกับงานดูแลรักษาผู้ป่วยและสะสมความรู้เพื่อบันทึกใส่ตำราสมุนไพรพื้นบ้าน ฉะนั้นการที่มีคนไข้มารอตั้งแต่เช้าจรดหัวค่ำจึงเป็นเรื่องน่ายินดี แต่สำหรับยายก่าพอนั้น ไม่ได้ยินดีไปด้วยถ้าต้องเห็นเธอเปิดเรือนรับคนไข้จนดึกจนดื่น
“ทายาหลอดนี้หลังอาบน้ำทุกครั้งนะตา แล้วก็ต่อไปนี้ หลังฉีดยาฆ่าแมลงเสร็จ ตาต้องอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดรู้ไหม ถ้าไม่ทำอาการแบบนี้ก็จะกลับมา พอถึงตอนนั้นฉันคงต้องดุตาแน่นอน”
เสียงเข้มงวดขัดกับใบหน้าหวานของคุณหมอสาวแห่งหมู่บ้านช้างคงพอทำให้ชายชราที่เข้ามาขอรับการรักษาผื่นแพ้จากสารเคมีในยาฆ่าแมลงเข็ดขยาดไปได้บ้าง แต่ไหมแก้วก็มิได้คาดว่าชายชราผู้นี้จะทำตามเธอได้อย่างที่กำชับ เหตุเพราะชาวบ้านถิ่นนี้ยังไม่รู้จักการดูแลรักษาอนามัยของตัวเองเท่าที่ควร
“ปิดเรือนพักผ่อนได้แล้วมั้งวะไหมแก้ว นี่มันก็ใกล้อาทิตย์ตกดินแล้ว” ยายก่าพอร้องบอกพลางจัดเก็บตะกร้าหมากจนเรียบร้อย
“ฉันว่าจะออกไปเก็บสมุนไพรในป่าสักหน่อย อยากได้เถาย่านางสักมัดสองมัด” ไหมแก้วบอกกับยาก่าพอแบบนั้น แต่ความจริงแล้ว เถาหญ้านางยังมีพอให้เธอต้มน้ำไปได้อีกหลายแกลอน ทว่าการหยิบยกเรื่องเก็บสมุนไพรจะช่วยให้เธอเข้าไปในเขตป่าชายหมู่บ้านเซ็งดูได้โดยไม่ต้องหาเหตุผลอื่นมากล่าวอ้าง
“ใกล้มืดใกล้ค่ำก็อย่าออกไปไหนไกลนักเลย พักนี้มันมีไอ้พวกนักเลงเพ่นพ่านเยอะ ถึงพวกมันจะรู้จักเอ็ง ก็อย่าไว้ใจเชียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันจะไม่คุ้มเสีย”
“ฉันจะระวังจ้ะ” พูดแล้วก็รีบก้าวขาออกจากเรือน ลงบันไดไปสตาร์ทเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์คู่ชีพ
คำว่า ‘จะระวัง’ ของเธอทำให้ยายก่อพอส่ายหน้า ก็ถ้าเป็นเรื่องของคนป่วยล่ะก็ คุณหมอไหมแก้วคนนี้จะเข้มงวดนัก แต่ลงเรื่องของตัวเองล่ะ มักไม่คิดอะไรมากมายสักเท่าไหร่
แต่เธอก็ต้องระวังตัวตามคำเตือนด้วยเช่นกัน เพราะในดินแดนตะวันตกนั้นเป็นถิ่นที่ผู้ร้ายชุกชุมเป็นทุนเดิม และดูเหมือนจะหนักขึ้นหลังจากหมดอำนาจของนายพนา ที่ฝากผลงานความเลวร้ายให้ผู้คนสาปแช่งไม่เว้นวัน อย่างเช่นชาวบ้านหมู่บ้านช้างที่เดือดร้อนเพราะเรือนพักอาศัยถูกไฟเผาวอดวายเพียงแค่นายพนาต้องการชีวิตของธิดาคนเดียว
ดังนั้น ‘ชลธารคอนสตรักชั่น’ จึงต้องการบรรเทากรรมที่ชาวบ้านกล่าวว่ามีต้นเหตุจากธิดา นายรองประธานคนนั้นจึงได้เริ่มทำความรู้จักเธอด้วยการส่งแปลนเรือนมาให้เธอพิจารณาก่อนดำเนินการ
แต่พอเธอดูแปลนแล้วก็ต้องรีบโทรศัพท์สายด่วนไปฝากข้อความให้เลขานุการของรองประธานว่าขอให้เขาเปลี่ยนแปลงแก้ไข แต่คำตอบที่ได้นั้นเป็นแค่คำพูดง่าย ๆ ว่าจะพิจารณา ซึ่งเธอก็ประกาศชัดแล้วว่าขอยืนกระต่ายขาเดียวจนกว่าเขาจะทำตามความต้องการของเธอก่อนหน้ามรสุมมาเยือน
