ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว - บทที่ 2 เกือบหลับแต่กลับมาได้ โดย ItsAlthero @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด,แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี

รายละเอียด

ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้

ผู้แต่ง

ItsAlthero

เรื่องย่อ

#เป็นมังกรไม่ใช่แมว

นามของข้า คือ 'เอมารันไธน์' และข้าต้องการความช่วยเหลือ...

คือเรื่องมันเป็นแบบนี้นะท่านผู้มาเยือน อันตัวข้านั้นเป็นมังกรรุ่นเยาว์ ได้ลงหลุมไปคุยกับรากอ่อนของต้นแอชจิ๋ว จำศีลไปราวๆหนึ่งพันปีตามวิสัยปกติของมังกร แต่พอตื่นมาอีกครั้งก็ต้องพบว่า... ข้ากลายเป็นแมวไปแล้ว

...ตอนข้าหลับอุตุมันมีอะไรผิดพลาดตรงไหน ข้าไม่เข้าใจ

มิหนำซ้ำ ดวงของข้ายังดิ่งลงเหวอย่างที่นรกก็ฉุดไม่อยู่ ทั้งผู้บัญชาการชาวมนุษย์เอย จักรพรรดิสวรรค์เอย ราชาปีศาจเอย จ้าวอสูรเอย และผู้นำอมนุษย์เผ่าอื่นๆมากมาย ต่างก็จ้องจะเข้ามาขย้ำพุงข้าไม่หยุดไม่หย่อน เอาแต่กวักมือเรียกข้า
เหมียวๆ... เหมียวบ้านพวกเจ้าสิ 

ข้าคือมังกรบรรพกาลตัวสุดท้ายของโลก ทั้งยังเป็นสายพันธุ์หายากขึ้นทะเบียนเป็นอันดับต้นๆของทุกทำเนียบเชียวนะ แต่พวกเจ้ากลับทำเหมือนข้าเป็นแมวจรไร้บ้านแบบนี้ ถือว่าตนเป็นใหญ่เลยจะข่มข้าอย่างไรก็ได้งั้นรึ? คิดหรือว่าข้าจะยอมอยู่ในโอวาท ทำตัวเชื่องเยี่ยงสัตว์เลี้ยงกับพวกเจ้า? ไม่ว่าพวกเอ็งจะทำอะไร ก็ซื้อใจข้าไม่ได้หรอก!

"อย่างอนกันนานนักเลยน่า เอมี่ ฉันซื้อแมวเลียรสโปรดของเจ้ามาให้สามร้อยลังเลยนะ ให้ฉีกตอนนี้เลยไหม คืนดีกันนะ"

"ใจเย็นก่อน เอ็ม ข้าเพียงแต่มาง้อเท่านั้น เจ้าชอบกินเนื้องูใช่ไหม? ข้าเอาเนื้อบาซิลิสก์จากแดนปีศาจมาฝากเจ้า"

"อย่าโกรธกันเลยนะ เด็กดี วันนี้พี่ซื้อขนมมาให้เจ้าเยอะแยะเลยนะ เค้กช็อกโกแลตจากแดนอสูรที่เจ้าชอบยังไงล่ะ มีเครป พาย ทาร์ต อยู่ในตู้อีกเป็นร้อยด้วยนะ"

"ช่างน่าดีใจนักที่ เอมี่น้อย ชอบของขวัญของเรามากถึงเพียงนี้ เจ้าอยากได้เพชรพลอยไปประดับรังเพิ่มอีกเท่าไหร่ล่ะหืม? เรายกให้ทั้งคลังแดนสวรรค์เลยก็ยังได้นะ แต่หากเจ้ายังไม่พอใจแล้วล่ะก็ เดี๋ยวเราจะลองไปถามแดนภูตดูให้ด้วย ดีหรือไม่?"

"ไม่ต้องขอ แดนภูตยกให้หมดเลย ที่รัก"

.....

