เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***

กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา - บทที่ 21 ดวลหมัดมาเฟียอ่อนหัดกับลูกหมารับใช้สารวัตร โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

ก้องปฐพีต้องไถ่โทษชดเชยให้ธิดาผู้เป็นน้องสาว(จากเรื่องลมห่วรัก)ที่เป็นสาเหตุให้หมู่บ้านช้างของหมอไหมแก้ววอดวาย แต่ที่หมู่บ้านนี้มีเงื่อนงำเหตุการตายของหญิงสาวคนหนึ่ง ความลับนั้นถูกไหมแก้วเก็บไว้ และไม่กล้าเปิดเผยเพราะถูกผู้มีอิทธพลบีบคั้น ก้องปฐพีจึงช่วยเหลือเธอค้นความจริงเพื่อปลดปล่อยไหมแก้วให้เป็นอิสระ

สารบัญ

กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 1 บทนำ,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 2 ศพที่ 1,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 3 การมาของเจ้าหนุ่มกระทิง,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 4 บทที่ 4 คุณหมอสาวปากร้ายกับนายสถาปนิกตีรวน,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 5 มูนไลท์ชาโดว์,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 6 อดีตบาป,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 7 ศพที่สอง,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 8 ฝันร้าย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 9 ศพที่สาม,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 10 เริ่มเกม,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 11 ผมห่วง,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 12 ผมโปรดทุกอย่างที่ใส่นม,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 13 จบเกมซ่อนหากับจูบเสี่ยงตาย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 14 อยากได้ลูกเสือ ต้องล่อพ่อเสือออกจากถ้ำ,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 15 จากดวงดาวถึงดวงจันทร์,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 16 ถ้าผมเป็นงู,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 17 นักฆ่าตามใบสั่ง,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 18 จุมพิตรสนม,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 19 เงื่อนงำที่หายไป 1 ,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 20 เงื่อนงำที่หายไป 2,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 21 ดวลหมัดมาเฟียอ่อนหัดกับลูกหมารับใช้สารวัตร,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 22 มุ่งหน้าไปหาความตาย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 23 ตามเงาดวงดาว,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ 24 เข้าแผนรุก,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๕ แผนกระตุกความลับสับเปลี่ยนสาร,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๖ สู่มาตุภูมิ,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๗ ตัวซวย ตัวช่วย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๘ วางแผนตาย,กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา-บทที่ ๒๙ ล้อมวงจับ

เนื้อหา

บทที่ 21 ดวลหมัดมาเฟียอ่อนหัดกับลูกหมารับใช้สารวัตร

บทที่ 21


ดวลหมัดมาเฟียอ่อนหัดกับลูกหมารับใช้สารวัตร


“จะให้บอกอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่รู้จักคนชื่อดวงดาว”


เอื้อยยืนกรานเสียงแข็งอีกครั้งหลังจากถูกธิดากับตฤณลากตัวมาคุยในรถตู้คันใหญ่สีดำติดฟิล์มหนาทึบรอบคัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ธิดาลดความมุ่งมั่นในการตามหาดวงดาว ทะหมุคู ลงเลยแม้แต่น้อย


“แล้วใครเป็นเจ้าของห้องเช่านั่น” จึงถามต่อไปเพื่อให้ได้ข้อมูล


“ฉันไม่รู้ ฉันเพิ่งมาอยู่เมื่อต้นปี ถ้าเธออยากรู้ว่ามีใครมาอยู่ก่อนฉัน ก็ลองไปถามแม่ค้าขายกับข้าวตามสั่งหน้าห้องเช่าดูสิ”


“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะลงไปถามเขา” พูดแล้วก็จะเปิดประตูรถตู้ แต่ตฤณจับแขนเธอไว้ก่อน


“ฉันจะไปกับเธอธิดา แต่ฉันขอเจรจาอะไรกับเอื้อยสักหน่อย” แล้วหนุ่มดวงตาเรียวก็หันไปทางโคโยตี้สาวที่มองตอบด้วยสายตากึ่งกังวลกึ่งไม่พอใจ


“ฉันรู้ว่าเจ้ากลางเพ่นพ่านอยู่แถวผับ ฉันอยากให้เธอบอกมันให้หาโอกาสออกมาเจอฉัน” ตฤณเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเรียบ ใบหน้านิ่ง


“เขามาพบเสี่ยที่ผับทุกวัน แต่ฉันเข้าถึงตัวเขาไม่ได้ ไอ้สำริดมันจับตามองฉันตลอดเวลา”


