เธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,รัก,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงาเธอถูกชายคนรักทำให้ช้ำใจ แล้วยังถูกล่อลวงให้ไปพัวพันกับฆาตกรรมแสนโหดร้ายที่ต้องเก็บเป็นความลับไปจนตัวตาย แม้เวลาล่วงเลยผ่านไป ภาพอดีตก็ยังเฝ้าตามหลอกหลอน ยามนอนก็ยังเห็นในความฝัน กระทั่งเขา ผู้ชายที่กวนที่สุดในปฐพีเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ และทำให้เธอรู้ว่า ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้เงาจันทร์วันเพ็ญคืนนั้น ถึงคราวแล้วที่จะต้องเผยมันออกมา *** ภาคต่อของซีรีย์ ลมห่วงรัก นามปากกา ณ มหรรณพ จะนำมาลงใน Plotteller ลำดับถัดไป ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับก็เข้าใจ แต้ถ้าอ่านเรียงจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ***
ก้องปฐพีต้องไถ่โทษชดเชยให้ธิดาผู้เป็นน้องสาว(จากเรื่องลมห่วรัก)ที่เป็นสาเหตุให้หมู่บ้านช้างของหมอไหมแก้ววอดวาย แต่ที่หมู่บ้านนี้มีเงื่อนงำเหตุการตายของหญิงสาวคนหนึ่ง ความลับนั้นถูกไหมแก้วเก็บไว้ และไม่กล้าเปิดเผยเพราะถูกผู้มีอิทธพลบีบคั้น ก้องปฐพีจึงช่วยเหลือเธอค้นความจริงเพื่อปลดปล่อยไหมแก้วให้เป็นอิสระ
ตอนที่ ๒๘ วางแผนตาย
การมาโรงพักบ่อยครั้งออกจะไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของนายก อ.บ.จ หนุ่มคนใหม่ แต่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้แน่หากไม่ยอมทำตามคำเรียนเชิญของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คำถามสอบปากยังวนเวียนอยู่กับประเด็นบาดหมางระหว่างทวีรัตน์และนายก้องปฐพี ซึ่งเขาก็ย้ำคำตอบเดิมว่ารู้แต่ไม่ละเอียด
“ทำไมสารวัตรไม่รอถามกับเจ้าตัวเองละครับ” เขาเก็บความไม่พอใจภายในใบหน้านิ่ง
“กับใครครับ ถ้ากับคุณก้องปฐพี ผมบันทึกการสอบปากคำไว้แล้ว แต่ถ้ากับทวีรัตน์ เราพอได้เบาะแสมาแล้วจากชาวบ้านที่ถูกปล้นรถขนหมู ถ้าได้ตัวมา ผมก็ต้องเรียกมาสอบสวนแน่นอน”
“ทวีรัตน์นะหรือปล้นรถขนหมู” คิ้วเข้มย่นแสดงความสงสัย
“มีกันสองคน อีกคนคือเพลงพิณ อีกคนก็ทวีรัตน์ สอบมาได้ว่าทั้งสองร่วมกันก่อเหตุปล้นรถขนหมู”
เอกรัตน์ได้แต่พยักหน้าหงึก ประหลาดใจสุดแสนกับข่าวของน้องชายที่หายไป “ผมฝากสารวัตรด้วย น้องชายหายไปทั้งคนก็เป็นห่วง”
“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนในการทำคดีจากคุณเอกรัตน์”
“ครับ”
เขาตอบไปแค่นั้น เพื่อให้เรื่องจบเร็ว จะได้ไม่ต่อความยาวไปถึงประเด็นเพลิงไหม้ ซึ่งคู่กรณีทั้งสองเคยบาดหมางใจกัน ทางตำรวจก็ต้องตีประเด็นไปที่การแก้แค้นตามประสาคู่อริ บทลงโทษจะเป็นอย่างไร คงได้รู้กันหลังตามหาตัวทวีรัตน์พบ
ชายหนุ่มขับรถออกจากโรงพัก มุ่งหน้าหมู่บ้านช้างด้วยใจคิดถึงคุณหมอสาว แม้ว่าจะไม่ได้เห็นรอยยิ้ม แค่ได้ใกล้ชิดก็เท่ากับได้ลิ้มรสความสุขในวันวานก็ยังพอเป็นแรงให้เขาทำงานต่อไป
แต่การเฝ้ารอให้ไหมแก้วยอมกลับมารักกันใหม่ดูเหมือนจะไร้จุดหมายปลายทาง แต่เขาไม่อยากสูญเสียโอกาสในช่วงเวลาที่ไร้คู่แข่ง และจะอยู่ใกล้เธอให้มากที่สุดเท่าที่ใจต้องการ