เอาเป็นว่าข้าจะยอมนอนเฉยๆบนกองเงินกองทองของพวกเจ้าต่อไปอีกสักหน่อยก็แล้วกัน แต่จงระวังไว้เถอะ ประมาทข้ามากๆแล้วเจ้าจะเสียใจ สักวันนึงข้าจะยึดครองโลก ไม่สิ ครองจักรวาล ครองเอกภพไปด้วยเลยเอ้า ยึดได้แล้วข้าก็จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นคาเฟ่แมวซะให้หมดเลยคอยดู อย่าล้อเล่นกับระบบ เพราะระบบตบสวนนะจะบอกให้! 

ระวังโลกเจ้าเอาไว้ให้ดีเถอะ! (●`ω´●)




WARNING!!!

นิยายเรื่องนี้เป็น Boy Love แนว Sci-Fi ผสมแฟนตาซี ไทม์ไลน์ยุคอนาคต/ยุคดวงดาว มีหลายโลก หลายเวิร์ส และมีพระเอกหลายคน มีการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าพระ-นาย แบบ Polygamy เพราะเป็น ฮาเร็มชาย จัดอยู่ในหมวด18+แต่เป็นฉบับCutเพื่อความเหมาะสม จะมีเนื้อหาที่ถูกตัดทอนออกไปบางส่วนเพื่อให้มีเนื้อหาเชิง [Trigger] น้อยที่สุด นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ18ปีขึ้นไป จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ ความรุนแรง และฉากทารุณบางประการ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน โดยจะเขียนคำเตือนกำกับไว้ซ้ำในบทที่จำเป็นเพื่อประกอบการใช้วิจารณญาณในการอ่านต่อไป อนึ่ง ฉบับUncutอยู่ในบ้านหลักสีฟ้า

*เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตาการของผู้เขียน เป็นเรื่องแต่ง ไม่อิงประวัติศาสตร์หรือหลักความเป็นจริงแต่อย่างใด มีเนื้อหาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น*

⚠ นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง หรือกระทำการใดๆ อันเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย ⚠

⚠ หากเราเตือนแล้วยังคุยกันไม่เข้าใจอีก ศาลจะเป็นที่ต่อไปที่ท่านจะได้มานั่งคุยกับเรา ⚠





แวะไปทักทายกันได้ที่

FB: @Althero_LD

X (Twitter) : @ItsAlthero

♡ ด้วยรักและขอบคุณจ้า ♡


สารบัญ

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทนำ มาจะกล่าวบทไป,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 1 เริ่มมาก็ปังแล้ว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 2 เกือบหลับแต่กลับมาได้,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 3 อยู่ดีๆ เราก็วาร์ป,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 4 โลกใหม่สอนให้เปิด,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 5 เป็นแมวจรต่างดาวไม่ง่ายเลย,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 6 เป็นมนุษย์บนต่างดาวยากยิ่งกว่า,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 7 เปิดใจลูกผู้ชาย ปรับทัศนคติ (1),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 8 เปิดใจลูกผู้ชาย ปรับทัศนคติ (2),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 9 ยังไม่ได้ไปเที่ยว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 10 เปิดอกอีกรอบ รอบนี้แค่เปรียบเปรย,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 11 ยื่นหมูครึ่งเทพ ยื่นแมวมังกร,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 12 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (1),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 13 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (2),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 14 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (3),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 15 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายก็แย่แล้ว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-**คั่นเวลาเล็กน้อย ด้วยรูปท่านนายพล**

เนื้อหา

บทที่ 2 เกือบหลับแต่กลับมาได้

“เอ่อ คือ... ท่านนายพลครับ”


เขาหันไปหาลูกน้องของตน ที่กำลังมองมาเหมือนคนหลงทาง เหล่าทหารแห่งกองกำลังป้องกันตนเองแห่งมาตุภูมิทั้งร้อยกว่าชีวิตต่างก็กำลังจับจ้องมายังเจ้าสิ่งที่นอนนิ่งเงียบในอ้อมแขนของเขาอย่างตกตะลึงจนเห็นได้ชัด แม้การจะมาเป็นลูกเรือของยาน อาร์ค-11 [Ark-11] ได้ จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิที่ได้รับการอบรมฝึกฝนอย่างหนักจนไม่ควรจะตื่นตระหนกกับอะไรแล้วก็ตาม


แต่เขาก็เข้าใจลูกน้องตัวเองดีจึงไม่ได้ว่าอะไร เพราะตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมา ตัวเขาเองก็ไม่เคยเชื่อเรื่องที่โลกเก่าของมนุษย์นั้น มีมังกรอาศัยอยู่ด้วยกันกับมนุษย์มาโดยตลอด ...จนกระทั่งชะตากรรมของมวลมนุษยชาติในโลกใหม่ขึ้นอยู่กับมัน 


ในอ้อมแขนของเขาตอนนี้ คือร่างสัตว์สี่เท้า ปกคลุมด้วยเกล็ดละเอียดที่มีสีเหมือนหินหยกขาวทั้งยังมีลวดลายสีเงินประดับทอประกายแสงระเรื่ออยู่ทั่วทั้งร่าง แผงขนสีทองคำขาวดั่งแพลตตินัมซึ่งพาดยาวตั้งแต่หัวจรดถึงปลายพู่หาง บนหัวของมันมีกิ่งเขาสัตว์สีเงินถึงสองคู่ ปีกของมันก็มีถึงสองคู่เช่นกัน 


ปีกสีเงินคู่บนนั้นดูคล้ายกับปีกของค้างคาวที่บอบบางมาก แต่ก็มีขนาดที่ใหญ่กว่าปีกคู่ล่างซึ่งปกคลุมด้วยขนนกสีทองคำขาว ลักษณะการเรียงตัวของขนนกนั้นเหมือนกับปีกของนกนักล่าไม่มีผิด ส่วนสุดท้ายที่เป็นหางนั้นมีปลายแหลมเป็นลิ่มเกล็ดอย่างกับใบมีดที่คมกริบ...


ด้วยลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่พิลึกพิลั่นเช่นนี้ มันต้องเป็นสิ่งที่ชาวสรรค์ตามหาจนแทบจะก่อสงคราม กวาดเอาดาวทั้งหมดในกาแล็กซี่มาเป็นบริวารไม่ผิดแน่ 


...เจ้าสิ่งนี้เองหรือ คือ มังกร? สิ่งที่เอเลี่ยนไร้หัวใจพวกนั้นกล่าวว่ามีค่ามากกว่าชาวมนุษย์ทั้งดาวรวมกันเสียอีก


แม้เขาจะเพิ่งเคยเห็นสัตว์ชนิดนี้เป็นครั้งแรก ก็ยังพอมองออกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามมากตัวหนึ่ง เขาแอบสงสัยว่ามันจะยังเด็กอยู่ เพราะขนาดร่างกายของมันที่เล็กเสียจนใหญ่กว่าแมวบ้านที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกใหม่เพียงเท่าเดียวเท่านั้น


แถมมันยังนอนหลับอุตุได้เงียบเอามากๆ... จนเขาเกือบนึกว่าไปขุดฟอสซิลขึ้นมาแทนเสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะยานบินของเขาเป็นลำที่บังเอิญตรวจพบสัญญาณชีพของเจ้าตัวเล็กนี่เองล่ะก็นะ


เมื่ออุ้มมันขึ้นยานมาไม่ทันไร หากเขาตาไม่ฝาด ก็เหมือนจะเห็นดวงตาเล็กๆ ข้างหนึ่งของมันลืมขึ้นมามองเขาอย่างงุนงง จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเอ็นดูนิดๆ... นั่นก็มากพอจะทำให้เขาผ่อนอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงในอกลง และไม่วิตกจริตว่ามันจะตายภายในสามนาทีที่ยานสำรวจออกนอกชั้นบรรยากาศได้เสียที


“มีอะไรหรือ นายทหาร?”