“ไอ้สำริด?” ตฤณเลิกคิ้วสูงข้างหนึ่ง เพราะชื่อที่ออกจากปากโคโยตี้สาวเป็นชื่อเดียวกันกับที่ก้องปฐพีเอ่ยไว้ในระบบฝากข้อความอัตโนมัติ จึงไต่ถามถึงเรื่องที่สงสัย “นอกจากเสี่ยเกียงกับไอ้สำริดที่เธอบอกแล้ว มีใครอื่นอีกที่ควบคุมผับ”


“คุณนายดารา” เอื้อยให้คำตอบตามจริง “แต่คุณนายไม่ค่อยอยู่ผับ ส่วนมากคนจัดการจะเป็นไอ้สำริด ส่วนเจ้าเสี่ยแก่ตัณหากลับไม่ได้ทำอะไรนอกจากผลาญรายได้ของผับ”


‘ติดต่อกลางแล้วบอกมันว่านายสำริดกับคุณนายดาราไปโผล่ที่ราชบุรี’


ข้อความจากก้องปฐพีที่อยากให้เขาฝากถึงระพีพัฒน์อาจมีความสำคัญมากกว่าแค่บอกข่าวทั่วไป และนั่นทำให้ตฤณต้องรีบฉุดคอเจ้าเพื่อนรักออกจากมุมมืดเสียที ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดสักพัก แล้วจากนั้นดวงตาเรียวก็ฉายประกายสว่างไสว


“งานนี้สงสัยต้องเอาตัวเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางกันเสียแล้ว” ชายหนุ่มเปรยแล้วกวาดสายตาเจ้าเล่ห์มองเพื่อนสาวดวงตากลมสวย ก่อนหันไปทางโคโยตี้สุดฮอตแห่งปี


“พูดอะไรของเธอ ตฤณ” ธิดารู้สึกหนาววาบไปทั้งตัวในตอนที่ถูกมองด้วยดวงตาร้ายลึกของเพื่อนหนุ่ม


“ฉันรู้แล้วว่าจะเอาเจ้ากลางออกมายังไง แล้วเธอก็ต้องช่วยฉัน...ธิดา” รอยยิ้มร้ายของเขาทำให้ธิดากลืนน้ำลาย


ไม่มีเหตุผลใดที่ธิดาจะบอกปัด แม้เขาจะยังไม่ยอมบอกแผนที่อยู่ในหัว ชายหนุ่มปล่อยเอื้อยไปแล้ว และลงจากรถเพื่อตรงไปไถ่ถามหาคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากับแม่ค้าขายข้าวตามสั่งหน้าห้องเช่าร่วมกับธิดา


ด้วยสภาพแวดล้อมไม่โสภา ธิดาจึงดีใจที่ไม่ได้มาตัวคนเดียว เพราะบุคคลที่รายล้อมรอบตัวเธอต่างจ้องมองมาราวกับเธอเป็นคนมาจากต่างดาว ทั้งเด็กหนุ่มรูปร่างผอมดวงตาโหลที่ยืนยกมือสูดจมูกตลอดเวลา ทั้งกลุ่มขี้เมาที่กำลังตั้งวงตรงทางเข้าก็น่ากลัวจนไม่อยากเข้าใกล้


แต่ในเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องได้อะไรกลับไปบ้าง หญิงสาวจึงก้าวขาตรงไปหาแม่ค้าขายอาหารตามสั่งที่กำลังด่าลูกจ้างเป็นไฟ โดยมีตฤณคอยติดตามไม่ห่าง


“คุณป้าคะ หนูอยากถามว่าคนชื่อดวงดาว ทะหมุคู เคยมาพักในห้องเช่าที่นี่หรือเปล่าคะ”


“โอ๊ย ฉันไม่รู้หรอกว่าใครชื่ออะไรบ้าง มันก็เข้า ๆ ออก ๆ กันหน้าตาไม่ซ้ำ รู้แต่ว่าผู้หญิงที่มาพักเป็นโคโยตี้เต้นยั่วผู้ชายทั้งนั้น” แม่ค้าว่าพลางเคาะตะหลิวกับกระทะดังก๊งเก๊ง “แล้วหน้าตาเขาเป็นยังไงล่ะ”


ธิดาลอบถอนหายใจ ที่อยู่ตามจ่าหน้าตรงกับบ้านเช่าแห่งนี้ไม่ผิดแน่ แต่เธอไม่รู้จักดวงดาว และไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร


“หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”


“ไม่ทราบแล้วจะตามหาเขาเจอหรือหนู” แม่ค้าบ่นอุบอิบ พ่นลมหายใจออก แสดงให้เห็นว่าเริ่มรำคาญ “เอางี้ หนูลองไปถามร้านยาจีนในตรอกฝั่งโน้น มีอาอึ้มคนหนึ่ง แกจะจ่ายยาจีนรักษาโรคให้พวกผู้หญิงหากิน บางทีอาอึ้มอาจจะรู้จัก”


ธิดาจึงรีบฉุดแขนชายหนุ่มไปยังจุดหมายที่สอง แต่พอทั้งคู่เดินไปถึงร้านขายยาจีนที่ว่านั้น ก็เห็นป้ายเขียนไว้ชัดเจนว่า ‘วันนี้ปิด’


ซึ่งไม่ใช่ปัญหาสำหรับอนาคตมาเฟียหนุ่ม ตฤณจึงเขย่าซี่ลูกกรงตะโกนถามหาคนที่อยู่ข้างใน ไม่กี่นาทีถัดมาบานเหล็กก็ถูกแง้มอ้าออกเล็กน้อย พอให้เห็นใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เกิดจากกาลเวลาของหญิงชราผมขาว


“หนูมาถามหาคนน่ะจ้ะ” ธิดาบอกความต้องการทันที


“อั๊วม่ายค่อยรู้จักใคร ลื้อไปถามกะคงอึ่งเถอะ”


หญิงชราชาวจีนตอบด้วยสำเนียงจีนฟังยากแล้วจะปิดประตู แต่ถูกกำลังของชายหนุ่มยื้อยุดด้วยการสอดมือแทรกแล้วถ่างประตูออก พร้อมกับคำพูดเสียงเข้ม


“เดี๋ยวสิอาอึ้ม ฟังก่อนว่าถามถึงใคร!”


หญิงชรานิ่งแข็งไป จนทั้งสองไม่แน่ใจว่าคำขู่ของตฤณมีผลต่อหัวใจคนแก่ แต่ธิดาก็ไม่รอช้า รีบบอกข้อมูลให้อาอึ้มต่อทันที


“เขาเป็นผู้หญิงชื่อดวงดาว ดวงดาว ทะหมุคู อาอึ้มรู้จักไหม”


อาอึ้มเหลียวหน้าไปมองด้านหลังก่อนยกมือเกาะซี่เหล็ก “มีหญิงขายตัวมาขอซื้อยาจีนกะอั๊วหลายคง แล้วที่ลื้อถามหาหน้าตาเป็งยังงาย”


เจอคำถามเดียวกันกับแม่ค้า ธิดาก็แทบสิ้นหวัง แต่หากดวงดาว ทะหมุคู เป็นญาติของดวงแข ก็น่าจะมีความคล้ายคลึงกันเรื่องผิวพรรณหรือโครงหน้า เธอจึงพยายามดึงเอาความทรงจำจากที่ได้พบศพร่างผอมแห้งในบ้านพักของนายพนา แล้วค่อย ๆ ไล่เรียงคำพูดบ่งบอกลักษณะที่คาดว่าน่าจะเป็น


“หน้าเรียว จมูกที่สันดั้งชัดเจน ผิวขาว ตัวผอม ตาโตคล้าย...”


“คล้ายตากวาง...ดวงตาคล้ายลื้อ...ช่ายหรือเปล่า”


คำพูดเปรียบเปรยที่มาจากหญิงชราสร้างความกังขาให้หญิงสาว เธอรีบพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนหัวใจจะเต้นเร่า เมื่อคำตอบที่ได้มานั้นเพิ่มแสงสว่างในการตามหาบุคคลปริศนาได้มากขึ้น


“ถ้าผู้หญิงที่ตาเหมือนลื้อ อีป่วยเป็นโรคร้าย กินยาจีนก็ไม่หาย อั๊วเลยบอกให้อีไปหาคุงหมอที่คิดว่าน่าจะช่วยอีล่าย”


“แล้วอาอึ้มบอกทางไปพบหมอคนนั้นได้ไหม”


อาอึ้มเหลียวหน้าไปด้านหลังเมื่อมีเสียงโหวกเหวกจากด้านใน แล้วหันหน้ากลับมาพูดประโยคสั้น ๆ “แต่อาคุงหมออีไม่อยู่ที่นี่แล้ว เห็นว่าอีย้ายไปประจำที่ราชบุรี”


