เสี่ยวหลันจื่อหญิงสาวที่ทะลุมิติมา ทำหน้าที่ตัวละครลับเพื่อดำเนินเรื่องในนิยายให้สนุกมากกว่าเดิมโดยไม่ต้องคำนึงว่าเนื้อเรื่องเดิมจะจบอย่างไร แต่กลับถูกท่านอ๋องที่ฆ่าตัวเองตอนต้นเรื่องตามติดเป็นเงา
จีน,ดราม่า,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ทะลุมิติมาเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิตเสี่ยวหลันจื่อหญิงสาวที่ทะลุมิติมา ทำหน้าที่ตัวละครลับเพื่อดำเนินเรื่องในนิยายให้สนุกมากกว่าเดิมโดยไม่ต้องคำนึงว่าเนื้อเรื่องเดิมจะจบอย่างไร แต่กลับถูกท่านอ๋องที่ฆ่าตัวเองตอนต้นเรื่องตามติดเป็นเงา
เซียวอี้เหิงพยายามใช้ลมปราณเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ที่กำลังจะปะทุของตน เสียงสวบสาบก็ดังขึ้นทางด้านหลัง คราวนี้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าตนเองถูกวางยาแน่แล้ว น่าตายนักใจกล้าเหลือเกินเขาคงใจดีเกินไปสินะ ในสมองก็คิดอย่างหนึ่งแต่ร่างกายกลับไม่ฟัง เซียวอี้เหิงคว้าตัวอวี้ซูเหยาเข้าหาตนแล้วกระชากเสื้อผ้าของนางออกจนหมด จากนั้นไม่นานเสียงครวญครางก็ดังแว่วออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน จนกระทั่งรุ่งสางฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดจึงหมดลง เซียวอี้เหิงลุกออกจากตัวของอวี้ซูเหยาอย่างรังเกียจ สายตาลึกล้ำดำมืดที่เหมือนคมมีดมองร่างเล็กที่หมดสติไปนานแล้ว เหมือนกับกำลังมองคนตาย
“ท่านถอยออกไปให้ห่างจากข้านะ” เสี่ยวหลันจื่อผลักเขาออก แล้ววิ่งหนีไป
“จื่อเอ๋อของเราเขินแล้ว” เสียงชาวบ้านที่พูดไล่หลังของนางมายิ่งทำให้นางวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อนางจากไปการแสดงละครของเขาก็จบลง เซียวอี้เหิงกลับมามีใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชาเช่นเดิม เขาเดินออกมาจากกลุ่มชาวบ้านไปตามทางที่เสี่ยวหลันจื่อไป เสียงของแม่เฒ่าสวีที่กำลังพูดคุยกับนางอยู่ในเรือนดังขึ้น
“ทำไมถึงไม่บอกยายตั้งแต่แรก” เสี่ยวหลันจื่อทำหน้างง
“บอกเรื่องอะไรเจ้าคะ” แม่เฒ่าสวียิ้มแล้วจับมือนางที่กำลังคัดสมุนไพรแยกชนิด
“จะเรื่องอะไรซะอีก ก็เรื่องที่เจ้าแต่งงานกับพ่อหนุ่มนั่นไง โธ่เจ้าก็เลิกโกรธแล้วให้อภัยเขาเถอะนะ คนหน้าตาดีขาดนั้นจะไปหาที่ไหนได้อีก”
เดี๋ยวก่อนนะนี่เจ้าบ้านั่นเล่าอะไรให้ยายของนางฟังกันแน่
” ท่านยายเจ้าคะ เขาเล่าอะไรให้ท่านฟังหรือ” เสี่ยวหลันจื่ออยากรู้ว่าเขาพูดอะไรจะได้รับมือทัน
“ก็ไม่มีอะไร เขาบอกว่าเจ้าโกรธที่เขารับอนุจึงหนีมาน่ะสิโธ่...เด็กคนนี้ เขาเป็นถึงท่านอ๋องนะ จะมีอนุสักสองสามคนจะเป็นไรไป ที่สำคัญคือเจ้าต้องรักษาตำแห่งพระชายาเอาไว้ให้ได้ต่างหาก”
เสี่ยวหลันจื่อถึงกับหน้าเหวอที่ได้ยินเรื่องที่แม่เฒ่าสวีเล่าอย่างเป็นตุเป็นตะ
“ตำแห่งพระชายา...อนุ” แม่เฒ่าสวีพยักหน้าหงึกหงัก เสี่ยวหลันจื่อยกมือกุมหัวอยากจะบ้าตาย แล้วท่านยายก็เชื่อเรื่องเล่าไร้สาระเนี่ยนะ แล้วที่นางถูกทำร้ายนี่ล่ะจะอธิบายยังไง โดนล้างสมองกันไปหมดแล้วสินะทั้งท่านตาท่านยายแล้วก็พวกชาวบ้าน
