เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ
แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย
แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน
กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ
และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น
ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา
*** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๖
อดีตบาป
“พวกมึงมันไม่ได้เรื่อง!”
น้ำเสียงโกรธเคืองของนายทรงชัยแผดลั่นออกจากห้องพักฟื้นลูกชายคนรองแม้โรงพยาบาลจะเป็นเขตห้ามใช้เสียง ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติที่ทุกคนต้องรู้และปฏิบัติตาม แต่ข้อห้ามพวกนั้นใช้ไม่ได้กับนักเลงใหญ่ที่ถือตนว่ามีสิทธิ์เหนือผู้อื่น
“แต่เราตามหามันจนทั่วแล้วนะครับนาย ไม่รู้ว่ามันหายตัวไปได้ยังไง ถามชาวบ้านตามรูปร่างหน้าตาที่คุณโทบอก ก็มีแต่คนตอบว่าไม่เคยเห็น” หน
นักเลงใหญ่ฟังแล้วหงุดหงิดใจนัก หันไปทางลูกชายที่กำลังถ่ายรูปตัวเองชูสองนิ้วให้โทรศัพท์ ไม่พอมันยังทำปากจู๋ สลับกับทำแก้มป่องจนคนเป็นพ่อขนลุก ขาหักที่ห้อยสองข้างไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสังคมออนไลน์แม้แต่น้อย
“ไอ้โท แกแน่ใจนะว่ารูปร่างหน้าตาที่แกบอกไม่ผิดแน่!”
“ไม่ผิดพ่อ” ทวีรัตน์ตอบพ่อด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะการทำหน้าแบ๊วใส่กล้องหน้าของโทรศัพท์มือถือราคาแพง
“แกลองอธิบายหน้าตาของมันให้ฟังอีกทีสิ”
“ตัวสูง” เด็กหนุ่มขาหักรักการแชร์พยายามทวนความทรงจำ
“สูงมากไหม”
“ไม่สูงหรอกพ่อ ผมสูงกว่าเยอะ” ทวีรัตน์พูดเสียงสูง
“เฮ้ย พวกมึงจดรายละเอียดอีกครั้ง แล้วไปตระเวนดูทุกหมู่บ้าน” ทรงชัยสั่งลูกน้องทันควันแล้วหันหน้ามาใช้สายตาคาดคะเนความสูงของไอ้หนุ่มปริศนาจากตัวลูกชาย “สูงประมาณ... ร้อยห้าสิบ... ห้า”
“โคตรเตี้ย” ลูกน้องจดไปรำพึงไป
“แล้วหน้าตามันล่ะ” ทรงชัยถามลูกชายต่อ
“เหลาเหย่” ทวีรัตน์ตอบอย่างไม่สนใจ เพราะกำลังดูว่ามีใครตอบสนองต่อรูปถ่ายที่ตัวเองเพิ่งปล่อยสู่โลกออนไลน์บ้าง
“เหลาเหย่” มือจับปากกาจดตามยุกยิก
“เอ๊ะ แต่ผมได้ยินคนที่เห็นเหตุการณ์เขาบอกว่าเจ้านั่นมันตัวสูงเหมือนฝรั่ง แล้วก็หล่ออย่างกับพระเอกหนัง” ลูกน้องนายทรงชัยพูดแย้งข้อมูลหลังจากจดคำว่าเหลาเหย่
“หล่อเหล่ออะไรกัน สู้ฉันไม่ได้ซักนิด” ทวีรัตน์ท้วงติง
“ถ้างั้นเอ็งบอกมาว่า ตา หู จมูก ปาก สีผิวมันเป็นยังไง” นายทรงชัยเริ่มแสดงความหงุดหงิดทางน้ำเสียง
“โธ่ บอกไม่ถูกหรอกพ่อ ถ้าฉันมีเวลาจ้องมันขนาดนั้น คงโดนต่อยร่วงไปแล้ว”
“แกก็นอนร่วงเป็นใบไม้แห้งอยู่นี่ไง!”
