ชาย-หญิง,ดราม่า,รัก,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วันเวลาผ่านไปที่วริญใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
วริญมักจะคอยพิมพ์ข้อความส่งไปหาเขาแต่น้อยครั้งที่เขาจะตอบ
เธอพอเข้าใจว่าเขาอาจจะไม่ว่าง
แต่มันไม่เหมือนวันนี้ที่เธอตัดสินใจโทรหาอีกฝ่าย รอสายอยู่สักพักสายนั้นก็ถูกตอบรับ แต่เสียงที่ได้ยินกลับไม่ใช่เสียงคนรักของเธอ
"ฮัลโหลค่ะ ฟ้าเข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ" เสียงจากปลายสาย
"..." วริญเงียบ
"ฮัลโหล" ปลายสายพูดซ้ำ
"ใครโทรมาครับ" เสียงพูดจากคนอื่นที่ดังมาจากปลายสาย
"ไม่รู้ค่ะ โทรมาก็ไม่พูด" เสียงผู้หญิงปลายพูด
"มีชื่อไหมครับ"
"วริญค่ะ"
ตู้ด!
วริญกดวางสาย
หลังจากที่เธอวางสายไม่นานก็มีคนโทรหาเธอ จะเป็นใครไปได้นอกจากพี่ฟ้า
"วริญ..." เสียงปลายสายพูด
เป็นเสียงเขา
เสียงที่เธออยากได้ยินมากที่สุด
แต่ไม่ใช่ตอนนี้
"ฮัลโหล วริญได้ยินพี่ไหมคะ" พี่ฟ้าเรียกเธออีกครั้ง
"ได้ยินค่ะ" วริญตอบอย่างแผ่วเบา
"พี่อธิบายได้นะ คือมันไม่ใช่อย่างที่หนูคิด คือแก้มแค่ขอเข้าห้องน้ำห้องพี่แค่นั้นเองค่ะ ไม่มีอะไรเลย" ชายหนุ่มพยายามอธิบาย
แก้ม ชื่อนี้อีกแล้ว...
นับตั้งแต่ได้ยินชื่อนี้ออกจากปากคนที่เธอรักแล้วเหมือนสติที่มีอยู่ของเธอได้หลุดลอยออกไปเธอไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดได้เลย เพราะในหัวของเธอมีแต่คำถาม
ไปทำงาน แต่ทำไมถึงมีผู้หญิงคนนั้นไปด้วยล่ะ
ไปทำงานจริงเหรอ
ทำงานแบบไหนล่ะ
แบบที่มีแค่พวกเขาแค่สองคนหรือเปล่า
ตอนนี้เธอไม่สามารถหยุดคิดได้เลย
เป็นเสียงจากปลายสายที่เรียกสติของเธอกลับมา "วริญ ยังฟังพี่อยู่ไหม"
"ค่ะ"
"จริงๆ นะคะ พี่มาทำงานแล้วบังเอิญมาเจอแก้มที่นี่ พี่ไม่รู้มาก่อนว่าแก้มก็มาดูงานแถวนี้เหมือนกัน"
บังเอิญเหรอ
ใช่เหรอ
"ค่ะ"
"หนูกินข้าวหรือยังคะ คิดถึงหนูที่สุดเลย"
"เรียบร้อยค่ะ"
"หนูคิดถึงพี่ไหม"
"คิดถึงค่ะ"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ก็กลับแล้วนะ เจอกันตอนเย็นนะคะ รักหนูนะ"
แปลก
"รักพี่ฟ้าเหมือนกันค่ะ"
"ดึกแล้วหนูรีบพักผ่อนเลยนะคะ เจอกันค่ะ"
ตุ้ด!
