เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงาเธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
ก้องปฐพีต้องไถ่โทษชดเชยให้ธิดาผู้เป็นน้องสาว(จากเรื่องลมห่วรัก)ที่เป็นสาเหตุให้หมู่บ้านช้างของหมอไหมแก้ววอดวาย แต่ที่หมู่บ้านนี้มีเงื่อนงำเหตุการตายของหญิงสาวคนหนึ่ง ความลับนั้นถูกไหมแก้วเก็บไว้ และไม่กล้าเปิดเผยเพราะถูกผู้มีอิทธพลบีบคั้น ก้องปฐพีจึงช่วยเหลือเธอค้นความจริงเพื่อปลดปล่อยไหมแก้วให้เป็นอิสระ
“ผมว่าเราควรจะสรุปให้ชัดเจนตอนนี้เลยว่า ผู้ใหญ่บ้านจะให้ผมส่งคนงานของผมเข้ามาฟื้นฟูหมู่บ้านแทนชลธารคอนสตรักชันหรือไม่ เพราะถ้าชักช้าผมเกรงว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้”
ว่าที่นายก อบจ. คนใหม่ขยับแว่นเล็กน้อยแล้วพูดด้วยท่าทีสุขุมกับผู้ใหญ่บ้านและทุกคนที่มารวมตัวกัน หลังจากเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสและนำกำลังคนเข้าตรวจค้นรถขนคนงานบริษัทชลธารคอนสตรักชัน แล้วพบว่ามีห่อยาเสพติดซุกซ่อนในรถจริง
ก้องปฐพีต้องต่อสายหาทนายความของบริษัทให้มาเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ แม้จะยังไม่สามารถปล่อยตัวคนงานทั้งหมดได้ เพราะต้องนำกลับไปสอบสวนที่โรงพัก แล้วรอดำเนินการประกันตัวตามขั้นตอนต่อไป
ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจหนัก หันสายตาไปทางนายสถาปนิกหนุ่มที่นั่งฟังด้วยท่าทางนิ่งสงบ แต่ดวงตาสีนิลนั้นมีประกายความขุ่นมัวชัดเจนอย่างรู้สึกได้
“แน่นอนว่าความเป็นอยู่ของชาวบ้านต้องมาก่อน” แต่ในที่สุดก็ต้องตัดสินใจพูดพร้อมกับส่งสายตามองชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีนิล “คุณคงเข้าใจผมนะ คุณก้องปฐพี”
ก้องปฐพีคลี่ยิ้มตอบ “ผมเข้าใจครับ ถ้าการประกันตัวคนงานชุดนี้ล่าช้า กว่าที่จะรอชุดใหม่ส่งมาก็คงอีกนาน ผู้ใหญ่บ้านให้คุณเอกรัตน์เข้ามาทำระหว่างนี้ แล้วถ้าผมจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย”
“ไม่ต้อง เรื่องนั้นผมจะจัดการเอง” เอกรัตน์บอกปัดน้ำใจ หันไปส่งสายตาเฉียบขาดให้แก่ผู้หวังดี “เท่าที่ผมทราบ ยังมีงบประมาณพอเพียงที่จะมาฟื้นฟูหมู่บ้านช้าง”
“แต่งบประมาณพวกนั้นต้องนำไปใช้กับงานสาธารณสุขของหมู่บ้านอื่นด้วย ถ้าเอามาใช้ที่นี่ที่เดียว ที่อื่นก็จะเดือดร้อนนะคะคุณเอกรัตน์”
หากคนที่แย้งนั้นเป็นผู้ใหญ่บ้าน เขาอาจพูดหว่านล้อมให้คล้อยตาม แต่เพราะเป็นไหมแก้ว เอกรัตน์จึงรู้สึกเหมือนถูกตอกหน้าด้วยตะปูตัวโต
“เรื่องนั้นผมก็จัดการได้” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปจึงกดต่ำ ข่มความขุ่นไว้ภายใต้ดวงตาหลังเลนส์ “เชิญคุณหมอไหมแก้วทำงานของคุณหมอไปได้อย่างสบายใจ ผมสามารถฟื้นฟูหมู่บ้านช้างที่วอดวายจากฝีมือโจรได้โดยไม่ต้องพึ่งคนต่างถิ่น”
“คุณเอกรัตน์ยืนยันแบบนั้น ผมคงวางมือได้โดยไม่ต้องเป็นห่วง” ก้องปฐพีเรียกสายตาของว่าที่นายก อบจ. หนุ่มให้หันกลับมามอง แล้วเอ่ยประโยคต่อมาที่ทำให้เอกรัตน์ต้องขบกรามแน่นข่มความรู้สึก “แต่แปลนที่ผมเขียนเป็นลิขสิทธิ์ของชลธารคอนสตรักชัน หากเป็นกรณีทั่วไป เราจะต้องทำสัญญาซื้อขายกัน แต่สำหรับกรณีนี้ ผมคิดว่าคุณเอกรัตน์จะต้องยอมทำตามสิ่งที่คนต่างถิ่นกำหนด”
การประสานสายตาของชายหนุ่มทั้งสองก่อเกิดความอึดอัดให้ภายในเรือนของผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งแต่ละคนก็ดูเหมือนจะยังไม่ยอมความต่อกัน และเอกรัตน์คงหาทางงัดเอาสิ่งที่จะแย้งกับนายสถาปนิกต่อไป หากไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกด้านล่าง
“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย” ผู้ใหญ่บ้านทำหน้าเครียด ลุกขึ้นเดินไปที่ชานเรือน ยื่นหน้ามองเห็นกลุ่มควันสีเทาโขมงจากหมู่บ้านชนเผ่า “ตายละหว่า ไฟไหม้ รีบไปช่วยดับไฟกันก่อนเร็ว!”
สิ้นเสียงผู้ใหญ่บ้าน ก้องปฐพีเป็นคนแรกที่พรวดพราดลุกขึ้นแล้วมองทิศของต้นเพลิง ก่อนสบถเสียงดังแล้ววิ่งกลับไปยังหมู่บ้านชนเผ่าด้วยหัวใจเต้นถี่รัว พะวงห่วงถึงน้องสาวคนเดียวในชีวิต คิดอย่างแค้นเคืองสุดขีดว่าหากเป็นฝีมือของใครก็ตามที่ทำให้ธิดาเจ็บแม้เพียงแค่ปลายนิ้ว เขาจะไม่มีวันให้อภัยมันผู้นั้นเด็ดขาด
แต่พอเข้าเขตหมู่บ้านชนเผ่า ร่างเล็กของธิดาก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหา แล้วพูดด้วยเสียงหอบ
“พี่ก้อง พี่ก้อง!”
“เพลงพิณ...เพลงพิณอยู่ในกองเพลิง”
ปัง!
เสียงปืนดังสนั่นทำให้หัวใจของทั้งเขาและธิดาหล่นไปกองแทบเท้า
“รอพี่อยู่ตรงนี้!” ชายหนุ่มออกคำสั่ง
“พี่ก้องจะไปไหน อย่าบอกนะว่าจะเข้าไปช่วยพิณ”
แต่มือบางไม่อาจคว้าตัวพี่ชายไว้ทัน เขาออกตัววิ่งไปทางเรือนที่มีเปลวไฟลุกโหมกระหน่ำ ธิดาจึงจะวิ่งตามร่างสูงไป แต่เธอถูกใครบางคนรวบตัวไว้จากด้านหลัง
“ไม่นะ ไม่เอา พี่ก้องอย่าเข้าไป!” ธิดากรีดร้องเสียงหลง พยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนเรียวจนเกือบหลุด แต่ก็มีใครอีกคนมาล็อกตัวเธอไว้แน่นด้วยวงแขนที่แข็งแกร่งกว่า
นอกจากพี่ชายของเธอ ก็ยังมีชาวบ้านเข้าไปช่วยดับเปลวเพลิงพิโรธ น้ำจากแหล่งน้ำถูกโหมสาดเข้าไปเพื่อดับความร้อนแรง ทั้งแรงงานช้างที่ช่วยสูบน้ำพ่น แรงงานคนที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ จนดวงตาสีนิลที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตาเห็นเงาเลือนรางของร่างสูงที่เดินออกจากซากเรือนที่มอดไหม้ ใบหน้าของเขาเศร้าสลดเสียจนลบภาพของชายหนุ่มอารมณ์ดีไปเสียสิ้น ดวงตาสีนิลสีเดียวกับเธอนั้นก็เปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง
ธิดาถูกปล่อยตัวทันทีที่เขาเดินเข้ามา ร่างบอบบางโผเข้าไปหาร้องห่มร้องไห้กับแผงอกกว้าง “พี่ก้อง ธิดาใจจะขาด”
มือหนายกขึ้นลูบศีรษะมน เอ่ยเสียงเศร้า “พิณไม่อยู่ในนั้น พี่ไม่เจอพิณ”
“พิณอาจหนีรอดไปได้”
“หวังให้เป็นแบบนั้น” พูดแล้วสวมกอดน้องสาว ก่อนสบตากับไหมแก้วที่มีร่างของเอกรัตน์ยืนซ้อนทับเป็นกำแพงเบื้องหลัง
“แต่ถึงยังไงพี่ก็ต้องไปทองผาภูมิ” ชายหนุ่มเอ่ยแล้วดันร่างธิดา จ้องมองดวงตาชื้น “อย่าลืมงานที่พี่ฝากไว้”
“พี่ก้องจะไปยังไง ก็เจ้าแบล็กแบร์มัน...” ธิดาหยุดคำพูดไว้ไม่กล้าเอ่ยให้สะเทือนใจพี่ชาย
“มันก็ยังเป็นแบล็กแบร์ของพี่ แม้ตอนนี้มันจะดำเป็นเถ้าถ่านไปแล้วก็ตาม” เขาคลี่ยิ้มบาง “รถขนคนงานก็มี พี่หาทางไปให้ถึงทองผาภูมิได้แน่นอน”
“สองพี่น้องตัวซวย!” แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงต่อว่าดังจากกลุ่มชาวบ้านที่กำลังห้อมล้อมมองด้วยใบหน้าโกรธขึ้ง “คราวนั้นก็คนน้อง คราวนี้เป็นคนพี่ เราไม่น่าให้พวกนี้เข้าหมู่บ้านเลย!”
“เดี๋ยวก่อนนะทุกคน ใจเย็น ๆ ก่อน” ผู้ใหญ่บ้านก้าวขาเข้ามาขวาง “ไม่มีใครเป็นตัวซวยทั้งนั้นแหละ”
“ลงแบบนี้แล้วผู้ใหญ่ยังไม่เห็นอีกหรือ ถ้าให้พวกนี้อยู่ต่อ อีกหน่อยทั้งหมู่บ้านช้าง หมู่บ้านชนเผ่าคงวินาศไม่เหลืออะไร” ใครคนหนึ่งเอ่ยเสียงแข็ง แล้วก็มีอีกหลายเสียงกล่าวอย่างเห็นพ้อง
“ผมกับน้องสาวจะออกจากหมู่บ้านไปตั้งแต่วันนี้ ขอโทษที่ทำให้พวกคุณวุ่นวาย” ก้องปฐพีประกาศแล้วกอดธิดาไว้แนบอกแน่น เพราะรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นสะเทือนหัวใจน้องสาวมากแค่ไหน
“งานฟื้นฟูจะถูกถ่ายโอนให้แก่คุณเอกรัตน์ นายก อบจ. ของพวกคุณ แล้วผมจะมอบแบบแปลนให้เขาได้เอาไปทำต่อโดยไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น” เขาบอกกับทุกคนด้วยเสียงดังฟังชัด แล้วหันไปสบตาสื่อคำว่าขอบคุณให้แก่ผู้ใหญ่บ้าน ก่อนหันไปทางว่าที่นายก อบจ. ที่ก้าวขาเข้ามา
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเสียเถิด อย่าอยู่ให้ชาวบ้านต้องขุ่นใจเลย”
เป็นคำพูดของเอกรัตน์ที่สถาปนิกหนุ่มรู้สึกว่า ในแววตาหลังแว่นคู่นั้นมีความสะใจแผ่ออกมาถึงเขาชัดเจน แต่ก้องปฐพีอยู่ในฐานะจำยอมที่ไม่อาจโต้ตอบอะไรได้ และคำพูดเหล่านั้นไม่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้คนที่ผ่านข่าวเสียหายมามากมายเช่นเขา หากแต่เป็นความรู้สึกของคุณหมอสาวที่มีต่อเขาต่างหาก ที่ทำให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นไหว
ธิดาบังคับรถเก๋งคันเล็กกะทัดรัดออกจากหมู่บ้านช้างด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ผิดพื้นนิสัยแต่กำเนิดของเธอ หญิงสาวหักพวงมาลัยเลี้ยวออกจากตรอกเล็กขนาบข้างด้วยป่าสัก แล้วมุ่งตรงสู่ถนนสายชนบทที่วิวทิวทัศน์ของป่าเขียวสองข้างทางไม่อาจทำให้จิตใจเธอสงบลง
ในใจก็นึกพะวงห่วงพี่ชายที่เดินทางจากไปยังอำเภอชายแดนสยามประเทศ และอีกใจก็ขุ่นเคืองชาวบ้านทุกคนที่ต่อว่าพี่ชายและเธอว่านำพาความโชคร้ายมาสู่หมู่บ้าน ทั้งที่คนงานกลุ่มแรกถูกวางยาโดยยังตามหาคนทำไม่ได้ ส่วนคนงานกลุ่มที่สองก็ถูกปรักปรำแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเธอมั่นใจและเชื่อว่าคนของเธอไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น
แถมพี่ชายของเธอยังยกแบบแปลนให้นายเอกรัตน์นั่นเอาไปทำงานต่อแบบไม่เรียกร้องอะไร เพื่อเป็นการขอขมาในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็นต้นเหตุสักนิด
“กรรมเวรอะไรก็ไม่รู้!”
