เป็นเพื่อนกันมา7ปี ความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนพาอีกคนคิดไปไกล จนวันนึงความลับที่เก็บซ่อนมา7ปีนั้นได้ถูกเปิดออก นับจากนั้นมันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป..

รักวันใหม่กับนายวันวาน - บทที่2 คู่หมายหมั้น โดย zhirancami🤍 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ครอบครัว,รักข้างเดียว,ครอบครัว,แอบชอบเพื่อน,โรแมนติก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รักวันใหม่กับนายวันวาน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักข้างเดียว,ครอบครัว,แอบชอบเพื่อน,โรแมนติก,ดราม่า

รายละเอียด

เป็นเพื่อนกันมา7ปี ความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนพาอีกคนคิดไปไกล จนวันนึงความลับที่เก็บซ่อนมา7ปีนั้นได้ถูกเปิดออก นับจากนั้นมันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป..

ผู้แต่ง

zhirancami🤍

เรื่องย่อ

สารบัญ

รักวันใหม่กับนายวันวาน-บทที่1 เพื่อนบ้าน,รักวันใหม่กับนายวันวาน-บทที่2 คู่หมายหมั้น

เนื้อหา

บทที่2 คู่หมายหมั้น

ก็อก ก็อก ก็อก

เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นเป็นจังหวะ คนที่ได้ยินคือพรมดาว เธอรีบเดินไปเปิดประตูในทันที ในใจนั้นตื่นเต้นมาก 


“ดาว ไม่เจอกันนานเลยนะ เพื่อนรัก"พรมดาวเอ่ยเสียงที่ปกติดูน่าเกรงขามบัดนี้อ่อนลงเมื่อได้คุยกับเพื่อนรัก ที่ไม่ได้เจอกันมามากกว่า10ปี


“ดีใจที่แกมาอยู่นี่เหมือนกัน คิดถึงที่สุด"ดาวที่เป็นเพื่อนเอ่ยและโผเข้ากอดเพื่อนรักอย่างจัง ความโหยและคิดถึงสอดแทรกเข้าไปในหัวใจของสองคน เข้าใจถึงความรู้สึกของเพื่อนแท้ที่ผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งแต่สมัยยังสาวๆ


“ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันทำอาหารที่แกชอบไว้ด้วย อย่าลืมพาลูกสาวลูกชายมากันให้ครบนะ มีเรื่องจะคุยด้วย"

เสียงของดาวเอ่ยอีกครั้งผละอ้อมกอดแสนคิดถึงนั้นออกและเน้นย้ำถึงเรื่องสำคัญด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสผิดปกติ


อีกฝ่ายก็เข้าใจและยิ้มกริ่มด้วยสายตาที่มีเล่หเหลี่ยมอย่างรู้ทัน พรมดาวพยักหน้าและเอ่ย

“จะรีบตามไปนะเพื่อน"พรมดาวพูด

“งั้นฉันไปก่อนนะ"ดาวเอ่ยลาและเดินกลับไปที่บ้านของตนด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นพิเศษ ไม่อาจบอกได้ว่าเรื่องสำคัญที่จะพูดนั้นเกี่ยวกับอะไร เดาว่าคงสำคัญมากๆกับทั้งสองครอบครัว




.


.

.


ก็อก ก็อก ก็อก 

เสียงประตูดังขึ้นเป็นจังหวะอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นบ้้านของเพื่อนพรมดาวแทน ทั้งสี่คน พ่อ แม่ พี่สาว น้องชาย ต่างตั้งตารอคอยอย่างจดจ่อ

ประตูได้เปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งของชายวัยกลางคนถัดมาเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่อายุไม่เข้ากับหน้าตาเลยสักนิด เพราะสวยเกินอายุจริงๆ ถัดมาเป็นร่างที่ไม่สูงมากนักของเด็กชายหน้าตาหล่อเหลาตั้งแต่เยาว์วัยต่างยืนเรียงกันอย่างมีมารยาท


“เข้ามาก่อนซิ ข้างนอกมันร้อน"

เสียงของจักกฤษณ์เอ่ยชวนทั้งสี่คนด้วยน้ำเสียงที่ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป ให้ความรู้สึกที่มีมารยาทและอบอุ่น


หลังจากที่เข้ามาทุกคนก็นั่งที่โต๊ะกินข้าวเรียงเป็นวงกลมโดยเริ่มจากด้านขวาที่เป็นฝั่งของครองครัวดาวโดยพอถึงลูกชายคนเดียวของดาวก็เปลี่ยนมาเป็นรินรดาที่นั่งข้างๆและต่อมาก็คือน้องชายของเธอแม่และพ่อนั่นเอง


ทุกคนมีแต่รอยยิ้มยกเว้นเด็กสองคนที่พึ่งเจอหน้ากันแต่ก็รู้สึกว่าบรรยากาศกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้มีอยู่ตลอด จนกระทั่งได้มีคนเปิดบทสนทนานั้นขึ้น


“นี่ไง เพื่อนแม่สมัยสาวๆที่เคยเล่าให้ฟัง"ดาวเอ่ยแนะนำเพื่อนของตนให้ลูกชายฟัง

“ครับ สวัสดีครับคุณน้าคุณอา"ทิวากรเอ่ยสวัสดีตามมารยาทระบายรอยยิ้มอ่อนๆ

“จ้า เป็นที่หล่ออะไรแบบนี้ น่ารักจริงๆ"พรมดาวยิ้มแย้มสดใสอารมณ์ดีมากยิ่งเห็นเด็กที่หล่อเหลาแบบนี้ แก้มก็น่าจับ

“เป็นเด็กดีจริงนะ"เปี่ยมสุขพ่อของรินรดมาเอ่ยชม

ดาวและพรมดาวต่างอยากคุยกันมากแต่ด้วยความที่พึ่งเจอก็ทำอะไรไม่ได้ และยังนั่งห่างกันมาก มารยามบนโต๊ะอาหารอยากจะทำลายมันทิ้งเสียจริงๆเสียงในใจของดาวและพรมดาวต่างคิดเหมือนกัน สมัยเรียนก็แหกกฎบ่อยเข้าห้องปกครองเป็นว่าเล่น เพราะได้ตากแอร์จริงๆ


และบทสนทนาก็ได้เงียบอีกครั้ง 

“งั้นกินข้าวกันก่อนเถอะ มากันเหนื่อยๆ"จักรกฤษณ์ได้เอ่ยเพื่อทำลายความเงียบและชวนให้ทุกคนทานอาหารด้วยกัน

ผ่านไปไม่นานก็ได้มีบทสนทนาของพรมดาวและดาวเอ่ยถึงการใช้ชีวิตของพวกเธอที่ผ่านมาและสุดท้ายก็วนมาถึงเรื่องสำคัญที่จะพูด

“เด็กๆคงจะยังไม่รู้จักกันซินะคะ นั่งเงียบกันเชียว น่ารักจริงๆ"เสียงของพรมดาวเอ่ยถึงเด็กสองคนที่นั่งข้างกันแต่ยังไม่คุยกันเลยสักแอะตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านเปรียบดั่งสงครามเย็นก็เป็นได้


พรมดาวก็ส่งสายตาพิฆาตใส่ลูกสาวในทันทีให้รีบชวนอีกฝ่ายคุย ในใจรินรดาได้แต่โอดครวญไปมาก็คนเขาไม่อยากคุยไม่ใช่หรือไง จะยอมให้ก็ได้ ขรึมซะจริง


“สวัสดีเราชื่อรินรดา เรียกรินเฉยๆก็ได้ ส่วนข้างๆคือริวน้องชายเรา ยินดีที่ได้รู้จัก"เธอก็แค่พูด พูดจบตัวใครตัวมัน 