“เราออกจากชั้นบรรยากาศของโลก [Earth-01] เรียบร้อยแล้วครับ แต่... ใช้พลังงานของยานไปมหาศาลอย่างที่ท่านได้คำนวณเอาไว้เลยครับ”


“เปิดใช้พลังงานที่เหลืออยู่ไปกับการบินเท่านั้น ปิดส่วนอื่นที่ไม่จำเป็นทิ้งไปซะ เราต้องทำตัวล่องหนให้ได้มากที่สุดจนกว่าจะพ้นระบบสุริยะ ไม่สิ ต้องถึงขนาดพ้นเขตบินอิสระด้วย ระวังอย่าให้เตะตาใครได้ โดยเฉพาะพวกเซเลสเทียล… ห้ามให้พวกชาวสรรค์ตรวจจับยานเราได้เด็ดขาด ไม่งั้นพวกเราทุกคนได้หัวหลุดกันทั้งลำแน่”


“ครับท่าน!”


เมื่อสั่งการเสร็จ เขาก็อุ้มเจ้าตัวจิ๋วในอ้อมแขนมายังห้องแล็บผสมผสานกับห้องพยาบาลขนาดใหญ่ของยานเพื่อเก็บตัวอย่างข้อมูลเอาไว้ พร้อมๆกับนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายกว่ายี่สิบชีวิตที่มาห้อมล้อมโต๊ะตัวใหญ่อย่างตื่นเต้นจนออกนอกหน้า 


ทว่าเมื่อเขาวางร่างของมันลงบนโต๊ะ ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างหลุดร่วงลงมาจากเจ้าตัวเล็กนี่ เลยทำให้เผลอเลื่อนมือไปลูบมันอย่างไม่ตั้งใจ


ในทันทีที่มือหนาสัมผัสโดนร่างบนโต๊ะเพียงนิด เกล็ดสีเงินแพลตตินัมนั่นก็แตกสลายเป็นผุยผงทันที


“!!!”


เขาตื่นตัวสุดขีดทันที เหล่าแพทย์และนักวิจัยที่ยืนอยู่รอบๆก็ตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำได้เพียงมองดูเกล็ดเล็กจิ๋วค่อยๆกะเทาะร่วงหลุดจากร่างทีละเกล็ด ก่อนจะทยอยร่วงลงมากขึ้นเรื่อยๆ เศษละอองชิ้นส่วนของเกล็ดเหล่านั้นทอประกายวิบวับจับแสงไฟแม้นในยามที่กำลังสลายเป็นผุยผง สวยเหมือนกากเพชรที่เด็กๆชอบโปรยเล่นก็ไม่ปาน


“ทะ- ท่านนายพลครับ! เกล็ดมันเหมือนจะ--”


“ฉันรู้! อย่าเสียเวลาแล้วเริ่มเก็บตัวอย่างซะ เดี๋ยวนี้!”


เขาสั่งเสียงเฉียบขาดด้วยความเคร่งเครียด เมื่อละอองผงเริ่มจะไหลทะลักลงจากโต๊ะจนกลายเป็นกองทรายขนาดย่อมๆเต็มพื้นไปเสียแล้ว


เหล่าแพทย์กุลีกุจอวิ่งมาที่โต๊ะตัวใหญ่พร้อมอุปกรณ์ในมือ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบว่าร่างบนโต๊ะมีบาดแผลตรงไหน พวกเขาทำได้แค่กวาดผงทรายที่ไหลทะลักเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดเหล่านั้นเอาไปเก็บไว้แทน 


สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ เมื่อพวกเขาพยายามจะให้ปัญญาประดิษฐ์ของยานใช้เครื่องสแกนร่างกายเจ้าสิ่งนั้น อุปกรณ์แสนไฮเทคที่ล้ำสมัยของการทหารทั้งหมดในห้องก็พลันช็อตเปรี้ยง! จนไฟดับไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ไฟกลับมา พวกเขาต้องก็พบว่าไม่สามารถใช้มันทำอะไรกับเจ้าร่างบนโต๊ะได้อีก


นักวิจัยทั้งหลายถึงกับหน้าซีดเผือด เมื่อตอนที่ยกเอาเครื่องสแกนอุณหภูมิของสิ่งมีชีวิตมาตรวจ แต่ผลที่แสดงบนหน้าจอกลับไม่ปรากฏว่าตรวจพบอุณหภูมิของร่างมังกรนี่แม้แต่นิดเดียว! ราวกับว่าไอ้ที่นอนหลับเป็นตายบนโต๊ะเป็นแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น