ปลายสายกดวางไปแล้ว
ตอนนี้หญิงสาวนั่งเหม่ออยู่ริมเตียงนอนขนาดใหญ่ ความคิดในหัวของเธอตอนนี้นั้นตีกันมั่วไปหมด ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพูดว่าไม่มีอะไร แต่เธอก็ไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้น เขาพูดเรื่องจริงหรือแค่พูดให้เธอสบายใจ เธอไม่สามารถรู้ได้เลย
'นี่เรากำลังไม่ไว้ใจพี่ฟ้าเหรอ เรากำลังระแวงใช่ไหม ทำไมเราถึงรู้สึกอย่างนี้ ไม่ได้สิ' นั่นคือสิ่งที่เธอคิดอยู่ในใจ
นับตั้งแต่ที่เธอคบกับชายหนุ่ม ครั้งหนึ่งพวกเขาทั้งสองเคยนั่งคุยกันและตั้งกฎสำหรับความสัมพันธ์นี้ไว้ว่า
'พี่ฟ้า'
'ว่าไงคะ'
'พี่ว่าเราควรตั้งกฏสำหรับความสัมพันธ์นี้ไหมคะ'
'หนูอยากตั้งเหรอคะ'
'ก็...ตั้งไว้ก็ไม่เสียหายนี่คะ'
'ก็ได้ค่ะ งั้นหนูตั้งเลยค่ะ เพราะพี่มั่นใจว่าไม่ทำผิดกฏแน่นอน'
ข้อที่ 1 ห้ามโกหกอีกฝ่าย
ข้อที่ 2 ต้องเชื่อใจกัน
ข้อที่ 3 ห้ามนอกกายกัน
ตอนนี้เธอกำลังทำผิดกฏ ข้อที่ 2 อยู่
'ไม่ได้ๆ ในเมื่อพี่ฟ้าพูดแล้วเราต้องเชื่อว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ' เธอคิดได้อย่างนั้นพร้อมสะบัดหัวเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
11 นาฬิกา
วริญมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่วางไว้อยู่ตรงลิ้นชักข้างเตียง
หญิงสาวลุกไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นพร้อมที่จะเข้านอนเพื่อตื่นไปทำงานต่อในวันพรุ่งนี้
.
.
.
วันนี้โต๊ะทำงานของเธอแปลกตาไปกว่าเดิม
วันนี้มีขนมวางไว้อยู่
มีโน้ตด้วย
ขอบคุณที่ทำงานหนักครับ
นั่นเป็นข้อความที่เขียน
ของใคร
เธอสงสัย
"ฮั่นแน่ มีขนมวางไว้บนโต๊ะด้วย" เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเสียงของจิมมี่
"ของใครไม่รู้"
"ขอบคุณที่ทำงานหนักครับ ครับเหรอ ผู้ชาย!" จิมมี่อ่านข้อความในโน๊ต
"เบาๆ หน่อยสิ" เธอปรามเพื่อน
"ผู้ชายในแผนกเราก็มีแค่ไม่กี่คนนะ พี่หัวหน้าเหรอ เป็นไปไม่ได้ พี่โต้งหรือเปล่า ขนลุก ตอนนี้ก็เหลือแค่สองคนระหว่างพี่ชิตกับพี่อาร์ม" จิมมี่ไล่สงสัยผู้ชายในแผนกว่าใครน่าสงสัย
"พี่ชิตมองด้วยอะ ฉันว่าใช่ นั่นไงเดินมาทางนี้แล้ว ใช่แน่ๆ"
"จิมมี่ งานอัปเดตถึงไหนแล้วครับ" เป็นพี่ชิตที่เดินมาทวงงานจากจิมมี่
"อ่าว มาทวงงานซะงั้น ไปก่อนนะ" เธอบ่นอุบกับวริญ
"ค่า เสร็จแล้วค่าเดี๋ยวส่งให้นะคะ" ว่าแล้วจิมมี่ก็เดินไปที่โต๊ะของตัวเอง
วริญยิ้มขำกับท่าทางของจิมมี่ และนั่งทำงานของตัวเองต่อไป
.
.