ไหมแก้วคิดเรื่องในหัวพลางขับเจ้าแก่เข้าเขตหมู่บ้านชนเผ่า แวะเด็ดช่อดอกราตรีสองสามช่อจากเรือนไม้ร้างหลังที่ปลูกอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน จากนั้นขับตาไปจนถึงลานดินกว้างกลางป่าอันเป็นที่ตั้งอนุสรณ์สถานที่มีร่างไร้วิญญาณของหญิงชนเผ่าสองคนหลับไหลใต้ผืนปฐพี
ไหมแก้วแบ่งช่อดอกราตรีออกเป็นสองช่อ ช่อหนึ่งวางใกล้ป้ายไม้สลักชื่อว่า นางลาโพ ทะหมุคู ส่วนอีกช่อวางใกล้กับป้ายสลักชื่อว่า ดวงแข ทะหมุคู จากนั้นก็นั่งคุกเข่าประนมมือไหว้ก่อนลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าป่าเก็บใบย่านางกลับไปเป็นหลักฐานให้ยายก่อพอดู
โครม!!!
แต่ในขณะที่ก้าวเดินไปตามทางมืดสลัวของป่ายามค่ำ เธอก็ต้องหยุดขาชะงักเพราะมีเสียงโครมครามดังสนั่นจนเหล่านกป่าตกใจกระพือปีกออกจากที่ซ่อนตัว
ซวบ!!!
แล้วหัวใจของคุณหมอสาวก็แทบกระโจนออกจากอกเมื่อมีบางอย่างโผล่พรวดออกจากพุ่มไม้
อี๊ด อี๊ด อี๊ด!
แต่ด้วยรูปร่างและเสียงร้องของมันทำให้มั่นใจว่าน่าจะเป็นลูกหมูป่า แต่พวกมันวิ่งหนีอะไรกันมา ทำให้ไหมแก้วนึกหวั่นใจ
แกรก แกรก แกรก!
เธอละความสนใจจากสัตว์ตัวน้อยกลับไปมองทางต้นเสียงประหลาด คิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากัน จับจ้องไปยังพงต้นไม้เบื้องหน้า
ตึก ตึก ตึก เคร้ง!
มือบางเคลื่อนย้ายล้วงหามีดพก เตรียมพร้อมหากต้องใช้ในยามคับขัน เพราะฟังเสียงคล้ายโลหะกระทบกับผืนดินนั้นแล้วไม่น่าเกิดจากสัตว์ขนาดเล็ก เธอยกมีดหันไปทางทิศของเสียง แล้วตั้งสติให้นิ่ง เฝ้ามองสิ่งที่กำลังเผยตัวออกมา
ฟึ่บ!!!
ฉับพลันนั้น ร่างสูงใหญ่ของชายในชุดหนังสีดำก็ปรากฏกายออกจากพุ่มไม้หนา ทั่วทั้งใบหน้าและตามเนื้อตามตัวเต็มไปด้วยดินโคลน ผมเผ้าสีดำสนิทยุ่งเหยิง มีรอยเลือดซึมออกจากแผลถลอกที่หน้าขมับ ดวงตาของเขาเลื่อนลอย หายใจหอบจนหน้าอกกระเพื่อมชัดเจน
เพราะไม่แน่ใจว่าในจุดประสงค์ของอีกฝ่าย แขนบางจึงกระตุกมีดขึ้นในระดับเดิมอีกครั้งเมื่อเขาผู้นั้นก้าวขาเข้ามา ทว่าดวงตาคมคู่นั้นอ่อนแสงแล้วทิ้งตัวล้มลงหน้าคว่ำไปต่อหน้าต่อตา
“คุณ... คุณคะ! ”
ไหมแก้วรีบรุดเข้าไปพลิกร่างใหญ่ให้หงายแล้วตบแก้มเบาเรียกสติของชายหนุ่มแปลกหน้าตามจรรยาบรรณของแพทย์ แต่เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเพียงเสียงครางแสนเบา
เธอจึงปัดเส้นผมให้พ้นกรอบหน้า สำรวจอาการบาดเจ็บก็เห็นรอยฟกช้ำกับแผลสดที่มีเลือดซึมเพียงเล็กน้อย จึงรีบไปหยิบไฟฉายแล้วส่องหาอาการบาดเจ็บอื่นตามร่างกาย จนเจอต้นเหตุที่ทำให้คนตัวใหญ่ล้มทั้งยืน
เขาเหยียบแร้วดักสัตว์!
