เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ
แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย
แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน
กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ
และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น
ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา
*** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บทที่ 11
ผมห่วง
ขอบคุณสวรรค์ที่เขายังไม่ตาย!
ก้องปฐพีป่าวร้องในใจหลังจากการซิ่งท้าความตายลงเนินโค้งหักศอกแสนชันด้วยความเร็วระดับเบรกพัง ซึ่งมันก็พังแล้วจริง ๆ เดชะบุญที่พอล้อแตะตีนเนิน ทางก็พลิกผันเป็นขึ้นเขา ช่วยชะลอความเร็วบวกกับใช้ระบบเบรกเท้าที่ทำให้พื้นรองเท้าผ้าใบของเขาถึงคราวอวสาน แต่ก็ยังดีกว่าตกเหวตายด้วยประการทั้งปวง
“ฮือ...ถ้าฉันเป็นอะไรไป นายจะต้องรับผิดชอบ!” เสียงของเด็กสาวครวญครางดึงอารมณ์แห่งความปรีดาของเขาหลังรอดชีวิตกลับมา
“ถ้าเธอเป็นอะไรไปจริง ฉันก็รับผิดชอบไม่ได้ เพราะตายไปแล้วเหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ แล้วบังคับเจ้าเบรกแตกต่อไปด้วยความเร็วระดับต่ำ “แต่ถ้าเธอไม่พุ่งรถมาขวางฉัน ก็ไม่ต้องมาร้องห่มร้องไห้เป็นเด็กอนุบาลแบบนี้”
“ยังจะมาโทษฉันอีก” เจ้าหล่อนแหวใส่ แล้วแกะมือหนาที่กำลังบังคับแฮนด์ออกจากมอเตอร์ไซค์ของตน “ลงไปเลย นี่รถของฉัน เรื่องขโมยรถพี่ไหม ฉันจะยกโทษให้ ส่วนนายก็หนีลูกปืนเข้าป่าไปเลยนั่นแหละ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ขโมย” พอโดนขับไล่ไสส่ง ก้องปฐพีก็ลงจากรถ ยืนกอดอกถกเถียงข้อกล่าวหา
“ไม่ได้ขโมยแล้วทำไมถึงมีสกิลแบบนั้นได้ ถ้าไม่ใช่พวกมิจฉาชีพละก็...”
“ฉันเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์ทางเรียบสมัครเล่น” ชายหนุ่มไม่รอฟังคำ จึงชิงบอกที่มาของทักษะ “ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงต้องเป็นรถของคุณหมอไหมแก้ว ก็เพราะฉันเป็นคนขี่เจ้าแก่พาคุณหมอไปโรงพยาบาลเมื่อคืน”
ใบหน้าของเจ้าหล่อนเหมือนกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ แต่เขาไม่อยากเสียเวลาอธิบาย เพราะหากยังอยู่ในที่โล่งแจ้งแบบนี้ แล้วโจทก์เก่ายังไม่ลดละที่จะตามล่า ถ้าเป็นอะไรไปจริง ๆ เห็นทีจะหาลูกสาวไปทดแทนพ่อแม่เขาไม่ได้
“รถไม่ปกติแบบนี้ ให้ฉันขี่ไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน”
“ไม่ ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน ถ้าจะตอบแทนคุณที่พาฉันหนีห่ากระสุนมาด้วย ต้องไปส่งฉันที่หมู่บ้านช้าง”
“หมู่บ้านช้าง?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วประหลาดใจ
“ฉันนัดพี่ชายไว้ เขาไปเฝ้าพี่ไหมเมื่อคืน เช้านี้น่าจะไปส่งพี่ไหมที่หมู่บ้านช้าง”
“เฝ้าพี่ไหมเมื่อคืน หรือพี่ชายของเธอคือ...?” คิ้วเข้มของก้องปฐพีขมวดชิดกัน
“พี่ชายของฉันก็เอกรัตน์ไง คนที่จะมาเป็นนายก อบจ. คนต่อไป ไม่รู้จักหรือ” เด็กสาวพูดด้วยใบหน้าเชิด ได้ทีพูดทับ อวดความเด่นดังของพี่ชาย
ก้องปฐพีนึกได้ว่าตอนดิ่งลงเนินมา คุณเธอกรีดร้องดังหาแม่พร้อมกับเอ่ยชื่อตัวเอง จึงรำพึงรายนามของทั้งสามเรียงกัน
“เอกรัตน์ ทวีรัตน์ ตรีรัตน์”
“อ้าว นี่นายก็รู้จักพวกเราสามพี่น้องก้องระบือนี่”
เจริญละทีนี้ นี่เขาไปทำกรรมกับเจ้าแก้วสามประการนี้แต่ปางไหนหนอ ถึงได้มาทวงคืนกันเสียพร้อมหน้าพร้อมตา!
