เสี่ยวหลันจื่อหญิงสาวที่ทะลุมิติมา ทำหน้าที่ตัวละครลับเพื่อดำเนินเรื่องในนิยายให้สนุกมากกว่าเดิมโดยไม่ต้องคำนึงว่าเนื้อเรื่องเดิมจะจบอย่างไร แต่กลับถูกท่านอ๋องที่ฆ่าตัวเองตอนต้นเรื่องตามติดเป็นเงา
จีน,ดราม่า,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ทะลุมิติมาเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิตเสี่ยวหลันจื่อหญิงสาวที่ทะลุมิติมา ทำหน้าที่ตัวละครลับเพื่อดำเนินเรื่องในนิยายให้สนุกมากกว่าเดิมโดยไม่ต้องคำนึงว่าเนื้อเรื่องเดิมจะจบอย่างไร แต่กลับถูกท่านอ๋องที่ฆ่าตัวเองตอนต้นเรื่องตามติดเป็นเงา
เซียวอี้เหิงพยายามใช้ลมปราณเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ที่กำลังจะปะทุของตน เสียงสวบสาบก็ดังขึ้นทางด้านหลัง คราวนี้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าตนเองถูกวางยาแน่แล้ว น่าตายนักใจกล้าเหลือเกินเขาคงใจดีเกินไปสินะ ในสมองก็คิดอย่างหนึ่งแต่ร่างกายกลับไม่ฟัง เซียวอี้เหิงคว้าตัวอวี้ซูเหยาเข้าหาตนแล้วกระชากเสื้อผ้าของนางออกจนหมด จากนั้นไม่นานเสียงครวญครางก็ดังแว่วออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน จนกระทั่งรุ่งสางฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดจึงหมดลง เซียวอี้เหิงลุกออกจากตัวของอวี้ซูเหยาอย่างรังเกียจ สายตาลึกล้ำดำมืดที่เหมือนคมมีดมองร่างเล็กที่หมดสติไปนานแล้ว เหมือนกับกำลังมองคนตาย
เสี่ยวหลันจื่อที่ตื่นสายกว่าใครเดินหาวจนตาหยีออกมาจากห้อง หลังจากล้างหน้าล้างตารับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วนางจึงบอกแม่เฒ่าสวีว่าจะไปขายสมุนไพรที่เก็บมาจากบนเขาเมื่อวาน
“ท่านย่าข้าจะเข้าไปในอำเภอขายสมุนไพรครั้งนี้พวกท่านไม่ต้องตามไปหรอก เพราะคราวนี้เป็นสมุนไพรธรรมดา” เสี่ยวหลันจื่อปดแม่เฒ่าสวี
“ได้ แต่เจ้าต้องให้พ่อหนุ่มตามไปด้วยนะ ยายเป็นห่วง” เสี่ยวหลันจื่อกลอกตา นางจะเป็นอันตรายอะไรได้ ถ้ามีก็มาจากเจ้าหนุ่มที่ท่านยายปลื้มนักปลื้มหนานั่นและ
ฉีเยี่ยนยืนรอที่หน้ารถม้าคันใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราปราณีตบ่งบอกความสูงศักดิ์
“ไปเอาเกวียนวัวออกมา” เสี่ยวหลันจื่อ ออกคำสั่งกับฉีเยี่ยน
"ข้าไม่ขี่รถม้าของพวกเจ้าหรอกนะ” เสี่ยวหลันจื่อยืนกราน ฉีเยี่ยนหันไปมองเจ้านายของตน
“ทำตามที่นางสั่ง” ดวงสีรัตติกาลมองไปยังฉีเยี่ยนคมกริบ ในใจของเซียวอี้เหิงคิดว่ายอมให้นางไปก่อนรอให้เขารู้วิธีที่จะทำให้ความฝันนั้นหายไปค่อยกลับมาจัดการสตรีผู้นี้ก็ยังไม่สาย ฉีเยี่ยนลากเกวียนวัวออกมา ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นที่นั่งคนขับ เสี่ยวหลันจื่อก็ขวางเขาเอาไว้
“ท่านเป็นคนขับเกวียนวัว” เสี่ยวหลันจื่อชี้ไปที่เซียวอี้เหิงทันที นางอยากจะเอาคืนที่เขาเข้ามานอนในห้องของนางโดยพละการและที่เขาพูดเรื่องไร้สาระกับแม่เฒ่าสวี
เซียวอี้เหิงกระโดดขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับเกวียนแต่โดยดีไม่โต้เเย้งสักคำ
“แต่ว่า.....นายท่าน” ฉีเหลยคิดจะห้ามปราม แต่ฉีเยี่ยนดึงเขาเอาไว้