ช่วงบ่ายของวัน
หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จแน่นอนว่าหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเป็นธรรมดา วริญเองก็ไม่สามารถทำงานได้ถ้าเธอยังมองเห็นตัวอักษรในจอเป็นสองชั้นพร้อมตาที่พร้อมปิดตลอดเวลา
เธอลุกขึ้นไปเดินเล่นแก้ง่วง และเดินเข้าไปชงกาแฟสักหน่อย สวัสดิการของบริษัทที่มีเครื่องดื่มเตรียมพร้อมเสมอ เธอมักจะมาใช้บริการบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงบ่ายของทุกๆ วัน
เครื่องดื่มง่ายๆ ที่เธอทำก็เพียงแค่ฉีกซองเครื่องดื่มเทผงลงแก้วและกดน้ำร้อนแค่นี้ก็ได้แล้วกาแฟแก้ง่วงหนึ่งแก้ว
แต่ระหว่างที่เธอกำลังชงเครื่องดื่มอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเท้าข้างหลังเธอพร้อมเสียงที่ว่า "ดื่มกาแฟเหรอครับ"
"ใช่ค่ะ แวะมาชงเหมือนกันใช่ไหมคะ"
"ไม่ใช่หรอกครับ"
"หือ..." เธอทำหน้าสงสัย
"คือผมเห็นว่าน้องวริญเดินมาที่นี่ เลยตามมาครับ"
"ตามมา" เธอทำหน้าสงสัยหนักกว่าเดิม
"เอ่อ..คือจริงๆ ผมแค่จะมาถามว่าขนมเป็นอย่างไรบ้างครับ หมายถึงรสชาติน่ะครับ"
"ขนมเหรอคะ อ๋อ ขนมเมื่อเช้า วริญยังไม่ได้ลองเลยค่ะ งานมันยุ่งๆน่ะค่ะ"
"อ๋อ เหรอครับ งั้นถ้ายังไม่ทานผมว่าลองทานคู่กับกาแฟดีไหมครับ ผมว่าน่าจะพอแก้ง่วงได้อยู่" เขามองเครื่องดื่มที่อยู่ในมือพร้อมพูดออกมา
"อ๋อ ได้เลยค่ะ"
"ผมก็มัวแต่แนะนำ จนลืมทานเลยว่าน้องวริญชอบทานขนมหวานไหม" เขาเกาท้ายทอยแก้เขิน
"ชอบค่ะๆ" เธอรีบตอบกลับไปในทันที
"ขอบคุณครับ"
"งั้นวริญไปก่อนนะคะ" เธอพูดพร้อมเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
.
.
.
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นที่เป็นเวลาเลิกงาน
"ไปก่อนนะ" จิมมี่โบกมือลาวริญ
"โอเค เจอกันพรุ่งนี้"
"จ่ะ"
หลังจากที่ร่ำลากันเสร็จเจอก็เดินไปรอรถที่หน้าบริษัท
แต่ระหว่างที่รอรถนั้นก็ได้มีรถยนต์สีดำได้จอดเทียบท่าเธอพร้อมลดกระจกลง
"กลับกับผมไหม เดี๋ยวไปส่ง"
"เอ่อ.."