เทคโนโลยีใช้ไม่ได้ผลกับมันสินะ... ถ้างั้นคงต้องใช้ พลังพิเศษ สักหน่อยแล้วกัน


“ถอยไปก่อน ฉันจะลองใช้พลังจิตดู” ท่านนายพลกล่าวเสียงหนัก ไม่รอช้าสะบัดมือขวาขึ้นแล้วกระชากถุงมือหนังสีดำของตนออก จากนั้นก็วางมือลงแนบร่างบนโต๊ะ แล้วส่งกระแสจิตเข้าไปภายใน


เมื่อเขาหลับตาลงเพื่อพยายามสื่อจิตไปถึงร่างเล็กจ้อย ในฉับพลันทันทีนั้น คลื่นกระแสจิตต่อต้านสิ่งแปลกปลอมก็พุ่งเข้ามาซัดกระแทกใส่เขาเหมือนสึนามิลูกยักษ์ ขับไล่เขาออกไปอย่างรุนแรง!


ร่างบนโต๊ะที่นิ่งงันมาตลอดเกิดกระตุกกึกอย่างแรงครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่เกิดสิ่งใดต่อจากนั้น ละอองเกล็ดยังไหลทะลักลงเช่นเดิม ทว่าท่านนายพลนี่สิ ถึงกับเซถลาถอยห่างจากโต๊ะ ทรุดลงชันเข่าท่ามกลางเหล่าลูกน้องที่วิ่งเข้ามาช่วยพยุงเจ้านายตัวเองอย่างตกใจ ใบหน้าคมคายของท่านนายพลตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


“ท่านนายพลครับ!” ทหารชั้นผู้น้อยทั้งหลายที่เข้ามาพยุงไหล่ไว้ เห็นชัดๆ กันเต็มสองตากันหมดว่าชายหนุ่มวางมือลงแนบได้ไม่ทันเท่าไร ร่างสูงสง่าเหมือนผาหินก็ถูกคลื่นพลังบางอย่างซัดกระแทกเสียจนต้องกระเด็นถอยออกมาทันที


“ขอบใจ...” ท่านนายพลกัดฟันกรอด มือแกร่งข้างที่ชาดิกเพราะโดนคลื่นพลังลึกลับซัดเข้าตรงๆ ถูกยกขึ้นเสยเส้นผมที่ปรกหน้าออกไปอย่างหงุดหงิดมากกว่าเดิม เขาลุกขึ้นยืนแล้วหันไปสั่งการลูกน้องโดยรอบ


“รีบเก็บตัวอย่างอะไรก็ได้ก่อนที่มันจะตาย เร็ว!”


ตื่นตระหนกก็ส่วนหนึ่ง แต่หลังจากที่ลองทำทุกอย่างที่พวกเขารู้ เทคโนโลยีบนยานก็ใช้ไม่ได้ พลังจิตก็ใช้ไม่ได้ อุปกรณ์ไฮเทคส่วนใหญ่ขัดข้องไปหมด ไม่ก็ถูกพลังประหลาดบดขยี้จนแหลกเละทันทีที่แตะโดนร่างบนโต๊ะ เหล่าแพทย์และนักวิจัยคนอื่นๆ ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่าการชั่งน้ำหนัก วัดขนาดและความยาว ซึ่งค่าวัดที่ได้มาก็ลดฮวบลงลงเรื่อยๆ ตามจำนวนกองผงเกล็ดที่มากขึ้นเป็นเท่าตัว


