เด็กสาวที่กำลังออกเดินทางไกลเพื่อท่องเที่ยวฉลองในวันที่เธอได้บรรลุนิติภาวะในวันเกิดของเธอนั้นกลับต้องมาพบพานกับความช็อคแบบที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากชีวิตใหม่ที่จู่ๆก็เกิดขึ้นกระทันหัน
รัก,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,เกิดใหม่ ,นิยาย18+,นิยายรัก ,นิยายสนุก,นิยายชายหญิง,นางเอกสวยมาก,ย้อนเวลา,ความรัก,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,รักวัยรุ่น,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เด็กสาวที่กำลังออกเดินทางไกลเพื่อท่องเที่ยวฉลองในวันที่เธอได้บรรลุนิติภาวะในวันเกิดของเธอนั้นกลับต้องมาพบพานกับความช็อคแบบที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากชีวิตใหม่ที่จู่ๆก็เกิดขึ้นกระทันหัน
ผู้แต่ง
โกเพ
เรื่องย่อ
ฉัน ' น้ำตาล ' อายุเพิ่งจะยี่สิบเป๊ะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแถมซ้ำตอนนี้...
ฉันกำลังจะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดคนเดียวเป็นครั้งแรกล่ะ กรี๊ดดดด>0<
ฉันรอคอยและตื่นเต้นวันนี้มากกว่าใครไหนๆ บนโลกใบนี้
การออกไปไหนมาไหนคนเดียวหลังจากที่ถูกพ่อแม่กักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ตลอดยี่สิบปีมีใครไม่ชอบบ้างล่ะ
อุวะ!! ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! วันนี้คือวันของฉันแล้ว><
แต่เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นั่นแสงอะไร
ตู้ม!!!
'กรี๊ดดด!!!'
'มีรถชนกัน!! ช่วยด้วยค๊าาา!!!'
หัวฉัน..เจ็บชะมัด
นั่นอะไร แสงสีแดงๆ แวบไปแวบมาแสบตาชะมัด
แล้วทำไมภาพที่ฉันเห็นมันเบลอแบบนี้...กันนะ
.
.
.
.
.
"อุแว้! อุแว้ อุแว้!"
'loi economi ka ka!'
ที่รักดูลูกเราสิ
'wao mu economi'
ว้าว..ลูกแม่ ลูกของแม่
ภาษาอะไรกันทำไมฉันฟังไม่ออกแล้วทำไมมีเสียงเด็กร้องด้วยเนี่ย รำคาญหูชะมัดเลย
"อุแว้! อุแว้ อุแว้!"
ใครก็ได้ปิดปากเด็กคนนี้ที ฉันไม่ไหวแล้ว- -
'pap qi orti com herep'
เดี๋ยวผมรีบไปเอามาให้
"อุแว้! อุแว้! อุ้..อุ๊"
หื้อ นี่มันปากฉันนี่แล้วทำไมมือฉันมันเล็กอย่างนี้ล่ะo-O?
'valen mu economi'
'วาเลน' ลูกรักของแม่
"..."
'eart yui mak valen mu economi luv u^^'
กินเยอะๆ เลยนะวาเลนลูกที่น่ารักของแม่ ^^
"อุ๊...อุ๊..0*0??"
ห้ะ!? นี่ฉันเป็นใครไปแล้ววะเนี่ยช่วยฉันด๊วยยยย กรี๊ดดดดดTOT
‘ฮึก’
‘เฮ้ ยูบี ร้องไห้ทำไม’เทรย์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับยูบีรีบหันไปมองทางหญิงสาวด้วยความร้อนใจเมื่อเล่าจนจบแล้วเธอกลับร้องไห้ขึ้นมาราวกับเด็ก
‘ยูบี้ซึ้งมาก แล้วก็เศร้ามากเช่นกัน’
‘ฮือออ’
‘โถ่ ยูบี พี่ขอโทษที่เล่าอะไรเศร้าๆ ให้ฟังนะครับ’มือของเทรย์ขยับขึ้นไปลูบที่กลุ่มผมของยูบีอย่างแผ่วเบา
‘หวังว่าที่นิ้วของน้ำตาลจะไม่ใช่แบบนั้นนะ’ ยูบีพึมพำเบาๆ พร้อมทั้งเอื้อมมือขึ้นไปตีมือคนที่กำลังลูบผมของเธอด้วยความหมั่นไส้
สองปีผ่านไป
ตึง ตึง! ตึง!!
