เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ
แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย
แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน
กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ
และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น
ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา
*** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๑๓
จบเกมซ่อนหากับจูบเสี่ยงตาย
บ้านพักคนงานของบริษัทชลธารคอนสตรักชันถูกสร้างจนเสร็จเรียบร้อยไว้ตรงทางเข้าหมู่บ้าน ขนาบถนนสายเล็กสองข้างซ้ายขวา ส่วนงานปรับพื้นที่ก็ดำเนินต่อไปใกล้สมบูรณ์ตามแผนของรองประธานหนุ่ม ซึ่งต้องสั่งงานผ่านนายช่างใหญ่แทนการควบคุมงานด้วยตัวเอง
และนับจากวันที่มีคนพบเจ้าแก่ถูกนำมาทิ้งอย่างจงใจ ก้องปฐพีก็จำต้องซ่อนตัวอยู่แต่ในเรือนพักตามคำขอของผู้ใหญ่บ้าน เช่นเดียวกับเพลงพิณซึ่งก็เริ่มออกอาการเบื่อหน่ายตามประสาคนวัยคะนอง
“ผมว่าไอ้โจทก์ของพี่มันยังรอจ้องจะเล่นงานพี่อยู่ ต่อให้มาหลบอยู่ในนี้ ถ้ามันสบโอกาสเมื่อไหร่ มันก็คงลงมือ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดในเช้าวันรุ่งขึ้นที่รู้ตัวว่าจะไปไหนไม่ได้ นอกจากขลุกอยู่แต่บนเรือนพักอาศัยหลังนี้
ก้องปฐพีถอนหายใจ วางมือจากการร่างรูปสเกตช์ หันหน้าไปมองทิวเขาไกลสุดลูกหูลูกตาจากชายคาเรือน เห็นเมฆเทาตั้งเค้าเตรียมเคลื่อนทัพเข้ามาโปรยหยาดฝนตามสายลมแรงที่พัดยอดไม้ใหญ่จนลู่เอนด้วยแววตากังวล เพราะหากสัปดาห์หน้าทั้งสัปดาห์มีฟ้าฝนกระหน่ำตามพยากรณ์อากาศ นั่นหมายความว่างานฟื้นฟูจะล่าช้าไปอีก
“เหมือนมันกำลังบีบให้เรามีทางเลือกแค่สอง หนึ่งคือยอมกราบแทบเท้าขอประทานอภัยจากมัน และสองคือการออกไปเจอมันตัวต่อตัว” เพลงพิณยังส่งเสียงกรอกเข้าหูเขาต่อไป
“แล้วถ้าเป็นแก แกจะเลือกทางไหน” ชายหนุ่มหันหน้ามาถาม
“ก็ต้องอย่างหลังสิพี่ เรื่องอะไรจะลดศักดิ์ศรีไปแนบหน้าหล่อ ๆ ของผมบนฝ่าเท้าหยาบของมันล่ะ” เด็กหนุ่มยืดอกพูด “และถ้ามันมีศักดิ์ศรีพอ มันก็ต้องออกมาสู้กับผมซึ่ง ๆ หน้า ไม่ใช่ใช้วิธีสร้างความเดือดร้อนให้คนที่เรารัก แบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
ชายหนุ่มยังเงียบฟังนิ่ง แล้วก็ผ่อนลมหายใจก่อนเปรยคำพูดออกมา “นั่นสินะ การหลบซ่อนอยู่แบบนี้ เราก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายเหมือนกัน” จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน บอกกับเพลงพิณ “กูจะลงไปซ่อมเจ้าแบล็กแบร์ หมดเวลาเล่มเกมซ่อนแอบแล้ว”
“ผมจะไปเป็นลูกมือ” เด็กหนุ่มเด้งตัวขึ้น เดินลงบันไดตามไปด้วยความไว
แต่พอเพลงพิณกระโดดจากบันไดขั้นสุดท้าย ก็พบว่าไม่ได้มีแค่ก้องปฐพีที่ยืนข้างซูเปอร์ไบค์คู่ชีพ แต่ยังมีตรีรัตน์ เด็กสาวคนเมื่อวานยืนอยู่ด้วย
