เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***

กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา - บทที่ 10 เริ่มเกม โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

ก้องปฐพีต้องไถ่โทษชดเชยให้ธิดาผู้เป็นน้องสาว(จากเรื่องลมห่วรัก)ที่เป็นสาเหตุให้หมู่บ้านช้างของหมอไหมแก้ววอดวาย แต่ที่หมู่บ้านนี้มีเงื่อนงำเหตุการตายของหญิงสาวคนหนึ่ง ความลับนั้นถูกไหมแก้วเก็บไว้ และไม่กล้าเปิดเผยเพราะถูกผู้มีอิทธพลบีบคั้น ก้องปฐพีจึงช่วยเหลือเธอค้นความจริงเพื่อปลดปล่อยไหมแก้วให้เป็นอิสระ

สารบัญ

กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 1 บทนำ,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 2 ศพที่ 1,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 3 การมาของเจ้าหนุ่มกระทิง,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 4 บทที่ 4 คุณหมอสาวปากร้ายกับนายสถาปนิกตีรวน,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 5 มูนไลท์ชาโดว์,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 6 อดีตบาป,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 7 ศพที่สอง,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 8 ฝันร้าย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 9 ศพที่สาม,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 10 เริ่มเกม,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 11 ผมห่วง,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 12 ผมโปรดทุกอย่างที่ใส่นม,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 13 จบเกมซ่อนหากับจูบเสี่ยงตาย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 14 อยากได้ลูกเสือ ต้องล่อพ่อเสือออกจากถ้ำ,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 15 จากดวงดาวถึงดวงจันทร์,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 16 ถ้าผมเป็นงู,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 17 นักฆ่าตามใบสั่ง,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 18 จุมพิตรสนม,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 19 เงื่อนงำที่หายไป 1 ,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 20 เงื่อนงำที่หายไป 2,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 21 ดวลหมัดมาเฟียอ่อนหัดกับลูกหมารับใช้สารวัตร,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 22 มุ่งหน้าไปหาความตาย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 23 ตามเงาดวงดาว,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 24 เข้าแผนรุก,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๕ แผนกระตุกความลับสับเปลี่ยนสาร,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๖ สู่มาตุภูมิ,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๗ ตัวซวย ตัวช่วย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๘ วางแผนตาย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๙ ล้อมวงจับ,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๓๐ สารลับจะไม่ลับอีกต่อไป,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๓๑ แสงดาวใต้เงาจันทร์,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๓๒ น้ำตา,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๓๓ บุกถิ่น,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-ตอนที่ ๓๔ สัมผัส

เนื้อหา

บทที่ 10 เริ่มเกม

บทที่ 10

เริ่มเกม



ท้องฟ้าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงไม่ได้กระจ่างใสอย่างในจินตนาการ ยิ่งแสงเหลืองนวลทอประกายมากเท่าใด ก็ยิ่งส่องให้เห็นม่านเมฆฝนทึมเทาที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลกว้างออกไป เห็นทีค่ำคืนนี้สายสืบจำเป็นคงต้องบอกลาราชินีแห่งรัตติกาลก่อนที่เธอจะถูกกลืนกินหายไป แล้วหันสายตามาจ้องมองตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือที่กำลังขยับสู่เวลานัดหมายกับโคโยตี้สาว

แต่เลยเวลานัดมานานแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของหญิงสาว จึงตัดสินใจดับเครื่องยนต์ แล้วเฝ้ามองฝนเม็ดละเอียดที่โปรยลงมาเกาะกระจกหน้ารถจนฉ่ำชื้น กระทั่งร่างอรชรก้าวย่างออกจากตรอกแคบ เขาจึงจะเปิดประตูรถออกไป ถ้าไม่มีไฟหน้ารถที่ขับผ่านทางมาส่องสว่างเข้าใบหน้านวลกระจ่าง ระพีพัฒน์ก็จะไม่ทันได้เห็นเลยว่าหญิงงามในชุดเดรสรัดรูปสีดำกลางสายฝนคนนั้นคือคุณนายดารา ไม่ใช่โคโยตี้สาวคนที่กำลังรอคอย

เขาจึงต้องรอจนกว่าเธอขึ้นรถคันที่จอดทิ้งไว้กลางสายฝน แล้วขับรถออกไปโดยไร้เงาของสมุนคนสนิท พลันนั้นก็เกิดคำถามผุดในหัวว่า ความงดงามของคุณนายดาราไม่อาจหยุดยั้งเสี่ยเกียงให้ละตัณหากามารมณ์ได้เลยหรือ

ก๊อก ๆ !