‘ยัยน้ำตาล ฉันบอกกี่ครั้งแล้วให้เลิกหมกตัวอยู่แต่ในห้องสักที’ เสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้นหลังจากที่ประตูถูกเคาะอย่างรุนแรงราวกับว่าประตูบานนั้นเป็นเหล็กกล้าที่จะทนต่อแรงทุบอันหนักหน่วงของกำมือของเธอได้ ส่งผลให้เด็กสาวที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมยอมละสายตาออกจากคอมพิวเตอร์ของตัวเองหันไปมองทางประตูด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ทั้งที่เรียกเธอเฉยๆ เธอก็ได้ยินแล้ว
‘หนูทำงานนะคะแม่’ เธอเอ่ยปากออกกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปทางประตูที่กำลังถูกรัวมือทุบไม่หยุดหย่อนเอื้อมมือไปเปิดประตูบานตรงหน้าออก
แอ๊ด~
เพี๊ยะ
ใบหน้าของเธอหันไปตามแรงตบอย่างแรง ความแสบชาไปทั่วทั้งพวงแก้มสีแดงระเรื่อของหญิงสาวแล่นปราดเข้ามารวดเร็วซะจนตั้งตัวไม่ทันกับหลังมือของผู้เป็นแม่ที่ตบเข้าที่แก้มของเธอ
‘ใครสั่งใครสอนให้ต่อปากต่อคำกับฉัน’ น้ำเสียงที่เน้นน้ำหนักพูดด้วยอารมณ์โมโหทั้งสายตาที่มองมาที่ลูกของตัวเองนั้นราวกับเกลียดชังกันมาตั้งแต่ได้รู้จักกันทำให้เธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูได้แต่ยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป เพียงแต่ยกมือขึ้นมากอบกุมแก้มของตัวเอง
“ค่ะ ขอโทษค่ะ” เธอตอบกลับไปด้วยความนิ่งงันไม่ได้แสดงอารมณ์เจ็บปวดหรือร้องไห้กับการโดนทำร้าย เพราะว่าเธอ ชินกับมันแล้วยังไงล่ะ
‘ยัยยูบีอะไรนั่น เพื่อนของแกใช่ไหม’ ผู้เป็นแม่เอ่ยถามเธอพร้อมทั้งชี้นิ้วไปทางหน้าประตูบ้าน
“ใช่ค่ะ เพื่อนหนูเอง”
‘หาคบแต่กับพวกประหลาด’ แม่ของเธอพูดพึมพำไม่ชอบใจไปพลางหันกายเดินไปทางห้องครัวที่อยู่หลังบ้านเตรียมที่จะทำอาหารให้กับพ่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าทีวีกำลังที่จะหยิบผลไม้ขึ้นมากิน
“แม่หมายความว่ายังไงกันนะ”
หญิงสาวอดที่จะสงสัยกับคำว่าประหลาดของแม่ไม่ได้ ปกติยูบีก็มาบ้านออกบ่อย แต่ตั้งแต่จบมัธยมมาฉันที่ไม่ได้เรียนต่อก็เริ่มทำงานเลยทันทีส่วนเธอก็เข้าเรียนมหาลัยไป เลยติดต่อกันน้อยลงมากกว่าแต่ก่อน
หญิงสาวคิดสงสัยไปก็ไม่ได้คำตอบ ร่างบางเลยรีบหมุนกายเดินไปหยิบเอาเครื่องสำอางมาแต่งใบหน้าของเธอเพื่อกลบรอยที่ถูกตบเมื่อกี้ เตรียมตัวที่จะออกไปหาเพื่อนของตัวเองที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน
‘น้ำตาล ทางนี้ๆ’ ยูบีที่เห็นเพื่อนตัวเองออกมาจากบ้านก็รีบโบกมือไปมาอยู่ด้านหน้ารถเก๋งที่เต็มไปด้วยโบว์ตกแต่งรถด้วยความตื่นเต้น
“ยูบี้ มีอะไรเหรอ ทำไมมาซะดึกดื่นเลย” เธอที่เดินออกมาก็เข้าใจได้ทันทีกับคำว่าประหลาดของแม่เมื่อเดินมาที่เพื่อนตัวน้อยยืนอยู่ก็เอ่ยถามไปด้วยความสงสัยกับเพื่อนที่เดินทางมาหาเธอเสียมืดค่ำ
‘วันนี้วันเกิดพี่เทรย์ล่ะ’
‘ยูบี้เลยอยากจะมาชวนไปงานวันเกิดพี่เขา ปีที่แล้วน้ำตาลก็ไม่มา รอบนี้ยูบี้เลยมาชวนเองเลยแบบเจอหน้า คิคิ’ เธอพูดพร้อมทั้งฉีกยิ้มกว้างให้กับน้ำตาลที่กำลังยืนงงอยู่ตรงหน้า
“ไปเลยเหรอแต่ว่า..”