ผู้เป็นบิดาแสนเดือดดาล ยกมือปาดตั้งแต่หน้าผากจนปลายคาง ที่แห่งนี้เป็นถิ่นของเขา แต่ไอ้หนุ่มต่างถิ่นมันเหยียบเข้ามาแล้วทำให้ศักดิ์ศรีเจ้าถิ่นอย่างเขาโดนลบหลู่ด้วยข่าวของทวีรัตน์สู้แพ้ราบคาบอย่างกับลูกหมาสู้กับสิงห์
“พวกมึงออกไปตามหมู่บ้าน หาคนแปลกถิ่นทุกหมู่บ้าน ไม่ว่ามันจะสูงต่ำดำขาว ตามหามันให้เจอ!”
“จะทำอะไรกันก็อย่าให้เรื่องถึงฉันนะพ่อ” เอกรัตน์ที่เพิ่งเข้ามาทันฟังเรื่องราวเอ่ยคำเตือน มองทุกคนในห้องนี้ด้วยสายตาไม่พอใจไล่ตั้งแต่ลูกสมุนของบิดารายคน จนมาถึงน้องชายคนรองที่ทำเป็นเมินใส่พี่ชาย
“ครั้งนี้ฉันตั้งใจมากกว่าครั้งไหน อย่าทำอะไรให้ฉันต้องเดือดร้อนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” แล้วย้ำด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“ฉันก็เห็นพี่ตั้งใจทุกครั้ง แต่ครั้งที่แล้วพี่เองไม่ใช่หรือที่ประกาศถอนตัว” ทวีรัตน์สะบัดมองแต่เมื่อสบกับดวงตาที่แข็งกร้าวกว่าจึงทำได้แต่กัดกรามหลุบตาลงต่ำ
“ฉันจะทำอะไรมันไม่เกี่ยวกับแก แล้วที่ฉันประกาศถอนตัวเองจากผู้สมัครทั้งที่คะแนนนิยมนำมาตลอดก็ไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้แกนอนขาเป๋แบบนี้”
คนที่ถูกค่อนขอดเกิดความความอัดอัดคับข้องในอก และยามถูกมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยการดูแคลนย่ำยีของเอกรัตน์ ก็ยิ่งผูกใจเจ็บอยากให้ผู้พี่พบความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดไป
“แล้วแกมั่นใจแค่ไหนว่าครั้งนี้จะชนะเลือกตั้ง” ส่วนผู้เป็นพ่อเอ่ยปาก หรี่ตามองอย่างใครรู้
“ตอนนี้คู่แข่งที่พอจะสูสีก็มีท่านนายกฯ คนเก่า...” แววตาของชายหนุ่มลดทอนความมั่นใจลง “แต่ถ้าไหมแก้วมาช่วยเป็นแรงเสียงพูดสนับสนุนฉัน พวกชาวบ้านก็คงจะให้ความไว้ใจฉันมากขึ้น”
“ถ้าหมอคิดจะช่วยแก เขาก็คงช่วยแกตั้งแต่สมัยที่แล้ว”
คำพูดของนายทรงชัยจี้ใจดำชายหนุ่มได้ตรงจุดและรุนแรง บิดาของเขาไม่ได้กล่าวตามความรู้สึก แต่เป็นเรื่องจริงที่ทำให้เขาผิดหวังมากที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไหมแก้ว
ทั้งที่เธอรู้ว่านโยบายที่เขาใช้หาเสียงทุกหัวข้อนั้นเป็นสิ่งที่เธอใฝ่ฝันอยากให้เกิดกับแดนดินถิ่นนี้ทั้งสิ้น การปฏิเสธช่วยเหลือเขานั้นจึงทำให้เอกรัตน์คิดได้อย่างเดียวว่าเป็นเพราะเธอไม่ให้อภัยความผิดที่เขาทำไว้ในอดีต