“เออ แล้วนายไปมีเรื่องกับใครล่ะ ให้พ่อฉันช่วยจัดการให้เอาไหม” แต่แม่เด็กน้อยนี่ยังมีน้ำใจไถ่ถาม
“อยากรู้จริง ๆ หรือ” ก้องปฐพีคลี่ยิ้มอ่อนใจ แล้ววาดขาขึ้นคร่อมเจ้าเบรกแตก โดยให้ตรีรัตน์ซ้อนท้ายด้านหลัง จากนั้นค่อย ๆ บิดแฮนด์เดินรถต่อไปอย่างเบามือ
“บอกมาเถอะน่า ทั่วหล้าฟ้าตะวันตก ไม่มีใครที่ไม่กลัวบารมีพ่อฉัน” ตรีรัตน์อวดเบ่งเต็มภาคภูมิ
“ฉันมีเรื่องกับทวีรัตน์” ชายหนุ่มบอกออกไป และคราวนี้เป็นฝ่ายเด็กสาวที่อึ้งบ้าง “แล้วก็คิดว่าพ่อของเธอคงกำลังตามล่าฉันทั่วหล้าฟ้าปฐพีตะวันตกอยู่”
“ที่แท้คนที่มีเรื่องกับพี่โทก็หลบอยู่หลังช้าง น่าจะเป็นช้างตัวใหญ่เสียด้วย ถึงได้บังเสียมิดชิด” น้ำเสียงของเด็กสาวเต็มไปด้วยการประชดประชัน
“แล้วถ้าฉันไม่ให้บอกพ่อเธอเรื่องเจอฉัน เธอจะทำให้ได้ไหม” เขาถามหยั่งเชิงโดยไม่หันหน้ากลับไป
“ถ้าทำไม่ได้ จะฆ่าฉันหมกป่าหรือเปล่าล่ะ”
ก้องปฐพีหัวเราะขบขัน “หน้าตาฉันเหมือนคนที่จะทำแบบนั้นหรือไง”
“โบราณว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ ยิ่งไม่รู้จักหน้ายิ่งไม่กล้าไว้ใจ” คุณเธอตอบเป็นกลอนเสียเพราะพริ้ง “เลี้ยวเข้าถนนตรงป่ายางนั่น มันเป็นทางลัดไปหมู่บ้านกะเหรี่ยง อย่างน้อยก็หลบเลี่ยงการเจอตัวทางถนนใหญ่ได้”
คำแนะนำนี้ช่วยให้ก้องปฐพีอุ่นใจขึ้นมาว่า แม่เด็กสาวเสียงปรอทแตกจะไม่วิ่งแจ้นไปตามบิดาของเธอให้มาถล่มเขา
ก้องปฐพีและตรีรัตน์ตะลอนตามป่ายางจนเข้าเขตหมู่บ้านกะเหรี่ยง ในตอนแรก เขาจะขอลงก่อนแล้วให้ตรีรัตน์ขับต่อไปเอง แต่ในตอนที่เห็นกระเป๋าสัมภาระกองอยู่ตีนบันไดเรือนที่ตนพัก ก็เอียงคอมองด้วยความสงสัย กระทั่งมีเด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งผมยาวคนหนึ่งเดินลงบันไดมาจากชานเรือน
“คุณใช่คุณก้องปฐพีหรือเปล่าครับ ผมมากับพี่ธิดาแล้วก็พี่ตฤณ ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ที่เรือนของผู้ใหญ่บ้าน”
เป็นเหตุให้เขาต้องไปขับรถต่อจนถึงหมู่บ้านช้าง และพอเห็นรถรุ่นอเนกประสงค์สีดำมันวาวของทายาทเจ้าพ่อจอดอยู่ไม่ห่างจากตีนบันไดเรือนผู้ใหญ่บ้าน ก็ตัดสินใจฉับพลัน หักรถเลี้ยวหลบเข้าในโรงเลี้ยงช้าง เพราะไม่อยากเสี่ยงเจอนายแว่นหน้าจืดแล้วจะทำให้คุณหมอสาวร้อนใจ
“หลบเข้ามาในนี้ทำไม”
ตรีรัตน์ชักสีหน้าใส่ แต่ก้องปฐพีไม่อยากเอ่ยเหตุผล “ฉันขอร้องอะไรเธอหน่อยสิ”
“แล้วทำไมฉันต้องทำให้ด้วย” ตรีรัตน์เชิดคางขึ้น
ก้องปฐพีพ่นลมหายใจ “ถ้ามีค่าจ้างล่ะ”
“เงินซื้อฉันไม่ได้หรอกนะ” เด็กสาวเบ้ปาก เชิดองศาคางมากขึ้นไปอีก
“แล้วเงินซื้อสิ่งที่เธออยากได้มากที่สุดตอนนี้ได้ไหม”
ประโยคต่อรองนั่นทำให้เด็กสาวหรี่ตาแคบลง เรียวปากเม้มเข้าหากันอย่างคนเริ่มลังเลใจ “ก็...ก็ได้อยู่...”