ชายหนุ่มนำรถเข้าจอดไม่ห่างจากเรือนคุณหมอสาว แล้วหันไปมองการก่อสร้างเรือนไม้ที่รุดหน้าไปไวราวกับใช้เครื่องเร่งเวลา เขาหยิบแฟ้มงานวิจัยของคุณหมอใหญ่ลงจากรถก้าวเดินไปยังเรือนของคุณหมอสาว แต่ในตอนที่ย่างก้าวจนถึงกรอบประตูเรือน เขาเห็นรอยยิ้มอิ่มเอมใจจากใบหน้างามขณะที่เธอก้มอ่านบางอย่างจากกระดาษโดยมีช่อดอกไม้ดอกจิ๋วในมือ
“ไหมแก้ว” เมื่อเปล่งเสียงเรียก หญิงสาวก็สะดุ้ง รีบรวบกระดาษแผ่นนั้นเงยตามองเขาด้วยแววตาของคนมีลับลมคมนัย
“เอกมาตรวจงานก่อสร้างทุกวันเลยหรือ” รอยยิ้มของเธอไม่เป็นธรรมชาติอย่างที่เห็นในนาทีก่อนหน้า
“อยากให้งานเสร็จเร็ว ถ้าไม่มาตรวจ พวกนั้นก็คงอู้ แล้วก็ว่าจะมาให้ไหมช่วยเลือกพันธุ์สมุนไพรที่จะเริ่มต้นทดลองปลูกในแปลง”
“ไม่เลย พวกเขาทำเร็วจนผู้ใหญ่บ้านกังวลมากกว่า” คุณหมอสาวกล่าวแล้วลุกขึ้นเดินหันหลังนำสิ่งที่อยู่ในมือไปเก็บในตู้หนังสือ แล้วเดินกลับมาหา “เอกอยากปลูกจำพวกไหนล่ะ ถ้าจะให้ดีก็ต้องเหมาะกับสภาพดินกับอากาศบ้านเรา”
“เอกอยากปลูกเห็ด”
“เห็ด?” ดวงตาคุณหมอสาวบอกให้เขารู้ว่าต้องการคำอธิบาย
“เป็นแค่หนึ่งในพืชที่อยากปลุกน่ะ” เขาขยับแว่นตาที่เลื่อนตกลงมา “แล้วก็มีต้นย่านางของไหม ไหมจะได้ไม่ต้องเข้าป่าไปเก็บหาจนถูกงูกัด”
คุณหมอสาวคลี่ยิ้ม แล้วหันไปทางเสียงเรียกของคนงานคนหนึ่งที่ย่อเข่านั่งที่หน้าประตูเรือน
“ผมอยากให้คุณหมอไปช่วยดูหน่อยตัวคานตรงกับแบบหรือเปล่า”
ไหมแก้วเลิกคิ้วแปลกใจ แต่พอเขาบอกว่าผู้ใหญ่บ้านไม่อยู่จึงหันไปทางชายหนุ่ม
“เอกขอนั่งพักกินน้ำสักแก้ว ไหมตามเขาไปก่อน เดี๋ยวเอกตามไป” บอกกับคุณหมอสาวแล้วหันไปทางชายคนงานที่ก้มหน้าก้มตามองพื้นกระดานเอ่ยคำสั่ง “พาคุณหมอไปก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป”
แล้วรอจนไหมแก้วห่างไปไกลจนเกือบถึงบริเวณก่อสร้าง ชายหนุ่มก้าวขาเข้าไปในเรือนตรงไปยังตู้หนังสือแล้วหยิบเอาซองจดหมายที่แทรกตัวอยู่ใต้หนังสือเล่มหนา หยิบกระดาษที่อยู่ด้านในออกมาคลี่อ่าน
‘ถึงคุณหมอไหมแก้ว
ขณะที่คุณหมอถือกระดาษแผ่นนี้ ผมก็คงอยู่บนถนนสายที่มุ่งสู่ทองผาภูมิด้วยเหตุผลของเพลงพิณ แต่ผมก็รู้สึกว่าที่ ๆ ผมไป มีความเชื่อมโยงอะไรบางอย่างเกี่ยวเรื่องที่คุณหมอเล่าให้ผมฟัง
ก่อนออกจากราชบุรี ผมได้ขอกับคุณหมอใหญ่เพื่อถามถึงเรื่องที่ผมสงสัยเกี่ยวกับผู้หญิงสองคน หนึ่งในสองคนนั้น เป็นคนที่คุณหมอรู้ดี ส่วนอีกคนนั้นผมคิดว่าคุณหมอไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเขา เพราะเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ ไม่ตรงกับสิ่งที่คุณหมอเล่าให้ผมฟัง
ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้โกหก แต่ผมก็ต้องหาพยานหรือหลักฐานมาพิสูจน์คำพูดของคุณหมอว่ามันเป็นจริงทุกประการ อย่าถามผมว่าผมทำแบบนี้เพื่ออะไร เพราะผมคิดว่าคุณหมอน่าจะพอรู้คำตอบอยู่ในใจ และรอให้ผมพิสูจน์ว่าจริงแท้แค่ไหน และหากผมรู้อะไรมากขึ้น ผมจะเล่าให้คุณหมอฟังจะโดยติดต่อผ่านทางคุณหมอใหญ่อีกครั้ง
สุดท้ายนี้ ผมขอคุณหมอนอนหลับสบายทุกคืนแม้จะมีฟ้าร้องหนักแค่ไหนก็ตาม
ก้องปฐพี ฤทธิ์นาคา’
แม้เขาจะขับไล่ก้องปฐพีให้ออกห่างจากเธอได้แล้ว แต่มันก็ไม่แคล้วหาทางติดต่อเธอจนได้!