เสียงเคาะกระจกหน้าต่างรถเรียกสายตาให้หันไปทางหญิงสาวที่ยืนย่อตัวกอดอกมองจากภายนอกรถ เขาจึงรีบปลดล็อกให้เธอได้หนีความเย็นของสายฝนเม็ดหนาเข้ามาหลบในรถที่อบอุ่นกว่า

“กว่าจะมาหาคุณได้ ฉันต้องรอให้คุณนายดารากับไอ้สำริดออกจากผับก่อน”

หญิงสาวว่าพลางล้วงมือในกระเป๋ากางเกงยีนตัวสั้นที่เปียกโชกไม่ต่างจากเสื้อสายเดี่ยวสีดำ หยิบเอาถุงพลาสติกใสขนาดเล็กที่ใส่มวนบุหรี่ไว้ภายใน แล้วสบถเสียงเบาเมื่อไม้ขีดไฟที่อยู่ในกระเป๋าหลังกางเกงยีนเปียกชื้นใช้การไม่ได้

ระพีพัฒน์จึงเอื้อเฟื้อด้วยการจุดไฟแช็กของตัวเองให้ แล้วสังเกตเห็นความอิดโรยรอบดวงตาที่ไม่อาจปกปิดให้มิดได้ด้วยเครื่องสำอาง

“นายสำริดไม่ได้ไปกับคุณนาย” ที่เขารู้เพราะเห็นด้วยตาตนเอง

“ไอ้สำริดมันคงไปทำงานให้คุณนาย”

“แล้วคืนนี้คุณนายไปที่ไหน”

“ฉันไม่รู้” เธอตอบก่อนมวนบุหรี่จะถูกยกขึ้นจดปลายเรียวปากสีแดงสด “ไม่ใช่ว่าไม่ให้ความร่วมมือ แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณนายไปไหน”

“แล้วเสี่ยเกียงล่ะ”

หญิงสาวเหยียดยิ้ม “เสี่ยน่ะหรือ ถ้าไม่เรียกเด็กไปมั่วบนห้องทำงานของคุณนายเวลาคุณนายไม่อยู่ ฉันก็ไม่เห็นจะทำอะไร นอกจากเมายาในผับแล้วรอไอ้สำริดกลับมาคุมงานต่อ”

คิ้วเข้มสีดำสนิทตัดกับผิวขาวของระพีพัฒน์ขมวดมุ่น “เธอพูดอย่างกับเสี่ยไม่ใช่เจ้าของผับ”

“ใครเป็นหรือไม่เป็นเจ้าของ ฉันไม่รู้หรอก” เสียงของเธอฟังดูอ่อนล้า โยนมวนบุหรี่ออกนอกหน้าต่างให้หยาดฝนช่วยดับเปลวร้อน

“แล้วทำไมเธอยอมเป็นเมียน้อยเสี่ย ฉันสืบมาว่าเธอคบกับป๋องก่อนจะไปเจอเสี่ย” ระพีพัฒน์เค้นคืบคำถามต่อไป แม้จะเห็นแววไม่พอใจจากหางตาของโคโยตี้สาว แต่ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอคือข้อมูลสำคัญในการทำงาน

“แลกกับอิสรภาพของป๋อง” เสียงที่ตอบกลับมานั้นแผ่วเบา

“อิสรภาพของป๋อง?”

หญิงสาวเอนศีรษะพิงกับเบาะ ส่งสายตามองเม็ดฝนที่เกาะพราวบนกระจกรถ “ตอนแรกที่ฉันออกจากโรงเรียนหลังพ่อเข้าคุก มีป้ายประกาศรับสมัครพนักงานเสิร์ฟตกอยู่ที่ประตูเข้าห้องพัก ในตอนนั้นพนักงานเสิร์ฟเต็มแล้ว แต่ตำแหน่งโคโยตี้ว่างอยู่ ฉันเลยสมัคร”

“แล้วจากโคโยตี้ไปเป็นเครื่องสังเวยกามได้ยังไง”

