เสี่ยวหลันจื่อหญิงสาวที่ทะลุมิติมา ทำหน้าที่ตัวละครลับเพื่อดำเนินเรื่องในนิยายให้สนุกมากกว่าเดิมโดยไม่ต้องคำนึงว่าเนื้อเรื่องเดิมจะจบอย่างไร แต่กลับถูกท่านอ๋องที่ฆ่าตัวเองตอนต้นเรื่องตามติดเป็นเงา
จีน,ดราม่า,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ทะลุมิติมาเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิตเสี่ยวหลันจื่อหญิงสาวที่ทะลุมิติมา ทำหน้าที่ตัวละครลับเพื่อดำเนินเรื่องในนิยายให้สนุกมากกว่าเดิมโดยไม่ต้องคำนึงว่าเนื้อเรื่องเดิมจะจบอย่างไร แต่กลับถูกท่านอ๋องที่ฆ่าตัวเองตอนต้นเรื่องตามติดเป็นเงา
เซียวอี้เหิงพยายามใช้ลมปราณเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ที่กำลังจะปะทุของตน เสียงสวบสาบก็ดังขึ้นทางด้านหลัง คราวนี้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าตนเองถูกวางยาแน่แล้ว น่าตายนักใจกล้าเหลือเกินเขาคงใจดีเกินไปสินะ ในสมองก็คิดอย่างหนึ่งแต่ร่างกายกลับไม่ฟัง เซียวอี้เหิงคว้าตัวอวี้ซูเหยาเข้าหาตนแล้วกระชากเสื้อผ้าของนางออกจนหมด จากนั้นไม่นานเสียงครวญครางก็ดังแว่วออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน จนกระทั่งรุ่งสางฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดจึงหมดลง เซียวอี้เหิงลุกออกจากตัวของอวี้ซูเหยาอย่างรังเกียจ สายตาลึกล้ำดำมืดที่เหมือนคมมีดมองร่างเล็กที่หมดสติไปนานแล้ว เหมือนกับกำลังมองคนตาย
เสี่ยวหลันจื่อที่เอาชีวิตรอดมาจากสนามรบของสตรีมาได้ก็รู้สึกหิวเป็นอย่างมาก นางนึกถึงหม้อไฟในชาติก่อนได้ซดน้ำซุปร้อนๆ คงจะรู้สึกดี เสี่ยวหลันจื่อรีบจ้ำอ้าวไปที่แผงขายเนื้อทันที
“เถ้าแก่ เอาเนื้อเเดงให้ข้าสี่จิน สามชั้นสี่จิน กระดูกซี่โครงด้วย เอาทั้งหมดเลย มีเครื่องในหรือไม่”
เสี่ยวหลันจื่อร่ายยาวเป็นชุดด้วยความคล่องแคล่ว คล้ายกับทำเป็นประจำ
“โอ้ ได้เลยแม่นางฟ้า เดี๋ยวข้าลดให้จินละสองอีแปะเพราะเจ้าซื้อเยอะ”
เสี่ยวหลันจื่อยิ้มตาหยีให้เถ้าแก่ที่กำลังชั่งเนื้อให้กับนาง
“แล้วเครื่องในเจ้าต้องการเท่าไหร่” เถ้าแก่ถามนาง
“ทั้งหมดเลย” เสี่ยวหลันจื่อเหมา
“ได้ๆ เจ้าจะเอาเครื่องในพวกนี้ไปทำอะไรตั้งมากมาย คนที่นี่ไม่ค่อยกินเครื่องในหมูกันหรอกนะ กลิ่นมันเหม็น” เถ้าแก่เตือนเสี่ยวหลันจื่อด้วยความหวังดี เพราะเขาเป็นคนซื่อตรงและนางซื้อเนื้อกับเขาไปเยอะทีเดียว
“ถ้าข้าทำรับรองไม่เหม็น” เสี่ยวหลันจื่อยิ้มตาหยีอีกครั้ง ยิ่งทำให้ใบหน้าเล็กๆ งดงามน่ามองยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ทั้งหมดเท่าไหร่เถ้าแก่” เสี่ยวหลันจื่อถามเขา
“เนื้อหมูสี่จิน ราคาเดิมคือสิบแปดอีแปะ หมูสามชั้นยี่สิบอีแปะ ซี่โครงสิบห้าอีแปะ เครื่องในหมูสิบอีแปะ ข้าลดให้เจ้าทุกอย่างจินละสองอีแปะ ทั้งหมดคือ....” เถ้าแก่ใช้ลูกคิดคำนวณ เสี่ยวหลันจื่อนิ่งไปสักครู่