นายก อ.บ.จ หนุ่มอยากขยำกระดาษนั้น พร้อมกับบดขยี้ช่อดอกมิลิวัลย์จนกลีบบางสีขาวแหลกช้ำคามือด้วยความโกรธแค้นที่มีต่อชายหนุ่มผู้เขียนจดหมาย แต่เขาไม่คิดสั้นแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงสอดกระดาษข้อความกลับเข้าซองแล้วเก็บไว้ที่เดิม
เขาหันสายตาไปมองหญิงสาวที่ยืนใต้โครงสร้างเรือนไม้โดยมีเจ้าสายป่านคลอเคลียไม่ห่าง นึกขุ่นเคืองในใจสุดแสน และพยายามคิดหาทางเก็บกักตัวเธอให้ออกจากผู้ชายคนอื่น จึงลงจากเรือนแล้วตรงไปหา แต่คล้ายกับโครงสร้างคานไม้อันเขื่องเหนือหัวหญิงสาวนั้นสั่นโยกเยกน่ากลัว
แล้วฉับพลันทันที่ใครจะคาดคิด คานไม้ที่พาดกันเหล่นั้นก็ล้มครืนพังทะลายลงมา รวดเร็วจนช่างหลายคนที่อยู่ใต้โครงสร้างหนีออกมาไม่ทัน ซึ่งนั่นก็รวมถึงคุณหมอสาวด้วย
“ไหมแก้ว!”
หัวใจของเอกรัตน์หลุดจากอก เขารีบวิ่งตรงไปยังกองเศษซากที่หักพัง แล้วหยิบจับท่อนไม้ออกด้วยใจพะวง ร่วมด้วยกันกับชาวบ้านและควาญช้างที่เข้ามารุมให้ความช่วยเหลือ
“ไหมแก้ว!”
เขาพยายามเรียกหาเธอ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบนอกจากเสียงร้องของสายป่าน จนกระทั่งหยิบแผ่นไม้สุดท้ายขึ้นแล้วเห็นผิวกายหยาบสีเทาของลูกช้าง และที่ด้านข้างนั้นมีคุณหมอสาวก้มหมอบอยู่
ร่างของหญิงสาวคุดคู้ใต้คานไม้ใหญ่ที่พาดทับตัวสายป่าน ช่องว่างที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นบังเกอร์ป้องกันเธอจากอันตราย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไหมแก้วจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย มือข้างหนึ่งของเธอถูกท่อนไม้ทับ แล้วดูเหมือนหญิงสาวจะเจ็บมากจนน้ำตาริน
“ไหม อย่าเพิ่งขยับตัว!”
เอกรัตน์บอกแล้วรีบยกท่อนไม้หนักโยนออกไป เห็นมือบางมีเลือดไหลอาบก็รีบอุ้มขึ้น แล้วตะโกนสั่งคนงานที่อยู่ใกล้ ๆ
“เรียกรถพยาบาลกับกู้ภัยด่วน!”
“คุณเป็นเจ้านายของพิณหรือ ฉันขอบใจด้วยที่ช่วยเกื้อหนุนมัน”
มารดาของเพลงพิณเอ่ยกับเขาด้วยใบหน้าอิ่มเอม ส่วนเจ้าบ้านอีกคนที่เพลงพิณกระซิบบอกเขามาเป็นแม่ของเอื้อยกำลังยกสำรับกับข้าวมาเลี้ยงแขกแปลกหน้า
“มากันเหนื่อย ๆ กินข้าวเย็นกันก่อนนะ” คำเชิญชวนเปี่ยมด้วยไมตรีจิตทำให้ทั้งเขาและตฤณเกรงใจ เว้นเสียแต่ทวีรัตน์ที่ยังพ่นคำหยาบคายไม่หยุดหลังจากถูกเพลงพิณมัดติดกับเสากลางบ้าน
“ผมต่างหากที่อยากขอบคุณ ถ้าหากสามีของคุณน้าไม่ยอมหักหลังนายพนา แล้วพาคนของผมไปช่วยน้องสาว ผมก็คงเสียคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตคนหนึ่งไป”
หญิงสูงวัยผู้มีสูญเสียสมรรถภาพการมองเห็นทำหน้ากลืนไม่คายไม่ออก บทสนาทนาจึงขาดช่วงไปไม่ราบรื่น เพลงพิณจึงชวนเขาและตฤณทานอาหารปรุงสุกใหม่ตรงหน้า กระนั้นก้องปฐพีก็ยังไม่นึกอยากอาหาร เพราะการมาที่นี่มีจุดมุ่งหมายแสนสำคัญ ทว่าต้องรับน้ำใจของเจ้าบ้าน
แต่หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารแล้ว ก้องปฐพีก็ไม่ต้องการให้เสียเวลาไปสักวินาที จึงเริ่มต้นด้วยคำถามที่นำทางไปสู่คำตอบ
“ผมมีเรื่องจะถามพวกคุณน้าสักหน่อย เป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับนายพนา”
น้าอัญ มารดาของเอื้อยมีรอยยิ้มกว้างแคบลง ดวงตามีแววความโศกสลด เธอปล่อยให้ความเงียบไหลผ่านสักพักใหญ่ ราวกับกำลังเรียบเรียงคำพูดไว้ในใจ จากนั้นจึงค่อยพูดออกมา
“อยากถามเรื่องอะไรหรือคุณ”
“ผมทราบมาว่าผู้ชายของหมู่บ้านนี้เป็นสมุนของนายพนาทั้งหมด” คำถามของเขาทำให้ได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่าย เพลงพิณกับตฤณก็ฟังด้วยใจจดจ่อ
“หมู่บ้านของเราในสมัยก่อนอยู่กันยากลำบาก ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ห่างไกลเจ้าหน้าของราชการ” เธอพูดพลางเอามือลูบหัวลูกสาวแล้วโอบกอด “ไม่มีคนของทางการส่งใครมาปกครองหรือพัฒนา เหมือนที่นี่เป็นหมู่บ้านเถื่อน ไม่ได้ขึ้นกับตำบลไหน”
“หมู่บ้านเถื่อน?”
“ก็คล้าย ๆ กับพวกกะเหรี่ยงไร้แผ่นดินนั่นละ พวกเราปกครองกันเอง ดูแลกันเองไปตามอัตภาพ พวกอันธพาลท้องถิ่นมักเข้ามาก่อกวนจนพวกเราหวาดกลัว บ้างก็มาขูดรีดเงินทอง บ้างก็มาฉุดเด็กสาวของหมู่บ้านไป หมู่บ้านที่ขาดผู้นำก็เหมือนกับออกเรือโดยไม่มีไต้ก๋ง จะลุกขึ้นสู้ก็ไม่กล้า...” เธอหยุดพักเพื่อถอนหายใจเสียงหนัก “...แต่อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าป่าก็เข้ามา”
“เจ้าป่า?”
“นายพนามายื่นข้อเสนอให้ยอมเป็นคนของเขาแล้วพวกเราจะอยู่อย่างปลอดภัย” ผสายตาของผู้เล่าเหม่อมองไร้จุดหมาย “มันก็เปรียบเหมือนกบเลือกนายนั่นละคุณ ไม่มีผู้ปกครองเลยยังดีกว่ามีผู้ปกครองที่ทารุณโหดร้าย แต่สิ่งที่นายพนาให้ทดแทนความโหดร้ายก็คือชีวิตที่ปลอดภัยกับรายได้ที่จะสามารถเลี้ยงดูบุตรหลานของหมู่บ้าน”
“แล้วภรรยาของนายพนาล่ะครับ” ก้องปฐพีไล่คำถามต่อไป
“ผู้หญิงแสนสวยคนนั้นเธอเป็นที่รักของนายพนามาก มากจนทำให้หัวใจโจรป่าอ่อนแอ”
“แต่เขาก็ฉุดเธอ” ก้องปฐพีเอ่ยแทรก เห็นยิ้มเย้ยหยันจากปากซีดของอีกฝ่าย
“ใคร ๆ เขาก็เข้าใจอย่างนั้น”
สถาปนิกหนุ่มสบตากับเพลงพิณและตฤณ ก่อนหันกลับไปหาผู้เล่าอีกครั้ง ถามต่อด้วยน้ำเสียงเครียด “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะคนของหมู่บ้านช้างต่างก็บอกว่านายพนาเป็นคนฉุด แล้วคนที่นี่ละครับ คนที่นี่เข้าใจอย่างไร”