“เจ้าคิดว่า ถ้าท่านอ๋องไม่เต็มใจจะทำ คิดว่านางจะสามารถบังคับท่านอ๋องได้หรือ อยู่เฉยๆ เถอะน่า” ฉีเหลยมองสถานการณ์ออกตั้งนานแล้ว ถึงแม้ท่านอ๋องไม่ได้บอกว่ามาอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขานี่ทำไมท่านอ๋องต้องมีเหตุผลของตนเองแน่ พวกเขาที่เป็นเพียงผู้ใต้บัญชามีหน้าที่แค่ทำตามเท่านั้น
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่” เซียวอี้เหิงหันมาสั่งฉีเหลยกับฉีเยี่ยน
เสี่ยวหลันจื่อนั่งอยู่ที่ท้ายเกวียน มองสององครักษ์อย่างยียวน บนใบหน้าเขียนว่า เป็นไงล่ะข้าสั่งท่านอ๋องของพวกเจ้าขับเกวียนได้ วันนี้เสี่ยวหลันจื่ออารมณ์ดีเป็นพิเศษ แล้วเกวียนวัวก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านเถาฮวาไปช้าๆ
เสี่ยวหลันจื่อ นั่งอยู่ท้ายเกวียนกับเสี่ยวหงฮำเพลงเบาๆ เสียงนกร้องและเสียงลมพัดยอดไม้รวมกับเสียงย่ำเท้าของวัวทำให้เข้ากับบรรยากาศที่เงียบสงบนี้ยิ่งนัก โดยเฉพาะมีชายหนุ่มรูปงามผู้สูงศักดิ์มาขับเกวียนให้นั่ง เสี่ยวหลันจื่อนั่งหลับตาพริ้มอย่างสุขใจ
ไม่นานเกวียนวัวที่ทั้งสองนั่งมาก็มาถึงอำเภอหยู่เปิง เสี่ยวหลันจื่อให้เขาเอาเกวียนวัวไปฝากไว้ที่รับฝากตรงทางเข้าอำเภอ จ่ายเงินให้คนดูแลวัวจากนั้นก็สะพายตะกร้าเข้าเมืองไป
เซียวอี้เหิงเฝ้าสังเกตนางมาสองวันแล้ว นางท่าทางคล่องแคล่ว เหมือนกับทำเรื่องต่างๆ ราวกับเป็นกิจวัตร ราวกับเป็นความเคยชินที่ทำมานาน มันจะเป็นไปได้อย่างไร จากที่รู้มานางเติมโตมาจากในวังถูกอบรมจากมามาที่มีประสบการณ์ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงศักดิ์ในวังแม้จะเป็นเพียงนางกำนัล แต่นางไม่เคยออกนอกวังเลยสักครั้งจะต้องไม่เคยลำบากเหมือนชาวบ้านอย่างแน่นอนเเล้วนางรู้เรื่องต่างๆพวกนี้ได้ยังไง เขาจะต้องรู้ความลับของนางให้ได้ เซียวอี้เหิงคิด
“เจ้าเหม่อลอยอะไร ไปได้แล้ว” เสี่ยวหลันจื่อหันมาหาเซียวอี้เหิงที่เอาแต่จ้องตัวเองไม่วางตา
ระหว่างทางที่เดินไปเริ่นโส่วถังทั้งสองคนกลายเป็นจุดสนใจโดยอัตโนมัติ วันก่อนมีเพียงเสี่ยวหลันจื่อคนเดียว แต่วันนี้มีเซียวอี้เหิงมาด้วยความงามที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา เเละเรื่องความงามและหล่อเหลาของสองคนนี้ก็ถูกเล่าปากต่อปากไปหลายวัน
“ข้ามาขายสมุนไพร” เสี่ยวหลันจื่อบอกกับเด็กหนุ่มที่ชื่ออาเป่า อาเป่าจำนางได้ แม่นางฟ้าเมื่อครั้งก่อน เขารีบวิ่งไปตามผู้ดูแลเฉินทันที
“แม่นางอวี้ เจ้ามาแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้เขา พร้อมปลดตะกร้าสะพายหลังลงมา แต่เซียวอี้เหิงที่ยืนอยู่ด้านหลังกลับไม่ขยับ ผู้ดูแลเฉินที่เห็นเซียวอี้เหิงมากับนางด้วยก็ชะงักไปทันทีจากนั้นจึงปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“เชิญท่านทั้งสองที่ห้องรับรอง” ผู้ดูเเลเฉินผายมือ
“ไม่ต้องหรอก ข้ารีบท่านรีบตีราคาสมุนไพรให้ข้าเถอะ” เสี่ยวหลันจื่อบอกเขา ผู้ดูแลเฉินมีท่าทางลังเล
