เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงาเธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
ก้องปฐพีต้องไถ่โทษชดเชยให้ธิดาผู้เป็นน้องสาว(จากเรื่องลมห่วรัก)ที่เป็นสาเหตุให้หมู่บ้านช้างของหมอไหมแก้ววอดวาย แต่ที่หมู่บ้านนี้มีเงื่อนงำเหตุการตายของหญิงสาวคนหนึ่ง ความลับนั้นถูกไหมแก้วเก็บไว้ และไม่กล้าเปิดเผยเพราะถูกผู้มีอิทธพลบีบคั้น ก้องปฐพีจึงช่วยเหลือเธอค้นความจริงเพื่อปลดปล่อยไหมแก้วให้เป็นอิสระ
ปัง!
เสียงปืนลั่นสนั่นป่าเปลี่ยนบ้านอันสงบของเหล่าสัตว์เล็กใหญ่ให้กลายเป็นสนามของการไล่ล่าชีวิต แต่ผืนป่าหาใช่บ้านแต่กำเนิดของเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังวิ่งหนีความตายหัวซุกหัวซุน การหลบลี้หาที่ซ่อนตัวจึงยากยิ่งกว่าการหาดินแดนแชงการีลา
“วิ่งเร็ว ๆ สิวะ!” เพลงพิณตะคอกใส่อีกคนที่เดินกะโผลกกะเผลกหอบหายใจถี่
“กูเหนื่อย กูวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว” อีกคนแทบล้มทั้งยืน แต่ถูกฉุดรั้งให้ไปต่อ
เพลงพิณสบถในใจ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่ลากเจ้านี่มาด้วย แต่หากเคลื่อนไหวช้าแบบนี้ คงไม่พ้นทางปืน เด็กหนุ่มจึงมองไปรอบ ๆ หวังให้พุ่มไม้หนาทึบในอีกสามก้าวเป็นที่พรางตัว แล้วกึ่งฉุดกึ่งลากชายร่างผอมให้มุดเข้าไปในดงพุ่มไม้แล้วบังคับด้วยสายตาบอกให้เงียบเสียง
อีกฟากของพุ่มไม้หนาคือชายวัยฉกรรจ์เดินงุ่นง่านสาดสายตาไปรอบตัว เขาเพ่งมองในความดำมืดของป่า เงี่ยหูฟังเสียงของสองชีวิตที่รอดจากเงื้อมมือสังหาร ดวงตาแข็งกร้าวยามต้องแสงจันทร์นั้นลุกวาวฉายแววแห่งความเหี้ยมโหดไร้ปรานี เขาเปลี่ยนจากถือปืนเป็นด้ามพร้าที่พกพาไว้เป็นอาวุธสำรอง แล้วเริ่มลงมือค้นหาเหยื่อ
“ซ่อนไปก็หลบกูไม่พ้น โผล่ออกมารับความตายจากกูเสียดี ๆ หากออกมาตอนนี้ กูอาจใจดีฟันมึงให้ตายในมีดเดียวโดยไม่ทรมาน!”
เสียงฟาดฟันพุ่มไม้รกทำให้สองคนที่หลบหลังพุ่มไม้หนานั่งตัวแข็ง ร่างพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อและน้ำค้าง โดยเฉพาะเจ้าหนุ่มเป๋หน้าซีดราวกับใกล้สิ้นสติ
สวบ ๆ !