“ฉันไม่แน่ใจว่าควรพูดเรื่องนี้กับคนเพิ่งเจอกันหรือไม่ มีประโยชน์อะไรที่จะไปพูดถึงมัน”
“มีคน ๆ หนึ่งที่กำลังจมบ่อแห่งความทุกข์ร้อนเพราะเรื่องนี้ และเธอไม่สามารถว่ายแหวกขึ้นจากฝั่งได้ด้วยตัวเอง”
“คุณเลยจะยื่นกิ่งไม้ให้คน ๆ นั้นเกาะ”
ก้องปฐพีลอบถอนหายใจเสียงเบา “จะกิ่งไม้หรืออะไรที่หาได้ในตอนนั้น หากไม่มีเลย ผมก็จะกระโจนลงไปงมเธอขึ้นมา ทุกอย่างไม่เว้นแต่หาคำตอบพิสูจน์ว่านายพนาทำหรือไม่ทำ”
ดวงตาโศกเศร้ามีแววแข็งกร้าวเล็กน้อย “พวกเราเข้าใจว่ามีการทรยศ... มีการทรยศหักหลัง นายพนาโดนหักหลัง”
“หักหลัง?” เพลงพิณเอ่ยเสียงสูง “โจรป่าที่ใคร ๆ ก็เกรงกลัวโดนหักหลังอย่างนั้นหรือ แสดงว่าไอ้คนที่หักหลังมันร้ายกาจมากทีเดียว”
“ถ้าเธอรู้ว่าเป็นใครบ้างที่ร่วมขบวนการหักหลังเจ้าป่า เธอจะไม่พูดแบบนี้เลย เพลงพิณ”
เพลงพิณหยุดปากชะงัก รู้สึกหวั่นแปลก ๆ กับความหมายในสายตาที่น้าอัญกำลังสื่อ
“ยิ่งคนที่ประกาศว่านายพนาเป็นคนฉุดดวงแขเป็นคนที่คนของหมู่บ้านช้างเคารพบูชา มีหรือที่พวกเราคนใต้ฝ่าเท้าโจรป่าจะลุกขึ้นปกป้องเจ้านายของตัวเอง”
“แล้วนายพนาไม่คิดโต้กลับอะไรหรือ” เพลิงพิณแทรกคำถาม “คนเลวขนาดนั้น ใครเลวมาก็ต้องเลวตอบในสาสมกันอยู่แล้ว”
เธอส่ายหน้า “ฉันก็เห็นหมอไหมแก้วยังอยู่ดีปลอดภัย ไม่รู้เหมือนกันมาทำไมนายพนาไม่ทำอะไรหมอไหมแก้วเลยแม้แต่ปลายผม แถมยังส่งคนคอยเฝ้าติดตาม อย่างกับระวังภัยให้ก็ไม่ปาน”
“ในขบวนการหักหลัง... มีพ่อของเพลงพิณอยู่ด้วยใช่ไหมครับ”
หากความเงียบคือคำตอบ เขาก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก ส่วนเด็กหนุ่มที่ถูกเอ่ยถึงก็นั่งเงียบหน้าซีดอย่างกับเพิ่งฟังเรื่องสยองขวัญสั่นประสาทจบ
“ยังมีอีก... ยังมีฉ่อยกับอำพัน... สามีของฉัน” เสียงผู้เล่าสั่นเครือเต็มทน เธอปาดหลายน้ำตาที่ทะลักล้นออกมาให้อาย ลุกขึ้นยืนพูดโดยไม่หันหน้ามาทางแขก “ฉันจะไปเตรียมมุ้ง พิณมาช่วยน้ายกสำรับกับข้าวไปเก็บที”
ก้องปฐพีรู้สึกไม่ดีนักที่กลายเป็นบ่อนทำลายความสงบของจิตใจคนอื่นด้วยคำถามขุดคุ้ยถึงเหตุการณ์ในอดีต แต่จากการประมวลคำตอบแล้ว คุณหมอไหมแก้วไม่โป้ปดเขาแม้เพียงคำเดียว นายพนาให้ความคุ้มครองเธอตราบเท่าชีวิตหาไม่โดยแท้
แต่หลังจากที่โจรป่าลาโลกไป ยุคมืดก็เริ่มคืบคลานผลาญชีวิตของเธอ และอีกเรื่องที่ทำให้ชายหนุ่มห่วงหญิงสาวสุดใจคือการให้การเท็จของเธออันมีต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ส่วนคนที่ตายไปแล้วจะให้ปลุกวิญญาณมายืนยันความบริสุทธิ์หรือก็เป็นไปไม่ได้
ก้องปฐพีเกิดความรู้สึกเคร่งเครียดจนไม่อยากนั่งทำหน้าขึงขังใส่เด็กหญิงที่จ้องเขาตาแป๋ว จึงขอออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์กลางหมู่บ้าน
“พี่ก้องกำลังสงสัยอะไรหรือครับ”
เสียงของตฤณที่เดินตามเขาออกมาถามพร้อมกับยื่นซองบุหรี่ให้ แต่ชายหนุ่มกลืนความอยากไว้ ส่ายหน้าไม่รับก่อนห่อหยิบเม็ดขนมรสนมออกจากกระเป๋า
“ตกลงจะบอกข้าได้หรือยังว่ามึงกับธิดามาทำอะไรที่นี่” แล้วทวงถามถึงเหตุผลที่เห็นลูกเจ้าพ่อที่นี่
ชายหนุ่มดวงตาเรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดใจบอกในเมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนี้แล้ว “ผมกับกลางกำลังทำตามแผนสั่งตาย”
“แผนสั่งตาย?”