“สามร้อยสามสิบสี่อีแปะ ใช่หรือไม่เถ้าแก่”
เถ้าแก่ที่กำลังดีดลูกคิดอยู่เงยหน้าขึ้นมองนางจากนั้นรีบคำนวณทันที
“โอ้ สาวน้อยเจ้านี่เก่งจริงๆ เลย ไม่นึกว่า ไม่ต้องใช้ลูกคิดเจ้าก็คำนวณออกมาได้อย่างรวดเร็ว” เสี่ยวหลันจื่อยิ้มตาหยีจนโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ใครล่ะจะไม่ชอบคำเยินยอ จากนั้นนางจึงจ่ายเงินให้เถ้าแก่ตามจำนวนที่นางคำนวณ
“ไปได้แล้ว” เสียงเยือกเย็นดังขึ้นด้านหลังของนาง เสี่ยวหลันจื่อยกตะกร้าขึ้นสะพายหลัง แล้วเดินนำหน้าเขาไป นางยังต้องซื้อวัตถุดิบอีกหลายอย่าง
เถ้าแก่ร้านขายเนื้อปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก สามีแม่นางน้อยผู้นี้หน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่สายตาช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เสี่ยวหลันจื่อซื้อของที่ต้องการทั้งหมดเสร็จแล้วจึงกลับมาที่เกวียนวัวของพวกเขาอีกครั้ง ต้องรีบกลับบ้านนางมีอะไรที่ต้องทำอีกหลายอย่าง
เกวียนวัวของเสี่ยวหลันจื่อ จอดลงที่หน้าบ้านสกุลหลิวฉีเยี่ยนกับฉีเหลยที่กำลังผ่าฟืนอยู่หลังบ้านรีบวิ่งออกมาต้อนรับนายของตน พวกเขายกตะกร้าและของที่เสี่ยวหลันจื่อซื้อมาเข้าไปในเรือน แล้วนำเกวียนวัวไปเก็บ ฉีเยี่ยนรีบนำน้ำชามาต้อนรับเจ้านายของเขา ท่านอ๋องจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ที่ต้องฝืนทำเช่นนี้ ฉีเยี่ยนมองเซียวอี้เหิงด้วยความเห็นใจ
“มองอะไร มีอะไรก็ไปทำ” เซียวอี้เหิงไล่ฉีเยี่ยนด้วยความรำคาญ
เสี่ยวหลันจื่อไม่สนใจพวกเขาเจ้านายลูกน้อง เมื่อนางกลับมานางก็เตรียมวัตถุดิบทำหม้อไฟทันที นางหั่นเนื้อทั้งหมดที่ซื้อมาบางๆ จากนั้นเตรียมน้ำซุป นางใช้กระดูกซี่โครงที่ซื้อมาใช้ต้มเป็นน้ำซุปส่วนเครื่องปรุงแน่นอนว่านางซื้อมาจากร้านค้าออนไลน์ ตอนที่จ่ายเงิน นางปวดใจเป็นอย่างมากเพราะมันใช้เงินถึงยี่สิบตำลึง ขูดเลือดกันชัดๆ
จากนั้นนางสั่งให้ฉีเหลยที่เข้ามาช่วยในครัว ไปเก็บผักที่หลังบ้านมา มีทั้งผักกาดขาว กวางตุ้ง ผักบุ้งนางยังนำเห็ดที่เก็บมาจากบนเขาที่ยังทานไม่หมด มาหั่นรวมใส่ในถาดด้วย จากนั้นแบ่งออกเป็นสามชุด ตกแต่งอย่างสวยงาม เสี่ยวหลันจื่อเห็นแล้วนึกถึงร้านอาหารที่นางทำงานพาร์ทไทม์
เสียงเดินของฉีเยี่ยนที่เข้ามาในครั้วทำให้เสี่ยวหลันจื่อหลุดจากภวังค์
“แม่นางอวี้ ข้ารู้ว่าข้ามีคุณสมบัติไม่เพียงพอ แต่ข้าอยากขอร้องท่านสักเรื่องได้หรือไม่” เสี่ยวหลันจื่อมองท่าทางของฉีเยี่ยนอย่างสนใจ
“ว่ามาสิ” เสี่ยวหลันจื่อรอฟัง
“คือ..... ข้ารู้ว่าเมื่อก่อนท่านอ๋องทำไม่ดีไว้กับท่านอย่างมาก แต่ข้าขอร้องท่านได้หรือไม่ ท่านอย่าทำให้ท่านอ๋องของข้าต้องลำบากใจ....”