“แล้วพวกชาวบ้านรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นอ๋องของเเคว้นเรา” เสี่ยวหลันจื่อถามเสียงเนือยๆ
“ไม่รู้หรอก เขาบอกว่ากลัวชาวบ้านแตกตื่นบอกแค่ตากับยายที่เป็นคนในครอบครัว”
แม่เฒ่าสวีทำสีหน้าเพ้อฝัน ครอบครัวอ๋องเชียวนะ เกิดแล้วตายกี่ชาติกันถึงจะได้เป็น เสี่ยวหลันจื่อปล่อยให้แม่เฒ่าสวีนั่งเพ้อฝันอยู่คนเดียวถือตะกร้าเดินเลี่ยงออกมาหลังบ้าน
“ช่างเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไปแค่อย่ามาวุ่นวายกับข้าก็พอ”
เสี่ยวหลันจื่อนำเห็ดที่เก็บมาจากภูเขามาทำอาหารมีทั้งเห็ดเยื่อไผ่ เห็ดหูหนูและเห็ดหอม นางนำเห็ดเยื่อไผ่มาผัดรวมกับผักใส่น้ำมันหอยที่ซื้อมากจากร้านค้าออนไลน์ แล้วก็ทำต้มจืดหมูสับเห็ดหูหนูใส่เห็ดหอมลงไปด้วย จากนั้นก็นำหมูสามชั้นที่ซื้อมาจากตลาดนำมาตุ๋นทำหมูตงพอ อาหารทุกอย่างเสร็จพร้อมกับข้าวที่หุงสุกพอดี ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง
“ท่านตาท่านยาย กินข้าวเจ้าค่ะอาหารเสร็จแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อเดินออกมาเรียกตากับยายของนางให้เข้าไปกินข้าว ไม่แม้แต่จะเหลือบมองร่างสูงที่นั่งอยู่ในลานบ้านกับพวกเขา
กลิ่นอาหารที่นางทำหอมอบอวลไปทั่วลานบ้านเรียกน้ำย่อยในกระเพาะส่งเสียงว่าต้องการลิ้มลอง
“ไปเถอะ ข้าก็หิวแล้วเช่นกัน” ผู้เฒ่าหลิวชวนพวกเขาเข้าบ้าน เสี่ยวหลันจื่อเห็นแค่พวกเขาเดินเข้ามา แต่องครักษ์สองคนยังอยู่ที่ลานบ้าน นางก็เหลือบตามองเขาอีกที นี่สินะฐานะนายบ่าวจะกินข้าวยังต้องแบ่งแยก เสี่ยวหลันจื่อถึงแม้จะไม่ชอบเซียวอี้เหิงแต่นางไม่ใช่คนใจดำที่ปล่อยให้คนอื่นมองตัวเองกินนางจึงเดินออกไปเรียกฉีเยี่ยนกับฉีเหลยที่ยืนท้องร้องเสียงดังอยู่ลานบ้าน
“พวกเจ้าทั้งสองก็มากินด้วยกันเถอะ” เสียงเรียกดังขึ้นทางด้านหลังพวกเขา
“ไม่เป็นไรพวกเราสองคนเป็นบ่าวจะกินเมื่อไหร่ก็ได้” ฉีเยี่ยนปฏิเสธ ล้อเล่นหรือไง ใครจะกล้านั่งร่วมโต๊ะกับท่านอ๋องกัน เขายังอยากมีชีวิตยืนยาวอยู่นะ
“ที่นี่เป็นบ้านของข้าไม่ใช่จวนอ๋องจะกินก็ตามมา ไม่กินก็เรื่องของพวกเจ้า”
นางถือว่าแสดงน้ำใจแล้ว ไม่รับก็เรื่องของพวกเขา องครักษ์ทั้งสองมองหน้ากันอยู่อึดใจแล้วเดินตามนางเข้าไปในบ้าน
“นั่งลงสิ” เสี่ยวหลันจื่อ สั่งพวกเขา ฉี่เยี่ยนกับฉีเหลยปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง เสี่ยวหลันจื่อจะตักข้าวให้พวกเขา แต่ฉีเหลยปฎิเสธ
“ไม่เป็นไรๆ เราตักเองดีกว่า”
เสี่ยวหลันจื่อก็ตามใจพวกเขา แต่เดินเข้าครัวไปทำไข่เจียวมาอีกสองจาน วันนี้คนร่วมทานอาหารเยอะขึ้นสองผู้เฒ่าล้วนอารมณ์ดี หลังทานอาหารเสร็จ ฉีเหลยกับฉีเยี่ยนทำหน้าที่ทำความสะอาดจานชามเสี่ยวหลันจื่อหยิบที่นอนออกมาสามชุด เอาไปไว้ในห้องที่แม่เฒ่าสวีเก็บกวาดแล้วในตอนบ่าย เสี่ยวหลันจื่อวางเอาไว้แล้วออกไปไม่สนใจว่าพวกเขาจะจัดการกันยังไง
“ท่านยายท่านตาข้าต้มน้ำเอาไว้ท่านก็มาอาบเถอะ” สองผู้เฒ่าไม่ปฏิเสธความหวังดีของนาง
“พวกเจ้าบริการนายของเจ้าเองแล้วกัน” เสี่ยวหลันจื่อยกน้ำอุ่นของนางเข้าห้องไป ไม่สนใจพวกเขาอีก