‘น้ำตาลล ไม่เอาน่า น้ำตาลยี่สิบแล้วนะ ไปกันเถอะ เดี๋ยวยูบี้ไปซื้อเค้กเตรียมเซอร์ไพรส์พี่เทรย์ก่อน แล้วน้ำตาลตามมานะ จะมีรถมารับนะ โอเคนะ’ เพื่อนสาวพูดพร้อมทั้งทำหน้าอ้อนชูนิ้วมือจรดนิ้วชี้เข้ากับนิ้วโป้งทำท่าโอเคให้กับเธอ
“น้ำตาลขอไปถามแม่กับพ่อก่อนนะ” เธอตอบกลับไปพร้อมทั้งพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ แต่ด้วยที่ไม่ว่าเธอจะโดนอะไรกับครอบครัวมาบ้าง เธอก็ยังไม่อยากที่จะขัดขืนคำสั่งของพ่อกับแม่ของเธอ
ยูบีที่เห็นแบบนั้นก็เข้าใจได้ทันทีก่อนที่จะพยักหน้าขึ้นลงระรัว ‘ได้สิ ยูบี้รอสายนะ’ เพื่อนสาวพูดจบก็ยกมือถือขึ้นมาชูให้เธอได้เห็นก่อนที่จะแยกกันไป
ติ๊ง
เมื่อรถที่ยูบีนั่งออกตัวไปแล้วข้อความจากไลน์ก็เด้งขึ้นทันทีในระหว่างที่เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน มือเรียวเลยยกมือถือขึ้นมาดูข้อความก็พบว่ามาจากเพื่อนสนิทของเธอเอง
[ยูบี้เพื่อนรัก : รถจะมารับอีกประมาณครึ่งชั่วโมงนะ น้ำตาลไม่ต้องเตรียมของขวัญมานะพี่เทรย์เขาไม่เอา แม้กระทั่งของยูบี้ก็ด้วย นอยมากง่า-3-]
เธอคลี่ยิ้มบางๆ เอ็นดูไปกับเพื่อนก่อนที่ปลายนิ้วจะจรดพิมพ์ไปบนแป้นพิมพ์ตอบกลับเพื่อนของเธอ
[น้ำตาลน้ำตาลเพื่อนร้าก: โถ่ ยูบี้ พี่เทรย์เขาปากแข็งแน่ๆ ต้องเอาไปให้พี่เขานะ! น้ำตาลเกรงใจ เดี๋ยวจะเตรียมไปให้พี่เขา ไม่รับก็ต้องรับแหละ =-=]
‘แกจะไหน’
ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวพ้นหน้าจอทีวีเสียงของพ่อก็ดังขึ้นทำให้หญิงสาวที่กำลังเลื่อนหน้าจอมือถือเลือกสติ๊กเกอร์อยู่เพื่อที่จะส่งให้กับเพื่อนของตัวเองก็สะดุ้งโหยงขึ้นมาด้วยความตกใจ
“คะ เอ่อ…ยูบีชวนหนูไปงานวันเก..” เธอรีบเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากระโปรงทันทีก่อนที่จะหันกายไปทางพ่อของตัวเองพร้อมกับมองไปทางแม่ที่กำลังถือจานอาหารเข้ามาวางตรงหน้าของพ่อบนโต๊ะหน้าทีวี
‘เหรอ ไปสิ’
“คะ?” ไม่เคยเกิดขึ้น อะไรกัน ไปได้แล้วเหรอ
‘จะไปก็ไป จะกลับเวลาไหนก็เรื่องของแก’ แม่พูดย้ำอีกครั้งกับคำตอบของพ่อที่ตอบเธอมาก่อนหน้านี้ สีหน้าของเธอที่มีแต่เครื่องหมายคำถามก็ได้แต่งุนงงกับมัน ในขณะที่แม่กับพ่อก็เริ่มนั่งกินข้าวของตัวเองโดยที่ไม่ได้หันมามองเธอเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้หญิงสาวที่ยืนงุนงงอยู่หน้าทีวีเดินเข้าไปในห้องทันทีเพราะกลัวพวกเขาจะเปลี่ยนใจ ครั้งแรกของเธอเชียวนะ ก็ต้องดื้อหน่อยแหละ