แล้วบานประตูเหล็กก็ปิดลง เท่ากับการสืบสวนของธิดาต้องจบลงไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะกระตือรือร้นในงานนี้ขึ้นมา ดวงตาสีนิลส่องประกายวาววับ


“ฉันจะไปราชบุรี” เธอบอกตฤณด้วยดวงตาแจ่มใสเมื่อนั่งอยู่ในรถ


ตฤณคลี่ยิ้ม “เราจะได้ไปแน่ธิดา แต่ต้องหลังจากที่ฉันเจอตัวเจ้ากลางก่อน แล้วก็ถึงเวลาเธอต้องช่วยฉันบ้างแล้วละ”




ทว่าในตอนที่ตฤณบอกเธอนั้น ธิดาไม่รู้เลยว่างานช่วยเหลือระพีพัฒน์ทำให้คนที่ใช้เวลาช่วงกลางวันมุ่งมั่นในการเรียน และตกเย็นจนถึงค่ำก็บากบั่นกับการงาน จะต้องมาจอดรถในลานจอดหน้าทางเข้าสถานให้ความบันเทิงยามราตรีแห่งนี้


ทั้งแสงสีเสียงของผับยามราตรี ทั้งการแต่งตัวเปิดผิวกายจนแทบคล้ายชุดนอนแบบที่ใส่อยู่นี้ ดูจะห่างไกลจากรสนิยมการใช้ชีวิตของเธอมากโข แต่แม้ว่าเธอจะเป็นพวกบูชาความอบอุ่นและแสงจ้าเจิดจรัสของดวงอาทิตย์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชื่นชมความงามของท้องฟ้ายามค่ำคืน


“มูนไลต์ชาโดว์...” ธิดาพึมพำชื่อของสถานที่ที่สมอ้างเอานามราชินีแห่งยามรัตติกาลมาติดประดับดวงไฟ เพื่อประชันแข่งขันกันในย่านบันเทิงยามราตรี


“เงาแห่งจันทราหรือ...” แล้วก็ให้หวนถึงความหมายของมัน ช่างเป็นชื่อที่สวยงามเกินกว่าจะเป็นชื่อของสถานเริงรมย์


หญิงสาวเปิดประตูรถของเธอเพื่อออกไปรับลมหลังฝนตก มองน้ำบนพื้นสะท้อนแสงสีของดวงไฟ เกิดเป็นภาพมายาในมุมกลับด้านของสิ่งที่เป็นจริง แล้วเธอก็ขบคิดถึงคนที่พี่ชายต้องการตามหา ผู้หญิงที่ดวงดาว ทะหมุคู จะเป็นภาพสะท้อนนำเธอไปสู่หญิงสาวปริศนาอีกคนตามที่พี่ชายต้องการหรือไม่ คำตอบนี้เธอจะตามหาได้ก็ต่อเมื่อเสร็จภารกิจตามหาตัวนายระพีพัฒน์เสียก่อน


แรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์ดึงเธอให้กลับสู่หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายว่า ถ้ามีสัญญาณสายเรียกเข้า ณ เวลายี่สิบนาฬิกา ตามที่ตกลงกันไว้ หมายความว่าเธอจะต้องเดินตรงเข้าไปในผับมีชื่อในคราบนักท่องราตรีสาว


ร่างบางระหงในชุดเดรสสั้นสายสปาเกตตีสีน้ำเงินครามเข้มปักเลื่อมวาววับก้าวมาดมั่นเดินตรงเข้าไปยังประตูบานกว้างที่กำลังเปิดรับแขกเหรื่อมากหน้าหลายตา เธอใช้ดวงตาคมโตกรีดขอบตาสีทองระยิบระยับสุดเฉี่ยวกวาดมองหาชายแก่ร่างท้วมผู้เป็นเป้าหมาย แล้ววาดขาเดินผ่านสายตาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่มองตามกันตาเป็นมัน ไปหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวสูงที่เคาน์เตอร์บาร์ใต้แสงไฟโคมระย้าสีทอง จงใจให้ตัวเองเป็นจุดเด่นสะดุดตา


“รับอะไรดีครับ พี่สาว” บาร์เทนเดอร์หนุ่มตรงรี่เข้ามาถาม มองเธอด้วยสายตาวาววับ


“ขอน้ำส้ม”


“สำหรับสาวร้อนอย่างหนู...พี่ว่าน้ำส้มธรรมดาไป” แต่แล้วก็มีน้ำเสียงกรุ้มกริ่มดังจากด้านหลัง “จัดเตกีล่าซันเซตให้หนึ่งที่สิ” จากนั้นเจ้าของร่างท้วมก็หย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้สูงด้านข้าง มีกลิ่นน้ำหอมฉุนกึ้กลอยโชยแตะจมูกจนหญิงสาวเวียนหัว


“ขอบคุณค่ะ” แต่เธอต้องหันไปส่งยิ้มให้ชายแก่วัยรุ่นน้องพ่อที่เข้ามาผูกมิตร...เสี่ยเกียง เป้าหมายของเธอตามที่ตฤณบ่งชี้


“มาคนเดียวหรือจ๊ะ”


“นัดเพื่อนไว้ค่ะ แต่เขายังมาไม่ถึง”


“ให้พี่นั่งเป็นเพื่อน กันพวกหมาป่าแทะโลมไปก่อนดีไหม” เสี่ยใหญ่พาร่างใหญ่ของตนนั่งบนเก้าอี้ตัวสูง ชันศอกกับเคาน์เตอร์ หันหน้าประจันกับเธอ


“แล้วไม่ทราบว่าคุณพี่ชื่ออะไรคะ”


“ฉันเสี่ยเกียง เป็นเจ้าของที่นี่ หนูน่าจะเคยได้ยินชื่อฉัน”


“คือ...” หญิงสาวยิ้มเก้อเขิน “หนูเพิ่งหัดเที่ยวครั้งแรกค่ะ ไม่ค่อยรู้จักคนใหญ่คนโตเท่าไหร่”


“หนูนี่ไม่ได้หน้าหวานอย่างเดียว ปากหนูก็หวานใช้ได้”


ดูเหมือนเสี่ยแกจะพึงใจตรงคำว่าคนใหญ่คนโต แต่สำหรับธิดาไม่พึงใจที่มือหยาบหนาฉวยโอกาสตะปบต้นขาเธอ แต่เพื่อแผนการ เธอจึงจำยอมเล่นละครต่อไป


“แล้วเสี่ยอยากชิมไหมคะว่าหวานจริงหรือเปล่า” เธอขยิบตาหนึ่งข้าง เอี้ยวหน้าไปเหล่สาวทรงโตที่ยืนจับจ้องตาลุกวาว “แต่หนูอาจไม่หวานเท่าผู้หญิงของเสี่ยคนนั้น”


“ฉันจะทำอะไร ไม่มีใครมีสิทธิ์ห้าม ถ้าฉันถูกใจหนู นังนั่นก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง” เสี่ยใหญ่มองแค่หางตา หยิบแก้วเครื่องดื่มที่เพิ่งสั่งให้เธอยื่นมาเชื้อเชิญให้ลิ้มรสชาติของน้ำส้มผสมเหล้าเตกีล่า


“แต่หนูกลัว” ธิดาบ่ายเบี่ยง รับแก้วมาดื่มแล้วทำหน้าขม จึงรีบวางลงกับโต๊ะ “เพื่อนก็ยังไม่มา ถ้าเสี่ยลุกจากเก้าอี้ หนูอาจถูกลากไปตบ”


“ถ้าอย่างนั้นไปนั่งกับเสี่ยสิจ๊ะ”


“ที่นั่งเสี่ยอยู่ตรงไหนคะ...ในผับหรือนอกผับ”


เสี่ยใหญ่ตาเยิ้มมัน นั่นละสิ่งที่ธิดาต้องการ ข้อมูลของตฤณที่หามาแน่นปึ้ก ชายสูงวัยคนนี้คลั่งหญิงสาวอ่อนวัย แม้จะมีอดีตสาวโคโยตี้คอยเกาะแกะ แสดงความเป็นเจ้าของออกนอกหน้า


แต่เสี่ยเกียงยังมีผู้หญิงในรายการไว้บำเรอกามอีกหลายคน การทำแต้มสะสมกับผู้หญิงสวยทุกคนที่เข้ามาในผับก็กลายเป็นความชอบรองลงมาจากการเล่นพนัน ซึ่งงานของเธอที่ตฤณสั่งไว้คือการทำให้เสี่ยหลงกล ยอมออกมานอกผับกับเธอก่อนที่โคโยตี้สาวดาวเด่นแห่งมูนไลต์ชาโดว์จะเริ่มแสดง


“บนผับ”


แต่พอเสี่ยตอบกลับมา ธิดาก็หาทางไปต่อไม่ได้ สายตาของเสี่ยใหญ่ชำเลืองไปทางห้องกระจกมืดมิดไร้แสงสว่างด้านบน


“ที่นั่งเฟิสต์คลาสเลยนะคะนั่น” ธิดาฝืนยิ้มพูด พยายามกวาดตามองหาเพื่อนชายให้มาช่วยกู้ชีวิต แต่ท่ามกลางแสงไฟสาดส่ายไปมาและหมู่คนที่เต้นรำแน่นขนัดผับ ทำให้ธิดาไม่อาจมองเห็นใบหน้าใครได้ชัดเจน


“แล้วหนูจะติดใจ”


เสี่ยใหญ่ไม่รอคำตอบ คว้าแขนเธอกึ่งลากแทรกผ่านผู้คนตรงไปยังบันไดทางขึ้นชั้นสอง เปิดประตูแล้วผลักเธอเข้าไป หัวใจของหญิงสาวสั่นรัว เธอจะเอาตัวรอดจากเสี่ยตัณหากลับได้อย่างไร เมื่อแผนที่วางไว้ออกมาผิดรูป


“หนูไม่ต้องกลัวนะ เสี่ยจะเบามือ”


ก็ลองเข้ามาสิ จะสับสันมือลงกลางกระหม่อมเลย!


หญิงสาวคิดในใจ แต่ในชั่ววินาทีนั้นก็คล้ายกับโลกหมุน ทุกอย่างที่เห็นบิดเบี้ยว โอนเอน และมึนงง มองเห็นแต่ใบหน้าหยามยิ้มของเสี่ยเกียงที่กำลังใกล้เข้ามา


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


มีใครบางคนเคาะประตูเสียงดัง ในครั้งแรกเสี่ยยังไม่ไปเปิด และกำลังย่างเท้าเข้าหาหญิงสาว


ปึง! ปึง! ปึง!


ในครั้งที่สองดังกว่ามาก แต่ไม่ถึงขนาดหยุดความสนุกสนานของผู้คนเบื้องล่างได้ เสี่ยเกียงสบถคำหยาบ ยอมละจากหญิงสาวที่โงนเงนล้มลง เดินไปเปิดประตูหวังด่ากราดใส่อ้ายอีที่บังอาจขัดจังหวะ


“ไอ้...อุ๊บ!” เสี่ยใหญ่พูดได้แค่คำขึ้นต้น ส่วนคำลงท้ายหายไปกับหมัดหนักที่ประเคนใส่กรามอย่างจัง ส่งผลให้เสี่ยใหญ่บ้ากามล้มไปสลบนอนนับดาว


“ธิดา” ผู้เข้ามาช่วยเธอคือตฤณ เจ้าของแผนการ


“ตฤณ ฉันรู้สึกร้อนแปลก ๆ” ธิดาวาดแขนเกาะคอชายหนุ่มแน่น


“ฉันจะพาเธอออกจากที่นี่”


ตฤณบอกคนใกล้ไร้สติ แล้วใช้ความไวค้นตัวเสี่ยใหญ่ ได้ห่อของใส่ยาเม็ดกลมขนาดใหญ่คล้ายนมอัดเม็ด จึงตั๊นหน้าเสี่ยเกียงอีกรอบให้สาแก่ใจที่ใช้ยาสกปรกกับหญิงสาว จากนั้นรีบประคองร่างธิดาลงบันได ลัดตามเงาของแสงไฟออกไปนอกผับ เพื่อนำร่างของเธอไปพักยังรถเอสยูวีสีดำสนิทที่จอดในมุมมืด


“พาธิดาไปส่งพี่ปราณด่วน!” เขาบอกคนขับรถแล้วจะโทรศัพท์แจ้งข่าวบุคคลสำคัญ แต่เปลี่ยนใจเป็นพิมพ์ข้อความส่งแทน


‘พี่ปราณ ผมกำลังส่งตัวธิดาไปหาพี่ แต่พอธิดาไปถึงแล้วห้ามแตะตัว ห้ามเข้าใกล้ธิดา’


‘เกิดอะไรขึ้น’ ผู้พี่พิมพ์ตอบกลับมา


‘ธิดาถูกมอมยาปลุกเซ็กซ์’