เข็มเจาะขนาดใหญ่ที่พวกเขาคิดจะใช้เจาะเข้าเนื้อ หักในทันทีที่พยายามกดลงไปบนร่าง เมื่อพยายามเปิดปากของมันออก กลับพบว่ามันหุบปากสนิทจนแงะไม่ได้ ทั้งยังไม่มีสารคัดหลั่งบนร่างนี้เลยแม้แต่น้อย และเมื่อพวกเขาสิ้นหวังจนต้องพยายามใช้ไม้แข็งกับ ส่วนก้น ของมัน (ใช่ พวกเขาจนตรอกถึงขั้นนั้นเลยนั่นแหละ) ก็ต้องถูกกระแสพลังซัดกระแทกเข้าให้อย่างจังจนกระเด็นลงไปนอนกองกับพื้นทั้งหมด ต่างล้วนมีสีหน้าเหมือนคนถูกไฟช็อตจนตาตั้งกันถ้วนหน้า


วิธีอื่นๆ ก็ไม่ได้ผลอะไรเช่นกัน เจ้ามังกรตัวเล็กจ้อยนอนนิ่งเหมือนตาย ทรายสีเงินไหลออกมามากขึ้นพร้อมกับขนาดตัวที่เล็กลงไปเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนในห้องนั้นต่างใจเสียเข้าจริงๆ


ในช่วงเวลาอันแสนตึงเครียด ท่านนายพลพลันคิดขึ้นมาว่าจะต้องเลื่อยตัดเอาส่วนเขาหรือเล็บของมันออก โดยหวังว่าสิ่งที่หลุดออกจากร่างของมันจะยังคงสภาพเช่นเดิมเอาไว้ได้ก่อนสลายไปทันใด มือขวาที่ยังเกร็งอยู่จึงถูกยกขึ้นมาระดับไหล่ในท่าพร้อมฟาดฟันทันที ส่วนลูกน้องรอบข้างทั้งหลายที่เห็นเจ้านายทำแบบนั้น ก็รีบพุ่งไปรวมตัวกันไปอยู่ด้านหลังท่านทันใดเช่นกัน


“ท่านครับ! ได้โปรดระวังด้วย พลังของท่านบึ้มยานลำนี้ได้ง่ายๆเลยนะครับ!”


ลูกน้องเขาร้องลั่นอย่างเสียขวัญ ต่างพากันส่ายหัวแทบหลุด ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นายพลของตนคิดจะทำ


...เห็นแล้วก็นึกอนาถจิต พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของกองพลทหารมือหนึ่งแห่งมาตุภูมินะ ไม่ใช่กองร้อยลูกเสือสามัญ... ช่างเถอะ เขาไม่ทำก็ได้


ท่านนายพลส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจกับลูกน้องตนเองยิ่งนัก ทว่าเมื่อหันกลับไปมองร่างบนโต๊ะอีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดในห้องนั้นก็ต้องประหลาดใจกันถ้วนหน้า


สิ่งที่อยู่บนโต๊ะนั้นไม่มีปีก เขาแหลม หรือเกล็ดอีกต่อไป แต่มันถูกแทนที่ด้วยขนสัตว์... สีขาวปลอด และยาวฟูฟ่อง ซึ่งงอกขึ้นมาปกคลุมทั่วทั้งร่างในอัตราเท่าทวีคูณชัดๆ ต่อหน้าต่อตา จนกระทั่งทั่วทั้งร่างของมันกลายเป็นขนไปทุกส่วน ราวกับว่าตอนที่เขาขุดมันขึ้นมาจากดินมันก็มีสภาพเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว...


มังกรเปลี่ยนสภาพไปเสียแล้ว มันทำแบบนี้ได้ด้วยงั้นหรือ? นี่อาจเป็นสาเหตุที่มนุษย์ไม่เคยรู้ถึงการมีตัวตนของมันมาก่อนก็ได้ ถ้าหากมันสามารถเปลี่ยนสภาพตนเองได้ราวกับเล่นกลเช่นนี้... สมแล้วที่เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการ ...แต่เขาจะเอายังไงกับมันต่อดีล่ะทีนี้


ร่างสูงสง่าของท่านนายพลขยับเข้าไปใกล้เจ้าตัวปัญหาอย่างไร้เสียง ดวงตาคู่คมฉายความอัศจรรย์ใจอย่างไม่ปิดบัง