“กรลูก ทักทายซิจ๊ะ"ดาวเอ่ยพร้อมกัดฟันพูดและส่งสายตาเชือดเฉือนใส่ลูกของตน เพื่อให้ไม่เป็นการเสียหน้าทั้งสองฝ่าย อีกฝ่ายก็คือเพื่อนเธอเหมือนกัน


“สวัสดี ชื่อทิวากร เรียกกรเฉยๆก็ได้ รุ่นเดียวกัน"

รินพยักหน้าตาม และหันไปกินข้าวต่อ


“สนิทกันไว้นะลูก เดี๋ยวอีกหน่อยเราก็เป็นฝั่งเป็นฝากันแล้ว"


“ใช่ ตอนนี้ก็หมั้นไว้ก่อนไม่น่าจะมีปัญหา"พรมดาวเอ่ยสายตาก็จ้องไปลูกสาวตนและกะพริบตาให้อย่างมีชั้นเชิง


พรืด!

เสียงพ่นน้ำของรินรดาดังออกมาทุดคนต่างมองไปที่รินรดาน้ำนั้นเปรอะเปื้อนไปทั้งชุดของตนเองด้วยเหตุของคำพูดที่กะทันหันเกินไป เธอนั้นทำตัวไม่ถูก ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร เธอโตพอที่จะจะรู้ว่ามันคืออะไร แต่นี่มันคลุมถุุงชนกันชัดๆ อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะชอบพอเรา ดูสีหน้าก็ขรึม น้ำเสียงเย็นชาไม่ใส่ใจเลยสักนิด จะให้หมั้นอีก บ้ารึป่าว


“ขอโทษค่ะ พอดีตกใจนิดหน่อย"เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวมาเช็ดปากและตรงที่มีคราบน้ำ 

และทิวากรที่ได้ยินก็อึ้งไปตามกันใครจะคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ และยังไม่ทันได้ถามความเห็นเลย แม่ของเขากับคุณน้านี่ชักจะเอาใหญ่แล้วจริงๆ


“อยู่กันไป ทำความรู้จักกันไป เดี๋ยวก็รักกันเองแหละค่ะ"

“คุณถามลูกรึยัง"เปี่ยมสุขเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ลูกสาวเขาจะหมั้นแต่ยังไม่ได้ถามความเห็นเลย นี่ก็พึ่งจะเรียนมัธยมเอง


“คุณน่ะเงียบไปเลย คิกคิก วัยหนุ่มสาวก็อย่างนี้แหละค่ะ"พรมดาวเอ่ยสั่งเปี่ยมสุขและหัวเราจะคิกคักต่อกับเพื่อนของเธอ


แม่งั้นหนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ

กรพาน้องไปซิจ๊ะ น้องเค้าไม่รู้ทาง

ครับ


รินรดาขอไปเข้าห้องน้ำดาวก็รีบให้ลูกชายตนพาไปด้วยจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคน การใช้เวลาด้วยกันเยอะๆความรักจะได้แน่นแฟ้น 

ซะที่ไหนเล่า

“อยากถอนหมั้นมั้ย"รินหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำและเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้

“อยาก"เริ่มมีรอยยิ้มมุมปาก

“งั้นรินไม่ถอน"

เธอเอ่ยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ดั่งใจ ในเมื่อเธอโดนให้หมั้นเธอก็จะทำไม่ให้เขาสมหวังง่ายๆ เธอเปิดประตูและเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้ทิวากรนิ่งค้างกับคำตอบที่ได้

แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ยัยตัวแสบ เขาคิดในใจใบหน้าหล่อๆเผยรอยยิ้มมุมปากราวกับเจอเรื่องสนุกให้ขบขัน


จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน และจัดของ มื้อเช้านี้ก็เลยเวลาไปจนถึงเที่ยง



.

.

.

หากพิมพ์ตกหล่นตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ ใครไม่ชอบเลื่อนผ่านนะ