เสียงถอนหายใจและแววตากังวลที่ฉายชัดของเอกรัตน์ทำให้นายทรงชัยนึกยิ้มเยาะในใจ แม้อยากตัดความหวังของลูกชายเรื่องคนรัก แต่ก็ไม่อยากให้เอกรัตน์พ่ายแพ้การเลือกตั้ง
“ถ้าให้ฉันช่วยแกแต่แรก ป่านนี้แกก็ได้นั่งเก้าอี้ตัวนั้นแล้ว”
เอกรัตน์ชำเลืองตามอง ถึงไม่มีคำพูดอะไรออกมา แต่สายตาคู่นั้นทำให้คนที่ผ่านชีวิตมานานอย่างนายทรงชัยรู้ดีจิตใจของเอกรัตน์ตอนนี้เริ่มสั่นคลอน
“ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงวันลงคะแนนเสียง” นายทรงชัยพูดเสียงเย็น “แกจะรักอุดมการณ์ก็รักไป แต่อย่าปฏิเสธว่าการทำให้อุดมการณ์เป็นจริงมันก็ต้องตัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคไปบ้าง”
ถึงแม้ทางเลือกของเอกรัตน์จะแตกต่างไปจากผู้เป็นพ่อ แต่เขาก็หนีความจริงที่อยู่ในใจไม่ได้ว่าเขาก็เป็นปุถุชนที่มีรัก โลภ โกรธ หลง ปะปนอยู่ในจิตใจ หาใช่ผู้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงไม่ คำพูดของบิดาแฝงความหมายชัดเจนและเขาก็เข้าใจดีว่าอุปสรรคที่หนักอึ้งของเขานั้นคืออะไร
“ขึ้นอยู่กับแกนะเอกรัตน์ มีคนที่พร้อมสนับสนุนแกอยู่ทุกทาง”
“ฉันจะฟังไว้” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ แล้วหมุนตัวเพื่อเดินออกจากห้องก่อนที่เกราะแข็งของเขาจะสึกกร่อนำปมากกว่านี้
“คนที่แกต้องฟังไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเจ้าของเงินที่ใช้หาเสียงของแกต่างหาก”
เอกรัตน์ถึงกับหยุดขาค้าง หันตัวกลับไปหาทางผู้เป็นบิดาที่ก้าวขาเข้ามาหา จ้องดวงตาเขาแน่วนิ่ง ก่อนเอ่ยพูดกับเขาด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ที่ดินผืนที่แกอยากได้ไปปรนเปรอความฝันของนางไหมแก้ว เขาก็ติดต่อเจ้าของที่ขอซื้อไว้ให้แล้ว แกควรจะหาเวลาไปกราบขอบคุณเขาอย่างที่พวกคนดีอะไรแบบนั้นทำกัน”
“ถ้าเป็นเงินที่ได้จากเรื่องสกปรกแล้วเขาต้องการฟอกเงินละก็ ฉันบอกพ่อไปแล้วไม่ใช่หรือว่าฉันไม่รับ” แม้จะพอรู้มาบ้างว่า พ่อกับคนที่ถูกเอ่ยถึงทำธุรกิจอะไรต่อกัน แต่ในความเป็นจริงนั้น เอกรัตน์ก็ใคร่อยากรู้เหตุแท้จริงของผู้สนับสนุนเงินในการหาเสียงที่ยังไม่เคยเห็นหน้า
“แกวางใจเถอะ เอกรัตน์ เงินที่ใช้สนับสนุนการหาเสียงได้มาจากกิจการผับในเมืองกรุงที่เขาเป็นเจ้าของ แต่ถ้าแกอยากมั่นใจก็รอถามจากปากเขาเอง เขาจะเดินทางมาพบแกในไม่ช้า”
ต่อให้อยากปฏิเสธการพบเจอ ก็คงทำได้ยากลำบาก เพราะเงินที่บิดาหอบมาเพื่อส่งให้เขาใช้หาเสียงก็ถูกบิดาใช้จ่ายไปมากเพื่อส่งให้เขาได้สำเร็จดั่งหวังเอกรัตน์ไม่ได้ตอบรับใด ๆ