“เธอมาทำอะไรที่นี่” ก้องปฐพีถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าไร้รอยยิ้ม
“ฉัน...ฉันก็มาดูว่าพี่ซ่อมรถเสร็จหรือยังน่ะสิ” ตรีรัตน์ตอบน้ำเสียงหวาด ๆ
ก้องปฐพีหัวเราะในลำคอ แล้วคว้าถุงกระสอบเปิดอ้าออก หยิบอะไหล่บางชิ้นขึ้นมา “ของพวกนี้ราคาไม่ใช่ถูก ๆ เธอไปหาซื้อมาได้ยังไง”
“ฉันหามาได้ยังไงก็ช่างฉันเถอะน่า”
“เท่าไหร่” ชายหนุ่มถาม
เด็กสาวพ่นลมหายใจ เริ่มไม่สบอารมณ์ “ไม่คิดตังค์”
“เท่าไหร่” ก้องปฐพีถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น
“ราคาเท่ากับห้ามพี่เข้าใกล้พี่ไหม หรือไม่ก็เท่ากับเวลาที่พี่จะไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด พี่จ่ายให้ได้ไหม”
คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดมุ่น “พูดอะไรของเธอ”
ตรีรัตน์ทำท่าฮึดฮัด “เอาน่ะ อย่าสนใจ พี่รีบซ่อมรถเร็ว ๆ เถอะ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อน”
“ใครเดือดร้อน” ก้องปฐพีกอดอกถามด้วยใบหน้าจริงจัง “อ้อ จริงสิ ดูเหมือนว่าเธอจะตกใจไม่น้อยตอนเห็นสภาพเจ้าแก่ ทั้งที่เธอก็รู้ว่ารูกระสุนนั่นเป็นฝีมือใคร”
เด็กสาวพ่นลมหายใจ “ใช่ ฉันรู้ และฉันก็รู้ว่าการที่เจ้าแก่ถูกเอามาทิ้งไว้ตรงทางเข้าหมู่บ้าน ก็เพื่อประกาศสงครามชัดเจน และก็รู้ว่ามันไม่หยุดแค่นี้จนกว่าเลือดพี่จะนองพื้น!”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการไม่ให้ฉันเข้าใกล้คุณหมอ”
ตรีรัตน์เม้มปากแน่น แล้วคว้าถุงกระสอบลากเข้าไปวางข้างซูเปอร์ไบค์ที่ไม่สมประกอบรอการซ่อมแซม จากนั้นหันมาพูดเสียงขุ่น
“ตกลงจะซ่อมหรือไม่ซ่อม ถ้าไม่ซ่อม ฉันจะเอาอะไหล่คืน”
เขาส่ายหน้าระอาใจ หันไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนทำตัวเงียบ “พิณ ลงมือกันเลย”
จากนั้นกระบวนการถอดชิ้นส่วนและประกอบร่าง ซ่อมแซมส่วนที่ใช้การไม่ได้ แล้วใส่อะไหล่ชุดใหม่เข้าไปก็เริ่มต้น เพลงพิณเป็นลูกมือที่รู้ใจ ด้วยเพราะเรียนมาทางสายช่างกล จึงช่วยให้การซ่อมเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเข้าขากันกับชายหนุ่มที่ตั้งหน้าตั้งตาปลุกชีวิตให้รถคู่ใจ
“ฉันไม่อยากเสียพี่ไหมไป” เสียงตรีรัตน์ลอยแทรกมาในอากาศระหว่างก้องปฐพีหยิบจับเครื่องมือ “ฉันไม่อยากเสียพี่ไหมไป พี่ได้ยินไหม”
ก้องปฐพีหยุดมือเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบแก้มกับแขนเสื้อ แล้วเบนสายตาไปมองใบหน้าเง้างอ ดวงตาฉ่ำชื้นของเด็กสาว ก่อนสับเปลี่ยนเครื่องมือเพื่อซ่อมแซมจุดอื่นของเจ้าแบล็กแบร์ต่อ พลางเอ่ยคำพูดกับตรีรัตน์ว่า
“เธอคิดว่าถ้าคุณหมอเข้าใกล้ฉันแล้วทำให้คุณหมอโดนหางเลขไปด้วย เธอก็ควรกลับไปบอกคนของเธอนะว่าควรจะเล่นกับฉันตรง ๆ ไม่ใช่ไปสั่นประสาทคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”
“ฉันไม่กลัวพี่ไหมโดนหางเลข เพราะพี่เอกต้องไม่ให้ใครทำอะไรพี่ไหมแน่ แต่ที่ฉันกลัว...”