ธิดารำพึงอย่างน้อยใจ แต่ไม่รู้จะระบายกับใครได้ ในชีวิตนี้ก็เหลือแต่พ่อกับพี่ชาย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเธอจะเล่าทุกอย่างได้หมดใจ สิ่งที่ช่วยเยียวยายามอัดอั้นตันใจได้ดีก็คือการสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดแล้วผ่อนออกให้ยาวที่สุด แล้วเริ่มทำงานตามหาคนที่ก้องปฐพีฝากไว้ด้วยการโทรศัพท์หาผู้ช่วยเหลือที่มีเส้นสายกว้างขวาง
สัญญาณโทรศัพท์ว่างแต่ไม่มีผู้รับ หญิงสาวจึงขยับปากบ่นอย่างหงุดหงิด แล้วลองต่อสายใหม่อีกครั้ง แต่เธอก็ต้องเหยียบเบรกกะทันหันจนหน้าคะมำ เพราะจู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์กระโจนออกจากพงหญ้าข้างทางขึ้นมาขวางถนนเอาไว้
“ยายตรีรัตน์!” ธิดาโยนโทรศัพท์ลงบนเบาะข้าง แล้วจอดรถก่อนเปิดประตูลงไปหาเด็กสาว โดยไม่ลืมพกพาอารมณ์ขุ่นที่คั่งค้างไปด้วย
“จู่ ๆ กระโดดมาขวางรถแบบนี้ทำไม มันอันตรายนะ!” ธิดาจึงลงไปต่อว่าทันที “แล้วเธอหายไปไหนมา แทนที่จะอยู่ช่วยอธิบายเรื่องวางเพลิง”
และธิดากำลังเตรียมจะไล่เรียงคำพูดลำดับต่อไป แต่ดูเหมือนตรีรัตน์ไม่ได้สนใจ รีบลงจากเจ้าเบรกแตกด้วยท่าทีร้อนรน เดินผ่านหญิงสาวดวงตากลมโตไปเปิดประตูรถแล้วขึ้นนั่ง
“นี่ทำอะไรของเธอน่ะ!”
เจ้าของรถตะลึงงงส่งเสียงถาม เห็นแม่เด็กสาวกวักมือเรียกไหว ๆ ทำสีหน้าราวกับหวาดกลัวอะไรอยู่ ธิดาจึงหันไปมองรอบกาย ไม่เห็นอะไรนอกจากถนนสายชนบทกับป่าและสายลมโบกพัดพาใบไม้แห้งกลิ้งไถลไปตามถนน จึงเดินกลับไปขึ้นรถของตนแล้วซักถามหาความ
“เป็นอะไรของเธอ”
ตรีรัตน์ยังไม่มีเสียงตอบ ได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ
“ตรีรัตน์!” ธิดาเขย่าแขนถาม
“รีบ ๆ ออกรถเถอะ” เด็กสาวพูดเสียงสั่น
แต่แค่นั้นไม่ทำให้ธิดาเข้าใจ “ฉันจะไม่ออกรถจนกว่าจะรู้ว่าเธอมาขึ้นรถฉันทำไม”
“เร็ว ๆ ออกรถเร็ว ๆ” เด็กสาวคว้ามือธิดาให้ไปแตะที่พวงมาลัย บอกเธอด้วยท่าทางร้อนรน “มันกำลังจะมา”
อะไรกำลังจะมาคือคำถามที่ต้องการคำตอบแน่ชัด และอะไรที่ว่านั้นคงสร้างความหวาดกลัวให้แก่เด็กสาวจนทำหน้าย่นราวกับเด็กอนุบาลที่ทำผิดแล้วกลัวคุณครูจับได้
ธิดาเปลี่ยนเกียร์ เหยียบคันเร่งออกรถตามความต้องการของผู้โดยสารสาวน้อยที่คอยเหลียวหลังมองกลับไปด้านหลัง เรียกความสนใจให้ดวงตากลมโตต้องมองผ่านกระจกและเห็นคนร่างผอมสูงยืนตระหง่านหันหน้าราวกับกำลังส่งพวกเธอด้วยสายตา
“เจ้ามือปืนนั่น?” ธิดาย่นคิ้วส่งเสียงพูดหลังรถวิ่งห่างออกมาหลายกิโลเมตร ทว่าตรีรัตน์ยังคงนิ่งเงียบทำหน้าเคร่งเครียด
“ถ้าไม่บอก ฉันจะปล่อยเธอลงข้างทางนี่แหละ” จนต้องใช้ไม้แข็งบังคับ หักพวงมาลัยจอดเทียบริมถนน
“ฉันไม่รู้”
“เธอจะบ้าหรือตรีรัตน์ เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แล้วทำไมเธอถึงทำหน้าอย่างกับเขาจะฆ่าเธออย่างนั้น”
“ก็เพราะคิดว่าเขาอาจจะฆ่าฉันไง แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นใคร”
ธิดาพ่นลมหายใจ “แล้วทำไมเธอถึงคิดว่าเขาจะฆ่าเธอ”
ตรีรัตน์เงียบไปพักใหญ่กว่าจะพูดออกมาด้วยเสียงอันเบาบางราวกับไม่อยากให้ใครได้ยิน แม้แต่แมลงที่บินวนภายในห้องโดยสาร “ฉันเคยเห็นเขาจะยิงเพลงพิณก่อนหน้านั้น แต่ฉันส่งเสียงดังขัดจังหวะ มาครั้งที่สองนี้ ฉันเห็นเขาราดน้ำมันตามเสาเรือนแล้วจุดไฟตอนที่ฉันมาหาพี่ก้อง ฉันก็เลยวิ่งไปบอกให้หนีนั่นแหละ”
เสียงนั้นเงียบหายไปหลังจากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ตอนที่พวกเธอกลับไปหมู่บ้านช้าง ฉันกลับไปเอารถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง แต่มันดักรอเล่นงานฉันอยู่”
“แล้วทำไมเธอไม่หนีกลับบ้านเล่า มาดักขึ้นรถฉันทำไม”
“ฉันไม่กล้ากลับ ถ้ากลับไปต้องเจอมันที่...”