‘ไอ้ฉิบหาย แกพาธิดาไปทำอะไร’


ทว่าตฤณไม่ทันได้อ่านประโยคสุดท้ายของพี่ชายคนโต เขาก็ปิดเครื่องทันที แต่แน่ใจว่าต้องกลับไปก้มหัวขอขมาเป็นร้อยครั้งหลังเสร็จสิ้นเรื่องยุ่ง


เขาสอดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงยีน ตรงรี่กลับเข้าผับเพื่อให้ทันการแสดงสุดร้อนแรงของโคโยตี้สาว และทันทีที่เข้าสู่ภายใน แสงสีเสียงรอบกายก็ประโคมสาดไปที่เวที


ด้านหน้าขอบเวทีมีแต่ชายหนุ่มจับจอง แสงไฟผับทุกดวงส่องมายังจุดเดียวที่หญิงสาวร่างงามหยดย้อยในชุดบอดี้สูทไฮเลคสีขาว ประดับขนนกเป็นปีกด้านหลังฟูฟ่องนุ่มนวล และเมื่อเธอเริ่มเริงระบำท่ามกลางเหล่าชายฉกรรจ์ที่เปลือยอกและสวมใส่แต่บิกินี่รัดรูป


ความเร่าร้อนของโคโยตี้สาวก็ฉายแววออกมาราวกับการเต้นปลุกระดับจิตวิญญาณกามารมณ์เชิงศิลปะให้โลดโผนโจนทะยานออกจากตัวชายหนุ่มผู้ชื่นชม แม้แต่ตฤณเองยังตะลึงลานและรู้แจ้งแล้วว่า แม่โคโยตี้สาวนามว่าเอื้อยผู้นี้มีแรงดึงดูดถล่มทลาย


ทายาทมาเฟียหนุ่มตบหน้าเรียกสติตัวเอง กวาดตามองคนที่อยู่ในที่แห่งนั้น หน้าเวทีและกลางฟลอร์มีแต่พวกกลัดมัน ตามริมผนังและที่ประตูหน้ามีคนคุมผับ


และในความมืดที่ทางเข้าห้องล็อกเกอร์นั้น เขาเห็นเงาความเคลื่อนไหวที่ดูหมือนว่ามีใครบางคนอยากแสดงตน แต่คงรอโอกาส และวันนี้เขามาเพื่อมอบโอกาสนั้น


ตฤณคว้าแก้วเหล้าที่เหลือกินจากโต๊ะว่างทุกใบ ราดลงบนหัวตัวเองพร้อมกับทิ้งมันให้แตกบนพื้น แล้วแสร้งทำเดินเป๋ ผลักคนนั้นคนนี้ให้ออกห่าง ใครขวางพ่อก็ต่อยจนล้มหงายเก๋ง


ความชุลมุนวุ่นวายทำให้คนคุมผับเด้งออกจากจุดประจำตำแหน่ง ตรงดิ่งเข้าไปหานักเที่ยวหนุ่มเมาแล้วกร่าง แต่ก็เข้าถึงได้ลำบากเพราะต้องหลบหลีกคนและเศษแก้วที่แตกกระจายบนพื้น ทว่าใครจะคาดคิดว่าคนเมาจะกล้ากระโดดขึ้นบนเวที ฉวยคว้าตัวโคโยตี้สาวก่อนประกาศกร้าวเสียงดังว่า


“จะเต้นยั่วให้อยากอยู่ทำไม ทำให้พี่เห็นจริง ๆ เลยสิน้อง”


โคโยตี้สาวหวีดร้อง ในตอนที่ถูกจมูกโด่งซุกไซ้ที่เนินอก เอื้อยวาดมือจะตบสักฉาดบนใบหน้าหล่อสะอาดแบบหนุ่มเชื้อสายมังกร แต่เขาก็ยกลำแขนแกร่งปกป้องไว้ด้วยความเร็ว


“มาลุ้นกันว่ามันจะออกมาช่วยเธอไหม” ตฤณเอ่ยกระซิบบอกให้โคโยตี้สาวเล่นละครดีดดิ้นต่อไปอย่างรู้ความหมายต่อกัน แต่ที่เอื้อยไม่รู้คือความบ้าบิ่นของทายาทกาสิโนที่ยอมราดหัวตัวเองด้วยเหล้าแล้วควักเงินฟ่อนออกมาโชว์


“แต่พี่จะซื้อน้องไปนอนกอดกับพี่คืนนี้ ถ้าใครให้มากกว่านี้ ก็ก้าวออกมา!”