ตฤณจึงขยายความเพิ่ม “รุ่นพี่เพลงพิณที่โดนยิงตายนั่นเขาทำงานเป็นเด็กส่งยาให้เสี่ยเกี่ยง ทางกรม ฯ พบกระดาษห่อหมากฝรั่งจากตัวศพ แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร กลางเลยจึงตัดสินใจเสี่ยงเอาตัวเองเข้าไปเป็นคนของเสี่ยเกี่ยง จนก็ได้รู้ความลับว่ารุ่นพี่เพลงพิณถูกสั่งให้ฆ่าเอาชีวิตแม่และน้องของโคโยตี้คนหนึ่ง ซึ่งก็คือคุณน้าอัญกับเด็กผู้หญิงคนนั้น”
“แล้วทำไมเสี่ยเกียงที่ว่านี่ต้องการฆ่าพวกเขา” สถาปนิกหนุ่มถามต่อด้วยใบหน้าครุ่นคิด
“เรายังไม่รู้ตัวบงการที่แท้จริง แต่หากจับมันได้คนหนึ่งในคืนนี้ เราอาจมีทางสาวถึงตัวบิ๊กได้มากขึ้น และในเวลาเดียวกัน ไอ้กลางมันต้องกลายเป็นคนตายหลังจากจัดการแม่ลูกคู่นั้นแล้ว”
“มึงพูดอย่างกับไอ้กลางจะมาฆ่าคนจริง ๆ”
“มันอยู่ในแผนหมดแล้วครับพี่ก้อง”
“เดี๋ยวก่อน ๆ” ก้องปฐพียกมือห้ามให้หยุดพูด “แล้วมันเกี่ยวข้องกับที่มึงเอารถของธิดามาหรือเปล่า”
ตฤณอริ่มกลืนน้ำลงคอลำบาก “ธิดาอยู่ในทีมตอนทำแผนหนึ่ง แล้วเธอก็เป็นตัวสำคัญมากเสียด้วย กระดาษที่พบในศพป๋อง ตอนนี้น่าอยู่ในมือธิดา”
“ถ้าอย่างนั้น คืนนี้...” ลางสังหรณ์ของสถาปนิกหนุ่มทำงาน
“สองพี่น้องที่พลัดพรากจะได้พบหน้ากันก็ในคืนนี้ ดีใจใช่ไหมครับ” ตฤณตอบแทน แต่เขาไม่ได้ยิ้มแย้มยินดี เพราะกังวลว่าหลักฐานมัดมือชิ้นสำคัญยังอยู่กับธิดาหรือเปล่า!
รถเก๋งคันหรูขับเคลื่อนทะยานตามความเร็วของหัวใจสารถีสาวมุ่งตรงสู่แดนดินถิ่นตะวันตก ด้วยดวงตากลมโตสีนิลประกายที่สะท้อนจากกระจกมองหลังประกาศว่าเธอจะทำหน้าที่ส่งระพีพัฒน์เข้าสู่แผนสองอย่างใจตั้งมั่น
ระพีพัฒน์รับรู้ความตั้งใจนั้นได้เต็มเปี่ยม และซึ้งใจที่ธิดาหาทางช่วยเขาออกจากที่นั่น แม้เจ้าหล่อนจะไม่ยอมเล่าความเป็นมาของชุดรัดติ้วที่สวมใส่บนตัวเขาก็ตาม ทว่าเรื่องที่เหนือจินตนาการมากกว่านั้นคือ เอื้อยมานั่งข้างเขาได้อย่างไร
“อาการเขาเป็นยังไงบ้าง” ธิดาถามพลางชำเลืองมองกระจกมองหลัง
“ตัวยังเย็นอยู่ มือก็สั่นเล็กน้อย” เอื้อยตอบกลับไป แล้วบีบนวดมือทั้งสองข้างให้เพิ่มอุ่น “เป็น ๆ หาย ๆ”
“ฉันจะแวะปั๊มข้างหน้า หาซื้ออะไรอุ่น ๆ ให้เขากิน”
สารถีสาวพูดแล้วเลี้ยวรถเข้าสถานีเติมน้ำมัน เธอลงจากรถแล้วทิ้งเขาให้เอื้อยดูแล เป็นครั้งแรกที่ระพีพัฒน์รู้สึกร่างกายอ่อนแอมากมาย ทั้งที่เป็นคนออกกำลังประจำ แต่พอได้ลิ้มถึงความร้ายกาจของยานรกแล้ว ต่อให้เป็นนักกีฬามากมายเรี่ยวแรงแค่ไหน ก็กลายเป็นคนด้อยอ่อนเปลี้ยไปได้