เลือดสีแดงสดไหลอาบจากคมเขี้ยวของเครื่องทรมานชีวิตที่ฝังลึกลงตรงข้อเท้า เสียงครางต่ำของผู้บาดเจ็บบอกให้เธอรู้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน ใบหน้าซีดเผือดของเขาก็ทำให้ไหมแก้ววิตกกังวล คุณหมอสาวจึงยกแขนของชายหนุ่มขึ้นพาดกับบ่าตัวเอง แล้วพยายามพยุงร่างใหญ่ของเขาลุกขึ้น แต่ก็ไม่อาจต้านทานน้ำหนักตัวของเขาได้ จึงทำให้ทั้งเธอและเขาล้มลงครืนไปพร้อมกัน
ไหมแก้วดันร่างหมดสติของคนตัวใหญ่ที่ทาบทับบนตัวขึ้น แล้วให้เขาเอนพึงกับตัวเองก่อนเพื่อตั้งหลักคิดหาหนทางใหม่ นึกได้ว่าที่จากจุดนี้ห่างจากน้ำตกที่ควาญช้างพาช้างไปอาบน้ำไม่ไกล
แต่ในยามฟ้าพลบค่ำแบบนี้ ขอให้ยังเหลือควาญช้างอยู่สักคนช่วยหามเขากลับหมู่บ้าน แล้วคำขอของเธออาจถึงหูเจ้าป่าเจ้าเขา เพราะที่ตรงปลายสายตานั้น มีแสงตะเกียงอีกดวงลอยเด่นในความมืด
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
เธอจึงรีบตะโกนออกไป แล้วเฝ้ารอจนเปลวไฟตะเกียงส่องสว่างเห็นใบหน้าของควาญช้างกับลูกช้างตัวอ้วนกลมเยื้องย่างเข้ามา แล้วความวิตกทั้งหมดก็หายไปสิ้น ไหมแก้วเป่าด้วยความโล่งใจ เอ่ยบอกกับชายหนุ่มที่หมดสติไปแล้วด้วยความยินดี
“ดูเหมือนเจ้าป่าเจ้าเขาไม่อยากให้คุณเป็นอะไรไป”
“นอกจากผู้เสียชีวิตรายนั้นแล้ว ก็ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บคนอื่นครับสารวัตร”
อัชวินนิ่วหน้าฟังรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาถึงเรื่องเหตุปั่นป่วนที่เกิดในงานแสดงซุปเปอร์ไบค์ จนส่งผลให้ภารกิจของเขาไม่สัมฤทธิ์ผล แต่ที่ไม่มีผู้บาดเจ็บมากไปกว่านี้ ก็ต้องมอบความดีความชอบให้ระพีพัฒน์ที่รายงานข่าวได้ทันท่วงที
“ผู้ตายคือป๋อง บุตรชายของหนึ่งในสมุนโจรที่เสียชีวิตตอนบุกค่ายโจร และเราพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งในศพนายป๋อง ซึ่งก็สอดคล้องกับแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลว่านายป๋องพัวพันการค้ายา” ผู้ใต้บังคับบัญชายังคงรายงานต่อไป “แต่พอนายป๋องตาย ก็เท่ากับเราเสียเส้นทางนำจับสมุนโจรที่เหลือ”
สารวัตรใหญ่พ่นลมหายใจก่อนหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง “ยังเหลือเพลงพิณกับแม่โคโยตี้นั่นอีกคน”
“จากข้อมูลที่สายเราได้มา ประวัติเพลงพิณใสสะอาด นอกจากการวิวาทกันตามประสาวัยรุ่น ก็ไม่เคยถูกจับข้อหาอะไรครับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