เสียงใบไม้แห้งถูกย่ำที่ดังใกล้เข้ามาทำให้หัวใจของเพลงพิณเต้นแรงจนเจ็บหน้าอก ไม่ต่างกับเจ้าเป๋ที่กลัวจนเหงื่อกาฬไหลเต็มหน้าผาก แต่เขาจะไม่ยอมถูกฆ่าตายง่าย ๆ โดยไม่รู้ว่าไอ้บ้าที่พยายามปล้นชีวิตของเขาเป็นใคร และถ้ามันเป็นคนคนเดียวกับที่เอาชีวิตพี่ป๋องแล้วละก็ เพลงพิณสาบานกับตัวเองว่า แม้ตัวตายไปเป็นผีก็จะตามจองเวรกับคนชั่วไม่เลิกรา กระทั่งทุกอย่างเงียบสงบ แต่เขายังไม่วางใจในความปลอดภัย
“คืนนี้ซ่อนตรงนี้ทั้งคืน มึงอย่าหาเรื่องออกไปไหน ปวดฉี่ก็ฉี่ราดกางเกงไป” เพลงพิณสั่งเสียงเบา
“ทำไมมึงต้องลากกูมาเป็นเป้าล่อปืนด้วย ต่างคนต่างหนีก็สิ้นเรื่อง”
“แล้วทำไมมึงต้องเอาไม้มาฟาดกูด้วย อย่าคิดว่ากูลืมอะไรง่าย ๆ” เพลงพิณแยกเขี้ยวพูด “กูไม่บีบคอมึงตายคืนนี้ก็นับว่าปรานี”
“ถ้ามึงฆ่ากูตาย มึงจะไม่ได้รู้ว่าใครที่อยากฆ่ามึง”
คำโต้กลับของอีกฝ่ายกลายเป็นไพ่แต้มสูงเหนือกว่า แต่ก่อนที่จะรู้ว่าใครอยากฆ่าเขา นั่นคือการรู้ว่าเจ้าเป๋ห่าวคนนี้เป็นใคร
“อย่างน้อยกูก็ได้รู้ว่ามึงมีส่วนร่วมกับไอ้นั่นเผาทำลายสมบัติชาวบ้านและพยายามฆ่ากู”
“มึงจะเป็นจะตายไม่เกี่ยวกับกู แต่ก็ขอให้ได้ล้างตาไอ้ก้องปฐพี”
แล้วความทรงจำของเด็กหนุ่มก็รำลึกถึงคำพูดของก้องปฐพี หรืออริที่นายน้อยพูดถึงก็คือเจ้านี่ “ไอ้นักเลงสถุนลอบกัด มึงไม่มีปัญญาต่อยตีกับเขาอย่างลูกผู้ชาย มึงคิดว่าเผารถเขาแล้วจะชนะหรือไง ถุย!”
น้ำลายเหนียวพ่นใส่เต็มหน้า ทวีรัตน์เกิดความเดือดดาล กระโจนเข้าใส่ รัวหมัดไม่ยั้ง แต่เพราะความแข็งแรงผิดกัน แค่เพลงพิณต่อยเข้าที่กราม มันก็เอนล้มลงไปนอนราบกับพื้น ร้องโอดโอย
“ถ้ากูเป็นอะไรไป พ่อกูเอามึงตายแน่!”
“งั้นก็เป็นเลยแล้วกัน” ไม่สิ้นคำดี เด็กหนุ่มก็สาดหมัดซ้ายทีขวาที ทวีรัตน์ได้แต่ปัดป้องพ่นคำด่ากราดใส่ แต่ดูเหมือนหูของเพลงพิณหนวกไปชั่วขณะ จนได้ยินเสียงแปลกปลอมใกล้เข้ามา ถึงได้หยุกชะงักหมัดจนเปิดจังหวะให้ทวีรัตน์พุ่งหมัดเข้าที่จมูก
หากแต่เพลงพิณไม่คิดโต้กลับ เขารีบลุกถอยออกจากร่างผอมกะหร่องของทวีรัตน์ฉับพลัน ใบหน้าดุดันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้าง ขากรรไกรสั่น
ส่วนคนที่เพิ่งได้ลุกขึ้นนั่ง เห็นแววหวาดกลัวชัดเจนบนใบหน้า ก็ใจคอไม่ดี ค่อย ๆ หันหลังไปมอง ดูให้รู้ว่าไอ้คลั่งควงปืนนั่นพบที่ซ่อนเข้าแล้วหรือ
แต่เปล่าเลย มันหาใช่ความตายจากปลายกระบอกปืนไม่ แต่เป็นมัจจุราชในคราบอสรพิษร้ายที่เจอปืนอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะระยะกระสุนอาจพลาดไม่ตรงเป้า แต่ความแม่นยำของงูเห่าตัวเขื่องชูคอแผ่แม้เบี้ยในระยะประชิดแบบนี้มีแต่ตายกับตาย
“มะ...มึง ยะ...อย่าเพิ่งขยับตัวนะ” เพลงพิณบอกคนที่อยู่ใกล้งูตัวร้าย นึกตัดพ้อยมทูตที่ส่งมัจจุราชมามอบความตายให้เขาถึงสองทางแบบไม่ได้ร้องขอ
เจ้าอสรพิษตัวเขื่องเคลื่อนย้ายร่างยาวของมันไปมาโดยไม่ละดวงตากลมเล็กไปจากพวกเขา สัมผัสเย็นเยือกของผิวเลื้อยผ่านหน้าทวีรัตน์ไปพาดพันบนร่างของเพลงพิณ เขาหลับตาปิดทวารความกลัวของภาพตรงหน้า และพยายามทำตัวให้สงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวในตอนที่ลิ้นสองแฉกแลบเข้าออกเปิดรับกลิ่นของสิ่งมีชีวิตต่างพันธุ์
“พวกมึงอยู่นี่เอง!”