เขาหันหลังเดินจากมาด้วยความรู้สึกหมองหม่น ตอบได้ไม่ชัดเจนว่าสาเหตุที่แท้จริงของอาการนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร โดยความตั้งใจของวันนี้คือหลังจากไปเยี่ยมอาการน้องชายที่ดูเหมือนยังฮึกเหิมอยากทวงคืนความแค้น แล้วจะไปขอปรึกษาคุณหมอใหญ่เรื่องการสร้างแปลงเพาะพันธุ์สมุนไพร ทว่าพอรู้ตัวอีกที ก็ขับรถมาถึงทางเข้าน้ำตกใหญ่
ด้วยความรู้สึกที่เพิ่งเกิดหลังคุยกับบิดากดทับความมุ่งมั่นให้ลดเพดานลงต่ำเสียจนมองไม่เห็นความหวังแห่งชัยชนะ เอกรัตน์รู้ในใจอยู่ลึก ๆ ว่านายก อ.บ.จ ท่านเดิมยังเป็นที่เคารพและศรัทธาของชาวบ้าน ต่อให้เขาลงแข่งในทุกสมัย ก็ไม่อาจได้นั่งเก้าอี้ตัวนั้น
ที่เจ็บปวดใจที่สุดคือไหมแก้วไม่ได้คาดหวังกับพยายามครั้งนี้ และสิ่งที่เธอพร่ำบอกเขาก็คือ ต่อให้มีอำนาจบารมีมากมายแค่ไหน ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการทำงานเพื่อประชาชน คิดถึงคำพูดของเธอแล้วก็รู้สึกเฝื่อนในจิตใจ เพราะเเชื่อว่าถ้าได้อำนาจมาแล้ว งานที่หวังไว้จะดำเนินไปเร็วยิ่งกว่าก้าวกระโดด หากหวังตำเหน่งนักพัฒนาของเขาก่อนลาออกจากราชการมาผลักดันอุดมการณ์ละก็ มันก็ไม่ต่างจากเข็นครกขึ้นภูเขาแสนลาดชัน
‘คุณทำได้ ฉันเชื่อว่าคุณทำได้’
แต่เคยมีใครคนหนึ่งทำให้เขารู้สึกว่าเจ้าครกหินนั่นเบาราวกับปุยนุ่น คำพูดของเธอผู้นั้นยังคงฝังแน่นในส่วนลึกของความทรงจำ
‘คุณเอกจะต้องทำโครงการเพาะพันธุ์สมุนไพรป่าสำเร็จแน่นอน แขเชื่อแบบนั้นเพราะคุณเอกเป็นคนมุ่งมั่น’
เขายังจำใบหน้าจริงจังกับดวงตาคู่งามราวตากวางของเธอเปล่งประกายยามเอ่ยประโยคนั้นออกมาได้ดีไม่มีเลือน
‘แค่มุ่งมั่นอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะดวงแข ถ้าไม่มีเงินและอำนาจพอจะขับเคลื่อนอุดมการณ์ ลำพังแค่ตำแหน่งนักพัฒนาตอนนี้ไม่ทำให้ฉันไปถึงฝัน ขนาดจะซื้อที่ดินแปลงเท่าเล้าเป็ดเพื่อทดลองเองยังทำไม่ได้’
หากอยู่ต่อหน้าไหมแก้ว เขาคงไม่พูดอะไรที่ทำให้ไหมแก้วมองเขาว่าเป็นไอ้ขี้แพ้
‘แขมีที่ดินแปลงหนึ่งใกล้กับทางเข้าน้ำตก เป็นสมบัติของพ่อหลังแต่งงานกับแม่ แต่พ่อตายไปนานแล้วตั้งแต่แขยังจำความไม่ได้ แม่บอกว่าจะไปทำเรื่องเอาที่ดินผืนนั้นมาเป็นของแขจากเมียใหม่พ่อ’
เรียวปากอิ่มสีชมพูระเรื่อที่ตั้งใจอธิบายนั้นขยับขึ้นลงราวกับปีกผีเสื้อที่ทำให้เขาเผลอมองจนแทบไม่ได้จับใจความสำคัญ จนเธอเอ่ยประโยคต่อมา