“ที่ไหน”
เด็กสาวลอบกลืนน้ำลาย เม้มปากแน่น ดวงตาหลุกหลิกไม่กล้าสบตอบ
“ที่ไหน” ธิดาคาดคั้นอีกครั้ง แต่ในตอนนั้นมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเปลี่ยนความสนใจของธิดา หญิงสาวจึงรีบรับสายก่อนจะพลาดโอกาส
“ตฤณ วันนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุย”
ธิดากรอกเสียงถามขณะปรายตามองใบหน้าตรีรัตน์และตัดสินใจออกรถเดินทางต่อ และกว่าตรีรัตน์จะสังเกตว่าเส้นทางที่เธอเลือกเป็นเส้นทางที่เข้าสู่เมืองหลวง ก็ตอนธิดาขับรถเลยผ่านป้ายชี้เข้าตัวอำเภอ
“เธอต้องไปกับฉัน แล้วบอกฉันมาให้หมด ไม่เช่นนั้นฉันจะถือว่าเธอสมรู้ร่วมคิดกับพวกก่อเหตุวางเพลิงและพยายามฆ่าเพลงพิณ” ธิดาเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว พูดเสียงแข็งขัดกับใบหน้าหวานของตัวเอง
“ฉันไม่เกี่ยว!” ตรีรัตน์ปฏิเสธ
“ตอนนี้จะพูดอะไรก็พูดไป เพราะหากเพลงพิณกลับมา จะมีพยานในเหตุการณ์ถึงสองคน ส่วนเธอก็เข้าข่ายผู้ต้องสงสัย บางทีเธออาจจะรู้จักเจ้านั่นก็เป็นได้”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่เกี่ยว!”
ธิดายังไม่เชื่อสนิทใจ บังคับรถคันเล็กให้วิ่งไปตามท้องถนน จากสายชนบทเข้าสู่ทางหลวง แล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองใหญ่ มหานครที่ไม่เคยหลับใหลแม้ยามมืดหรือยามสว่าง ทุกอย่างดูสดใสศิวิไลซ์สำหรับตรีรัตน์ที่ไม่เคยได้เข้ามาเห็นเลยสักครั้ง แต่การมาครั้งแรกของเด็กสาวหาใช่มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ
หญิงสาวจอดรถทิ้งไว้ในตึกสำนักงานชลธาร แล้วเกี่ยวแขนตรีรัตน์ไว้ราวกับต้องการใช้แขนบางนั้นต่างกุญแจมือ หยุดยืนห่างจากรถไม่นานก็มีรถตู้สีดำมันวาวคันใหญ่วิ่งเข้ามาจอดเทียบ ประตูบานกว้างเปิดอัตโนมัติรับเอาเธอและตรีรัตน์เข้าไปนั่งภายใน
“เธอจะพาฉันไปไหน”
ตรีรัตน์อดถามไม่ได้ด้วยความกังวล แต่ธิดาส่งยิ้มชอบกลให้ไม่พูดไม่จาอะไร กระทั่งรถคันหรูมาหยุดหน้าอาคารร้างแล้วคว้าแขนตรีรัตน์ให้ลงตาม ก่อนพาเดินผ่านรั้วสังกะสีผุ ๆ ดูน่ากลัวและไม่น่าเป็นที่สำหรับให้ผู้หญิงอย่างเธอทั้งสองเข้าไปสัญจร
“หรือว่าเธอกำลังพาฉันมาฆ่า!” ตรีรัตน์ร้องโวยวาย
“ฉันไม่ใช่คนไร้หัวคิดขนาดนั้น” ธิดากลอกตา ฉุดแขนตรีรัตน์ให้เดินต่อ “แล้วอย่าเสียงดัง ไม่งั้นฉันช่วยเธอจากคนพวกนั้นไม่ได้”