เสียงเหี้ยมดังขึ้นเหนือหัวเพลงพิณ ทวีรัตน์ตาเหลือกค้างมองการเงื้อพร้าที่อยู่ในมือ หมายวาดปลายคมลงบนหัวของเด็กหนุ่ม
ฟ่อ!
แต่แล้วทวีรัตน์ต้องผงะค้าง มันเป็นภาพที่ทั้งน่าสะพรึงกลัวและแปลกประหลาดในคราเดียวกัน เสียงขู่ของมันและดวงตาวาวบอกให้รู้ว่าผู้มาใหม่คือศัตรูผู้บุกรุก เจ้างูร้ายจึงขู่คำรามพร้อมกับการชูคอสูงเตรียมจู่โจม
ชายฉกรรจ์ก็จ้องดวงตาเล็กของมันนิ่งไม่กล้าเคลื่อนไหวในทันที อาวุธในมือตอนนี้มีเพียงแค่พร้าคม แต่มันจะเพียงพอในการปกป้องชีวิตจากพญางูที่เลื่องชื่อในการฉกเป้าหมายได้แม่นยำแม้ในระยะไกลหรือไม่ หากให้ขยับแขนหยิบปืนก็คงไม่ทันกาล และพอเขาค่อย ๆ ขยับขาถอยห่าง เดรัจฉานตัวยาวก็เคลื่อนย้ายร่างจากเด็กหนุ่มมาทางเขาราวกับจับสัญญาณแห่งความกลัวได้
เขาคำนวณความห่างจากตรงนี้ หากขยับหนียังมีโอกาสพ้นรัศมีการฉกของงูร้ายได้อยู่ ตอนนี้การรักษาชีวิตของตัวเองเป็นสิ่งที่เขาต้องทำก่อนที่จะช่วยชีวิตคนอื่น จึงตัดสินใจขว้างด้ามพร้าให้ห่างตัวเพื่อล่ออสรพิษให้หลงทาง แล้วใส่สปีดเท้าวิ่งเต็มแรง ยอมละทิ้งเหยื่อไว้แล้วค่อยวกมาที่นี่อีกเมื่อฟ้าสาง ด้วยหวังว่าพวกมันทั้งสองจะกลายเป็นศพเพราะโดนงูกัด
และนั่นก็ไม่ต่างกันกับสิ่งที่เขากำลังทำ ให้มันตายด้วยพิษงูก็เหมือนกับตายจากน้ำมือของเขา เขายกด้ามพร้าป้องกันพร้อมกับการก้าวถอยหลัง ก่อนวิ่งหนีให้เร็วอย่างที่ไม่เคยเร็วมาก่อนในชีวิต
ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบ ทั้งเสียงวิ่งของฝีเท้าที่ห่างออกไปและเสียงขู่ฟ่อแสนเบา ความรู้สึกเย็นยะเยือกผิวก็คลายลงจนหายไปเช่นเดียวกัน เพลงพิณลืมตาอีกครั้งเพื่อรับรู้ว่าเขายังอยู่บนโลกใบเดิมหรือปลิดปลิวล่องลอยไปมิติไหน และคำตอบที่ได้คือภาพของสัตว์เลื้อยคลานที่กำลังจากไปกับเสียงร้องไห้ของเจ้าเป๋ที่ดังราวกับเด็กทารก
เขายังไม่ตาย!
เพลงพิณแสนยินดีและสำนึกในโอกาสชีวิตที่ยมบาลมอบให้ แต่ไม่ได้มอบให้แก่เขาแค่คนเดียว ท่านยมบาลใจดีมอบชีวิตคืนให้ไอ้งั่งที่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรนี้ด้วย
“หยุดแหกปากเสียที ร้องเสียงอย่างกับหมูโดนเชือด” เพลงพิณพูดน้ำเสียงสมเพช ลุกขึ้นช้า ๆ โผล่หัวพ้นพุ่มไม้เพื่อดูลาดเลารอบตัว เมื่อไม่เห็นเงาของมือฆ่าจึงรีบออกไปเก็บพร้าที่ถูกทิ้งไว้เดียวดาย
“ทีนี้ กูก็มีไพ่เหนือมึงแล้ว” เพลงพิณยิ้มเย็นยื่นปลายคมของพร้าจ่อจมูกของทวีรัตน์ “บอกกูมาอีกสิว่า ใครอยากให้กูตาย”
“มะ มันเป็นคะ...คำสั่ง...” ทวีรัตน์รู้ได้ด้วยสายตาว่าอีกฝ่ายเอาจริงแน่
“คำสั่งใคร!” เพลงพิณกดมีดลงอีกครั้งให้หนักกว่าเดิมที่จมูกจนรอยคมบาดลึกมีเลือดซึม แม้จะมีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดก็ยังไม่ทำให้เขาหยุดมือ หากไม่ได้คำตอบ
“กูไม่รู้จัก พ่อกูถูกสั่งมาอีกที!”
“พ่อมึง? ไอ้ทรงชัยอะไรนั่นน่ะหรือ”
เด็กหนุ่มย่อเข่าใช้คมพร้าแตะที่ลำคอของทวีรัตน์ ยื่นหน้าจ้องมองทวีรัตน์เขม็ง นายทรงชัยต้องการเอาชีวิตเขาเพื่ออะไรกัน เขาไม่เคยทำอะไรให้คนแถบนี้แค้นเคืองใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งกับไอ้เป๋นี่ก็เพิ่งเจอกันครั้งแรก
“ถ้าพ่อกูรู้ว่ามึงยังไม่ตาย พ่อกูต้องตามมาฆ่ามึงแน่ ๆ” กระนั้น ทวีรัตน์ก็ไม่วายอ้างชื่อบิดามาข่มขู่
เพลงพิณยิ้มเยาะ “กูถามจริงเถอะ มึงแน่ใจหรือว่าที่กูยังยืนหัวโด่อยู่อย่างนี้ กับที่มึงทะเล่อทะล่าโผล่มาขวางทางปืนของไอ้นั่น แบบไหนที่พ่อมึงจะโกรธมากกว่ากัน”
ทวีรัตน์หน้าซีดเผือดทันที
“กูจะเอาตัวมึงไว้เป็นตัวประกัน และมึงต้องพากูไปหาพ่อมึง”
เพลงพิณพูดราวกับเขากลายเป็นโจรลักพาตัว แต่พลันนั้น ความสำนึกผิดชอบชั่วดีก็แวบแล่นผ่านเข้ามาในหัว เขากำลังทำตัวเป็นโจรลักพาตัวเหมือนบิดา แต่ที่ทำเพราะสถานการณ์บังคับ เพลงพิณตั้งใจมั่นแล้วว่าจะต้องพาไอ้เป๋ไปตามหาความจริงเพื่อปลดเปลื้องความกังขาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ต่อให้มันจะเป็นการมุ่งหน้าไปหาความตายก็ตาม
เสียงครางสุดท้ายของหญิงสาวกลืนหายไปพร้อมกับห้วงลมหายใจขาดช่วง ร่างบอบบางสะท้านซ่านแอ่นตัวเบียดตัวเองให้แนบแน่นกับกายแกร่งที่กระตุกเกร็งก่อนล้มตัวทาบทับบนเนื้อนวล มือบางยกขึ้นโอบบ่ากว้างแล้วไล่ปลายนิ้วไปตามสันหลัง สัมผัสมัดกล้ามและผิวชื้นเหงื่ออย่างคลั่งไคล้