ตรีรัตน์ยกเข่าขึ้นชันแล้วโอบกอดขาทั้งสองแน่น กัดริมฝีปากตัวเอง มองเขาด้วยดวงตารื้น ยังไม่ยอมปริปากบอก เห็นแล้วก็รู้สึกอ่อนใจ จึงฝากเพลงพิณให้ช่วยสานงานต่อ ส่วนเขาลุกไปดึงแขนเด็กสาวให้ยืนแล้วพาขึ้นไปบนเรือน
“เธอกลัวอะไร เล่าออกมาให้หมด” แล้วตั้งคำถามโดยนั่งหันหน้าเข้าหาเด็กสาว จ้องใบหน้าของเธอแน่วนิ่ง
ตรีรัตน์ช้อนตามอง ชั่งใจว่าจะบอกเขาอย่างไร “สัญญาว่าจะไม่หัวเราะฉัน”
ก้องปฐพีชูนิ้วชี้นิ้วกลางและนิ้วนางเรียงกัน “ด้วยเกียรติลูกเสือรุ่นใหญ่”
ตรีรัตน์สูดหายใจเข้าลึก นั่งขัดสมาธิ ยืดตัวตรง “ฉันกลัวพี่ไหมจะไม่กลับไปคบหาพี่เอก กลัวพี่ไหมจะสนใจคนอื่นมากกว่า กลัวพี่ไหมจะ...”
“เธอกลัวว่าฉันจะพรากคุณหมอไปจากเจ้าแว่นหน้าจืดขี้โมโห” ชายหนุ่มช่วยสรุปให้สั้น ๆ
ตรีรัตน์ไหวไหล่ “ก็ทำนองนั้น เพราะฉันไม่เคยเห็นพี่ไหมยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เกินหนึ่งช่วงแขน ถ้าไม่ใช่คนไข้หรือพี่เอก”
พอได้ยินแบบนั้น ก้องปฐพีก็เผลอยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ แต่ก็ต้องรีบหุบความปลื้มปีติไว้ในตอนที่เด็กสาวส่งตาดุมาให้
“แล้วสุดท้าย...” ตรีรัตน์พูดต่อ “ฉันกลัวพี่เอกเสียใจ”
“ถ้าพี่เอกของเธอรักคุณหมอจริง ความรักของเขาก็คือการเห็นคุณหมอมีความสุขไม่ใช่หรือ”
“แต่พวกเขาเคยมีความสุขร่วมกัน แล้วก็เกือบจะได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ถ้าไม่เกิดเรื่องเสียก่อน!”