ฉีเยี่ยนยังพูดไม่ทันจบแต่โดนฉีเหลยดึงตัวออกมาก่อน
“เจ้าคิดจะพูดอะไร”
“ข้าแค่สงสารท่านอ๋องที่ถูกนางใช้ให้ทำงาน” ฉีเยี่ยน อธิบายด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“เจ้าเห็นนางใช้ท่านอ๋องทำงานหรือ” ฉีเหลยถาม
“ไม่เห็น แต่ว่าวันนี้ท่านอ๋องขับเกวียนให้นางนั่งนะ ในแคว้นเหลียงเซียวแห่งนี้มีใครบ้างที่กล้าใช้ให้ท่านอ๋องขับเกวียนให้ขี่กันมีแค่นางคนเดียวที่ใจกล้าขนาดนั้น” ฉีเยี่ยนยังคงเถียง
“เจ้าโง่ ในสมองเจ้าคงมีแต่น้ำสินะ เบิ่งตาของเจ้า หน่อยเมื่อเช้าข้าก็บอกแล้วว่าถ้าท่านอ๋องไม่เต็มใจมีหรือจะยอมทำเช่นนั้น เลิกคิดเรื่องไร้สาระเถอะ ท่านอ๋องกลับมาข้าก็ไม่เห็นท่านอ๋องจะเหน็ดเหนื่อยอะไร ไปเถอะ ไปช่วยแม่นาง อวี้ทำอาหาร เจ้าคงไม่อยากเป็นคนเดี่ยวที่ต้องอดกินข้าวเย็นหรอกนะ”
ฉีเหลยร่ายยาวรอบเดียว กอดคอฉีเยี่ยนที่ยังมีท่าทีไม่ยินยอม เดินเข้าไปในครัว
ฉีเยี่ยนเป็นเด็กกำพร้าที่ท่านอ๋องเก็บมาตอนที่ออกไปรบที่ชายแดนครั้งแรก ตอนนั้น
เขาทั้งผอมและหิวโซใกล้ตายเพราะได้รับความช่วยเหลือของเซียวอี้เหิงเขาจึงมีชีวิตรอด ตอนนี้จึงสำนึกบุญคุณเซียวอี้เหิงที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
เสี่ยวหลันจื่อที่ยังง่วนอยู่กับการทำอาหาร ไม่สนใจว่าบุรุษสองคนคุยอะไรกัน
“คุมไฟให้ข้าหน่อย อย่าให้ไฟแรงเกินไป” เสี่ยวหลันจื่อสั่งโดยไม่หันมามองพวกเขา
ฉีเหลยดึงฉีเยี่ยนให้นั่งลง กลิ่นหอมของน้ำซุปลอยกระจายไปทั่วเรือน เฒ่าหลิวที่นั่งสานตะกร้าอยู่หลังบ้าน เดินเข้ามาดูว่าเสี่ยวหลันจื่อทำอะไรกิน
“หอมจริงๆ” เฒ่าหลิวอุทานเบาๆ
“ท่านตา ท่านออกไปรออยู่ข้างนอกอีกสักครู่ก็เสร็จแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อดันหลังเฒ่าหลิวออกจากครัวไป
เมื่อทุกอย่างได้ที่แต่ดวงตะวันยามบ่ายยังอยู่สูง เสี่ยวหลันจื่อจึงหั่นหมูสามชั้นและสั่งให้ฉีเหลยฉีเยี่ยนตักน้ำมาล้างไส้หมูและเครื่องใน บุรุษสองคนไหนเลยจะเคยสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้ ทั้งล้างทั้งอ้วกเพราะเหม็นคาวเครื่องในหมู เสี่ยวหลันจื่อขบขันท่าทางของทั้งสองคนยิ่งนัก