เรียวขางามดั่งแท่งเทียนกอดรัดสะโพกชายหนุ่ม หลับตาพริ้มสัมผัสกระแสอุ่นที่ไหลบ่าเข้าสู่ภายในกาย พลีร่างให้ชายหนุ่มได้ปลดปล่อยความเชี่ยวกรากแห่งอารมณ์ปรารถนา ก่อนพลิกตัวเองขึ้นไปนอนก่ายบนร่างแกร่ง จับจ้องใบหน้าสะอาดสะอ้านไร้แว่นสายตามาบดบังดวงตา
“คุณรู้สึกอย่างไรบ้างคะ” เรียวปากอิ่มเอ่ยถาม พลางไล้นิ้วเรียวตามสันกรามแกร่ง
“ผม...ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี...” เขาพยายามไม่สบตาเธอ
“พูดตามความรู้สึกตอนนี้”
“มันรู้สึกทั้งดีและแย่”
ดวงตางามสบมองนิ่ง “แบบไหนมากกว่ากัน”
“ผมบอกไม่ได้...”
“ถ้าบอกไม่ได้ มาลองหาคำตอบกันอีกครั้งไหมคะ” แล้วหมายแนบเรียวปากมอบจูบร้อนแรงเพื่อหาคำตอบ
“ผมขอโทษ แต่ผมต้องไปแล้ว” แต่เขาดันตัวเองลุกขึ้น แล้วจับร่างอรชรแสนผุดผ่องพลิกหงายบนที่นอนนุ่ม จากนั้นคว้าแว่นตากรอบทองบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นสวม แล้วลุกเดินไปหยิบอาภรณ์ที่พาดบนพนักเก้าอี้มาสวมใส่ ก่อนแง้มผ้าม่านเพื่อมองลาดเลาเบื้องล่างโรงแรมใหญ่ประจำจังหวัด
“ถ้าคุณจะไปร่วมงานศพของอดีตคู่แข่งของคุณ ฉันขอเตือนให้คุณเตรียมใจไว้สักหน่อย”
เสียงหญิงสาวบนเตียงเรียกสายตาชายหนุ่มให้หันไปมองเรือนร่างงามที่นอนตะแคงอวดทรวดทรงงดงามตระการตาจนเขาต้องรีบเบนสายตาไปเพ่งเล็งแก้วเหล้าที่ยังมีคราบของเหลวสีอำพันหลงเหลือครึ่งค่อน
“ผมรู้ว่าคุณดาราอยากเตือนผมเรื่องอะไร แต่ถ้าผมไม่ไปจะยิ่งน่าสงสัยมากกว่า”
เธอหัวเราะในลำคอ แล้วลงจากเตียงเดินนวยนาดมาหยิบบุหรี่จากซองที่วางบนโต๊ะใกล้ชายหนุ่มขึ้นจุดสูบ พ่นควันฉุยพลางก้าวเท้าบางไปเปิดม่านให้กว้างออก โดยไม่หวั่นเกรงว่าจะมีสายตาของผู้ใดสอดส่องเห็นความเปล่าเปลือยที่หันหลังพิงบานกระจกหน้าต่าง เพื่อให้แสงอาทิตย์ยามเย็นฉายฉาบโลมเลียมเรือนกาย
“ฉันก็แค่เป็นห่วง กลัวขวัญของคุณจะกระเจิงจากการถูกเพ่งเล็ง”
“คุณดาราไม่ต้องห่วง ผมไม่มีทางขวัญเสียจนทิ้งความตั้งใจที่สู้พยายามมานานแสนนาน เงินสนับสนุนที่คุณนายมอบให้จะไม่เสียเปล่า”
“ตอนนี้คุณก็ชนะการเลือกตั้งแล้ว...คุณจะตอบแทนฉันยังไงคะ”