ความปรีดาในนาทีก่อนหน้าจางหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก ตามมาด้วยสีหน้าหม่นของคุณหมอสาวที่ปรากฏขึ้นในหัวโดยอัตโนมัติ หรือว่าเรื่องนี้เองที่เป็นเหตุผลของความเศร้าที่เธอกักเก็บไว้ในใจมาตลอด
“เรื่องอะไร...” ก้องปฐพีถามไม่เต็มเสียงนัก แต่ก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับใบหน้าหมองเศร้าของไหมแก้วให้มากขึ้น “เกิดเรื่องอะไรระหว่างคุณหมอกับพี่ชายเธอ”
ตรีรัตน์อ้ำๆ อึ้ง ๆ ในทีแรก แต่ในที่สุดก็ถอนหายใจแล้วร่ายเรียงคำพูดจากความทรงจำ “เพราะมีมือที่สาม ทำให้พี่ไหมตัดสินใจล้มงานแต่งทั้งที่ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อม”
“มือที่สาม?” ชายหนุ่มทวนคำ
“มือที่สาม...พี่ดวงแข” ตรีรัตน์พูดพลางยกสองมือลูบแขน แหงนตามองไปรอบ ๆ เรือน ก่อนหันดวงตากลับมามองชายหนุ่ม “พี่ไหมเชื่อว่าพี่เอกกับพี่ดวงแขลอบมีความสัมพันธ์กันจนพี่ดวงแขตั้งครรภ์”
“เดี๋ยวก่อน ดวงแขตั้งครรภ์กับนายแว่น แล้วทำไมดวงแขถึงไปนอนเป็นร่างไร้วิญญาณในบ้านพักกลางป่ากับนายพนา”
ชายหนุ่มขอขัดเพราะเรื่องที่ได้ยินขัดกับความเป็นจริง หลังจากเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษบุกค่ายโจรช่วยธิดาออกจากถ้ำในป่าได้ พวกเขายังค้นพบว่ามีร่างผู้หญิงสมองตายถูกเชื่อมต่อกับเครื่องช่วยหายใจบนเตียงในบ้านพักของโจรป่า และคนที่ยืนยันว่าศพนั้นเป็นดวงแขก็คือคุณหมอไหมแก้ว
“ก็เพราะเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของพี่เอก แต่เป็นลูกของเจ้าโจรชั่วนั่นน่ะสิ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมคุณหมอถึงเลิกกับพี่ชายเธอ” ชายหนุ่มย้อนถาม “มีการพิสูจน์ชัดแล้วหรือว่าเด็กในท้องเป็นลูกใคร”
ตรีรัตน์แสดงอารมณ์บึ้งตึงกลับ “มีคนเห็นพี่ดวงแขกับนายพนาลอบเจอกันที่ริมน้ำตกหลายครั้ง”
“แค่เขานัดเจอกัน จะไปลงความเห็นว่าเขาต้องเป็นอะไรกัน มันไม่ง่ายไปหรือ”
“มันไม่ง่ายไปหรอก ถ้าพี่ดวงแขไม่แอบพานายพนามารักษาบาดแผลที่ถูกยิงในเรือนหลังนี้ แล้วอยู่กินร่วมห้องกับนายพนาเป็นเดือน มีหรือที่จะไม่เกิดอะไรขึ้น มีหรือที่ไอ้โจรใจทรามจะไม่ปลุกปล้ำผู้หญิงสวยเจ้าของฉายาหนึ่งในตองอู”
“แล้วดวงแขหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับนายพนาทำไม ถ้าดวงแขมีใจให้นายแว่นพี่ชายของเธอจริง” ก้องปฐพีคืบถามต่อไป ในหัวนั้นก็มีภาพคุณหมอสาวผุดขึ้นมา หากดวงแขพานายพนามารักษาตัวแล้ว คนที่เกี่ยวข้องด้วยมีหรือที่จะไม่พ้นคุณหมอสาว