‘ถ้าแม่ทำได้ ที่ดินผืนนั้นจะเป็นของแข แล้วแขจะยกให้คุณเอกรัตน์’
แต่เขากลับหัวเราะขบขันเธอแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดา ‘เธอจะให้ฉันเป็นหนี้บุญคุณผู้ช่วยพยาบาลอย่างเธอหรือ แล้วเธอจะทวงบุญคุณฉันด้วยอะไรล่ะดวงแข’
แก้มสาวเนียนสวยของเธอแดงปลั่งเหมือนลูกไม้สุกงอม เรียวปากอิ่มน่ามองขบเม้มเข้าหากัน ดวงตาสีนิลประกายงดงามมีแวววูบไหว
‘ถ้า...ไม่เป็นการฝืนใจคุณเอก...’ เธอหลุบตาไม่สบมอง ‘คุณเอกจะเป็นเพื่อนเที่ยวน้ำตกกับแขได้ไหม’
‘เธอก็รู้ว่านายพนากำเหิมหนัก มีชาวบ้านเคยเห็นว่ามันใช้เส้นทางน้ำตกเป็นทางผ่านเวลาพวกมันลงจากเขา’
‘พวกมันจะเดินทางในคืนเดือนมืดเท่านั้น ที่รู้ก็เพราะว่า...ฉันเคยเห็น’ ดวงตาสวยเงยขึ้น บอกเขาด้วยเสียงมั่นใจ ‘แต่ฉันจะชวนคุณไปเฉพาะคืนเดือนเพ็ญ เราไม่มีทางเจอพวกมันแน่’
‘แล้วเธอออกจากหมู่บ้านไปทำอะไรในป่ากลางค่ำกลางคืน’ จำได้ว่าเขาขุ่นใจมากทีเดียว นึกเป็นห่วงราวกับเธอเป็นน้องสาวแท้ ๆ
‘คือฉัน... ออกมาไล่หมูป่าที่มากินต้นไม้ที่ฉันทดลองปลูกไว้’ ชายหนุ่มจับได้ว่าตอนนั้นเธออ้ำอึ้ง ไม่บอกสิ่งที่อยู่ในใจ
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับการยอมตกลงเงื่อนไขของหญิงสาวสวยสะคราญที่ใคร ๆ ต่อใครขนานนามว่าหนึ่งในตองอู
แล้วความพันผูกก็ล้ำลึกเกินหยั่ง แรงปรารถนาที่มีต่อกันมันเกินต้านทาน ในม่านละอองน้ำสีรุ้งแห่งนี้ที่ตระง่านต่อหน้า มันเคยปราการปกป้องให้เขาหลงวนอยู่ในมิติแห่งฝัน แล้วคงยังกักเก็บห้วงความรู้สึกนั้นไว้คล้ายกล่องแห่งกาลเวลา
ชายหนุ่มหลีบตารำลึกถึงคืนสวาท ที่แม้สายธารจะเย็นเยือกแค่ไหน หากแต่ไออุ่นแห่งการสอดประสานร่าง เขาฟังเสียงครวญรครางดั่งเพลงของอัปสรสวรรค์และเสียงเต้นของหัวใจแผ่วบนเนินเนื้อนุ่มที่ส่งความซาบซ่านร้อนรุ่มให้ทุกอณูความรู้สึก
ทว่าในความเป็นจริงช่างแสนโหดร้าย คล้ายมีดาวมฤตยูโคจรเข้าทับบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง เมื่อนายพนาย่างกายเข้ามาพัวพันหญิงสาว
แต่การกล่าวโทษในสิ่งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์นั้นก็โหดร้ายไม่ต่างกับความโฉดชั่วของโจรป่า นายพนาอาจคร่าชีวิตคนบริสุทธิ์ แต่สิ่งที่เขาทำก็เปรียบได้กับตัดหัวใจของเธอแล้วโยนทิ้งให้เน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง
‘อีดวงแขมันลอบคบกับไอ้โจรชั่ว!’