บรรดาชีวิตลูกน้องที่เหลือซึ่งขยับออกมาจากข้างหลังท่านนายพลแล้วก็ได้แต่นิ่งอึ้งไป นับครั้งได้เลยทีเดียวที่พวกเขาเห็นท่านนายพลผู้เสมือนหุ่นยนต์มีชีวิตมากกว่า... มนุษย์ คนนี้ แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาให้เห็นกันอย่างชัดๆ


ท่านนายพลจ้องมองสิ่งมีชีวิตบนโต๊ะเงียบๆได้แค่ห้านาที ก็ทนสายตาร้อนแรงของพวกลูกน้องที่จ้องตนเองอีกทีไม่ไหว จึงหันไปสั่งการเสียงเฉียบขาด


“ฉันจะย้ายเขาไปห้องชั้นล่างสุดเพื่อความปลอดภัย คนที่เหลือไปเปิดระบบนำทางเตรียมเดินเครื่องวาร์ปในอีกสิบนาที ...พวกเราจะกลับบ้านกัน”


เขาถอดเสื้อคลุมยาวของตนออก แล้วใช้มันห่อร่างบนโต๊ะขึ้นอุ้มกับอก มุมปากขยับเป็นรอยยิ้มเมื่อมองร่างในอ้อมแขน ดวงตาคมวาวอย่างลึกล้ำ ประหนึ่งคนที่ได้สมบัติที่ล้ำค่าสุดในจักรวาลมาครองเสียที








สิ่งแรกในคลองสายตา คือความมืด


ข้าไม่กลัวความมืด เพราะดวงตามังกรสามารถมองเห็นได้แม้นอยู่ในที่ที่มืดมิดที่สุดของจักรวาล… หมายถึง ถ้าอิงตามภูมิปัญญามังกรของมารดาที่บอกกับข้าผ่านความทรงจำน่ะนะ ...ก็ข้าไม่เคยออกไปส่องใครที่ไหนนอกชั้นบรรยากาศโลกเหมือนท่านตานี่นา


แต่มันมืดเพราะข้าหลับตา จึงแน่ล่ะว่าข้าจะไม่เห็นอะไรเพราะข้ามองทะลุเปลือกตาตัวเองไม่ได้ ดังนั้นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ข้าจึงค่อยๆ ลืมตาตื่นอีกครั้งในรอบพันปี


และสิ่งแรกที่รับรู้หลังตื่นจากความตายก็คือ... ข้าหิว


ทั้งหิว ทั้งแสบตาจนตาพร่า ใครมันเอาดวงอาทิตย์มาส่องใส่ตาข้าตรงๆ แบบนี้! แสบตาชิบ... แถมยังรู้สึกตัวเบาแปลกๆด้วย ปกติร่างข้าเบาขนาดนี้เลยหรือ? อาจเป็นเพราะข้าหลับนานเกินไปตัวเลยผอมซูบลงก็ได้ ประหลาดใจแหละนะแต่ขอหยุดความสงสัยเอาไว้ก่อน ตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหนกันหว่า?


เมื่อข้าสะบัดหัวเรียกสติตัวเองให้กลับมาครบๆ ซึ่งครบจริงรึเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน พอหันมองไปรอบกายก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ครอบด้วยกระจกแก้วใสกิ๊ง ซึ่งมีขนาดใหญ่พอให้ข้าวิ่งไล่จับหางตัวเองได้จนเหนื่อย กระจกบอบบางเหมือนแก้วใสๆ นั่นน่าเอาปีกฟันฉับให้แตกเล่นอย่างไรไม่รู้ แต่... เพราะเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบผ่านกระจกพวกนั้นอยู่ เลยขอนอนคุมเชิงมันตรงนี้เฉยๆ ดีกว่า 


ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพราะปกติแล้วข้าจะไม่สนใจกระแสไฟฟ้าแค่นี้เลยสักนิด แต่ตอนนี้กลับคิดขึ้นมาว่า ข้าไม่ต้องการโดนย่างสดจากข้างในจนตายหรอกนะ