ดวงตาของตรีรัตน์ลุกวาวด้วยความโกรธ “ไอ้พนามันส่งคนมาฉุดพี่ดวงแขไป แล้วมันยังใจสัตว์ฆ่าป้าลาโพแม่ของพี่ดวงแขทิ้งไว้กลางป่า”
ก้องปฐพีสูดลมหายใจเข้าลึก แม้จะพอรู้อยู่ว่านายพนามีใจโหดเหี้ยมแค่ไหน แต่เหตุใดถึงต้องฆ่ามารดาของผู้หญิงที่ตนรัก หากเป็นเรื่องจริง ย่อมสร้างความหวาดหวั่นให้แก่ชาวบ้านทั้งหลาย แล้วอีกคนที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวผู้นั้นเล่า เขารู้สึกอย่างไร
“แล้วพี่ชายเธอล่ะ เขาดีใจหรือเสียใจ"
ตรีรัตน์ส่ายหน้า “พี่เอกเอาแต่เมาหัวราน้ำในคืนเกิดเหตุ”
“แล้วคุณหมอทำอะไรในคืนนั้น”
ตรีรัตน์ส่ายหน้าช้า ๆ “ฉันไม่รู้เลย รู้แต่ว่าหลังจากเกิดเหตุแค่วันเดียว พี่ไหมก็กลายเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจา ส่วนพี่ชายของฉันก็เป็นโรคซึมเศร้าไปเกือบปี กว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ได้ก็เพราะพี่ไหมยอมให้เขาพบหน้าให้คุยด้วย นี่แหละฉันถึงไม่อยากเสียพี่ไหมให้คนอื่น เพราะฉันกลัว...กลัวพี่เอกจะเสียใจจนลุกขึ้นมายืนอีกครั้งไม่ได้”
เรื่องราวในอดีตของคุณหมอสาวและสิ่งที่เกิดขึ้นกับดวงแขถูกเผยออกมา แต่ความหม่นเศร้าในแววตากับอาการหวาดกลัวของเธอจะเกี่ยวกันกับเรื่องที่ตรีรัตน์เล่าหรือไม่ ไหมแก้วเห็นอะไรในฝันร้ายคืนนั้น เหตุใดเสียงฟ้าร้องจึงมีอิทธิพลกับคนที่จิตใจเข้มแข็งอย่างเธอกัน นั่นเป็นสิ่งที่ยังค้างคาในใจชายหนุ่ม
“นายน้อย นายน้อยครับ!”
เสียงของนายช่างใหญ่ที่ตะโกนเรียกจากด้านล่างเรือนดึงเขาออกจากความคิดแล้วรีบเดินลงไปหา ส่วนเพลงพิณก็รีบวางมือจากงานซ่อมรถแล้วเดินมาสมทบ
“มีอะไรหรือครับนายช่างใหญ่” ก้องปฐพีเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนายช่างอาวุโสจึงรีบไต่ถาม
“พวกคนงานของเราอาเจียนจนสลบกันไปหลายคนแล้ว!”
เศษกระดาษปริศนายังถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี เช่นเดียวกับร่างของป๋องที่นอนสงบนิ่งในช่องเก็บศพเย็นจัด ระพีพัฒน์จ้องมองร่างไร้วิญญาณสักพักแล้วกลับไปยังห้องสารวัตรอัชวินที่เพิ่งเสร็จการประชุมรายงานความคืบหน้าของคดีต่าง ๆ
“หันไปทางไหนก็เจอแต่ปริศนา” เสียงบ่นและใบหน้าของสารวัตรใหญ่ไม่ปรากฏแววความสุขเท่าไร เหตุเพราะคดีหลักที่เขาทำอยู่ยังไม่มีประตูไปสู่ความกระจ่าง
“เป็นแค่บาร์เทนเดอร์ คงไม่ทำให้ผมเข้าถึงข้อมูลมากนัก” ระพีพัฒน์จับประเด็นสำคัญจากใบหน้าของสารวัตรได้ทันทีที่สารวัตรกระแทกร่างลงบนเก้าอี้ประจำตำเหน่ง มองชายหนุ่มอาสาสมัครด้วยสายตาคาดคะเน