“ถ้าสืบจากเพลงพิณไม่ได้ ก็สืบจากแม่เอื้อยนั่น” สารวัตรอัชวินยังไม่ถอดใจ “แต่ดูเหมือรว่าเราต้องเปลี่ยนแผน” อัชวินเอ่ยกับลูกน้องหลังจากครุ่นคิดในหัว
รูปถ่ายใบหนึ่งถูกหยิบออกจากซองเอกสารลับ ผู้ถูกถ่ายนั้นเป็นหญิงสาวรุ่นรูปร่างดีใบหน้าสะสวยเพราะการแต่งแต้มสีสัน บนร่างของเธอมีแขนอวบอูมของเสี่ยเกียงโอบล้อมข้ามบ่า ดูอย่างไรก็คล้ายกับชายแก่ตัณหากลับที่คิดหาความสุขทางกามารมณ์กับเมียเด็ก
“เราจะให้แม่เอื้อยนี่มาเป็นสายให้เรา” สารวัตรว่าพลางเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้ตัวใหญ่
“หล่อนบุตรสาวนายอำพันนะครับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาจ้องมองรูปถ่ายหญิงสาวก่อนเงยหน้ามองรอยยิ้มของสารวัตรคนเก่ง “เป็นลูกโจร แถมยังทำงานอย่างนั้น จะยอมให้ความร่วมมือกับเราหรือ”
อัชวินแย้มยิ้ม ใช้สองมือประสานกันที่ปลายจมูก “เราจะไม่เข้าหาหล่อน แต่จะให้คนอื่นเข้าหาแทน”
“สารวัตรหมายถึง...”
“ระพีพัฒน์” คำตอบนั้นมาจากความมั่นใจล้นเหลือ
อยู่ ๆ ตาขวาก็ขยิบยิบ ๆ หากจะเชื่อคำกล่าวโบร่ำโบราณว่าขวาร้ายซ้ายดีก็เดี๋ยวจะหาว่าคนรุ่นใหม่อย่างเขางมงายอะไรไม่เข้าเรื่อง ยิ่งหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านายหนุ่มคือการวางแผนการลงทุน ฉะนั้นถ้าพูดว่าตาขวาขยิบแบบนี้เห็นทีหุ้นของบริษัทที่เจ้านายของเขากำลังตัดสินใจซื้อคงไปไม่รอด อาจทำให้เขาถูกตำหนิจนลิดรอนตำเหน่งผู้ช่วยฝึกหัด
“กลาง เป็นอะไร ทำไมเงียบไป”
“เอ่อ... คือ... ผมกำลังคิดว่าตอนนี้ ธุรกิจค้าปลีกน่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่ต้องรอดูนโยบายสนับสนับการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในปีนี้ว่าจะอัดงบประมาณเท่าไหร่”
“ถ้าอย่างนั้น เราควรชะลอการซื้อหุ้นตัวนี้ใช่ไหม” เจ้านายหนุ่มถามหาคำตอบสุดท้าย
“ใช่ครับ”
“ตกลงตามนั้น”
เมื่อได้ฟังคำตอบชัดเจน ปราณนารายณ์จึงหมุนเก้าอี้หันไปทางเลขานุการคนเก่งเพื่อบอกให้หล่อนส่งคำตัดสินต่อไปยังฝ่ายวางแผนการลงทุนที่ได้ขึ้นว่าแกร่งที่สุดในประเทศ ระพีพัฒน์ก็เป่าปากด้วยความโล่งใจที่หาเหตุผลหน่วงการตัดสินใจได้
“เย็นนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับธิดา จะไปด้วยกันไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ นาน ๆ พี่จะได้มีเวลากับธิดาสองต่อสอง ผมไม่กล้าไปนั่งเป็นก้างหรอก”
“ไม่ได้ไปกันแค่สองคน ตฤณก็ไปด้วย มันเป็นร้านเบียร์เยอรมันที่ธิดาเขาอยากไปดูการตกแต่งของร้าน ไปกันหลายคนนั่นแหละดี ไม่งั้นก้องปฐพีมันจะหาว่าฉันพาน้องสาวของมันไปมอมเหล้าเมายา ไปเถอะ ฉันเลี้ยงอยู่แล้ว”