“แผลนั่น... คุณนายทำให้คุณใช่ไหม”
เสื้อเชิ้ตถูกสวมใส่พอเป็นพิธี ไม่ได้กลัดกระดุมอะไรให้วุ่นวาย ผ้าพันแผลที่แปะพันไว้รอบหน้าท้องจึงตกเป็นเป้าสายตา
“เธอรู้ได้ยังไง” คล้ายกับอาการสั่นมีมากกว่าเดิม แต่ก็พยายามรีดเสียงเป็นคำพูด
หญิงสาวบีบมือให้เขาต่อไป “ลูกน้องคุณนายทุกคน เวลาไปมีเรื่องมีปัญหาแล้วได้แผลกลับมา คุณนายจะรักษาให้ทั้งหมด”
“คุณนายของเธอเป็นใครกันแน่” ดวงตาคมตวัดกลับไปมอง แต่เพราะความมึนชากำลังกำเริบจึงเห็นภาพหญิงสาวสั่นไหว ซ้อนกันคล้ายมีเธอสองคน
“ไม่มีใครรู้นอกจากนายสำริด ถ้าคุณอยากรู้ คงต้องไปขอนายสำริดสัมภาษณ์เอง” เธอให้คำตอบที่ไม่ได้ช่วยอะไร
“แล้วเธอได้ถูกมันทำร้ายหรือเปล่า... ตั้งแต่วันที่รับปากช่วยฉันวันนั้น”
“คุณก็เห็นว่าฉันสบายดีกว่าคุณ” เอื้อยยิ้มบาง ใช้ฝ่ามือถูไปตามลำแขนให้เกิดความอุ่น
“เธอใส่เสื้อ...ทุเรศ ๆ ของเสี่ย” ชายหนุ่มหอบหายใจ ยกนิ้วชี้ที่เสื้อเชิ้ตปกฮาวายสีสันแสบตา
หญิงสาวไม่เถียง และไม่คิดว่าเป็นคำถาม ถึงมันจะทุเรศจริงอย่างที่เขากล่าวก็ตาม แต่เธอไม่ได้ห่วงเรื่องความงาม เพราะอาการของเขาสิน่าห่วงกว่า
“คุณดูไม่ดีเลย”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนดูดีได้ในชุดรัดรูปสุดอุบาทว์” นิ้วเรียววกกลับมาชี้ที่ตัวเองไล่จากบนลงล่าง
“ฉันหมายถึงสีหน้าของคุณ มันไม่ดีเลย... คล้ายกับที่ป๋องเคยเป็น”
“สีหน้าของคนถึงฆาตสินะ” ระพีพัฒน์หัวเราะเสียงเบา หันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง
“คุณยังหนาวอยู่ไหม”
ระพีพัฒน์ไม่ตอบว่าหนาวสั่นจนเข้ากระดูก แถมด้วยความเจ็บแสบของบาดแผลลูกปืนก็เกิดเป็นระลอก สติเริ่มพร่าเลือน โพรงปากปรารถนาอยากลิ้มรสความหวานของ ‘ยาสวรรค์’ ชื่อที่คุณนายเรียกตอนป้อนเขาทีละเม็ด... ทีละเม็ดการเลี่ยงความสนใจตัวเองด้วยการจับจ้องเม็ดน้ำฝนยังเกาะพราวที่หน้าต่าง มองผู้คนเดินทางมากมาย หรือชื่นชมท้องฟ้าฉาบแสงสีแดง มีฝูงนกบินกระจายกว้าง ได้ช่วยอะไรได้เลย
เขาพยายามกล้ำกลืนฝืนความรู้สึกด้วยตัวเองโดยไม่รู้ตัวว่าถูกหญิงสาวจ้องมอง กระทั่งเธอเคลื่อนกายขึ้นนั่งจับจองพื้นที่หน้าตัก ระพีพัฒน์จึงหันมาสบตาโศก และสัมผัสความอุ่นจากสองมือนุ่มที่โอบใบหน้า
“อย่าคิดเป็นอื่น เวลาที่ป๋องมีอาการเขาจะขอให้ฉัน...” ปากบางยังหลงเหลือคราบลิปสติกสีแดงก่ำขยับพูดกรุ่นกลิ่นนิโคตินจาง “ทำแบบนี้...”