การใช้โคโยตี้เป็นสายลับคงต้องใช้เวลากว่าจะได้หลักฐานทางวาจา ซึ่งทางกรมคงไม่รอนานขนาดนั้น แม้สารวัตรอัชวินจะอธิบายกับผู้ใหญ่ไปแล้วว่า กำลังทำตามแผนปล่อยกระสุนปืนนัดเดียวให้ได้นกสองตัว แต่ผู้มีอำนาจเหนือกว่ากลับยื่นคำขาดว่า เขาต้องมีไอ้ตัวร้ายสมุนของนายพนาอยู่ในตะรางอย่างน้อยหนึ่งคนภายในสองเดือน
“อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ แต่อย่าวู่วามนัก”
สารวัตรเตือนแค่นั้น ก็ทำให้ระพีพัฒน์เข้าใจได้เองว่า เขาได้รับคำอนุมัติให้ก้าวขาเข้าเขตอันตราย ชายหนุ่มจึงคว้าถุงใส่ของกลางที่ภายในมีกระดาษห่อหมากฝรั่งขึ้นมาพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง โดยยังไม่รู้วิธีแก้ไขปริศนา แต่หนทางที่จะเข้าใกล้ปมได้ดีที่สุดคือการมอบตัวเป็นทาสรับใช้เสี่ยอย่างที่ป๋องเคยทำ
ในวันต่อมา ระพีพัฒน์ยังทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์เพื่อหาวิธีเข้าถึงตัวเสี่ยเกียงที่มักใช้เวลาเสพยากับมัวเมาลูกจ้างสาวในผับ แต่ความเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถของเขามีสายตาของนายสำริดจับจ้องตลอดเวลาราวกับว่ามันกลายร่างเป็นกล้องวงจรปิด
“ไอ้สำริดมันไม่ไว้ใจคุณ”
เสียงหญิงสาวกระซิบจากด้านหลัง แต่ระพีพัฒน์มิอาจหันกลับไป เพราะจะยิ่งทำให้เป็นเป้าสายตา จึงทำงานต่อตามหน้าที่ หยิบแก้วออกมาเรียงและเตรียมของมึนเมาทั้งหลายให้พร้อมสำหรับการต้อนรับลูกค้ายามที่ประตูผับเปิด
“จริง ๆ แล้วมันไม่เคยไว้ใจใคร” น้ำเสียงของคนเดิมยังวนเวียนที่ด้านหลัง “แต่ถ้าคุณคิดจะส่องพฤติกรรมเขา คุณอาจถูกเขาส่องกลับด้วยลูกกระสุน”
เป็นข้อมูลสำคัญที่เขาต้องจำเอาไว้ ภายใต้แว่นตากันแดดฉาบปรอทคงกำลังจ้องมองเขาอยู่อย่างระแวดระวัง และมือของเขาผู้นั้นก็มักจับอยู่ตรงตำแหน่งบั้นเอวคล้ายเตรียมพร้อมชักอาวุธขึ้นเล็งได้ทุกวินาที จนเขาคิดว่าถ้านายสำริดไม่ได้งานเป็นคนคุมผับ ก็อาจเป็นบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัยให้บุคคลสำคัญ
ไม่ทันได้หมดกลิ่นอายความคิด หญิงสาวคนงามที่เขากำลังนึกถึงก็ปรากฏกายเข้ามา รูปร่างสะโอดสะองในชุดเดรสสีดำสนิทส่งให้คุณนายดาราดูเฉิดฉายน่ามอง แต่สิ่งที่จับจองดวงตาของระพีพัฒน์ให้หยุดนิ่งคือดวงตาโศกคู่งามของเธอ
“คืนก่อนนั้น คุณนายคุยอะไรกับเธอ” ระพีพัฒน์กระซิบพลางเช็ดแก้วไปด้วย