เพิ่มเติมนอกจากนั้น คือ… มีบางสิ่งยืนมองข้าอยู่ด้วยแฮะ


เพราะเพิ่งตื่น หรือเพราะเริ่มหิวแล้วก็ไม่อาจทราบ แต่ข้าก็จ้องมันกลับไปด้วยดวงตาสีม่วงอมแดงเฉดเดียวกับสีอมารันธีนอย่างไม่คิดหลบแม้แต่น้อย แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์คนแรกที่ข้าได้พบเจอในรอบพันปีก็ตาม


คล้ายมนุษย์ แต่ไม่ใช่ แม้มันจะมีรูปร่างจะเหมือนมนุษย์ทุกประการก็ตามที ด้วยหัวหนึ่งหัว มือและแขนสองข้าง ขายาวสองข้าง พร้อมกับร่างของชายฉกรรจ์ที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงเหมือนนักรบในความทรงจำของมารดาไม่มีผิด


แต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะกลิ่นสนิมของเหล็กจากร่างของมันน่ะปิดกันไม่ได้หรอก มังกรอย่างข้าซึ่งมีประสาทการรับกลิ่นดีที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งมวลย่อมต้องบอกได้อยู่แล้ว


...เผ่าพันธุ์ต่างดาวเรอะ?


ข้าหยัดตัวลุกขึ้นจากกองหมอน แล้วเริ่มบิดขี้เกียจอย่างไม่ใส่ใจมันเท่าไหร่ หางยาวยืดตั้งตรงขึ้นสูง ส่วนขาคู่หน้าเหยียดดันตัวออกไปจนหลังแอ่น เสร็จแล้วข้าก็อ้าปากหาวหวอด โชว์เขี้ยวคมๆ เต็มชุดตามกรอบปากให้เจ้านั่นดูไปหนึ่งที


…มันหัวเราะว่ะ ขำอะไรของมัน


แม้ร่างมังกรจะไม่มีคิ้ว ข้าก็อดรู้สึกอยากขมวดมันในใจไม่ได้ ความหงุดหงิดเริ่มมาพร้อมความหิวข้าวที่มากขึ้น ทำให้ข้าพยายามกางปีกข่มขวัญ--


เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ


...ปีกข้าหายไปไหน?


เมื่อเพิ่งเริ่มรู้สึกตัวว่าร่างกายตัวเองผิดปกติ ข้าก็กระเด้งดึ๋งขึ้นมาจากหมอน จนเจ้านั่นถึงกับผงะตกใจ แต่ข้าสิต้องตกใจกว่า เมื่อสำรวจร่างกายตัวเองชัดๆ ซ้ำอีกครั้ง


ช็อกจนพูดไม่ออกยังบอกได้ว่าน้อยไป ตาของข้าเหลือกโตยิ่งกว่าไข่มังกรเมื่อเห็นว่าทั้งปีกสองคู่ ทั้งกิ่งเขาแหลม ทั้งเกล็ดละเอียดต่างอันตรธานหายไปจากร่างตัวเองอย่างไร้ร่องรอย


เหลือเพียงแต่ขน... สีขาวปลอดฟูฟ่อง เขี้ยวเล็บที่แสนภูมิใจหดเล็กลงจนเหลือแค่กระจึ๋งนึง หางที่ไม่มีปลายเกล็ดแหลมอีกต่อไปแล้ว และใบหูนุ่มนิ่มที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิดอย่างน่าประหลาด


...ไม่สิ ไม่ใช่แค่คล้าย เมื่อข้าเบิ่งจ้องเงาสะท้อนของตัวเองจากกระจกที่ครอบห้องอยู่นี้จนลูกตาทั้งสองแทบหลุดออกจากเบ้า มันสะท้อนภาพของ... แมวตัวหนึ่ง ที่มีสีหน้าช็อกโลกที่สุดเท่าที่แมวจะทำได้


จากนั้นแมวตัวนั้นก็กรี๊ดแตก


“กร๊าซซ-แง้ววววววว!!!!”


มารดาเจ้าข้าเอ๊ย!! ข้ากลายเป็นแมวไปแล้ว!!!


 



[TALK: เวลาเพิ่งตื่นแล้วหิวข้าว หัวจะแล่นช้าเป็นธรรมดา]