เสี่ยวหลันจื่อที่อาบน้ำเสร็จกำลังคิดว่าจะเปิดระบบเข้าร้านค้าออนไลน์ซะหน่อยเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นจึงเดินไปเปิดประตูเพราะคิดว่าอาจจะเป็นท่านยายมาหานาง
พอเปิดประตูปุ๊บร่างสูงใหญ่สีดำก็แวบเข้าห้องนาง เสี่ยวหลันจื่ออึ้งไป
“ท่านมาทำอะไรที่นี่ นี่มันห้องนอนข้านะ ออกไปเลย” ร่างสีดำนั่นคือเซียวอี้เหิงที่ใส่ชุดนอนผ้าไหมเบาสบายเรียบลื่นอย่างดี นั่งขาไขว่ห้างอยู่บนที่นอนของนาง
“ท่านยายอนุญาตแล้ว อีกอย่างเจ้าเป็นฮูหยินของข้าเหตุใดต้องแบ่งแยกห้องเจ้าห้องข้า นอนด้วยกันดีแล้วไม่เปลืองพื้นที่”
เซียวอี้เหิงลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ช่างหน้าหนานัก
“นั่นมันเรื่องของท่านเกี่ยวอะไรกับข้า ท่านอยากเล่นละครก็เล่นไปคนเดียวสิ” เสี่ยวหลันจื่อกอดอกยืนพิงหน้าประตู
“เบาๆ หน่อย เจ้าคงไม่อยากให้ผู้เฒ่าทั้งสองได้ยินเราทะเลากันกระมัง” เซียวอี้เหิงเตือนนาง เสี่ยวหลันจื่อกัดปากครุ่นคิด นางจะหาเงินเยอะๆ แล้วซื้อที่ช็อตไฟฟ้าแบบใส่ถ่านเอามาไว้ป้องกันตัวดีไหมนะ
เซียวอี้เหิงเห็นนางยืนเหม่อลอยที่ประตูเช่นเดิมจึงลุกไปปิดประตูแล้วลงกลอนทันที ก่อนจะรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนแล้วล้มตัวลงนอน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเสี่ยวหลันจื่อไม่ทันตั้งตัว
“นี่ ปล่อยข้านะท่านคิดจะทำอะไร ไม่ใช่ว่าเป็นการแสร้งเล่นละครหรือไงทำไมต้องกอดข้าด้วยตอนนี้ไม่มีคนเห็นซะหน่อย”
เสี่ยวหลันจื่อดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง
“เทพเซียนมองเห็น” คำตอบของเขาเล่นเอาเสี่ยวหลันจื่อถึงกับหยุดดิ้นแล้วอึ้งไป ดวงตากลมโตสีดำขลับเบิกกว้าง ไม่คิดว่าเขาจะเชื่อเรื่องแบบนี้ เซียวอี้เหิงยกนิ้วขึ้นเคาะหน้าผากนางเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“นอนเถอะ” เขาไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูด โบกมือครั้งเดียวเทียนในห้องก็ดับไป เสี่ยวหลันจื่อจึงต้องตกกระไดพลอยโจรนอนกับเขาอีกครั้งและคืนนั้นเซียวอี้เหิงก็ไม่ฝันเห็นอวี้ซูเหยาอีก
เซียวอี้เหิงที่ตื่นเช้าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเพราะเขาเคยกินนอนอยู่ที่ค่ายทหารชายแดนหลายปี จึงติดนิสัยตื่นเช้ามาฝึกวรยุทธ
ก่อนหน้าที่เสี่ยวหลันจื่อเหน็บแนมเขาเรื่องอาหารสำหรับเซียวอี้เหิงนั้นอาหารที่กินในตอนนี้ถือว่าดีกว่าที่เขากินที่ค่ายทหารที่ชายแดนเสียอีก จึงไม่ใช่เรื่องยากเพราะเขาเป็นคนปรับตัวเก่ง
“ตื่นแล้วหรือหลานเขย” เฒ่าหลิวที่ตื่นเช้าเช่นกันกำลังให้อาหารไก่อยู่หลังบ้าน เซียวอี้เหิงเอียงหัวคิดเล็กน้อยจากนั้นเขาจึงพยักหน้ารับ จะอยู่ที่นี่คงต้องปรับตัวให้เข้ากับชาวบ้านที่นี่ ความจริงเขาไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง
“ข้าช่วย” เซียวอี้เหิงช่วยเฒ่าหลิวให้อาหารไก่ส่วนฉีเหลยกับฉีเยี่ยน จะกล้าอยู่เฉยได้อย่างไรเมื่อเจ้านายของตนทำงาน พวกเขารดน้ำผักกับผ่าฟืนช่วยแม่เฒ่าสวีคุมไฟในครัว มีเพียงเสี่ยวหลันจื่อกับเสี่ยวหงที่ยังนอนหลับอุตุอยู่ในห้อง