“คุณนายบอกว่าจะมีงานสำคัญให้ฉันทำ” เธอตอบจากด้านหลัง ในขณะที่แสร้งเปิดตู้แช่เบียร์แล้วเปิดฝา
“งานอะไร” ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปหยิบเหล้าขวดใหม่ลงจากชั้น
“คุณนายยังไม่ได้บอก” เธอเวียนตัวเองมาด้านหน้า ส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมงานสาวที่เดินไปเดินมา “แต่คืนนี้คุณนายจะไม่อยู่”
แต่ในตอนนั้นเอง เอื้อยก็ต้องรีบเงียบปาก เพราะมีสาวเชียร์เบียร์ที่มั่วกับเสี่ยในวันก่อนตอนเธอลอบขึ้นไปบนห้องชั้นสอง เข้ามานั่งเท้าคางที่เคาน์เตอร์บาร์แล้วส่งสายตาหวานให้บาร์เทนเดอร์หนุ่ม เธอจึงต้องปลีกตัวออกไป แต่แอบส่งสายตามาให้คล้ายเตือนให้เขาระวังภัย
“วันนี้หนูไม่ได้ทำงาน แต่ไม่รู้จะไปไหน เลยขอมาเป็นลูกค้าพี่ชายสักวัน” เจ้าหล่อนจีบปากจีบคอพูด
“แล้วจะรับอะไรดีครับ คนสวย” ระพีพัฒน์กลับไปสวมบทบาทบาร์เทนเดอร์กำมะลอด้วยความไว
“รับผู้ชายฮอต ๆ อย่างพี่ จะเสิร์ฟให้ได้หรือเปล่าคะ” หญิงสาวขยับชุดสายเดี่ยวที่อวดเนินอิ่ม ส่งยิ้มพริ้มเพรา เอ่ยประโยคเชิงหมาหยอกไก่
“ถ้าเสิร์ฟได้ จะรับแบบไหนดีล่ะ” เมื่อหยอกมาจึงหยอกกลับด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
สาวเจ้าเลื่อนตัวเข้าใกล้ อวดอกอิ่มล้นให้ชายหนุ่มมองด้วยความเต็มอกเต็มใจ “ขอเป็นออนเดอะเบดก่อน แล้วค่อยต่อเป็นออนเดอะฟลอร์ แต่ถ้าพี่มั่นใจว่ามีดีกรีแรงพอ ชงให้หนูต่อแบบซันไรส์เป็นเมนูสุดท้าย”
เรียวปากหยุดกระตุกยิ้ม รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวต้องการอะไร เขาเหลือบตาลอบมองนายสำริดที่ยังยืนจดจ้องจากด้านหลังฝูงชน ก่อนผินหน้าไปทางเสี่ยเกียงที่กำลังซุกไซ้ผิวเนื้อของเด็กสาวรุ่นที่ยอมแลกความบริสุทธิ์กับเงินตราบนโซฟาในมุมมืด จากนั้นยื่นหน้าไปกระซิบเสียงแผ่วข้างใบหู
“เที่ยงคืนครึ่ง ไปเจอพี่ที่ห้องล็อกเกอร์ชาย”
เจ้าหล่อนยิ้มตอบกลับราวกับคนได้รับชัยชนะ แล้วหมุนตัวเดินออกจากเคาน์เตอร์บาร์ ตรงไปยังกลางฟลอร์ เอื้อยกำลังร่ายมนตร์เสน่ห์ยั่วยวนแขกชายให้โยกไปตามท่วงทำนองของบทเพลง แต่ดวงตาของเธอมุ่งหมายจับจ้องมาทางเขา
ระพีพัฒน์หยิบกระดาษเช็ดปากเขียนข้อความ แล้วแอบม้วนสอดเข้าไปในแท่งอบเชย ก่อนยกขึ้นปักลงในแก้วค็อกเทล คว้าเหล้าดีกรีแรงพร้อมเบอร์รีไซรัปรินลงไปตามสัดส่วนที่ต้องการ เขย่าน้ำแข็งกับโซดาในมิกเซอร์ให้เข้ากัน ก่อนรินใส่แก้วเกิดพรายฟอง แล้ววางบนเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนส่งสายตาให้แก่หญิงสาว