เด็กสาวมองตามสายตาของหญิงสาว เห็นคนพวกนั้นยืนแฝงเร้นกายตามหลืบ ซอก หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะอำพรางการมีตัวตน ตรีรัตน์จึงจำต้องเงียบเสียง กระแซะตัวชิดติดหญิงสาวถามเสียงเบา
“ที่นี่ที่ไหน”
“เดี๋ยวเธอก็รู้เอง”
ทางเดินรอบตัวเริ่มมืดตามความลึกที่เข้าสู่ตัวตึกร้างไร้ไฟฟ้า ไร้กำแพง ไร้ผนังกั้น แต่สุดปลายทางนั้นมีบันไดที่ไม่มีการทาสีตกแต่งใดๆ ที่ใต้บันไดมีประตูคล้ายกับสร้างไว้เป็นห้องเก็บของ แต่เมื่อธิดาใช้กุญแจไขเปิดออก ตรีรัตน์กลับพบว่ามันคือทางลงไปยังชั้นใต้ดิน
ความสลับซับซ้อนไม่ได้มีแค่นั้น เพราะปลายทางของบันไดขั้นสุดท้ายยังมีทางเดินยาวเปิดไฟสลัวนำไปสู่บานประตูบานหนึ่งที่เป็นทางเชื่อมต่อลิฟต์ แต่ลิฟต์ตัวนี้นำพวกเธอดำดิ่งลึกลงไปใต้ธรณี จนเมื่อบานลิฟต์เปิดกว้างส่งความประหลาดใจพุ่งตรงเข้าสู่สายตาของเด็กสาวต่างถิ่น
“กาสิโนใต้ดิน” ตรีรัตน์อุทานอย่างไม่เชื่อสายตา
“ที่นี่เป็นความลับ ห้ามเผยแพร่ ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัยของเธอ” ธิดากระซิบข้างหู “ในวันนี้ เธอมาในฐานะคนของฉัน อย่าเดินไปไหนเองถ้าไม่ได้รับอนุญาต”
“แล้วฉันจะได้ชิปสักถุงไหม” แต่เด็กสาวกลับถามคนละเรื่อง “มันมีเขียนว่านักเสี่ยงโชคผู้มาใหม่รับเวลคัมชิปได้ที่เคาน์เตอร์บริการ”
หญิงสาวลอบถอนหายใจ “ไม่ใช่ตอนนี้ตรีรัตน์ ฉันต้องไปเจอเพื่อนก่อน”
ธิดาต้องออกแรงลากแขนเด็กสาวให้ก้าวขาเดินตาม เพราะแม่ตรีรัตน์ตื่นตาตื่นใจกับโต๊ะเกมพนันทั้งหลาย จนในที่สุดมาหยุดหน้าประตูบานใหญ่
“เพื่อนของฉันเขาโหดมาก อย่าทำอะไรให้เขาไม่พอใจเป็นอันขาด” เธอเอ่ยคำขู่เสียงเข้ม ก่อนชายฉกรรจ์ร่างสูงบึกบึนในชุดสูทดำสองคนจะโค้งคำนับแล้วผลักบานประตูให้เธอทั้งสอง
ทว่าคำเตือนที่ธิดาฝากไว้คงต้องทิ้งตรงหน้าประตู เพราะเมื่อเธอนำเด็กสาวเข้าสู่ภายในห้อง กลับพบคนที่บอกว่าโหดมากนั้นกำลังเล่มเกมเป่ายิ้งฉุบถอดเสื้อกับเหล่าแม่กระต่ายสาว ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าใครเป็นมือวางอันดับหนึ่งในเกม
“ตฤณ” ธิดาถอนหายใจหนัก เรียกชายหนุ่มที่เหลือกางเกงชั้นในแบบบ็อกเซอร์และหูกระต่ายที่คาดไว้บนศีรษะ แต่เขาไม่ตอบกลับเพราะกำลังลุ้นให้กระต่ายสาวผู้แพ้ปลดสายบราตัวจิ๋วสีดำออก
“ตฤณ!”