คำพูดสุดท้ายเลือนหายไปในอากาศ กลีบกุหลาบงามเคลื่อนเข้ามาใกล้ กดประทับความอุ่นแนบสนิทบนเรียวปากหยัก เบาบางคล้ายสัมผัสของขนนกก่อนเพิ่มแรงขมเม้มดูดกลืน เชิญชวนให้เขาเผยอริมฝีปาก ต้อนรับชิวหาบางที่สอดแทรกไล้เลาะเข้ามาหยอกล้อกับเขาภายในแลกสลับลิ้มรสชาติหวานปนขมแผ่ซ่าน ร่างกายของเขาเกิดอาการแข็งเกร็ง มีกำลังวังชาผุดขึ้นราวกับถูกเติมเต็มด้วยน้ำทิพย์อันมีฤทธิ์มากกว่าสารเสพติดใด ๆ หรือนี่คือผลข้างเคียงสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ของยาสวรรค์
“คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง” เธอถอนตัวเองออกจากปากหยักร้อน กระซิบถามแผ่วเบา
ระพีพัฒน์ขยับเปลือกตาลืม ได้ยินคำถามก้องอยู่ในหู แต่สมองยังไม่สั่งให้ตอบ เพราะต้องการกำซาบความหวานที่หลงเหลือติดปลายลิ้น จึงส่ายหน้าช้า ๆ ยกมือแตะหลังศีรษะมน โน้มใบหน้าเธอลงมาชิดใกล้ ใช้มืออีกข้างรัดร่างบางเพิ่มความอุ่นแนบกับกายตน กดจูบดูดกลืนความหวานจากหญิงสาว ตวัดลิ้นรับมธุรสอันหอมหวนยั่วยวนดุจดอกราตรีอีกครั้ง
“ฉันอยากได้จูบนี้อีกครั้งในตอนที่เราเจอกันที่ทองผาภูมิ” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูโคโยตี้สาวก่อนธิดาเดินกลับมาพร้อมน้ำอุ่นและเสื้อผ้า
และเมื่อประสาทตื่นรู้ทำงาน ระพีพัฒน์จึงทบทวนแผนที่ลำดับไว้ร่วมกันกับตฤณในหัว ไหว้วานให้ธิดาส่งสัญญาณติดต่อหาสารวัตรอัชวินและตฤณเพื่อให้ทุกคนจะเดินตามหน้าที่
ซึ่งถ้าลูกสมุนของนายสำริดคนนั้นไม่ตาย มันก็คงจะถูกส่งมาติดตามความสัมฤทธิ์ผลในคำสั่ง แล้วการที่เขาหายไปจากบ้านหลังนั้น คงทำให้นายสำริดคลั่งมากมาย แต่เขาต้องบรรลุเป้าหมายภายในสามวันตามที่นายสำริดประกาศไว้ หรือไม่ในตอนนี้มันอาจจะกำลังเดินทางไปทำงานตามใบสั่งด้วยตัวเองอยู่ก็เป็นได้
ระพีพัฒน์ขอแยกตัวกับสองสาวที่โมเต็ลร้างกลางทางเพื่อเฝ้ารอคนจากสารวัตรอัชวินส่งสิ่งที่ต้องการมาให้ แม้จะถูกธิดาดึงดันเพราะความเป็นห่วง แต่เธอต้องยอมรับว่าในใจเพชรฆาตมิอาจมีเพื่อนร่วมวิถี ซึ่งจะเป็นการดีหากเขาขอสงบจิตใจชั่วครู่ก่อนเริ่มงาน
แต่ในยามที่พักความคิดเรื่องแผน ความทรงจำในรสรัญจวนของหญิงสาวก็เสิบสานและฉายชัดออกมาเป็นรูปร่างคล้ายสมองกำลังปั่นภาพฝันออกมาเป็นโฮโลแกรม
เสียงเครื่องยนต์ทำลายภาพฝันฟุ้งกระจาย แต่ผู้ส่งของหายตัวไปไร้เงาหลังส่งต่องานให้เขาสืบสานต่อ ชายหนุ่มก้าวเดินไปหารถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์แรง พร้อมด้วยอาวุธปืนตามแบบที่สั่งไว้
ระพีพัฒน์ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านกันดารในทองผาภูมิ มีเมฆก้อนยักษ์ดำกวดไล่ตามหลัง เบื้องหน้าเป็นดวงจันทร์สีแดงดั่งเลือดอาบฟ้ายามราตรี และคืนนี้คือคืนตัดเชือก หลังการตายของสองแม่ลูก เขาจะถูกปิดตำนานสูญหายจากบัญชีคดีติดค้างของสารวัตรอัชวิน