ไม่นานนักก็มีแขกหนุ่มหน้าอ่อนเข้ามารับมันไปปรนเปรอโคโยตี้สาวไฟแรงสูงแห่งปี ส่วนบาร์เทนเดอร์กำมะลอก็ทำงานต่อไป กระทั่งเข็มสั้นและเข็มยาวของนาฬิกาซ้อนทับกันบนเลขสิบสอง จึงเดินเข้าห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย โยนเป้และกุญแจรถไว้ในล็อกเกอร์กลิ่นอับ ลอกคราบชุดบาร์เทนเดอร์ออกเผยเรือนกายกำยำของบุรุษเพศ พลางคิดถึงคำเตือนเรื่องนายสำริดของโคโยตี้สาว ที่บัดนี้เงาสะท้อนของเธอปรากฏอยู่บนกระจกแตกร้าวของตู้ล็อกเกอร์
เขาลอบยิ้มแล้วหันตัวกลับไป พิงหลังกับตู้ล็อกเกอร์ มองร่างอรชรในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวรัดรูปสีแดงเพลิงที่เดินนวยนาดเข้ามาหา พร้อมกับชูกระดาษแผ่นจิ๋วที่ลายมือของเขาเขียนไว้ว่า
“ที่ล็อกเกอร์ชาย เที่ยงคืน” เธอเอ่ยเสียงเบาจนเกือบคล้ายกระซิบ ตำหนิเขาด้วยดวงตาขุ่นข้อง “คุณรู้ไหมว่าคุยกันที่นี่มันเสี่ยง”
“ฉันไม่อยากเป็นบาร์เทนเดอร์ รายได้มันไม่พอจุนเจือชีวิต”
“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ” มีเครื่องหมายคำถามเขียนบนใบหน้าโคโยตี้สาว
“ฉันอยากเป็นมากกว่านั้น”
“ที่เป็นอยู่ก็เสี่ยงมากพอแล้ว” เอื้อยก้าวขาเข้ามาพูดใกล้ ๆ แต่เบาจนคล้ายกระซิบ
“เป็นแค่บาร์เทนเดอร์ไม่เสี่ยงหรอก” ระพีพัฒน์นึกขบขันความไร้เดียงสาในใจ แต่ปฏิกิริยาแบบนี้คือสิ่งที่เขาต้องการ เขาใช้มือหนาทั้งสองรวบเอวบางเข้ามาแนบชิดตัวเอง
“เป็นชู้กับเธอสิ เสี่ยงกว่า” พูดแล้วเคลื่อนใบหน้าเข้าไป จ้องมองดวงตาคู่โศกใกล้กว่าที่เคย
ไม่ทันให้เธอรู้ตัว ปากหยักโน้มแนบประทับรอยจูบบนเรียวปากบางสีแดงเลือดนก ไล่มือจากเอวคอดขึ้นมาแตะสายเดี่ยวของเดรสสีแดงสดแล้วดึงลง ส่งมือร้อนลูบไล้เนินไหล่เนียน ก่อนดูดกลืนเรียวปากบางหนักหน่วงอีกหน จากนั้นพลิกตัวเธอให้หลังแนบชิดกับตู้ล็อกเกอร์ เบียดร่างแกร่งของตัวเองแนบสนิทกับหญิงสาวที่อยู่ในสภาวการณ์ตื่นตระหนก หายใจหอบสั่น
“ทำ...ทำอะไรของคุณ”
“แค่เร่งเกมซ่อนหาให้จบไว ๆ”
ชายหนุ่มกระซิบเสียงแผ่ว แล้วแนบปากร้อนบดกับเรียวปากอิ่มรสเบอร์รีเจือกลิ่นเหล้าดีกรีแรงที่เขาชงพิเศษให้เฉพาะเธอ แต่ดูเหมือนคนที่กำลังดื่มด่ำและถูกใจในรสชาติจนยากจะถอนปากออกจากความหวานเจือความขมกลับเป็นเขาเสียเอง
แต่แล้วทุกอย่างกำลังเป็นไปตามกลลวงที่ระพีพัฒน์ตั้งใจ เพราะมีความหยาบกร้านของมือใหญ่ที่คืบเข้ามารวบต้นคอของเขาแน่นราวกับจะบีบให้แหลกตายพร้อมกับเสียงกระโชกแหบห้าว
“มึงชอบเรื่องเสี่ยง ๆ มากนักใช่ไหม