‘อีไม่รักดี ริไปสมสู่กับโจรป่า!’
ข่าวลือที่โจษจันไปทั่วสร้างความอัปยศให้หมู่บ้านกะเหรี่ยงเซ็งดูและนางลาโพ มารดาของเธอทนแบกทุกข์ไว้ทุกครั้งที่เผยตัวออกนอกเรือนไม่ไหว จนต้องดั้นด้นมาพบบิดาของเขาเพื่อทวงความยุติธรรมให้บุตรสาว ขอให้บิดาจัดงานแต่งตามประเพณีเพื่อป่าวร้องว่าบุตรสาวของตนถูกไอ้หนุ่มคนไหนดอมดมจนตั้งครรภ์
ดวงแขแอบสมสู่กับนายพนาจริงหรือไม่ เขาแทบไม่ได้ถามจากปากเธอด้วยซ้ำ แต่เมื่อฟังคำพูดของบิดา ก็ให้หูอื้อตาลาย แสบร้อนในอกเหมือนมีไฟเผา ยอมรับว่าโกรธจัดมาก แล้วก็ต้องยอมรับว่าเขาต้องตัดความสัมพันธ์กับเธอให้ได้ก่อนเข้าพิธีวิวาห์กับไหมแก้ว คนรักตัวจริงที่จะสานความฝันด้วยกัน
‘แขนัดคุณมาพบเพื่อบอกลา...’ เป็นคำพูดของเธอในคืนวันเพ็ญคืนสุดท้าย ‘ในวันพรุ่งนี้ คุณจะไม่ได้เห็นแขอยู่ในงานยกขันหมาก แต่แขอยากขออะไรสักอย่างจากคุณครั้งสุดท้าย...’
เขาได้แต่นิ่งงันฟังเธอพูด ไม่มีความลังเลในแววตาโศก ไม่มีความอ่อนแอในน้ำเสียงที่เขาเคยชมว่าหวานใสราวเสียงกู่ร้องของนกกางเขน
‘คุณเอกต้องไม่ยอมแพ้’
สิ่งที่เขาทำคือมองเธอหันหลังจากไปในความมืดมนของป่าทึบ มองเธอหันหลังให้แสงจันทร์ที่ขับสะท้อนความสว่างกระทบละอองน้ำสร้างม่านสีรุ้ง
หรือสิ่งที่เธอหันหลังนั้น... แท้จริงแล้วคือเขา ผู้ชายที่ขี้ขลาดเกินกว่าการเปล่งคำถามถึงหัวใจดวงน้อยที่เต้นแผ่วเบาในครรภ์ของเธอว่าเกิดจากเชื้อไขของใครกัน แต่ก็คงสายไปแล้ว แม้อยากรู้แค่ไหน ก็คงไม่อาจได้คำตอบจากปากของคนที่ตายจากโลกนี้ไป
หากแต่แหงนมองดวงจันทร์ครั้งใด ก็คล้ายกับหัวใจของเขากำลังร้องไห้โหยหวนทรมานทุกครั้งไป เช่นเดียวกับตอนนี้ที่ความทรงจำนำเขามาหยุดยืนหน้าน้ำตกสูงชัน
เอกรัตน์ยกแขนแล้วกางมือออก ดวงตาของเขาจับจ้องมองจันทร์เสี้ยวที่ลอดผ่านช่างว่างของเรียวนิ้ว เอ่ยคำพูดรำพึงรำพัน
“เธอบอกฉันหน่อยสิว่าความสำเร็จของฉันมันจับต้องได้หรือเปล่าดวงแข”
แล้วกำมือแน่นเสมือนกลืนกินจันทร์เสี้ยวไว้ด้วยกำมือ