เป็นคำถามที่ทำให้เอกรัตน์นิ่งงันไปชั่วอึดใจ “คุณนายต้องการให้ผมตอบแทนอย่างไร”
กลุ่มควันสีเทาพวยพุ่งออกจากเรียวปากก่อนลอยหายไปในอากาศเย็นเฉียบ หญิงสาวเจ้าของเรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มมองเขาด้วยดวงตาคู่งามที่ทำให้เขาสะท้านซ่านทั้งคืนยามถูกเธอจับจ้อง แต่ในนาทีต่อมา ประโยคที่เจ้าหล่อนเอ่ยกลับทำให้ขนทั้งตัวลุกเกรียว
“ฉันต้องการให้ตอบแทนด้วยตัวคุณและหัวใจของคุณ”
“ผม...คงให้คุณดาราไม่ได้”
“ทำไมคะ หรือว่าทั้งตัวและหัวใจของคุณมีคนจองไว้แล้ว”
“ไม่มีคนจอง แต่เป็นผมเองที่ไม่อาจมอบให้ใครได้อีกนอกจากคนที่ผมรัก” คล้ายเห็นแวววูบไหวในดวงตาของคุณนายสาว แต่เขาไม่มีเวลาพอให้เธอทำความเข้าใจในความหมายของมัน เอกรัตน์หมุนตัวก้าวขาเดินไปที่ประตู
“คนรักของคุณ...เขาให้ความสุขกับคุณอย่างที่ฉันให้คุณหรือเปล่า”
เป็นคำถามอันแสนเสียดแทงหัวใจ แต่เขาไม่ได้ให้คำตอบแก่เธอ นอกจากเพียงแค่คำบอกลา “ผมต้องไปแล้ว ขอบคุณในสิ่งที่คุณดาราให้แก่ผม แล้วผมขอให้เราพบกันแบบนี้เป็นครั้งสุดท้าย ในครั้งหน้าผมกับคุณนายดาราจะเป็นผู้ร่วมงานที่ดีต่อกัน”
แล้วก้าวขาเดินจากห้องตรงไปขึ้นรถของตนด้วยความระแวดระวัง จากนั้นขับออกจากโรงแรมมุ่งไปยังวัดที่จัดงานศพของอดีตนายก อบจ. คู่แข่งคนสำคัญผู้วายชนม์
งานศพของอดีตท่านนายก อบจ. จัดขึ้นอย่างสมเกียรติ มีแขกที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงราชการรวมถึงวงการเมืองท้องถิ่นมาร่วมไว้อาลัยมากมาย แน่นอนว่าการเสียชีวิตท่ามกลางการแข่งขันหาคะแนนเสียงเลือกตั้งกลายเป็นความสนใจของนักข่าวท้องถิ่นอย่างไม่ต้องสงสัย และผู้ที่เป็นเป้าหมายของคำถามก็คงไม่พ้นเอกรัตน์
ยิ่งเป็นการตายของบุคคลสำคัญ ชาวบ้านจึงให้ความสนใจยิ่งกว่าข่าวซุบซิบดารา สิ่งที่เขาถูกกระหน่ำจากนักข่าวก็คือการยัดเยียดความเกี่ยวข้องเรื่องการตายของอดีตนายก อบจ. แต่จะเอาเรื่องนี้มาขัดขวางความตั้งใจของเขาไม่ได้ ต่อให้เป็นจำเลยสังคมตามข่าวก็ยอมทน ขอเพียงแค่ไหมแก้วยังเชื่อในตัวเขา เท่านั้นก็พอแล้วที่จะผลักดันให้เขาก้าวไปสู่ความสำเร็จ
เอกรัตน์ต้องลอบเลี่ยงหนีออกจากงานศพ หากขับรถกลับบ้าน หรือไม่ก็ไปปรากกฏตัวในที่สาธารณะ เขาคงต้องเจอกองทัพนักข่าวเพื่อตอบคำถามซ้ำซาก ในความคิดแรกตอนนั้นคือการไปหาคุณหมอสาวที่หมู่บ้าน แต่คำพูดของคุณนายสาวยังสะท้อนก้องในหัว
