ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด,แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมวข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว โลกเคยมีมนุษย์
โลก (Earth) ในปัจจุบัน คือยุคสมัยที่โลกและจักรวาลอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม เทคโนโลยีแห่งอนาคตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์แรกที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ทว่าเพียงแค่พวกเขาย่างกรายออกไปจากบ้านสีน้ำเงินที่อยู่มายาวนาน ก็ต้องพบกับความจริงที่ตีแสกหน้าลงมาตรงๆ ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมเพียงผู้เดียวในเอกภพ
มนุษย์เก่งเสมอในการทำเรื่องที่ไม่ค่อยฉลาดต่อเผ่าพันธุ์ตัวเอง ในทันทีที่ยานสำรวจห้วงอวกาศของพวกเขาลงจอดบนดาวดวงอื่น ก็ประกาศว่านั่นจะเป็นดาวโลกใหม่ของมวลมนุษยชาติแล้วเข้ายึดครองทันที ราวกับมดที่อพยพหนีพายุฝนไปสร้างรังใหม่ที่ใต้ถุนบ้านผู้อื่น พวกเขาใช้วิทยาการทางการทหารที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่มี ก่อตั้งเขตปกครองบนดาวดวงนั้นขึ้นมาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
และนั่นก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เช่นกัน ที่ได้พบเจอเผ่าพันธุ์ทรงอารยะอื่นนอกจากเผ่าพันธุ์ตนเอง
ชาวเซเลสเทียล [Celestials] ไม่ปลื้มใจเลยแม้แต่น้อยที่มีเผ่าพันธุ์อ่อนด้อยพัฒนาจากดวงดาวที่อายุน้อยกว่าดาวของตนตั้งพันล้านล้านปี มาบุกรุกดวงดาวที่อยู่ในเขตอำนาจการปกครองของพวกเขา ซ้ำร้ายยังประกาศเจตนารมณ์อ้างสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์โดยเปิดเผยไม่เกรงกลัวสิ่งใดเลยสักนิด ความไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งออกสู่โลกกว้างเป็นครั้งแรกของมนุษย์ จบลงด้วยการขึ้นศาลจักรวาล
ศาลจักรวาล [Universal Court of Justice] ดำรงอยู่เพื่อรักษาสมดุลของเอกภพ ตั้งขึ้นโดยเผ่าพันธุ์ทรงอำนาจหลากหลายเผ่าพันธุ์ และตั้งอยู่ทั่วทุกกาแล็กซี่ในจักรวาล แต่เมื่อปัญหาเกิดที่กาแล็กซี่มิลกี้เวย์ ผู้ที่เข้าร่วมการไต่สวนจึงมีเพียงผู้ที่มีเขตปกครองอยู่ในทางช้างเผือกด้วยกันเองเท่านั้น
ชาวเซเลสเทียล [Celestials] ชาวเฟย์ [Fae Folks] ชาวแวร์บีสต์ [Werebeasts] และชาวเดมอนส์ [Dæmones] ได้เปิดเผยตัวให้ชาวมนุษย์พบเจอเป็นครั้งแรกในวันนั้น
หลังจากการไต่สวนที่กินเวลาไปกว่าห้าสิบปีเริ่มทำให้เผ่าอายุยืนทั้งหลายเห็นใจชาวมนุษย์มากขึ้น เมื่อชาวต่างเผ่าทราบว่าโลก [Earth] เดิมของพวกมนุษย์นั้นกำลังเผชิญวิกฤตประชากรล้นโลก ภาวะโลกเดือดเกินจะอาศัย ฝุ่นควันพิษฟุ้งกระจาย และทรัพยากรต่างๆหายไปเกือบหมดโดยเฉพาะอาหาร ทางเลือกเดียวของมนุษย์คือต้องหาบ้านใหม่ให้ได้ในเร็ววันเท่านั้นหากไม่อยากสูญสิ้นทั้งเผ่าพันธุ์