“ถ้าอย่างนั้น ไปบอกคนที่ชื่อธิดากับตฤณว่าฉันอยู่ที่นี่ ให้ธิดามาพบฉัน ส่วนคนที่ชื่อตฤณ เธอบอกเขาทีว่าฉันขอให้เขาช่วยไปหาซื้ออะไหล่ซ่อมเจ้าแบล็กแบร์ให้หน่อย ถ้าเป็นไปได้ ขอให้เธอเป็นไกด์พาเขาไปร้านที่เธอรู้จัก”
บอกจุดประสงค์หลักแล้วก็สาธยายชื่ออะไหล่ที่ต้องการ เด็กสาวผู้นี้จะจำได้บ้างหรือเปล่า เขาก็ไม่แน่ใจนัก แต่พอให้ตรีรัตน์ทวนรายละเอียดก็ถูกต้องครบถ้วนน่าชมเชย
“ฉันน่ะมีพรสวรรค์ ฟังเพลงลูกทุ่งออกใหม่แค่ครั้งเดียวก็ร้องได้แล้ว”
แถมยังอวดสรรพคุณ ก่อนขับเจ้าเบรกแตกกระท่อนกระแท่นวิ่งไปอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าเริงร่า คงจะดีใจกับจำนวนเงินที่ตกลงแล้วว่า มากพอสำหรับซื้อตั๋วดูคอนเสิร์ตลูกทุ่งให้ตัวเองและเพื่อนสนิท
ส่วนก้องปฐพีเดินลึกเข้าไปในโรงเลี้ยงช้าง เห็นสายป่านกำลังหลับสบาย จึงอยากจะเอนกายพักผ่อนหลังผ่านความวิบากมาหลายชั่วโมง เขาเลือกนอนพิงกองหญ้าแห้งไม่ห่างจากสายป่าน เพื่อใช้เป็นที่พักสายตาระหว่างรอให้ธิดามาถึง แต่ด้วยร่างกายอันอ่อนล้าเป็นทุนเดิม จึงเข้าสู่ภวังค์นิทราได้อย่างง่ายดายในไม่กี่วินาที
เสียงเพลงลูกทุ่งจากรายการวิทยุที่ดังจากเครื่องเสียงของรถกระบะทำได้แค่ผ่านหูของไหมแก้ว โดยไม่ทิ้งความรู้สึกร่วมใด ๆ ในบทเพลงให้
เธอทอดดวงตาคมมองม่านหมอกสีเทาที่โรยตัวบนยอดเขาสูงตระหง่าน ก้านช่อดอกมะลิวัลย์ที่เก็บได้จากราวระเบียงบ้านยังส่งกลิ่นหอมจรุงบรรเทาให้จิตใจสงบลง แต่ผู้ไม่คิดอยากผ่อนปรนความวุ่นวายใจยังคงเหยียบคันเร่งขับรถด้วยความเร็วต่อไป โดยไม่คิดถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ถึงจะยังไม่อยากสนทนา แต่ไหมแก้วก็ไม่ต้องการให้เกิดเหตุร้ายต่อตัวเธอเองหรือเขา จึงส่งคำเตือน “ถนนที่นี่หลังฝนตกใหม่ ๆ มันลื่นมาก เอกน่าจะรู้”
“ถ้าเอกบอกว่ารู้ แต่จะทำ ไหมจะว่ายังไง” เขาปรายตามอง พูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ “เหมือนกับที่ไหมเองก็รู้ว่าอยู่ใต้ชายคาเดียวกับผู้ชาย แล้วให้มันแตะเนื้อต้องตัว ถ้าใครรู้เข้า ไหมจะเสียหายแค่ไหน”
ไหมแก้วลอบถอนหายใจ คิดว่าหากต่อปากต่อคำอีก ก็คงจะได้ทะเลาะกันเหมือนคืนที่ผ่านมา จึงเลือกเงียบแล้วก้มหน้าหลุบตามองกลีบดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์
“หรือว่ามันมีอะไรดี ไหมถึงยอมให้มันถึงเนื้อถึงตัวได้ขนาดนั้น”
ไม่มีประโยชน์ที่จะเอาเรือไปขวางกระแสน้ำเชี่ยวกราก ไหมแก้วจึงเลือกกลับไปสงวนคำพูด
“เพราะมันมีเงินใช่ไหม”
แต่เห็นทีจะอดทนเงียบปากไม่ได้ ถ้าคำพูดนั้นไม่กระทบถึงศักดิ์ศรี “ถ้าเอกยังอยากให้เราสองคนเหลือมิตรภาพที่ดีต่อกัน ก็ขอให้เลิกใส่ความไหมเสียที”
“ใส่ความอย่างนั้นหรือ!” ด้วยแรงอารมณ์จึงทำให้เอกรัตน์เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วรถมากขึ้นไปอีก “เห็นกอดกันเนื้อแนบเนื้อในบ้านพักคาหนังคาเขาขนาดนั้น ยังบอกว่าเอกใส่ความ แต่กับคนคบกับไหมมานานถึงขั้นจะได้แต่งงาน ไหมยังไม่ให้เข้าห้องนอน นี่ถ้าเอกไม่ไปเห็นก่อน ป่านนี้ไหมกับมันคงได้เป็นมากกว่าคนที่ทำงานร่วมกัน!”
“หยุดนะเอก!” คราวนี้ไหมแก้วขึ้นเสียงบ้าง “อย่าคิดว่ามีปากแล้วจะพูดอะไรได้ตามใจ ลองย้อนมองตัวเองสิว่าทำให้ไหมเจ็บแสบหัวใจแค่ไหน!”