‘คนรักของคุณ...เขาให้ความสุขกับคุณอย่างที่ฉันให้คุณหรือเปล่า’
เขาเคยมีความสุขกับไหมแก้วแน่นอน เธอเป็นหญิงสาวที่เขารักและพร้อมจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เช่นเดียวกับที่เธอก็เคยตอบตกลงแต่งงานกับเขาเพื่ออยู่กินเป็นสามีภรรยา แต่แล้วความสุขเหล่านั้นก็มลายหายไป
เป็นอีกครั้งที่ดวงแขกลับเข้ามามีอิทธิพลในจิตใจ ต่อให้นานแค่ไหน เขาก็ไม่อาจสลัดภาพหญิงสาวผู้นั้นได้เลย แม้ยอมรับกับตัวเองอย่างน่าเกลียดว่าคราใดที่ได้ลิ้มรสรักของคุณนายสาว เขากลับรู้สึกว่ากำลังประคองร่างบอบบางของดวงแขไว้แล้วพาเธอล่องลอยไปในม่านน้ำสายรุ้งพร้อมกัน
ฉับพลันในชั่วแวบความคิด เอกรัตน์เปลี่ยนใจไม่เลี้ยวรถเข้าหมู่บ้านช้าง เขาขับต่อตรงไปแล้วจอดรถทิ้งไว้ข้างถนน ก่อนเดินเท้าเข้าสู่เขตหมู่บ้านชนเผ่าโดยไม่ใช้ทางผ่านเดียวกันกับหมู่บ้านของคุณหมอสาว ระหว่างทางที่เดินนั้น มีครอบครัวหมูป่าคุ้ยเขี่ยหาอาหารจากดิน เห็นแล้วก็ยิ่งนึกถึงความหลังครั้งเก่า ที่หญิงสาวมักเล่าให้ฟังด้วยใบหน้าบูดบึ้งถึงการไล่หมูป่าที่ชอบมากัดกินพืชที่เธอปลูกไว้
ความทรงจำเก่า ๆ ที่ถูกเก็บไว้ในกล่องล็อกกุญแจหนา ค่อยๆ ถูกหยิบมาเรียบเรียงทีละฉากทีละตอน จนวันสุดท้ายที่เธอมาบอกลาโดยไม่เอ่ยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขาหรือของไอ้โจรชั่ว ความกังขานี้ยังคงไม่กระจ่างแจ้ง แต่สายเกินไปแล้วที่จะรู้ความจริง
ร่างสูงก้มลงเด็ดดอกไม้ป่าขึ้นมาไว้ แล้วเดินต่อไปจนมาหยุดตรงหน้าหลุมศพ จ้องมองป้ายสลักชื่อของบุคคลที่เหลือเพียงกาย แต่ไร้วิญญาณ
“ฉันทำได้แล้วนะดวงแข...ฉันได้เป็นนายก อบจ. แล้ว และโครงการที่ฉัน ไหมแก้วกับเธอฝันไว้ ฉันกำลังจะทำให้มันเป็นจริง” ชายหนุ่มรำพึงแล้ววางดอกไม้เหนือผืนดิน
“ไม่รู้ว่าเธอชอบดอกอะไร แต่ถ้าเงินเดือนของนายก อบจ. เดือนแรกออก ฉันจะเอาช่อดอกไม้สวย ๆ มาฝาก”
“ดวงแขชอบดอกราตรี”
เสียงพูดที่ดังจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มเย็นวาบที่แผ่นหลัง แล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนมองด้วยใบหน้าเรียบสนิทไม่บอกอารมณ์ชัดเจน