เรียวปากอิ่มสีแดงเม้มเข้าหากัน “ฉันถูกเสี่ยมอมยาแล้วเสียท่า ป๋องรู้เข้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มาคุยกับเสี่ยให้เลิกยุ่งกับฉัน แต่ป๋องก็เสียรู้ตาแก่เจ้าเล่ห์ ไปเชื่อว่าถ้าส่งยาให้ก็จะปล่อยฉันเป็นอิสระ”

เสียงของเธอเงียบหายไปหลายนาที กว่าจะเรียบเรียงคำพูดต่อมาได้ “แล้วเจ้าเสี่ยเลวมันกลับมาบอกฉันว่า ถ้ายอมให้มันเสพสมต่อไป มันจะไม่ทำอะไรป๋อง”

“แต่ป๋องก็ตาย” ชายหนุ่มตอกย้ำความจริง

“ตายโดยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร”

ระพีพัฒน์ลอบถอนหายใจ เบนสายตาไปมองมือข้างที่พันผ้าพันแผลของตัวเอง “ฉันไม่อยากบอกให้เธอกังวลไปมากกว่านี้ แต่เธอควรจะรู้ไว้ด้วยว่า เพลงพิณก็กำลังถูกตามฆ่าอยู่ แม้จะไม่สำเร็จ แต่ไอ้ฆาตกรนั่นก็เอาชีวิตพ่อของเธอไปแทน”

เอื้อยกัดฟันแน่น “แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง”

“หาทางให้ฉันเข้าไปทำงานในมูนไลต์ชาโดว์ เธอทำได้หรือเปล่า”

“ไม่แน่ใจ แต่จะลองดู” แล้วเอี้ยวตัวไปผลักประตูรถเตรียมลง แม้สายฝนจะยังโปรยลงมาไม่ขาดสาย “ฉันต้องไปแล้ว และจะเป็นฝ่ายติดต่อคุณเอง”

เธอบอกแล้วลงจากรถ วิ่งฝ่าสายฝนไปก่อนที่เขาจะเรียกเธอไว้ทัน ระพีพัฒน์จึงฉวยร่มพับแล้วกางมันออก จากนั้นตามไปคว้าต้นแขนโคโยตี้สาว

“เอาร่มคันนี้ไปด้วย ถึงตัวเธอจะเปียกแล้วก็ตาม แต่ไม่จำเป็นต้องตากฝนซ้ำจนเป็นหวัด”

ดวงตาโศกที่จ้องมองมามีแววไหววูบ เธอคลายแขนบางทั้งสองที่ยกขึ้นกอดอกออกมารับร่มไปจากชายหนุ่ม แม้คำพูดของเขาจะไม่ได้ช่วยให้สภาพจิตใจฟื้นฟู แต่ก็ช่วยให้หัวใจอบอุ่นอย่างประหลาด และถ้าเขากับเธอพบกันด้วยเหตุผลของความยุติธรรม นั่นก็พอควรแล้วแก่การยอมเสี่ยงร่วมมือ

“ขอบคุณนะ แต่คนอย่างฉันมันภูมิต้านทานแข็งแรง” เรียวปากบางสีแดงคลี่ยิ้มเล็กน้อย แล้วหมุนตัวเดินจากไปสู่มูนไลต์ชาโดว์ สถานที่สร้างภูมิต้านทานชีวิตให้แก่เธอ

เมื่อร่างบอบบางของโคโยตี้สาวหายลับเข้าไปในผับ ระพีพัฒน์ก็กลับไปขึ้นรถแล้วขับด้วยความเร็วไปจนถึงจุดนัดหมายต่อไป ซึ่งก็เลยเวลาที่สัญญากับเพื่อนร่วมเกมไปเพียงไม่กี่นาที

“ถ้าคืนนี้มึงไม่มาตามนัด กูจะตามไปหามึงถึงผับ” ตฤณพูดพลางเขม้นตามอง แล้วหยิบสัมภาระของธิดาขึ้นถือ หญิงสาวเพียงผู้เดียวในทีม ส่วนเพลงพิณนั้นหลับในรถของตฤณไปก่อนหน้านี้นานแล้ว

“กูฝากด้วยนะ” ระพีพัฒน์บอกกับตฤณ

“อย่าห่วง แต่มึงอยู่ทางนี้ก็อย่ามัวหลงดูยายโคโยตี้ส่ายเอวจนไม่ระวังภัย”