"ขึ้นเลยครับเดี๋ยวผมไปส่ง ฝนเริ่มจะตกแล้วรถหายากนะ"
วริญยังคงสองจิตสองใจที่จะขึ้นรถกลับกับพี่ที่ทำงาน แต่สุดท้ายเธอก็ขึ้นรถเขาจนได้ เพราะว่าเม็ดฝนเริ่มตกมาแล้วนั่นคือเหตุผลในการตัดสินใจในครั้งนี้
เม็ดฝนจากเม็ดเล็กๆ กลายเป็นเม็ดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เป็นฝนที่ตกหนัก คิดถูกแล้วที่ขึ้นรถมา บรรยากาศภายในรถเย็นสบายไม่ต่างจากข้างนอกเลย แต่ไม่มีเสียงสนทนาระหว่างคนสองคนมีเพียงเสียงเพลงจากวิทยุที่เปิด วริญพยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพราะเธอรู้สึกเกรงใจเจ้าของรถ
"หนาวเหรอ" อีกฝ่ายถามขึ้น
"เปล่าค่ะ"
"เห็นนั่งกอดตัวเองนึกว่าหนาว"
"อ๋อ วริญแค่เกรงใจกลัวทำรถพี่เลอะ"
"ไม่เห็นเป็นอะไรเลย นั่งตามสบายเถอะ" อีกฝ่ายยิ้มเอ็นดู
ขับไปไม่นานก็ถึงหน้าที่พักของเธอ เธอเอ่ยลาและลงจากรถ
แต่คนที่มองจากนอกรถไม่ได้คิดอย่างนั้น
"ใครมาส่ง" เป็นพี่ฟ้าที่ทักเธอ
"อ่าวพี่ฟ้า กลับมาแล้วเหรอคะ"
"พี่ถามว่าใครมาส่ง"
"พี่ที่ทำงานค่ะ"
"ทำไมไม่เห็นบอกพี่"
"ก็ไม่ได้ตั้งใจจะกลับค่ะ แต่ฝนมันใกล้ตกแล้วพี่เขาก็อาสามาส่ง" เธออธิบาย
"ก็เลยยอมเหรอ"
"พี่ฟ้า..."
"ถ้าเขาไม่พามาส่งที่ห้องล่ะ แล้วเมื่อกี้ทำอะไรในรถ อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็นนะ"
"พี่ฟ้าใจเย็นๆ นะคะ คือมันไม่ได้มีอะไรเลยค่ะ หนูแค่ขอบคุณพี่เขาเฉยๆ"
"ขอบคุณนี่ต้องถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัวด้วยน่ะเหรอ กอดกันด้วยไม่ใช่เหรอ"
"..." เธอสงสัยว่าชายหนุ่มเห็นอะไร น่าจะเป็นช่วงที่เธอหันไปหยิบข้างหลังแน่เลย
"ว่าไง ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ"
"ไม่ใช่นะคะ"
"ระหว่างที่พี่ไม่อยู่ไม่ใช่ว่าให้มันมาส่งนะ อย่าบอกนะว่าพามันขึ้นห้องด้วย"
ตอนนี้ชายหนุ่มไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้เลย ตอนนี้อารมณ์กำลังเหนือเหตุผล เขาสะบัดมือจากหญิงสาวพร้อมเดินขึ้นห้อง เมื่อเปิดประตูห้องก็รีบสำรวจห้องทันที หญิงสาวที่วิ่งตามหลังมาเธอก็พยายามอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง จนกลายเป็นว่าตอนนี้พวกเขาได้ทะเลาะกันอีกครั้ง
.
.
.
"จะไปไหน" เป็นประโยคแรกที่เขายอมพูดกับเธอหลังจากที่ทะเลาะกัน
"ไปงานเลี้ยงบริษัทค่ะ" เธอตอบส่งๆ
"ไปยังไง" เราถาม
"เรียกรถค่ะ"
"กลับกี่ทุ่ม"
"งานเลิกเที่ยงคืนค่ะ"
"ถึงห้องก่อน 4 ทุ่มครึ่ง" เขาสั่ง
"แต่.."