เธอจึงต้องเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม จนทำให้เหล่ากระต่ายสาวสะดุ้งโหยง กรีดร้องเมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญ ต่างคนต่างรีบยกมือปกปิดเนินอกอวบกันยกใหญ่ ส่วนกระต่ายตัวพ่อปรายตามองคนที่ขัดจังหวะการชิมอาหารตา ก่อนหยิบเสื้อและกางเกงที่พาดบนพนักโซฟาขึ้นสวม
“ออกไปก่อน” ชายหนุ่มออกคำสั่งสั้น ๆ ก็เป็นที่รู้กันว่าหมดเวลาเล่นแล้ว กระต่ายสาวทั้งหลายจึงทยอยตบเท้าต่อแถวเดินออกไปทั้ง ๆ ที่การแต่งกายยังไม่รัดกุม
“เธอมาช้า ฉันก็เลยต้องหาอะไรทำระหว่างรอ”
ธิดาไม่สนใจคำแก้ตัว หย่อนตัวลงบนเก้าอี้แล้วว่าความทันที “จริง ๆ ฉันต้องคุยเรื่องนี้กับกลาง แต่ติดต่อเขาไม่ได้สักที เลยต้องมาหาเธอถึงที่นี่”
“ฉันรู้ว่ามันอยู่ไหน และกำลังหาวิธีเอาตัวมันออกมา” ตฤณนั่งลงบนโซฟาหนังฝั่งตรงข้าม ชันศอกเท้าคางพูด ดวงตาเรียวหรี่แคบลงเมื่อเห็นเด็กสาวที่ปรี่เข้ามานั่งเบียดธิดา “ว่าแต่...ยายเตี้ยนั่นมากับเธอได้ไง”
คนที่ถูกตั้งชื่อใหม่ว่ายายเตี้ยทำเสียงฮึดฮัด ถลึงตาใส่ แต่ยังไม่ทันได้โต้เถียงอะไร ธิดาก็ชิงพูดเสียก่อน
“คนสำคัญของเรื่องเลยละ ฉันมีอะไรให้เธอช่วยจัดการแม่ตรีรัตน์คนนี้ด้วย” แล้วปรายตามองตรีรัตน์ ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
คำว่า ‘จัดการ’ ทำให้เด็กสาวเด้งตัวผึง จ้องหน้าธิดาด้วยแววตาตื่น แต่หญิงสาวยังไม่ขออธิบาย และเข้าเรื่องสำคัญก่อนเป็นลำดับแรก
“มีคนตามไปทำร้ายเพลงพิณที่หมู่บ้านชนเผ่า ถึงขนาดลอบวางเพลิงเพื่อเปิดโอกาสเข้าถึงตัวเพลงพิณ เจ้าแบล็กแบร์ก็เลยโดนเผาไปด้วย”
“อะไรนะ เจ้าแบล็กแบร์โดนเผา!” ดวงตาเรียวโตขึ้นอีกระดับหลังจากหญิงสาวเล่าเหตุการณ์ “คนทำมันสมควรตาย ถ้าล่าตัวมันเจอ ฉันนี่ละจะกระทืบให้จมดิน”
“ที่น่าเป็นห่วงกว่าเจ้าแบล็กแบร์คือเพลงพิณ เขาหายตัวไป ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง” ธิดาเล่าต่อพลางพยายามแกะมือของตรีรัตน์ที่บีบต้นแขนเธอเสียแน่น แถมยังเบียดอย่างกับอยากหลอมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับยายนั่นที่เธอว่าเป็นคนสำคัญของเรื่อง” ตฤณหันไปมองเด็กสาวด้วยดวงตาพินิจ
“ตรีรัตน์หนีเจ้ามือปืนนั่นมา พอฉันถามก็อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมตอบ”
“แสดงว่ายายนี่ก็เป็นผู้ต้องสงสัย ฉันจะรับสอบสวนเอง” ตฤณทุบกำปั้นบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้ามาหา มือหนาเกือบจะถึงตัวเด็กสาวแล้ว แต่ธิดายกมือห้ามไว้ก่อน
“ยังก่อนตฤณ เธอจะต้องช่วยฉันทำงานตามหาคนก่อน”
ตฤณพ่นลมหายใจคล้ายเสียดาย หย่อนกายนั่งลงบนโซฟา “ใคร”
“ดวงดาว ทะหมุคู” ธิดาตอบ พลางหยิบเอาซองจดหมายออกมา “นามสกุลทะหมุคู เป็นนามสกุลเดียวกันกับศพผู้หญิงที่ฉันเจอในบ้านพักกลางป่าของนายพนา”
“ฉันไม่เคยได้ยินว่าพี่ดวงแขมีญาติที่ไหนอีกนอกจากแม่” เมื่อคนที่ไม่ได้ถูกถามออกความเห็น ทั้งธิดาและตฤณจึงจ้องเด็กสาวเป็นตาเดียว จนเด็กสาวหดคอลง