ตฤณกระตุกยิ้มพูดแล้วต่อยที่แก้มเบา ๆ จากนั้นลากแขนแม่เพื่อนสาวให้ขึ้นรถแล้วออกเดินทางไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมาย ซึ่งมีเพียงไฟถนนสีเหลืองส้มส่องให้ความสว่างเป็นระยะ จากบ้านเรือนที่ตั้งเรียงกันอย่างแออัดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าโล่งกับท้องนา

“ตฤณ ช่วยเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันให้ด้วยนะ ฉันอยากแวะร้านสะดวกซื้อ” ธิดาเอ่ยขอกับสารถีหนุ่ม

แม้จุดหมายจะห่างไปไม่กี่กิโลเมตร ตัวเขาเองก็คงปวดเมื่อยเอาการเหมือนกัน จึงเลี้ยวรถเข้าสถานีบริการน้ำมัน แล้วลากเพลงพิณให้ลุกจากห้วงนิทราแสนหวาน เดินตามธิดาเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่มีนักเดินทางยามราตรีบางตา

คงเป็นเพราะสถานีบริการน้ำมันแห่งนี้ห่างจากตัวเมืองมาไกล และไม่ได้ตั้งอยู่บนเส้นทางของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หญิงสาวใบหน้าหวานผู้มาจากเมืองใหญ่จึงเลือกซื้อสินค้าได้สบายโดยไม่ต้องเบียดเลือกสินค้ากับใคร

“นี่เธอจะเหมาหมดทั้งร้านเลยหรือไงยายธิดา”

แต่ธิดาไม่สนใจคำกระแนะกระแหน เพราะกำลังจดจ่อกับรายการสิ่งของในกระดาษ แล้วไล่อ่านพร้อมใช้นิ้วชี้ตามรายการทีละบรรทัด

“นมอัดเม็ด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วก็...” แต่เสียงสนทนาของพนักงานสองคนที่เรียงของอยู่ด้านหลังหยุดสมาธิของเธอไว้ด้วยคำว่า ‘ซูเปอร์ไบค์สีดำ’

“ตกลงนายทรงชัยตามหาคนขี่ซูเปอร์ไบค์สีดำคันนั้นเจอหรือยัง” พนักงานร้านสะดวกซื้อคนหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนร่วมงาน

“ไม่รู้ว่ะ แต่กูไม่อยากให้เจอเลย สงสารเขา อุตส่าห์เป็นคนดีช่วยคนเดือดร้อน แต่คู่กรณีดันเป็นไอ้โท งานนี้กูว่ามีฆ่าหมกศพอีกเหมือนรายที่ผ่านมา” พนักงานอีกคนเสนอความเห็น

ซูเปอร์ไบค์สีดำที่มีโอกาสผ่านมาแถวนี้อาจมีมากมายหลายคัน แต่คนที่พวกเขาเอ่ยถึงนั้นคือใคร ธิดารู้สึกหวั่นในอกและสังหรณ์ใจประหลาด พร้อมกับหันไปมองชายหนุ่มดวงตาเรียวที่คิ้วขมวดเข้าหากัน

“รีบไปกันเถอะ อย่าพิรี้พิไร” ทว่าตฤณแตะแขนบางเพื่อเตือนเรื่องเวลาแม้จะติดใจในบทสนทนาของพนักงานสองคนนั้นมากแค่ไหนก็ตาม

เมื่อออกจากสถานีบริการน้ำมัน ในห้องโดยสารยังคงไม่มีเสียงสนทนานอกจากเสียงสูดเส้นบะหมี่ถ้วยของเพลงพิณ ส่วนธิดายังจมจ่อมไปกับคำพูดของพนักงานร้านสะดวกซื้อ

“พิณ แกคิดว่าไอ้คนที่อยากฆ่าแกมีใครได้บ้าง” ตฤณชวนเด็กหนุ่มสนทนา

“ถ้านอกจากคู่อริที่ชอบหาเรื่องผมบ่อย ๆ ผมก็ไม่มีศัตรูที่ไหน”

“เจ้ามือโต๊ะพนันล่ะ” ชายหนุ่มไล่คำถาม

“ผมไม่เล่นการพนัน”

“แล้วจะมีใครได้อีกล่ะที่อยากได้ชีวิตเธอ ถ้าไม่ใช่เจ้าหนี้ที่ต้องการฆ่าล้างหนี้ ก็น่าจะเป็นฆ่าล้างแค้น”