“ทำตามที่นางบอก” เซียวอี้เหิงหันมาสั่งผู้ดูเเลเฉินเสียงเรียบ ผู้ดูแลเฉินรีบทำตามที่เขาสั่งทันที ครั้งนี้สมุนไพรไม่ได้มีราคาแพงเหมือนครั้งที่แล้วได้มาเพียงสามร้อยห้าสิบตำลึงเพราะมีเห็ดหลินจือ ด้วยจึงยังพอได้ราคาบ้าง เสี่ยวหลันจื่อมองตั๋วเงินในมือตัวเองด้วยสายตาจนใจ
“แม่นางอวี้ ท่านไม่พอใจในราคานี้หรือ” ผู้ดูเเลเฉินเหลือบมองเซียวอี้เหิงอย่างระมัดระวัง
“เปล่า” เสี่ยวหลันจื่อส่ายหัว
“แล้วเหตุใดท่านทำหน้าเศร้าเช่นนี้เล่า” ผู้ดูแลเฉินถามนาง
“ข้าแค่คิดว่า.......” เสี่ยวหลันจื่อเงียบไปไม่ได้พูดต่อ เซียวอี้เหิงที่ยืนเอามือไขว้หลังคล้ายไม่สนใจนางแต่กลับคอยเงี่ยหูฟังการสนทนาของนางกับผู้ดูแลเฉินอยู่
“ข้าต้องขอตัวก่อนยังมีธุระต้องทำอีกหลายอย่าง” เสี่ยวหลันจื่อตัดบทสนทนา เพราะไม่อยากพูดเรื่องเงินกับผู้ดูแลเฉิน แล้วขอตัวออกไปจากเริ่นโส่วถังทันที
“ไปร้านขายผ้ากันเถอะ” เสี่ยวหลันจื่อหันหลังไปชวนเซียวอี้เหิง เขาเลิกคิ้วขึ้น อย่างมีคำถามว่านางจะไปร้านขายผ้าทำไม
“ก็ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้พวกท่านน่ะสิ มาอยู่หมู่บ้านชนบทแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหรูหราแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” เสี่ยวหลันจื่อพูดพลางเดินนำหน้าเขาไป
หน้าร้ายขายผ้า จี้ชิงหรู ครั้งก่อนที่เสี่ยวหลันจื่อมาขายสมุนไพรกับผู้เฒ่าทั้งสอง นางก็มาซื้อเสื้อผ้า กับพวกเครื่องนอนที่นี่ เพราะเถ้าแก่ของร้านใจดีแถมยังลดราคาให้อีกด้วย ถึงร้านจี้ชิงหรูจะเป็นร้านข้ายผ้าที่ใหญ่ที่สุดแต่กลับไม่ดูถูกคนจนแม้แต่น้อย ผู้ดูแลจี้ชิงหรูเห็นเสี่ยวหลันจื่อก็จำได้ แม่นางที่งดงามราวนางเซียนตกสวรรค์คนนั้น
“แม่นางอวี้ ท่านมาอีกแล้วคราวนี้มาซื้อะไรหรือ” ผู้ดูแล จี้ชิงหรู ชื่อว่าเจียงฉงเหนียงทักทายเสี่ยวหลันจื่ออย่างเป็นกันเอง
“แม่นางอวี้อะไรกัน เรียกข้าว่าเสี่ยวหลันจื่อเถอะ” เสี่ยวหลันจื่อยิ้มตาหยีให้นาง
“ถ้างั้นเจ้าก็ห้ามเรียกข้าว่าผู้ดูแลเจียง เรียกข้าว่าฉงเหนียงเถอะ” เจียงฉงเหนียงก็ไม่ปฏิเสธเสี่ยวหลันจื่อเช่นกัน ทั้งสองเข้ากันได้เป็นอย่างดีเพราะเป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนกัน
เจียงฉงเหนียงที่คุยเล่นอยู่กับเสี่ยวหลันจื่อตกตะลึง เมื่อมองเลยไปด้านหลังของนาง “คุณชายท่านนี้.....” เจียงฉงเหนียงหันไปถามเสี่ยวหลันจื่อ
“เขาเป็นคนรู้จักของข้าเอง” ”เสี่ยวหลันจื่อแนะนำแค่นั้น
“ออ” เจียงฉงเหนียงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนลากแขนเสี่ยวหลันจื่อเข้ามาคุยกันสองคนอีกด้าน
“เจ้าไปเจอชายรูปงามปานเทพเซียนคนนี้ที่ไหน” เจียงฉงเหนียงซักนางทันที
“ข้า.....เขาเป็นญาติห่างๆ ของข้า มาขออยู่ด้วยสักพักน่ะ” เสี่ยวหลันจื่อเลี่ยงคำถามยุ่งยากของนาง
“ออ มิน่าล่ะ พวกเจ้าหน้าตาดีกันทั้งสองคน เขาว่ากันว่าหน้าตามักจะถ่ายทอดมาทางสายเลือด” เสี่ยวหลันจื่อ กลอกตาในความคิดเพ้อเจ้อของเจียงฉงเหนียง
"ท่านอ่านนิยายมากเกินไปแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อเดินผละจากนางมาเพื่อเลือกเสื่อผ้าให้ชายฉกรรจ์สามคนที่เพิ่มมาในเรือนของนาง