“เอางั้นก็ได้ฮะ เรื่องกินฟรี ไม่มีเกี่ยง”
ระพีพัฒน์ยิ้มกว้างแล้วค้อมศีรษะขอตัว แต่ยังดีใจไม่ทันได้ถึงนาทีเรื่องจะมีคนเลี้ยงเบียร์คืนนี้ เสียงสายเรียกที่ดังจากสมาร์ทโฟนก็ทำให้เขาย่นคิ้ว ถอนหายใจเหนื่อยอ่อนหนึ่งทีก่อนกดปุ่มรับสายที่ไม่เคยคิดอยากได้ยินเสียง
“คิดถึงกันมั้ย” เป็นคำทักทายแรกของปลายสายที่ดังเข้าหู
“ไม่เลย” ชายหนุ่มจึงเอ่ยบอกเสียงละเหี่ย
“อะไรกัน นี่ข้าคิดถึงเอ็งนะถึงได้โทรมาหา” ปลายสายเอ่ยน้ำเสียงหยอกให้ดูน่าฟัง
ระพีพัฒน์กระตุกยิ้มที่มุมปาก “จะหลอกใช้งานผมหรือเปล่าครับสารวัตร”
“ข้ามั่นใจว่างานนี้เอ็งต้องชอบ ข้าจะส่งเนื้อหางานไปทางโทรศัพท์ ถ้าเองรับก็ติดต่อกลับมาหาข้าอีกที” ปลายสายหัวเราะครื้น แล้วตัดสายทันที
“ก็หวังอย่างนั้น”
ระพีพัฒน์เปรยด้วยความหงุดหงิด แต่ไม่ทันถึงนาทีดี เนื้อหางานก็เด้งเข้าสู่เครื่องรับโทรศัพท์ ปรากฏเป็นภาพหญิงสาวดวงตาหม่นเศร้า
“เธอชื่อเอื้อยนี่เอง” ปากหยักคลี่ยิ้ม เปรยชื่อของหญิงสาวในรูปถ่าย แล้วกดหมายเลขของสารวัตรใหญ่ทันที
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ปลายทางดังนานเกินไปจนทำให้ผู้ถือสายรอเกิดความสงสัย หญิงสาวเจ้าของดวงตากลมสีนิลสวยจึงกดปุ่มตัดสายแล้วกดหมายเลขเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ขอตรวจสอบตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอให้แน่ใจว่าไม่ผิด หากแต่เมื่อแนบหูฟังสัญญาณโทรศัพท์นานสอนนาน ปลายทางก็ยังคงปล่อยให้ฟังเสียงสัญญาณนานเช่นเดิม
“ธิดาครับ ถ้าพี่นับไม่ผิด นั่นก็รอบที่สิบแล้วนะครับ”
เจ้าของชื่อเงยหน้าจากโทรศัพท์มองชายคนรักที่ส่งยิ้มละมุนมาให้ “ขอรอบที่สิบเอ็ดอีกสักรอบนะคะพี่ปราณ ถ้าครั้งนี้ติดต่อพี่ก้องไม่ได้จริง ๆ ธิดาคงต้องขอไปหาพี่ก้องที่หมู่บ้านช้าง”
แต่รอบที่สิบเอ็ดของเธอก็ให้ผลเหมือนเดิม จึงเป็นเหตุให้ธิดาถอนหายใจเสียงยาว เหตุเพราะว่าพี่ชายของเธอไม่เคยไม่รับสายน้องสาว แม้กระทั่งระหว่างการประชุม สายเรียกเข้าของเธอก็สำคัญเสมอ ฉะนั้นการที่เธอพยายามติดต่อเขาเป็นรอบที่สิบเอ็ดแล้วยังไม่รับ ก็ทำให้เกิดความกังวลใจเป็นธรรมดา
“ทานอาหารก่อนเถอะครับ ของโปรดธิดาไม่ใช่หรือ เดี๋ยวมันจะเย็นเสียก่อนนะ”