“ผมไม่รู้... ไม่รู้เลย” เพลงพิณเริ่มไม่อยากอาหารเสียแล้ว “ทั้งพี่ป๋อง ลุงอำพัน แล้วก็ผม... ส่วนไอ้บ้าที่จะฆ่าผมบนรถเมล์ก็โดนฆ่าปิดปากไปแล้ว”

“หรือว่า...” ธิดาเกิดความสงสัยบางอย่าง “พวกมันอาจเป็นลูกสมุนของนายพนาที่ต้องการแก้แค้นให้นายของพวกมัน”

“ผมไม่เข้าใจ พวกผมไปทำอะไรให้มันแค้น”

“นายกำธร... พ่อของเธอยอมหักหลังพวกมันบอกทางลัดสู่ค่ายนายพนา เพื่อให้คนไปช่วยฉันตอนที่ถูกจับตัวไปเมื่อปีก่อน”

หญิงสาวจึงต้องอธิบาย และยามเอ่ยถึงเรื่องนี้ทีไร จิตใจของธิดาก็วนเวียนกลับไปในวังวนความรู้สึกผิด ซึ่งมันก็ควรจะจบไปแล้วหลังการตายของนายพนา แต่แล้วพวกมันก็เริ่มประกาศการมีตัวตนด้วยการคร่าชีวิตคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สารวัตรอัชวินจึงมั่นใจว่าสมุนชั่วตัวร้ายยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่

“แต่นายกำธรถูกงูกัดตายก่อนไปถึงค่ายด้วยซ้ำ แล้วพวกมันจะรู้ได้ยังไงว่านายกำธรหักหลัง” เสียงของตฤณแทรกเข้าสู่ความคิดของธิดา

“แล้วเท่าที่จำได้ นายกำธรบอกว่ามีแค่นายฉ่อย นายอำพัน แล้วก็นายกำธรเท่านั้นที่รู้ทางลัด แล้วทั้งฉันทั้งไอ้กลางก็ถูกพวกมันบางคนเห็นหน้าตอนแอบลอบเข้าค่าย นายฉ่อยตายตอนหน่วยปฏิบัติการพิเศษบุกทลายค่ายโจร ฉะนั้นคนที่รอดจากการจับกุมตอนนั้นจะเป็นใครกันล่ะ”

“ลุงอำพัน” เพลงพิณเปรยคำตอบ

“แต่มันไร้เหตุผลสิ้นดี!” แล้วฉับพลันก็ออกอาการไม่พอใจตามประสาคนวัยร้อน “ถ้าพ่อผมเป็นคนหักหลัง ก็ต้องฆ่าผมคนเดียว ทำไมต้องฆ่าพี่ป๋องกับลุงอำพันด้วย!”

“นี่เป็นเหตุผลที่ไอ้กลางหาทางแฝงตัวเข้าไปในมูนไลต์ชาโดว์ เพราะยังมีประเด็นการค้ายาของป๋องกับนายอำพันที่สารวัตรเชื่อว่าอาจเชื่อมโยงไปสู่สมุนที่เหลือของนายพนา” ตฤณพยายามเชื่อมโยงเหตุผลด้วยตัวเอง

เพลงพิณกัดฟันแน่น “ผมเป็นห่วงแม่ ผมจะไปหาแม่”

“เดี๋ยวก่อนสิ ถ้าใครคนนั้นต้องการล้างแค้นจริง แล้วเธอไปหาแม่ตอนนี้ เท่ากับว่าไปตายทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะ” ธิดาเตือนสติ

“แล้วจะให้ผมทำยังไง!” เพราะความอัดอั้นสั่งสมจึงทำให้เพลงพิณเผลอตวาดใส่หญิงสาว

“ทำยังไงก็ได้ที่ไม่ให้ตัวมึงตายฟรีไง ไอ้ควาย!”