เสี่ยวหลันจื่อให้ทั้งสองคนใช้ขี้เถ้าล้างไส้หมูจนสะอาดจากนั้นนำเครื่องในทั้งหมดไปลวกน้ำร้อนดับกลิ่นคาว แล้วล้างอีกหลายครั้งจนไม่มีกลิ่นคาวแล้วจึงนำทั้งหมดมาตุ๋นทำพะโล้เครื่องใน นางยังใส่สามชั้นตุ๋นแยกสำหรับคนที่ไม่ชอบกินเครื่องใน สำหรับนางนี่ถือเป็นอาหารที่นางชอบเมื่อชาติก่อน ตุ๋นเครื่องในหมู เครื่องในหมูทอดกระเทียม เครื่องหมูย่างหม่าล่า และอีกหลายเมนูที่นางคิดว่าจะทำกินอีกครั้งที่นี่
ตะวันคล้อยต่ำลงเสี่ยวหลันจื่อให้ฉีเหลยกับฉีเยี่ยนยกเตาเล็กสองเตาออกไปส่วนเสี่ยวหลันจื่อ กำลังปรุงน้ำซุปสองอย่างทั้งน้ำซุปธรรมดาและน้ำซุปหม่าล่าเผ็ดแบบที่นางชอบ เมื่อทุกอย่างขึ้นโต๊ะ ทุกคนมองนางเป็นตาเดียว
“จื่อเอ๋อนี่เจ้าทำอาหารตั้งนาน มีแต่เนื้อหมูดิบกับผักดิบนี่หรือ” เฒ่าหลิวที่น้ำย่อยร้องคราญครางมานานแล้วเห็นแล้วรู้สึกผิดหวัง
“ท่าตาเจ้าคะ มันยังไม่เสร็จสักหน่อย” เสี่ยวหลันจื่อสั่งให้ฉีเยี่ยนยกหม้อดินเผาขึ้นตั้งบนเตาเล็ก หม้อหนึ่งเป็นน้ำซุปธรรมดา อีกหม้อคือน้ำซุปหม่าล่า นางอธิบายวิธีกิน หลังจากใสผักกับเนื้อ และเห็ดลงไป น้ำซุปจากที่หอมอยู่แล้วกลับยิ่งหอมมากขึ้น ทุกคนใจจดใจจ่ออยู่กับเนื้อในหม้อ เสี่ยวหลันจื่อใช้ตะเกียบคีบเนื้ออกมาใส่ในจานแม่เฒ่าสวีกับผู้เฒ่าหลิว
“ท่านลองชิมดู น้ำซุปแบบเผ็ดกับไม่เผ็ด” เสี่ยวหลันจื่อ ตักน้ำซุปให้ทั้งสองผู้เฒ่า
“พวกเจ้าก็ลองดูสิ” เสี่ยวหลันจื่อ บอกพวกเขาที่รอดูปฏิกิริยา ของสองสามีภรรยาเฒ่า "โอ้ มันอร่อยมาก ข้าไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
จากนั้นสงครามหม้อไฟก็เกิดขึ้น แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ปกติจะนิ่งขรึมอยู่ตลอด ยังร่วมวงการแย่งชิงเนื้อในหม้อกับพวกเขา เสี่ยวหลันจื่อได้แต่มองตาปริบๆ ดูเหมือนจะทำน้อยไปหน่อยสำหรับสามคนนี้ เนื้อสี่จินสำหรับชาวบ้านธรรดาอย่างพวกเขา จะได้กินก็แค่ช่วงวันสำคัญเท่านั้น ไหนเลยจะมีให้กินมากขนาดนี้ เสี่ยวหลันจื่อลุกขึ้นเดินเข้าครัวไป
เซียวอี้เหิงที่เคียวเนื้อตุ้ยๆ มองตามหลังนางไป จากนั้นก็หันมาแย่งเนื้อในหม้อกับฉีเหลยและฉีเยี่ยนต่อ