“อะไรกัน ทั้งที่สองปีที่ผ่านมา ไม่เคยให้ฉันไปไหนเลยแท้ๆ” เธอพูดพึมพำเบาๆ อย่างคนคิดมาก ไม่นานก็สะบัดหัวเบาๆ เพื่อไล่ความคิดมากออกไปเลื่อนมือมาค้ำยันไว้ที่เอวของตัวเองพยักหน้าขึ้นลงหงึกหงักกับตัวเอง
“ช่างเถอะ! ไหนๆ ก็ได้ไปแล้วเตรียมตัวดีกว่า” หญิงสาวว่าพลางหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกเดรสออกมาเตรียมเอาไว้สำหรับแต่งกายไปพร้อมๆ กับการทำผมให้เรียบร้อยโดยที่ไม่ลืมที่จะส่งข้อความหาเพื่อนของตัวเองเพื่อบอกว่าเธอได้รับอนุญาติแล้ว
[น้ำตาลน้ำตาลเพื่อนร้าก: น้ำตาลไปได้แล้วนะยูบี้><]
ไม่นานเกินรอ ข้อความของเธอที่ส่งไปก็ได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ติ๊ง
[ยูบี้เพื่อนรัก: กรี๊ดดดด>0< เจอกัลลล]
[ยูบี้เพื่อนรัก: ส่งรูปภาพ]
[ยูบี้เพื่อนรัก: ส่งรูปภาพ]
[ยูบี้เพื่อนรัก: นี่คันนี้นะจะไปรับน้ำตาล ส่วนอีกอันเป็นเค้กกับของขวัญของยูบี้เอง]
เมื่อแต่งกายเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็ทิ้งร่างนั่งลงบนเตียงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่ปลายนิ้วจะเลื่อนไปกดเปิดข้อความของเพื่อนตัวเอง ที่ส่งทั้งรูปรถกับรูปเค้กและของขวัญที่เพื่อนของเธอเตรียมไว้ให้เธอได้เห็น
[น้ำตาลน้ำตาลเพื่อนร้าก: ว้าว สวยมาก กล่องสีทองด้วย พี่เทรย์ตาบอดแน่]
“จะว่าไปฉันเตรียมอะไรไปดีล่ะ” หญิงสาวเพิ่งนึกขึ้นได้กับของขวัญของตัวเองที่ต้องเตรียมในเวลากระชั้นชิด เธอก็ลุกขึ้นยืนไปมองรอบๆ ห้องของตัวเองที่แทบจะไม่มีอะไรเลย ก่อนที่สายตาของหญิงสาวจะไปสะดุดเข้ากับรูปถ่ายรูปหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะของเธอ
มันเป็นรูปที่น้ำตาลกับยูบีและเทรย์เคยถ่ายเอาไว้สมัยตอนยังเรียนอยู่มัธยม รูปรวมสามนี่หาได้น้อยมากๆเลยเชียว โชคดีที่เธออัดกรอบเอาไว้
“อันนี้แล้วกัน ไหนๆ พี่เขาก็ขอรูปนี้มานานแล้ว” พูดไปพลางเอารูปใส่เข้าไปในถุงกระดาษผูกโบว์ให้เรียบร้อยสวยงาม
ปี๊น ปี๊น
‘ยัยน้ำตาล!’
“ค่า! ไปแล้วค่า”
แม่ของเธอที่อยู่ในห้องนั่งเล่นตะโกนเรียกเธอที่กำลังจะสะพายกระเป๋าใบโปรดของตัวเอง เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบเปิดประตูแล้วรีบเดินไปทางหน้าบ้านอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ลืมที่จะหันมาไหว้พ่อกับแม่ของตัวเองก่อนไป
“ไปก่อนนะคะ”