ลั่นเสียงของตฤณ หยุดความคิดของเด็กหนุ่มไว้ได้ชะงัก แม้ว่าเพลงพิณจะไม่แสดงอาการขุ่นข้องออกมาให้เพื่อนร่วมทางเห็นอีก แต่ความเจ็บแสบจนอกกลัดหนองก็ห้ามน้ำตาไม่อยู่

นักเดินทางทั้งสามมาถึงที่หมายในเวลาเช้ามืด ธิดาเป็นผู้ก้าวขาลงจากรถคนแรก เธอสูดไอดินกลิ่นฝนแสนสดชื่น ซึ่งธรรมชาติของบ้านป่ากลางเขาควรจะสร้างความผ่อนคลาย แต่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะบ้านเรือนของชาวบ้านที่เคยอยู่ในความทรงจำ บัดนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังอันเกิดจากพระเพลิงฝีมือสมุนโจรป่าชั่วร้ายที่คิดคร่าชีวิตเธอ

“มาครั้งที่สอง ฉันก็ยังคิดว่าหมู่บ้านนี้แปลกพิกล” ตฤณเอ่ยพูดเมื่อยกกระเป๋าสัมภาระลงจากรถ

“ทำไมเหรอ ที่นี่มีผีเฮี้ยนวิญญาณร้ายหรือไง” เพลงพิณเดินหิ้วกระเป๋าตัวเองมาสมทบ

“เฮี้ยนไม่เฮี้ยนไม่รู้ รู้แต่ว่าถ้าฉันเป็นเธอนะธิดา ฉันไม่กล้ามาเสนอหน้าที่นี่หรอก”

ถึงคำพูดของตฤณจะทำให้หญิงสาวจุกเสียดอก แต่เมื่อมาถึงแล้วจะให้หันหลังกลับก็ไม่ยอม ธิดาจึงคว้ากระเป๋าจากตฤณแล้วก้าวเดินไปยังเรือนของผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งก็ได้ทราบความว่าพี่ชายของเธอพำนักอยู่ที่เรือนหลังสุดท้ายของหมู่บ้านชนเผ่า

แต่ความตื่นเต้นที่จะได้พบพี่ชายกลับถูกลดทอนลง ก็ตอนเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดของเขาที่จอดสนิทอยู่ใต้ถุนเรือนหลังนั้น

“เจ้าแบล็กแบร์!” ธิดาร้องเสียงหลงแล้ววิ่งเข้าไปมองสภาพยับเยินของมันใกล้ ๆ ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ตกใจ ตฤณผู้เป็นคู่หูร่วมแข่งรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบก็เช่นกัน

แล้วคำพูดของพนักงานร้านสะดวกซื้อที่ปั๊มน้ำมันก็ลอยเข้าหัวหญิงสาว เธอจึงร้องเรียกหาพี่ชายแล้ววิ่งขึ้นบันได เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดสร้างความหวาดเสียวให้ตฤณและเพลงพิณ ด้วยเกรงว่าบันไดอาจหักแล้วหญิงสาวจะร่วงหล่นลงมา

ทว่าบนเรือนนั้นไร้วี่แววคนอยู่อาศัย แม้จะเคาะประตูดังเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบ ใจของธิดาร้อนรนจนทนไม่ไหว นึกขึ้นได้ว่าอาจมีอีกคนที่รู้ว่าพี่ชายอยู่ที่ไหน จึงวิ่งไม่คิดชีวิตกลับไปยังหมู่บ้านช้างเพื่อถามหาคนสำคัญกับคุณหมอสาว

ในตอนที่กำลังใกล้พ้นเขตแดนหมู่บ้านกะเหรี่ยง ดวงตาสีนิลเหลือบเห็นเงาตะคุ่มแถวชายป่ากล้วย แต่พอหยุดขาแล้วจ้องมองไปที่ความเคลื่อนไหว ก็ไม่พบอะไรผิดแปลกนอกจากลมพัดใบตองปลิว

“ธิดา อย่าวิ่งมาคนเดียวแบบนี้ได้มั้ยเล่า!” ตฤณเข้ามาคว้าแขนไว้ แล้วตำหนิเธอเสียยกใหญ่ ก่อนลากตัวกลับ

หญิงสาวจึงเก็บความสงสัยเรื่องเงานั้นไว้ แล้วเดินตามเพื่อนหนุ่มไปโดยยังไม่ทิ้งสายตาจากเงามืด ซึ่งความมั่นใจของธิดาก็ได้รับการพิสูจน์ในตอนที่อาทิตย์ฉายแสงสว่างมากพอจะเห็นว่า มีร่องรอยรองเท้าตรงจุดที่เธอเห็นจริง แต่สิ่งที่ธิดาไม่แน่ใจ คือลักษณะของรอยประทับบนผืนดินนั้น คล้ายกับเป็นรอยรองเท้าส้นสูงของผู้หญิง