เอกรัตน์กัดริมฝีปากแน่น หายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อม จ้องเธอเขม็งด้วยดวงตากร้าวผ่านเลนส์แว่นตา คล้ายกับยังไม่อยากยุติเรื่องราว แต่เขาก็หันหน้ากลับไปมองท้องถนน แล้วยื่นมือไปหมุนปุ่มปรับเสียงวิทยุให้ดังขึ้นมากกว่าเดิม
จากรายการเพลงลูกทุ่งเปลี่ยนเป็นรายการคุยข่าว มีสองผู้รายงานสลับกันหยิบข่าวนั้นข่าวนี้มาเล่าสู่ผู้ฟังให้ได้รับรู้สถานการณ์ ซึ่งมีหลายเรื่องราวที่ไหมแก้วพลาดไป ด้วยเพราะหน้าที่การงานไม่เอื้อเวลามากพอในการรับฟังข่าวสารที่หลั่งไหลพรั่งพรูตามสื่อ
แต่เนื้อหาข่าวที่ถูกพูดถึงถัดมานั้นมีชื่อบริษัทก่อสร้างชลธารคอนสตรักชัน ทั้งในประเด็นกระทำการมิชอบเกี่ยวกับสัมปทานการก่อสร้างถนนหลวง และติดสินบนเจ้าหน้าที่ราชการประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้เร่งยินยอมการก่อสร้างกาสิโน ทั้ง ๆ ที่กฎหมายของประเทศเพื่อนบ้านยังไม่ได้รับการอนุมัติ
‘ชลธารมีประเด็นการรับสินบนประเทศเพื่อนบ้านโครงการสร้างกาสิโน ไม่ทราบว่าจะกระเทือนการถือหุ้นของควีนส์คอร์ปหรือไม่คะ’
‘ไม่ครับ’
‘คุณปราณยังเชื่อมั่นในตัวผู้บริหารของชลธารว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางมืดแบบนี้ นั่นหมายความว่าข่าวลือที่ควีนส์คอร์ปเองก็มีส่วนเอี่ยวการสร้างกาสิโนเป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ’
‘ควีนส์คอร์ปสนใจร่วมทุนในธุรกิจกาสิโนจริง แต่ทุกอย่างจะเป็นไปได้หรือไม่ ก็ต้องรอให้กฎหมายของประเทศเพื่อนบ้านผ่านมติเป็นเอกฉันท์’
‘แล้วเรื่องมีส่วนเอี่ยวกับเรื่องสินบนล่ะครับ ควีนส์คอร์ปพูดได้เต็มปากหรือไม่ว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการฮั้วสัมปทานก่อสร้างกาสิโนของชลธารคอนสตรักชัน’
‘ผมขอไม่ตอบ แต่ถ้าพวกคุณต้องการรู้ความจริง ก็คงต้องรอให้ชลธารพร้อมแถลงข่าว’
เธอได้ยินเสียงเอกรัตน์หัวเราะในลำคอ ตามด้วยคำพูดน้ำเสียงหยามหยัน “ไหมบอกว่าอะไรนะ นายก้องปฐพีนั่นใช่ไหมที่รับฟื้นฟูหมู่บ้านช้างให้โดยไม่คิดเงินสักบาท ไม่ใช่ว่ามันเอาเงินที่ได้มาจากการทุจริตมิชอบมาฟอกที่หมู่บ้านหรอกหรือ”
แต่เมื่อเธอใช้ความเงียบเป็นที่ตั้ง เอกรัตน์ก็โต้ตอบได้แค่ส่งเสียงคำรามในลำคอแล้วไร้เสียงพูดมาตลอดทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไหมแก้วต้องการ จนเขามาส่งเธอถึงหน้าเรือน จากนั้นก็บึ่งรถจากไปด้วยความโกรธที่ยังคั่งค้างในใจ
เอกรัตน์โมโหร้ายไม่เปลี่ยน และดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นหลังจากเธอประกาศขอยกเลิกการแต่งงาน ซึ่งการตัดสินใจไปแบบนั้น ก็สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้เธอพอกัน แต่คงไม่เท่ากับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับสาวงามแห่งหมู่บ้านชนเผ่า
‘ดวงแข ทะหมุคู’
ชื่อของเธอช่างเหมาะเจาะกับความงามที่เหล่าหนุ่มน้อยใหญ่ถิ่นนี้ขนานนามให้ว่า หนึ่งในตองอู ดวงหน้ากระจ่างใส ผิวขาวผุดผาดกับเรือนร่างอรชรนั้นน่ามอง เรียกสายตาทุกคนให้หยุดนิ่ง ไม่เว้นแม้แต่เอกรัตน์ที่เธอก็มักหวั่นใจทุกครั้งยามลอบเห็นแววตาของเอกรัตน์เพ่งมองดวงแข
การบอกตัวเองว่าอย่าคิดมากไปและไว้ใจคำรักที่เอกรัตน์พร่ำพรรณนา จึงเป็นสิ่งเดียวที่สะกดกลั้นความรู้สึกหึงหวง แต่น้อยคนนักที่จะเก็บความรู้สึกร้อนสุมทรวงไว้ได้นาน จะด้วยเหตุเพราะรักหรือหลงก็ตาม หัวใจของไหมแก้วก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ หลังได้เห็นกับตาตัวเอง
“พี่ไหม” เสียงเครื่องรถกับเสียงแปร๋นของเด็กสาวดังเรียกเธอให้ออกจากความคิด แล้วหันไปเห็นตรีรัตน์ใช้เท้าเบรกรถจนตัวโก่ง
“ฉันไปหาพี่ที่โรงพยาบาล แต่เขาบอกว่าพี่ไปพักที่บ้านพัก ก็เลยจะไปเยี่ยม แต่ดัน...” เด็กสาวเล่าเรื่องด้วยใบหน้าตื่นเต้น และเกือบเผลอเล่าเหตุการณ์สั่นประสาท แต่ก็หยุดปากได้ก่อนที่จะโพล่งออกมา จึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน “พี่เอกอยู่กับผู้ใหญ่บ้านใช่ไหม ฉันขอขึ้นไปหาก่อนนะ”
“เอกกลับไปแล้วละ”
“อ้าว ก็นัดกันเสียดิบดีแล้วสิน่า” ตรีรัตน์ส่งเสียงผิดหวัง แต่แล้วก็เปลี่ยนอารมณ์ฉับพลัน “แต่ช่างเถอะ ฉันขอไปไหว้ผู้ใหญ่บ้านก่อน”
จากนั้นก็วิ่งจู๊ดขึ้นเรือนไป ไม่ทันได้เห็นไหมแก้วที่ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ แล้วจะตามขึ้นเรือนไปเพื่อบอกกับผู้ใหญ่ว่า เธอกลับมาถึงหมู่บ้านอย่างปลอดภัย
แต่พอได้กลิ่นยาสูบฉุนขนาดกลบกลิ่นดอกมะลิวัลย์ในมือลอยมาแตะจมูก คุณหมอสาวก็เห็นควาญทั้งหลายตั้งวงสูบยาเส้นพ่นควันกันโขมงโฉงเฉง จึงนึกขุ่นใจนายสถาปนิกหนุ่มอยู่ครามครัน ที่นำพาชาวบ้านให้หันกลับมานิยมยาเส้นยาสูบกันอีกครั้ง
แล้วเจ้าสายป่านที่ติดนมอัดเม็ดรสหวานเสียขนาดนั้น จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ คิดแล้วก็ก้าวขามุ่งไปยังโรงเลี้ยงช้าง กวาดตามองหาสายป่าน พอเห็นเจ้าอ้วนกลมพุงพลุ้ยหลับสบายก็ยิ้มให้อย่างเอ็นดู
แต่พอจะเดินเข้าไปใกล้เจ้าช้างน้อย ดวงตาคมพลันไปสะดุดกับร่างของชายหนุ่มที่กำลังหลับสนิทพิงกองหญ้าแห้ง จึงผ่อนเสียงฝีเท้าให้เบาที่สุดแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ จ้องมองใบหน้ายามหลับใหลของคนตัวโตที่หลับสนิทจนไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวข้างตัว
แพขนตาของเขาเรียงตัวสวยยิ่งกว่าผู้หญิงบางคน จมูกโด่งเป็นสันลดหลั่นองศาจากโหนกคิ้วเข้มเรียวเหมาะเจาะพอดี แต่เหนือริมฝีปากสีชมพูคล้ำเป็นกระจับสวย และตามสันกรามมีไรหนวดขึ้นครึ้มเหมือนคนที่ไม่สนใจดูแลรูปลักษณ์ของตนเอง
ผู้ชายคนนี้หรือที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตประพฤติมิชอบ ผู้ชายคนนี้หรือที่ในข่าวเอ่ยบอกว่าติดสินบนเพื่อประโยชน์ของตนเอง
แล้วถ้าเป็นจริงดังในข่าวล่ะ...
ไหมแก้วลองถามความรู้สึกตนเอง เธอก็ไม่แน่ใจนักว่าจะเลือกยอมให้เขาทำงานให้เธอต่อโดยไม่สนใจคำพูดของเอกรัตน์ หรือบอกให้เขาล้มเลิกความหวังดีแล้วรอฟ้ารอฝนประทานผู้ปรานีคนอื่นมาช่วยชาวบ้านแทน
“คุณเคยบอกว่า ต่อให้เราเป็นใบ้ ถ้าคนคนนั้นรักเราจริง เขาก็จะฟังเสียงของเรา” ไหมแก้วเปรยคำพูดของชายหนุ่มในความทรงจำ “แล้วคนรักของคุณ เขาฟังเสียงของคุณหรือเปล่า”
อาการหลับลึกคงทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ไม่รู้ว่าคืนก่อนเขาเจออะไรบ้าง แล้วทำไมถึงมาหลบนอนในโรงเลี้ยงช้าง แทนที่จะไปพบน้องสาวที่เดินทางมาหาจากเมืองหลวง
ไหมแก้วมัวแต่จ้องใบหน้าชายหนุ่มจนไม่ทันสังเกตว่า เจ้าสายป่านย่างสี่ขาของมันเข้าใกล้ สิ่งที่ไหมแก้วไม่คาดคิดต่อมาคือ เจ้าสายป่านใช้งวงของมันดุนดันชายหนุ่มจนเขาตกใจลืมตาตื่น
“คุณหมอ”
พอเห็นเธอ เขาก็ทำหน้าประหลาดใจ แต่ไม่กี่วินาทีถัดมา ร่างของเขาก็ถูกจับให้พลิกคว่ำด้วยงวงของลูกช้างที่มีพละกำลังมหาศาล ส่งผลให้เขาล้มมาทาบทับบนตัวคุณหมอสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ
“สายป่าน นี่แกทำอะไรน่ะ” ก้องปฐพีเอ็ดใส่ แต่ก็ไม่สามารถหยุดงวงซุกซนที่พลิกตัวเขาให้คว่ำด้วยกำลังช้าง
“ผมขอโทษ แต่ผมต้านแรงสายป่านไม่อยู่” แม้พยายามใช้สองแขนขืนแรงงวงของสายป่านที่พยายามดุนหลังเขาไว้แล้ว แต่ด้วยความเพลียสะสม จึงไม่อาจทนพละกำลังของเจ้าสายป่านได้
“มัน...มันคงหานมอัดเม็ดในตัวคุณ” ไหมแก้วรู้สึกกระดากจนแก้มแดง ยกสองมือดันอกกว้าง เบนหน้าไม่กล้าสบตาของชายหนุ่มที่ทอดร่างทับ
“ให้ตายเถอะ เจ้าลูกช้างตะกละ” เขาพ่นลมหายใจแรง
“เพราะคุณนั่นแหละทำให้มันนิสัยเสีย” เธอรีบแก้ต่างแทนช้างน้อย
“คุณหมอเก็บดอกมะลิวัลย์มาด้วยหรือครับ” แต่คำพูดที่ได้กลับทำให้เธอหันไปสบดวงตาสีนิลเปล่งประกายเจิดจรัส รอยยิ้มของเขาก็สดใสลบเลือนความหมองคล้ำที่ปรากฏบนใบหน้า
“ผมดีใจจังที่คุณหมอเก็บมันกลับมาด้วย ผมได้มาจากบ้านคุณหมอใหญ่ เลยเอาวางไว้ที่ราวระเบียงให้คุณหมอ”
หัวใจไหมแก้วเต้นถี่รัว อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นจนแก้มร้อนผ่าว รู้สึกเก้อเขินราวกับกลับไปเป็นเด็กสาวเวลามีชายหนุ่มนำดอกไม้มาให้
ทว่ามีความสงสัยอยู่ครามครันในดวงตาคุณหมอสาว “คุณไปบ้านคุณหมอใหญ่มาหรือคะ”
“เอ่อ...” รอยยิ้มของชายหนุ่มหดแคบลงเล็กน้อย “ผมเจอคุณหมอใหญ่โดยบังเอิญ แล้วคุยกันถูกคอ ก็เลยค้างที่บ้านท่าน”
“งั้นหรือคะ...ที่นั่นคงหลับสบายจนคุณไม่ได้กลับมาที่นี่”
“แต่ผมนอนไม่หลับเลย” เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบา ยังไม่ละสายตาไปจากดวงหน้าของเธอ “เป็นห่วงคุณหมอทั้งคืน”
ไหมแก้วยิ้มน้อย ๆ “ห่วงว่าฉันจะฝันร้ายหรือคะ”
“เปล่า...แต่ผมห่วงว่าคุณหมอจะหลับสนิทฝันดีตลอดคืนต่างหาก”
อกของไหมแก้วสั่นไหว สบประกายระยิบระยับคล้ายแสงของดวงดาวที่สะท้อนในแววตาสีนิล ได้กลิ่นลมหายใจอุ่นเคล้ากลิ่นหอมหวานของมะลิวัลย์
“เจ้าสายป่านมันเลิกตอแยคุณแล้วนะคะ” ไหมแก้วบอกชายหนุ่ม
“ผมรู้”
ใบหน้าคมเข้มยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่ใกล้ขึ้น แต่ก็ไม่ไกลออกไป เหมือนต้องการคงระยะระหว่างเธอกับเขาไว้แค่นั้น แต่หัวใจของเธอสิกำลังส่งเสียงบอกเธอว่าอะไร แล้วหัวใจของเขาล่ะ ไหมแก้วอยากรู้จังว่าจังหวะการเต้นถี่รัวของหัวใจชายหนุ่มใต้ฝ่ามือเธอนั้น มันมีความหมายเดียวกันกับเธอหรือไม่
“กรี๊ด ทำไมฉันต้องมาเจอประวัติศาสตร์ซ้ำสองด้วย!”
ฉับพลันนั้น มีเสียงเครื่องยนต์แหลมเล็กและเสียงของตรีรัตน์ดังลั่นใกล้เข้ามา
“ยายบ้าเอ๊ย ทำไมไม่บอกก่อนว่าเบรกมันแตก!” แล้วตามด้วยเสียงของตฤณ
ก้องปฐพีจึงรีบลุกขึ้น แล้วยื่นมือให้ไหมแก้วจับเพื่อประคองตัวเองลุกตาม แต่พอทั้งคู่หันไปทางประตูทางเข้าโรงเลี้ยงช้าง สถาปนิกหนุ่มก็สบถลั่น
ก็เพราะเจ้าเบรกแตกกำลังพาทายาทเจ้าพ่อดีกรีซิ่งจนเบรกแตก กับยายเด็กตรีรัตน์เจ้าของฉายาที่เขาเพิ่งตั้งให้ว่ายายเด็กเสียงปรอทแตกพุ่งทะยานมาหา จึงรีบฉุดตัวคุณหมอสาวให้กระโจนหลบก่อนจะถูกมอเตอร์ไซค์พุ่งปะทะ
“กรี๊ด!”
ตรีรัตน์กรีดร้องเสียงหลง ส่วนตฤณตัดสินใจใช้เท้าเบรกทำดริฟต์ ส่งผลให้รถเหวี่ยงเป็นวงกลมก่อนล้มไถลพาทั้งเขาและเด็กสาวล้มกลิ้งเข้าไปในกองหญ้าแห้ง
“ตฤณ เป็นอะไรมั้ย” ก้องปฐพีรีบวิ่งเข้าไปตะโกนถาม พลางคุ้ยเส้นฟางหาตัวทายาทมาเฟีย
“ผม...ผมตายแน่ พี่ก้อง”
ตฤณส่งเสียงอย่างทรมาน แต่พอมือหนาปัดกองหญ้าลึกลงไปจนพบภาพที่ทำให้สถาปนิกหนุ่มต้องกลั้นหัวเราะ ส่วนตรีรัตน์ที่เพิ่งขวัญกลับเข้าตัวก็ร้องโวยวายยกใหญ่
“ไอ้บ้า นายไม่ตายหรอก ปล่อยฉันเสียที จะกอดฉันไปถึงไหน!” ก็เพราะหน้าอกล้นใจของเธอบังหน้าเขามิดไปหมดน่ะสิ
“ตรี เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ไหมแก้วถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็เจ็บไปหมดทั้งตัวแหละพี่ไหม”
ไหมแก้วยิ้มส่ายหน้าแล้วพาตัวเด็กสาวไปทำแผลที่เรือน ส่วนชายหนุ่มคู่กรณีแค่ฟกช้ำเล็กน้อย เขาจึงขออยู่คุยกับก้องปฐพี พร้อมด้วยธิดาที่วิ่งตามไปดูเหตุการณ์หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องแปดหลอดของตรีรัตน์
“เราก็เหลือเกินนะยายตรี จะขับจะขี่ก็เช็กรถให้ดี ๆ หน่อย ดีนะที่ทั้งคู่ไม่เป็นอะไรมาก” ไหมแก้วตำหนิเด็กสาวในตอนที่ทำแผลให้เสร็จเรียบร้อย
“ถึงฉันจะเป็นอะไรไปก็ไม่มีใครสนใจหรอกพี่ไหม”
“พูดอะไรแบบนั้น” ไหมแก้วส่ายหน้าถอนหายใจ ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้ยาหยิบเอาหลอดยาแก้ฟกช้ำออกมา
“ก็จริงนี่ ตอนนี้ยิ่งไม่มีใครมาดูดำดูดี ฉันจะไปไหนมาไหนอิสระจะตาย พี่เอกก็มัวแต่หาเสียง พ่อกับพี่โทก็ออกจากบ้านทุกวัน”
ไหมแก้วเงียบเฉย หลังได้ฟังแล้วไม่ได้ชวนคุยต่อ แต่ลุกขึ้นเดินไปที่ตู้ยา ตรีรัตน์จึงไม่สามารถอ่านสายตาของคุณหมอสาวได้ แต่ถ้าไม่ได้เข้าไปพัวพันอีนุงตุงนังกับการไล่ล่าวันนี้ ก็คงไม่รู้ว่าชายหนุ่มแปลกหน้าเจ้าของดวงตาละลายใจคนนั้นเป็นคนคนเดียวกับคู่อริของทวีรัตน์
เขาไม่ได้เป็นผู้วิเศษหรือไม่ได้มีเจ้าป่าเจ้าเขาช่วยพรางตัวหรอก แต่มีคุณหมอสาวผู้นี้นี่แหละที่ซ่อนตัวเขาจากการตามล่า ไม่มีทางเลยที่ไหมแก้วจะไม่รู้เรื่องที่ลือกระฉ่อน และไม่มีทางเลยที่ความลับนี้จะปิดไปได้ตลอดรอดฝั่ง แล้วการที่ไหมแก้วช่วยชายหนุ่มไว้นั้นเสี่ยงมากทีเดียว
เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเองกลายเป็นปฏิปักษ์กับบิดาของเธอแล้ว ยังอาจทำให้พี่ชายคนโตเคืองขุ่นจนเกิดเรื่องทะเลาะกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรีรัตน์ไม่อยากให้เกิดขึ้น เธออยากให้ไหมแก้วกลับมารักกับพี่ชายอีกครั้ง อยากอยู่ใกล้หญิงสาวผู้ดูแลเธอราวกับเป็นพี่เป็นน้องกันมาแต่กำเนิด
“แต่พี่เอกก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้นะ” คงเป็นการดีหากเธอจะช่วยพี่ชายเข้าใกล้ไหมแก้วมากขึ้น
“ถ้าพี่เอกชนะเลือกตั้งแล้ว ฉันว่าพี่เอกคงบอกให้พ่อกับพี่โทเลิกทำตัวระรานชาวบ้าน ไม่งั้นจะเสียการปกครอง พี่ไหมก็ต้องช่วยพี่เอกด้วย ครั้งนี้พี่เอกจริงจังมากกว่าครั้งที่แล้ว เห็นว่าซื้อที่สร้างศูนย์เพาะพันธุ์สมุนไพรให้พี่ไหมแล้วด้วย”
“งานของเขาไม่เกี่ยวกับพี่สักหน่อย พี่ยังได้รับอนุญาตจากทางการให้เก็บสมุนไพรในป่าอยู่” ไหมแก้วหมุนตัวกลับมาพร้อมหลอดยา
“พี่ไหมก็รู้ว่าพี่เอกทำเพื่อพี่ไหมแค่ไหน”
ไหมแก้วรู้ตัวว่ากำลังถูกน้องสาวของอดีตคนรักไล่ต้อนเรื่องการขอคืนดี นอกจากเอกรัตน์ก็มีตรีรัตน์เพียงคนเดียวที่ให้ความสนิทสนมกับเธอ ส่วนทวีรัตน์นั้นแทบไม่ได้คุยกัน ยิ่งนายทรงชัยคนนั้นละก็ ต่อให้เขาอยากญาติดีกับเธอ ไหมแก้วก็ขอตีตัวออกห่าง
“ไปบอกให้เขาทำเพื่อชาวบ้าน ทำเพื่อคนที่เลือกเขาเป็นตัวแทนพัฒนาท้องถิ่น นั่นเป็นหน้าที่ของเขา” ไหมแก้วพูดเสียงเรียบ แล้วเดินผ่านเด็กสาวที่ทำตาละห้อยลงเรือนไป เพื่อนำยาทาแก้ฟกช้ำไปให้ชายหนุ่มคู่ซิ่งของตรีรัตน์ที่โรงเลี้ยงช้าง เมื่อใกล้ถึงก็ได้ยินเสียงหัวเราะใสคล้ายระฆังแก้วของธิดาดังกังวานตามสายลม
ธิดามีความคล้ายคลึงกับดวงแขนัก ทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความงดงามเปล่งประกาย นี่อาจเป็นเหตุผลให้นายพนาต้องการตัวน้องสาวของสถาปนิกหนุ่ม แต่ธิดาไม่ได้อาภัพเหมือนกับดวงแข เพราะเธอมีคนคอยดูแลเอาใจใส่รักใคร่ ไม่ทิ้งขว้างหรือทำราวกับเป็นขยะไร้ค่า
“ผมก็คิดว่าจะใช้รถเจ้าหล่อนไปซื้ออะไหล่ให้พี่ แต่ยายบ้านั่นขี่ออกจากบ้านมาได้ยังไง ทั้งที่รู้ว่าเบรกมันพัง” ตฤณบ่นอุบอิบ
“ป่านนี้ให้วิ่งเข้าไปซื้อในเมือง เดี๋ยวจะกลับกรุงเทพฯ ดึกเกินไป เอาไว้กูหาทางซื้อเองทีหลังก็แล้วกัน ส่วนเรื่องเพลงพิณ บอกกลางว่ากูจะดูแลให้ ไม่ต้องเป็นห่วง”
“แต่ถ้าเอาเพลงพิณมาฝากแล้วเพิ่มความลำบากให้พี่ก้องไปด้วย ธิดาจะกลับไปบอกกลางเอง”
ก้องปฐพีส่ายหน้า “อย่าเลย อย่าลืมสิว่าเขาเป็นอะไรของเรา”
ผู้เป็นน้องทำหน้าหงอ “ค่ะ ธิดาทราบ แต่พี่ก้องต้องระวังตัวนะคะ มาไม่กี่วันไปสร้างศัตรูเสียแล้ว”
“ก็คงเป็นช่วงดวงตก” ก้องปฐพียิ้ม แล้วหันไปพูดติดตลกกับลูกช้างน้อยที่ได้กินนมอัดเม็ดจากธิดาสมใจ “นี่เจ้าสายป่าน แกโตพอจะให้ฉันลอดท้องล้างซวยหรือยัง”
“พี่ก้องละก็ ทำเป็นเล่นอยู่เรื่อย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกธิดา ถ้าเขาบาดเจ็บใกล้ตาย ฉันจะยื้อชีวิตให้” ไหมแก้วจึงเดินเข้าไปพูดกับคนน้อง แต่สายตานั้นจับจ้องที่คนพี่ ก่อนส่งยาให้ชายหนุ่มอีกคน
“ฟังดูเบาใจยังไงไม่รู้ค่ะ” ธิดายิ้มตอบ แล้วหันไปมองพี่ชายของตน จนคนถูกมองถามกลับ
“มีอะไรหรือธิดา”
“เปล่าค่ะ แค่อยากมองหน้าพี่ก้องนาน ๆ ให้หายคิดถึง”
ธิดาว่าแล้วกอดพี่ชายแน่นเป็นการล่ำลา จากนั้นออกเดินทางกับตฤณกลับเมืองหลวง ส่วนก้องปฐพีก็มีเรื่องต้องบอกกับคุณหมอสาว นั่นคือการแจ้งว่าเขาทำรถคู่ชีพของเธอหาย ซึ่งเธอก็เคืองมากทีเดียว ถึงจะเสนอว่าเขาขอรับผิดชอบด้วยการถอยคันใหม่ไฉไลกว่าให้ แต่คุณหมอสาวก็ไม่มีทีท่าจะให้อภัย
เธออาจเป็นพวกที่ชอบปักใจหรือยึดติดกับสิ่งเก่า ๆ กระมัง ถึงได้ไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรเลยในชีวิต แต่มันจะใช่สาเหตุของร่องรอยความเศร้าบนใบหน้าหวานของเธอหรือเปล่า แล้วฝันร้ายของเธอในคืนนั้นเล่า จะใช่สิ่งที่รบกวนความสุขของเธอหรือไม่
ก้องปฐพีไม่รู้ตัวเลยว่า หลายคำถามที่เกี่ยวกับคุณหมอสาวนั้น รบกวนจิตใจเขายิ่งกว่าข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ด้านการงาน หรือการถูกหมายหัวจากนักเลงเจ้าถิ่นเสียอีก