รอยยิ้มอ่อนโยนของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกผิด แล้วคิดได้ว่าในตอนนี้ เธอควรสนใจเขามากว่าตามหาตัวพี่ชายที่ขาดการติดต่อไปแค่คืนเดียว ธิดาจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ส่งยิ้มให้แล้วหยิบช้อนส้อมขึ้นเตรียมพร้อมที่จะชิมรสชาติของเมนูโปรด
“ชักอยากเปลี่ยนใจไม่มานั่งเป็นก้างแล้วสิ”
เสียงของใครบางคนดังแทรกการประสานสายตาหวานของทั้งคู่ และเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากตฤณ ผู้ที่ชื่นชอบการเย้าแหย่คู่รัก
“นั่งเถอะ ขอร้อง” ผู้พูดคือปราณนารายณ์ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชาย
“ทำไมครับพี่ กลัวเมาเบียร์แล้วจะลากธิดาเข้าถ้ำ เลยต้องหาคนมาห้ามใช่ไหม เอ... หรือว่าอยากได้คนยุมากกว่า”
คนถูกแซวไม่ตอบโต้ แต่ไสเบียร์แก้วใหญ่ไปให้ เผื่อว่ามีอะไรเข้าปากแล้วจะได้ช่วยหยุดวาจาไว้ได้สักสองสามนาที
“แล้วกลางล่ะ ไม่ได้มาพร้อมกันกับเธอหรือ” หญิงสาวคนเดียวของโต๊ะชวนสนทนาบ้างเมื่อเห็นว่าตฤณฉายเดี่ยวผิดวิสัยของคู่หูคู่ซี้
“มันเบี้ยว เห็นว่ามีงานเข้า” คนตอบหย่อนตัวนั่ง มีสีหน้าขุ่นมัวขึ้นทันทีเมื่อถูกถามถึงเพื่อนสนิท
“ถูกสารวัตรเรียกใช้งานอีกแล้วหรือ” ปราณนารายณ์ถามต่อ
“น่าจะใช่ แต่ดูท่าทางกระตือรือร้นผิดปกติ ทั้งที่รู้ว่ามีนัดกับพี่ปราณ” ตฤณระบายความโกรธแล้วเรียกบริกรของร้านให้มาเสิร์ฟเบียร์อีกแก้วใหญ่ จากนั้นยกกระดกจนชุ่มคอ แล้วค่อยเอ่ยต่อ “เห็นว่าต้องไปติดต่อผู้หญิงคนที่เกี่ยวข้องกับเพลงพิณ”
พอได้ยินชื่อเพลงพิณ ธิดาก็ถอนหายใจ “ถ้าไม่เกิดเรื่องยิงกันตาย ธิดาคงได้เจอแล้วก็คุยกับเพลงพิณเรื่องทุนเร็วกว่านี้”
ปราณนารายณ์หันไปยิ้มปลอบใจ “ธิดาจะได้พบเขาเร็ว ๆ นี้แน่นอน พี่คิดตอนนี้เด็กคนนั้นคงกำลังยุ่งกับการถูกสารวัตรสอบสวน”
“อย่างน้อย เขาก็น่าจะตอบกลับจดหมายว่ายินดีรับทุนการศึกษาของชลธารคอนสตรักชันหรือเปล่า” แต่หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยว
“เอาน่ายายธิดา จะช้าหรือเร็วเธอก็ได้ตอบแทนคุณนายกำธรแน่นอน แต่ตอนนี้กินกันเถอะ ฉันหิวจนจะกินทุกอย่างในร้านได้แล้ว”
ตฤณขยี้หัวเพื่อนสาวต้องการแหย่ให้หายเศร้า พอดีกับที่สปาเก็ตตี้จานใหม่ถูกวางตรงหน้า ส่งกลิ่นหอมฉุยเรียกน้ำย่อย ธิดาจึงคลี่ยิ้มยกแก้วเบียร์ของเธอขึ้นเพื่อชนกับชายหนุ่มทั้งสอง เป็นการฉลองเล็ก ๆ หลังผ่านความเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
แต่แม้นว่าธิดาพูดคุยกับทั้งสองอย่างสนุกสนาน แต่ในใจเธอนั้นยังพะวงห่วงถึงพี่ชายคนเดียวในชีวิต ป่านนี้แล้ว ทำไมเขายังไม่ติดต่อกลับมา