"4 ทุ่มครึ่ง" เขาย้ำ
"ก็ได้ค่ะ"
หลังจากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปเพื่อไปงานเลี้ยงบริษัท
คนทุกแผนกมารวมตัวกันในสถานที่แห่งเดียว ทุกคนต่างสนุกสนานกับงานที่จัดขึ้น แต่ผิดกับตัวเธอที่ไม่รู้สึกสนุกหรือมีอารมณ์ร่วมกับงานเลย เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียวผิดกับคนอื่นที่ลุกจากโต๊ะไปสนุกกัน จิมมี่ที่เห็นว่าเธอนั่งอยู่คนเดียวถาม "เป็นอะไร ซึมเชียว อยากกลับเหรอ นี่แหละนะคนมีแฟนก็อยากกลับไปอยู่กับแฟน"
"กลับได้ไหม" เธอถาม
"นั่นไง เดาผิดที่ไหน เพิ่งมาเอง 5 ทุ่มค่อยกลับ"
"4 ทุ่มครึ่งได้ไหม"
"โอ๊ย เบื่อคนมีแฟน ก็ได้อยู่หรอก แต่ตอนนี้เลิกทำหน้าเศร้าแล้วมาสนุกกันค่ะ"
วริญถูกดึงออกจากโต๊ะไปยังที่คนเยอะๆ แต่ตาเธอดูเวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอมือถือตลอดเวลา เธออยากกลับแล้ว เธออยากกลับไปพักผ่อน เธออยากนอน
เธออาศัยช่วงที่คนชลมุนและออกจากงานเลี้ยงเพื่อกลับบ้าน เธอกดเรียกกดรถตั้งนานแต่ไม่มีคันไหนว่างรับเธอเลย ไม่มีเลย
จนกระทั่งมีรถมาจอดเทียบท่า
"พี่ไปส่ง"
คนเดิม
"ไม่เป็นไรค่ะ" เธอปฏิเสธ
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ทางเดียวกัน"
"ขอบคุณนะคะ" เธอดูเวลาในหน้าจอมือถือแล้วตัดสินใจขึ้นรถด้วย
ถามว่าเข็ดไหม เธอเข็ดแต่ทำไงได้ก็รถไม่รับสักทีบวกกับอีกไม่นานก็4 ทุ่มครึ่งแล้วเธอกลัวกลับไม่ทันถึงห้องก่อน 4 ทุ่มครึ่งมากกว่า จึงตัดสินใจขึ้นรถไป
ในใจเธอภาวนาว่าไม่ให้แฟนหนุ่มเห็นว่าเธอกลับกับใคร
แต่การภาวนาคือสิ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้ และเป็นไปตามที่เธอคิดว่าพี่ฟ้าต้องเห็นแน่ๆ และเห็นจริงๆ เธอเห็นเขามายืนรออยู่ข้างล่าง เธอรีบขอบคุณและลงจากรถและเดินไปหาพี่ฟ้าเพื่อหวังอธิบาย
"ขึ้นห้อง" เพียงประโยคเดียวก็ทำเธอขนลุกทั้งตัว
ระหว่างที่รอลิฟต์เธอก็พยายามบอกว่าไม่มีอะไร แค่ติดรถกลับมา ชายหนุ่มชายตามองเธอและเดินเข้าห้องไป
"พี่เขาอาสามาส่งนะคะ ไม่มีอะไรเลย" เธอรีบพูดเมื่อเข้ามาในห้อง
"..."
"จริงๆ นะคะ"
"พี่เคยบอกว่ายังไง"
"..."เธอเงียบ
'มีปากเสียงกันอีกแล้ว หญิงสาวที่พยายามอธิบายเท่าไหร่ก็ถูกปัดและโดนว่าร้ายอยู่ตลอดการสนทนา หาว่าให้ท่าบ้างล่ะ นอกใจบ้างล่ะ แต่ละคำพูดที่ออกมาจากคนรักมีแต่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจ เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากพี่ฟ้า ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามอธิบายแค่ไหนเขาก็ไม่เคยคิดที่จะฟัง เราทะเลาะกันอีกแล้ว เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ เธอร้องไห้ออกมาขณะที่ถูกด่าทอ ความรู้สึกของเธอไม่เหลือชิ้นดีแล้วตอนนี้ที่ต้องมาฟังคำพูดเหล่านั้นที่แฟนตัวเองพูดออกมา'
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป
ทุกคนคิดว่าใครเป็นคนวางขนมคะ
ฝากกดติดตามเพจเฟสบุ้ค คุณสีชา