“ฉันว่ายายนี่เป็นคนสำคัญอย่างที่เธอว่าจริงละ ฉันคงต้องสอบสวนให้ละเอียด” พูดจบก็ลุกขึ้นปรี่เข้ามา
ธิดายกมือห้ามอีกครั้ง “อย่าเพิ่ง เรื่องสอบสวนตรีรัตน์ไว้ทีหลัง เธอมาช่วยฉันตามหาคนให้เจอก่อน”
ทายาทมาเฟียพ่นลมหายใจ รู้ว่าไม่มีทางขัดใจแม่เพื่อนสาวคนนี้ได้ ชายหนุ่มดวงตาเรียวจึงกวักมือเรียกลูกน้อง ฝากฝังตรีรัตน์ให้อยู่ในการดูแลอย่างดีจนกว่าเขาจะกลับเข้ามาแล้วสอบสวนเด็กสาวด้วยตัวเอง
และด้วยความจำยอมของตฤณ ธิดากับเขาจึงได้มายืนเฝ้ามองห้องแถวให้เช่าใกล้ย่านบันเทิงยามราตรี กระทั่งประตูห้องหมายเลขที่ตรงกับที่อยู่ผู้ส่งเปิดกว้าง หญิงสาวก็ได้ยินเสียงตฤณอุทานชื่อของใครคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก”
“นั่นมันเอื้อยนี่”
เขาไปจากหมู่บ้านช้างแล้ว จากไปพร้อมกับการทิ้งความวินาศไว้ที่แห่งนี้ไม่ต่างกับในอดีตที่เกิดกับผู้เป็นน้องสาว แต่ต้นเหตุไม่ได้เกิดจากพวกเขา ไหมแก้วเข้าใจดี แต่ไม่อาจเปลี่ยนความคิดของชาวบ้านที่เชื่อโชคลางได้ ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวผู้มาจากตระกูลฤทธิ์นาคากลายเป็นผู้ต้องหาในสายตาของชาวบ้านไปเสียแล้ว
ไหมแก้วลอบถอนหายใจเบาบาง ทอดสายตาไปยังโรงเลี้ยงช้างอย่างเผลอไผล แต่ในปลายสายตานั้น เธอรู้ว่าจะไม่มีชายหนุ่มผู้แสนใจดีของเจ้าสายป่านอีกต่อไป นั่นเป็นเรื่องดีมิใช่หรือที่เธอจะได้ไม่ต้องขุ่นใจในตอนที่เห็นเขาให้ขนมหวานแก่ช้างน้อย แต่ตัวเขาเองจะเป็นอะไรหรือเปล่า ก็ในเมื่อเธอริบนมอัดเม็ดแก้อาการอยากบุหรี่ไว้กับตัวเอง
เธอถอนหายใจเสียงหนักอีกครั้ง แล้วคลี่กระดาษบันทึกข้อความที่ชายหนุ่มฝากผู้เป็นน้องสาวนำส่งถึงเธอ
‘ถึงคุณหมอไหมแก้ว
ก่อนอื่น ผมต้องขอบคุณที่อ่านจดหมายของผมโดยไม่ฉีกมันทิ้งไปเสียก่อน
เรื่องผลการวัดหาสารพิษในตัวอย่างน้ำออกมาแล้วว่า ในน้ำต้มใบย่านางมีสารพิษปนเปื้อนจริงตามที่คุณหมอคิด แต่สารพิษนั้นไม่ได้เป็นสารเคมี แต่เป็นพิษที่กลั่นได้จากพืชตระกูลเห็ด จะเป็นเห็ดชนิดใดนั้น น่าเสียดายที่ทางสถาบันไม่สามารถบอกได้
ผลที่ออกมาทำให้ผมนึกถึงแฟ้มรวบรวมงานวิจัยของคุณหมอใหญ่ ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณหมอมากเกินไป ผมขอให้คุณหมอติดต่อกับคุณหมอใหญ่ แล้วถามถึงหน้ากระดาษที่ถูกฉีกหายไป ผมไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกันหรือไม่ แต่มันก็ช่างบังเอิญที่ส่วนของบทความที่ขาดหายเป็นบทความเกี่ยวกับเห็ดทั้งหมด
และเรื่องสุดท้าย ผมขอโทษสำหรับการกระทำของผมในคืนวาน และอยากบอกว่าผมไม่ได้ทำไปเพราะความคึกคะนองของผู้ชาย แต่ผมทำไปเพราะหัวใจผมต้องการ
ก้องปฐพี ฤทธิ์นาคา
งูเห่าเนรคุณตัวหนึ่งที่คุณหมอเก็บมารักษา’
ไหมแก้วรีบหยิบซองเอกสารที่ธิดาฝากมาด้วยเปิดอ่านผล แล้วข้อความที่ระบุในบรรทัดสรุปผลการตรวจสอบก็เป็นจริงดังที่ชายหนุ่มกล่าวในจดหมาย โดยไม่รอช้า คุณหมอสาวขอยืนยันอีกหนึ่งอย่าง โดยการหยิบเอาแฟ้มงานวิจัยของคุณหมอใหญ่มาเปิดแล้วไล่นิ้วที่สารบัญ ก่อนเปิดไปหน้าที่ต้องการ แล้วหัวใจของเธอก็เต้นแรงเมื่อพบกับความจริงที่ว่า
“มันถูกฉีกไปจริง ๆ”