“ดวงแขเคยบอกไหมว่าชอบดอกราตรี” เธอก้าวขาเข้ามา แล้วประนมมือไหว้ทำความเคารพผู้ล่วงลับทั้งสอง จากนั้นหันมาพูดกับเขาต่อ “ถ้าดวงแขรู้ว่าเอกมาเยี่ยม ดวงแขต้องดีใจมากแน่”
เอกรัตน์ทำท่าอึก ๆ อัก ๆ ขยับแว่นตาโดยไร้สาเหตุ “แค่แวะมา แต่ตั้งใจจะไปหาไหม”
“ถ้าไปก็ไม่เจอ เพราะไหมก็จะมาที่นี่อยู่แล้ว...” ไหมแก้วเงียบไปชั่วขณะ ก่อนคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยแสดงความยินดีกับชายหนุ่ม “ดีใจด้วยนะที่ทำความฝันสำเร็จ”
“ไหม...” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงคล้ายกำลังหนักใจ มองเธอด้วยแววตากลัดกลุ้ม “หากเป็นในอดีต เราสัญญากันว่าถ้าเอกเป็นนายก อบจ. แล้ว เราจะแต่งงานกัน...ไหมยังจำได้อยู่หรือเปล่า”
รอยยิ้มของคุณหมอสาวเหือดแห้งลง “จำได้สิ ไม่เคยลืม”
“เอกรู้ว่าทำผิดมหันต์ แต่ถ้าไหมให้โอกาสเอกอีกครั้ง เอกจะมีแต่ไหมคนเดียว ขอเพียงแค่ไหมยอมกลับมาคบกับเอกใหม่ มาเริ่มต้นกันใหม่ เอกสัญญาว่าจะ...”
“เอก” ไหมแก้วหยุดคำพูดเขาไว้ “คำสัญญามันไม่สามารถการันตีอนาคตได้หรอก แต่สิ่งที่เอกต้องทำคือซื่อสัตย์ในความรู้สึกตนเอง”
“เอกก็จะซื่อสัตย์กับไหม”
ไหมแก้วถอนหายใจ “ถ้าไหมไม่รู้เรื่องดวงแข และถ้าดวงแขไม่ตาย เอกจะเรียกสิ่งที่เอกทำว่าความซื่อสัตย์กับไหมได้อีกหรือ แต่สิ่งที่ไหมกำลังบอกไม่ได้ให้เอกซื่อสัตย์กับไหม แต่เป็นความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอกเอง”
เขาไม่เข้าใจความหมายที่เธอต้องการบอก และเขาก็ไม่ต้องการเสียไหมแก้วไปเหมือนในอดีต ในยามนี้เขาสามารถกำจัดหนามหัวใจออกไปได้แล้ว และต่อจากนี้ก็คือการทำให้เธอเห็นคุณงามความดีในตัวเขา ให้เธอเห็นว่าผู้ชายคนนี้พร้อมที่จะดูแลเธอเหมือนอย่างในวันเก่า
“จริงสิ คุณหมอใหญ่ฝากแฟ้มงานวิจัยสมุนไพรรักษาโรคร้ายมาให้ เห็นบอกว่าเอกอยากยืมไปอ่าน แต่มีบางหน้าขาดหายไป” ไหมแก้วบอกเรื่องที่คุณหมอใหญ่ฝากมา “ถ้าเอกไม่รีบใช้ ไหมขอยืมเอากลับไปถามคุณหมอใหญ่ก่อนได้หรือเปล่า”
เอกรัตน์เลิกคิ้วสูง ถามกลับด้วยความประหลาดใจ “แฟ้มรวบรวมข้อมูลสมุนไพรนั่นก็มีแต่คุณหมอใหญ่กับไหมไม่ใช่หรือที่เป็นคนทำ แล้วใครจะฉีกหน้ากระดาษขาดได้ล่ะ...” แต่แล้วก็หยุดความคิดชะงัก ย้อนไปถึงตอนที่เขาเข้าพบคุณหมอใหญ่ ก่อนเปรยคำพูดจากความทรงจำ
“หรือว่าจะเป็น...ดวงแข”