“กู!” น้ำเสียงแข็งกร้าวดังจากแถวหลัง เป็นชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวจัดสวมเสื้อฮู้ดสีดำ จับปีกหมวกแก๊ปให้ต่ำลงบดบังใบหน้า แต่ไม่อาจซ่อนแววตาคมเกรี้ยวกราดบาดลึก


ตฤณยกยิ้มที่มุมปาก กระโดดลงจากเวที ก้าวขายาวไปหา แต่ไม่ทันถึงตัวก็ถูกปลายหมัดทักทายรับขวัญ เกิดเป็นแผลที่ริมฝีปาก


“ถ้าตานี้มึงทำคิ้วกูแตกได้ กูแถมเงินให้อีกเท่า!” ทายาทมาเฟียหนุ่มท้าประลอง


แล้วการชมเดอร์ตี้แดนซ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นการแสดงมวยข้างเวที เสียงโห่เชียร์จึงดังอึกทึกและเล่นข้างแทงเงินกันให้ชุลมุน ยากเกินผู้คุมผับจะเอาอยู่ ส่วนสองหนุ่มผลัดกันแลกหมัดนัวเนีย สลับเสียงเชียร์ลั่นกึกก้อง กลบเสียงพูดของคนในวงมวย


“เพลงพิณหายตัวไป” ตฤณฮุกหมัดซ้ายใส่


“สารวัตรรู้เรื่องหรือยัง” ระพีพัฒน์หลบได้หวุดหวิด


ทายาทมาเฟียหนุ่มวาดขาขึ้นหมายเอวของอีกฝ่าย “ธิดาเพิ่งเอาข่าวมาบอกกู เหมือนคนตั้งใจสร้างสถานการณ์ให้พี่ก้องห่างจากเพลงพิณแล้วลงมือ”


ระพีพัฒน์คำรามในลำคอ “กูอยากรู้นักว่ามันเป็นใคร”


ตฤณยกแขนกันศอก แล้วถีบระพีพัฒน์ให้ออกห่าง “พี่ก้องฝากข้อความไว้ บอกว่าไอ้สำริดกับคุณนายดาราโผล่ที่ราชบุรี แล้วพี่กำลังเดินทางไปทองผาภูมิ แต่เจ้าแบล็กแบร์โดนเผาเสียเกรียม”


ระพีพัฒน์รีบวกกลับ กระโจนเข้าหาตฤณจนทั้งคู่ล้มทับโต๊ะตัวสูงพังทลาย “ระยำ กูจะเหยียบมือเพลิงให้จมดิน!”


“มึงได้เหยียบแน่” ตฤณลดการปกป้องตัวเอง


พลั่ก!


เพื่อรับหมัดจากเพื่อนรักเต็ม ๆ ตามคำท้า เลือดสีแดงไหลซิบออกจากคิ้วซ้าย แต่หาได้ระแคะระคายชายหนุ่มพันธุ์กระดูกเหล็ก


“แต่ต้องมีกูด้วย”


คำพูดของทายาทมาเฟียปิดฉากการต่อสู้ระหว่างเพื่อนรัก แต่เปิดฉากการร่วมเป็นร่วมตายของมิตรภาพที่ไม่อาจตัดขาดจากกัน


เสียงไซเรนของตำรวจดังใกล้เข้ามา พวกขาพนันต่างแตกฮือในตอนที่นายตำรวจหลายนายบุก ต่างคนต่างวิ่งกันอุตลุดไม่รู้เหนือรู้ใต้ ทิ้งชายหนุ่มที่เพิ่งต่อยกันให้ช่วยฉุดร่างขึ้น ยืนประจันหน้าต่อสารวัตรอัชวิน ผู้บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย


“มีคนแจ้งว่าเกิดเหตุวิวาทในผับ ไม่ทราบใครเป็นผู้ก่อเหตุ” นายตำรวจหนุ่มใหญ่ประกาศเหตุของการมาเยือน


“ผมครับ” ทั้งสองพูดพร้อมกันเสียงดังฟังชัดเจน


นายตำรวจใหญ่ก็ตอบกลับมาเสียงดังฟังชัดเจนเช่นกันว่า “จับมันทั้งคู่ไปโรงพัก!”


เป็นการจบสิ้นแผนการพาเพื่อนรักออกจากบ่วงเงาจันทรา