เมื่อทราบดังนั้น แม้เดิมทีจะไม่พอใจเอามาก แต่หลังจากการเจรจาอยู่พักหนึ่ง ชาวเซเลสเทียล (หรือที่มนุษย์เรียกกันเองว่า ชาวสวรรค์) ก็ยอมใจอ่อน ตกลงยกดวงดาวที่พิพาทกันอยู่นั้นให้มนุษย์ได้อาศัยไป ‘แบบมีเงื่อนไข’
เหล่ามนุษย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตกลง
พวกเขาเกือบทั้งหมดได้ไปจากโลกที่ถือกำเนิด อพยพถิ่นฐานไปตั้งรกรากใหม่ ณ ดวงดาวที่มีสภาพคล้ายคลึงกันกับโลกเดิมมากเสียจนพวกเขาตั้งชื่อดาวเคราะห์ที่เป็นบ้านใหม่นั้นว่า ดาวโลกใหม่ [Earth-02]
หลังจากที่มนุษย์ได้ละทิ้งโลกเก่าไปอย่างไม่หวนกลับ เวลาก็ได้ผ่านไปนานหลายพันปี ดาวเคราะห์โลกเก่า [Earth-01] ก็ได้ปรับตัวเองใหม่อีกครั้ง จนกลับคืนเข้าสู่สภาพแบบเดียวกับยุคดึกดำบรรพ์ แต่ยังเต็มไปด้วยอันตรายมากมายที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ที่คิดจะลงมาสำรวจอยู่ดี มันจึงกลายเป็นดาวเคราะห์อันตรายที่ถูกทิ้งร้างไปถาวร
และแน่นอน ในโลก [Earth-02] เมื่อเทคโนโลยีล้ำหน้าไปจนถึงขีดสุดแห่งยุคสมัย วิถีเก่าแก่โบราณก็ย่อมค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา เผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน มนุษย์ได้เข้าใจไปเองว่าเผ่าพันธุ์ตนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดสุดท้ายที่เหลือรอดจากโลกเก่า สัตว์และสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นล้วนสูญพันธุ์สิ้น ไม่มีให้เห็นอีกต่อไป
สิ่งใดที่ไม่ปรับตัวล้วนต้องตาย นั่นคือสัจธรรม ผู้ที่กำเนิดในอดีตหากไม่ปรับไปพร้อมๆ กับปัจจุบันเพื่อรับมือกับอนาคตแล้วไซร้ ปลายทางสุดท้ายย่อมเป็นความตายที่ไม่อาจเลี่ยง
...และข้า ก็คือมังกรตัวสุดท้ายของเผ่าพันธุ์
นามของข้าคือ เอมารันไธน์
อนิจจา เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ข้าช่างอาภัพนัก สิ่งที่ข้าไม่รู้แม้แต่น้อยในวันที่ทิ้งร่างลงวันนั้น คือชะตาชีวิตข้ายังไม่จบ เพราะความบัดซบมันจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งพันปีต่อมา...
โชคชะตาของข้าต้องพลิกผันไป เมื่อเจ้าทาสหมายเลขหนึ่งในอนาคตของข้า ได้ขับยานสำรวจลำยักษ์ลงมาจากอวกาศเพื่อทำการสำรวจดาวโลก [Earth-01] เจ้าหมอนั่นก็ดันบินลงมาเจอกับป้ายหินของข้าเข้า ซึ่งนอกจากมันจะไม่เพียงแต่ขโมยป้ายหลุมศพข้าไปหน้าด้านๆ มันยังลงแรงขุดข้าออกมาจากการจำศีลนิรันดร์ แล้วยังอุ้มเอาร่างข้าขึ้นยานของมันกลับไปด้วย! เท่านั้นยังไม่พอ ในภายหลัง ขนาดรู้ชื่อข้าแล้ว ยังเสื๊อกเรียกชื่อข้าเพี้ยน เปลี่ยนจากชื่ออันแสนไพเราะของข้าตัดเหลือแค่คำว่า...
“เอมี่”
….เอมี่บ้านเจ้าสิ
และเรื่องราวการเดินทางของข้าทั่วทั้งกาแล็กซีทางช้างเผือกในต่อจากนี้ ก็กลายเป็นช่วงเวลาน่าอัศจรรย์ พิศวง อลวน และเต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวายอย่างสนุกสุดเหวี่ยง เรียกได้ว่าชีวิตที่พลิกผันไปตลอดการของข้านั้น คือ ‘โชคชะตา’ ที่ข้าจะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน