ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด,แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมวข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้
ข้าไม่ได้กำลังสติแตก
ไม่เลย ข้ากำลังมีสติ และใจเย็นอย่างมาก
อืม… เพดานบนหัวข้าก็สวยดีเหมือนกันนะ
หลังจากที่ข้ากรี๊ดลั่นและช็อกตาตั้งจนลืมความหิวเพราะสมองปิดทำการชั่วคราว เจ้าสิ่งสองเท้าหมายเลขสองที่เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อครู่ ก็ได้หันไปกระซิบกระซาบกับเจ้าสิ่งสองเท้าหมายเลขหนึ่งที่ข้าเจอเป็นอย่างแรกหลังลืมตาตื่น เหมือนว่าพวกมันจะรวมหัวทำอะไรกันสักอย่างอยู่…
แน่ะ ลักพาตัวข้ามาที่ไหนไม่รู้ยังจะแกล้งอะไรข้าอีก เดี๋ยวปั๊ดแจกยันต์ห้าแถวประเคนให้ถึงหน้าเลยนี่ ถึงจะสติแตกอยู่ข้าก็ยังรู้เรื่องรอบด้านอยู่นะเว้ย!
เจ้าสิ่งสองเท้าหมายเลข1 รับถ้วยใส่บางอย่างมาจากเจ้าสองเท้าหมายเลข2 แล้วมันก็ค่อยๆ สาวเท้าเดินมาทาง… ข้า
…อะไรล่ะนั่น?
ข้าทำตาขุ่นทันที อยากจะแยกเขี้ยวใส่มันซักหน่อยเลยหันขวับจนหัวสะบัด ทว่าสิ่งที่ถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้ากลับเป็น… อาหารงั้นรึ?
ข้ามองสิ่งที่ส่งกลิ่นหอมน่ากินในจาน สลับกับใบหน้าของเจ้าสิ่งที่ถือจานอยู่ มันมีสีหน้าที่เรียบนิ่งเอามาก ยกเว้นคิ้วหนาที่เลิกขึ้นข้างหนึ่งเหมือนอยากรู้ว่าข้าจะทำยังไงต่อ ทำให้ข้ารู้สึกอยากกระโจนไปกัดหัวมันมากกว่ากินของในจานอีก
ไอ้การทำท่าเหมือนขยำเศษอาหารให้แมวจรน่าสงสารกินด้วยความสมเพชนั่นมันอะไรฟะ ข้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเจ้านะเว้ย!
แน่นอนว่าแม้ศักดิ์ศรีจะกินไม่ได้ และข้าก็ต้องยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าโค-ตะ-ระ หิว แบบหิวโคตรๆ แต่ข้าก็ไม่ได้ปรี่เข้าไปหา ตรงกันข้ามเลย ข้าสะบัดหัวไปทางอื่นแล้วนอนหมอบลงแกล้งทำเป็นไม่สนใจมันแทน ถ้าหากมันคิดว่าข้าจะกระโจนเข้าใส่แล้วล่ะก็ ฝันไปเถอะ เฮอะ! ข้ารู้นะเว้ยว่าพวกมนุษย์เคยทำให้สุนัขป่าแสนดุร้ายกลายเป็นหมาบ้านเอ๋อๆ ได้ด้วยวิธีนั้นน่ะ! ข้าจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นกับข้าแน่นอน!
“?” เจ้าสองเท้าหมายเลข1 ทำหน้าเหมือนประหลาดใจ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ข้าฟังไม่รู้เรื่อง จากนั้นมันก็เดินอ้อมมาอยู่ตรงหน้า คุกเข่าลง แล้วดันจานมาตรงหน้าข้ามากขึ้นอีก
“…” นี่ก็จะยัดเยียดให้กันกินของในจานให้ได้เลยใช่มั้ย เอ็งแอบใส่อะไรลงไปรึเปล่าเนี่ย
ข้าเหลือบตาขึ้นมองมันข้างหนึ่ง มันทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ข้ากำลังแสดงออกอยู่ แน่ล่ะสิ ก็มันไม่ใช่มังกรรุ่นเยาว์ที่เพิ่งโดนลักพาตัวมาจากบ้าน (หลุม) แถมตื่นมาต้องพบว่าร่างกายเปลี่ยนสภาพสปีชีส์ไปเป็นแค่แมวตัวนึงนี่หว่า มันจะไปเข้าใจ **ตี๊ด** อะไร
ข้าปิดตาแล้วหันหน้าหนี ได้ยินเสียงมันถอนหายใจแผ่วเบา จากนั้นมันก็เดินออกจากห้องไป
เมื่อสัมผัสได้ว่าไม่มีผู้ใดอยู่รอบบริเวณให้ข้าขุ่นเคืองใจอีก ข้าก็ยอมลุกขึ้น แล้วเดินไปที่จานอาหาร ข้าไม่รู้ว่าในนี้มันคืออะไรแต่จากกลิ่นแล้วคงอร่อยน่าดู ถึงจะแกล้งทำเป็นไม่อยากกินเมื่อครู่ แต่ข้าก็แค่อยากไล่มันให้ออกไปเท่านั้น
มารดาบอกข้าเสมอว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพราะฉะนั้นขอให้ท้องอิ่มก่อนเถอะ ส่วนเรื่องบ้าบอชวนสติแตกเรื่องอื่นๆเอาไว้ค่อยว่ากันอีกที!
“ทะ- ท่านนายพลครับ! เขากินแล้ว! เขายอมกินแล้ว!”
เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าคุมจอแสดงภาพจากห้องกระจกชั้นล่าง หรือแท้จริงก็คือคุกที่แน่นหนาที่สุดในยานอาร์ค-11 รีบบอกเจ้านายตนอย่างตื่นเต้นเอามากๆ เสียจนท่านนายพลต้องเหลือบมองลูกน้องตนเองอย่างละเหี่ยใจอีกครั้ง
“ก็ดีแล้ว” เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “จะไม่ยอมกินถ้ามีคนอยู่สินะ เหมือนแมวจรไม่มีผิด”
“ผมก็คิดแบบนั้นเลยครับ!” เจ้าหน้าที่ทหารตรงหน้ายังไม่เลิกกระดี๊กระด๊า “คือผมก็เคยรับแมวจรมาเลี้ยงสองสามตัว …หรืออาจจะหกเจ็ด เอ่อ สิบตัว… ครับ” มันหัวเราะแหะๆ แล้วกระแอมสองสามครั้งเหมือนอะไรติดคอ “แมวจรบางตัวที่ไม่เคยถูกมนุษย์รับเลี้ยงมาก่อนน่ะทำตัวดุร้ายไม่ต่างจากสัตว์ป่าเลยครับ แต่นั่นก็แค่ช่วงแรกเท่านั้น ถ้าเราอดทนพยายามซื้อความไว้ใจจากเขา ให้อาหารเขาบ่อยๆ ปล่อยให้เขามีพื้นที่ส่วนตัว และไม่เข้าหามากเกินไป เขาจะค่อยๆ เปิดใจให้เราเอง แล้วเขาก็จะเป็นน้องที่ขี้อ้อนที่สุดในบ้านเลยด้วยครับหัวหน้า!”
ท่านนายพลพูดไม่ออก บอกตามตรงคือไม่คิดมาก่อนว่านายทหารบ๊อบซึ่งเป็นมือวางอันดับต้นๆ ของพลร่มจะมีโมเมนต์รับแมวจรมาเลี้ยงเป็นสิบตัวกับเขาด้วย …ไม่สิ จากการที่นายทหารบ๊อบสูงเกือบเท่าเขา แต่มีร่างใหญ่โตกำยำชัดเจนมากกว่า ดูยังไงก็แข็งแกร่งดุจเกราะเหล็ก ใบหน้าเข้มดุที่มีสันกรามชัด แถมด้วยรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ใต้ตาเข้าไปอีกก็ยิ่งชวนให้นึกถึงมาเฟียทรงอิทธิพลมากกว่าทหารแห่งมาตุภูมิ ก็คงยากจะทำให้ใครต่อใครนึกถึงสัตว์เลี้ยงอะไรก็ตามที่ไม่ใช่สิงโตหรือจระเข้ดัดแปลงพันธุกรรมสำหรับทางการทหาร
นายทหารเจอร์รี่ที่นั่งข้างๆ กัน หันมาด้วยสีหน้าเหลือจะเชื่อ “...บ๊อบ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านายจะเป็นทาสแมว ฉันนึกว่าทั้งชีวิตนายเป็นแฮกเกอร์อาชญากรมือฉมังที่โดนทางการไล่ล่า จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาเข้าร่วมกับกองทัพ แล้วก็กลายเป็นพลโดดร่มระดับพระการซะอีก!”
“ฉันเป็นหลายอย่างน่ะเพื่อน” นายทหารบ๊อบตอบขรึมๆ
“เดี๋ยวนะ” นายทหารทอมสันเดินกระย่องกระแย่งมาหา เพราะสะดุดบันไดหัวเกือบทิ่มมาเมื่อครู่ “งั้นถ้าเราต้องการให้นายเป็นหน่วยกล้าตาย ไปดูแลเจ้าสัตว์ประหลาดตัวจิ๋วข้างใต้ยานของเราก็ได้น่ะสิ!”
นายทหารบ๊อบได้ยินดังนั้นก็เกิดดีใจขึ้นมาชั่วครู่ เขาชอบสิ่งเล็กๆ ที่น่ารักมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งพอร่างของเจ้าสัตว์ประหลาดที่ว่าดูเหมือนลูกแมวหิวโซตัวขาวขนฟูฟ่องที่แสนจะน่ารักน่ากอดทุกกระเบียดนิ้วก็ทำให้เขาลิงโลดเสียจนลืมตัว
เขาหันขวับไปหาท่านนายพลที่ยืนเงียบมานานทันใด “ท่านให้ผมดูแลเขาก็ได้นะครับ! รับรองได้ว่าผมสามารถ--”
“…...”
“…...”
“…...”
“….ขออภัยที่พูดมากเกินไปครับท่าน…”
“…นายทหารบ๊อบ” ท่านนายพลมีสีหน้าเรียบนิ่งมากยามมองลูกน้องใต้อาณัติ แต่เขาเพียงแค่เอ่ยปากเตือนสติเท่านั้น
“…ถึงเจ้าสิ่งที่อยู่ในห้องนั่นจะเหมือนแมว แต่มันก็ไม่ใช่แมว นี่คุณไม่เข้าใจหรือยังไง ว่าทำไมเราถึงต้องเอามันไปขังไว้ในคุกที่แข็งแกร่งที่สุดบนยานลำนี้? ผม--”
ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นเต็มความสูง และกล่าวด้วยเสียงที่ดังมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกน้องรอบข้างได้ยินกันทั้งหมด
“--ไม่ต้องการให้คุณ หรือเจ้าหน้าที่คนไหน เข้าใกล้หรือปฏิบัติกับมัน ด้วยความคิดที่ว่าเราอาจทำให้มันเชื่องได้ไม่ต่างจากแมว เพราะมันไม่ใช่สัตว์เล็กๆแบบนั้น มันเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่อันตรายมาก เข้าใจหรือไม่?”
“ผะ- ผมทราบครับท่าน คือ เอ่อ ผมเพียงแต่เห็นเขาน่ารัก--”
“มัน คือสัตว์โบราณที่แฝงตัวอยู่ในโลกเก่ามาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ และมีอำนาจที่เราไม่รู้จักซึ่งคงจะอันตรายมากเพราะพวกเซเลสเทียล [ชาวสวรรค์] ตามหาจนแทบพลิกจักรวาล ยิ่งไปกว่านั้น การที่เราไปชิงตัวมันมาก่อนถึงมือเจ้าพวกเอเลี่ยนไร้หัวใจนั่น ด้วยการขโมยเอาพิกัดมาใช้เองเพื่อดำเนินปฏิบัติการลับแบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากการก่อกบฏกับพวกมัน หากเราถูกจับได้ เราจะต้องขึ้นศาลทหารระหว่างดวงดาวซึ่งถ้าโชคดีมากพอเราจะถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต...
แต่ถ้าไม่ หัวของพวกเราทุกคนก็จะถูกเสียบประจานอยู่ตรงลานกว้างหน้าสถานทูตแห่งมาตุภูมิ และสงครามจักรวาลก็จะตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป …อย่างที่ผมได้เตือนพวกคุณทุกคนไปแล้ว ก่อนที่พวกคุณจะตอบตกลงเข้าร่วมปฏิบัติการนี้”
ผู้บัญชาการสูงสุดของยานอาร์ค-11ผ่อนลมหายใจยาว ท่ามกลางเหล่าลูกเรือมากมายที่ถูกแรงกดดันตรึงอยู่กับที่แทบหายใจไม่ออก
“ดังนั้น… สิ่งเดียวที่ผมขอพวกคุณ คืออย่าได้ลดการ์ดลงแม้แต่เสี้ยววินาที อย่าได้พลั้งเผลอ หรือประมาทกับเรื่องอะไรเด็ดขาด ไม่ว่าจะเล็กน้อย…” เขามองตรงมาที่พลทหารบ๊อบผู้รักแมวยิ่ง ไม่ใช่เพราะต้องการดุ สายตานั้นคือคำเตือนจากน้ำใจจริงของผู้เป็นเจ้านาย “…หรือน่ารักแค่ไหนก็ตาม เข้าใจหรือไม่?”
ร่างสูงใหญ่ของท่านนายพลค้ำอยู่เหนือหัวของพลทหารชั้นผู้น้อยที่เหงื่อแตกพลั่ก ไม่กล้าเงยหน้ามองเจ้านายตนสักนิด แม้ว่าจะไม่ได้กำลังถูกด่าอยู่ก็ตาม “เข้าใจแล้วครับ ท่านนายพล” นายทหารบ๊อบค้อมหัวแก่นายตนอย่างขออภัยในความเผอเรอของตน “ผมจะไม่ประมาทสิ่งมีชีวิตตัวนี้อีกครับ”
“ขอบใจที่ยอมรับฟัง นายทหารบ๊อบ” คนเป็นเจ้านายผ่อนแรงกดดันลง จากนั้นก็สั่งการด้วยเสียงทุ้มต่ำเป็นธรรมชาติ “รมยาสลบเข้าห้องกระจกซะ เราถึงบ้านแล้ว” เขาก้าวยาวๆไปนั่งที่เก้าอี้บัญชาการ “เตรียมเทียบท่าลงจอดยานที่โคโลนี 53 บนโลก [Earth-02] แล้วไม่ต้องปลดเกราะกับระบบพรางตัวออกล่ะ”
“ครับท่าน!”
ข้าหลับอีกแล้ว
ไม่สิ ไม่ใช่ ข้าถูกทำให้หลับต่างหาก จากก๊าซบางอย่างที่ถูกปล่อยมาจากช่องลมด้านบน บีบบังคับให้ข้าต้องนอนสลบไสลอย่างไม่ยินยอม
นั่นคือเหตุการณ์หลังจากที่ข้าได้เขมือบอาหารในจานที่พวกสองเท้าทิ้งไว้ให้จนหมดเกลี้ยงแล้ว และกำลังจะเดินไปหามุมเหมาะๆ นอนหุบขาทั้งสี่เข้าท้องเพื่อจะพิจารณาสถานการณ์อันพิลึกพิลั่นของตัวเอง แต่ยังไม่ทันจะได้แหมะก้นลงกับหมอนใบโตนุ่มนิ่ม ข้าก็ต้องหน้าทิ่มพื้น เพราะสูดดมก๊าซไร้สีไร้กลิ่นที่ลอยตลบอบอวลในอากาศเข้าไปเต็มปอด
โอ้ ข้าโดนรมยาสลบเข้าแล้วล่ะ เยี่ยมไปเลย! ถุยชีวิต...
.
.
.
.
.
.
“เอมารันไธน์” มารดาในความทรงจำของข้ากำลังมองมาด้วยสายตาลึกล้ำที่ข้ายังไม่เข้าใจ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเจ้าในอนาคต สัญญากับแม่สิว่าเจ้าจะเข้มแข็ง”
“มารดา? ท่านหมายความว่าอะไรหรือ?” ตัวข้าที่ยังเป็นเพียงทารกน้อยด้วยอายุยี่สิบสอง เอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
“หากเจ้าได้จากไปไกล ออกไปจากโลกใบนี้ บ้านหลังนี้ของเรา จงสัญญากับแม่ว่าเจ้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาตนเองให้ปลอดภัย จงอย่าได้ยอมแพ้กับโชคชะตาเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น …ไม่ว่าเจ้าจะพบเจออะไรก็ตาม”
“ข้า… สัญญาขอรับมารดา ข้าสัญญาว่าจะเข้มแข็ง” ตัวข้ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ก็เกิดลังเลขึ้นมา “…แต่ถ้าในอนาคต ข้าเข้มแข็งไม่ไหวแล้วล่ะขอรับ? ถ้าหากข้าลืมสัญญา แล้วยอมแพ้… ถ้าข้าอ่อนแอ…”
มารดาจ้องมองข้าเงียบงัน แววตานางดูอดกลั้น แต่นางก็ก้มหัวลงมาแนบหน้าผากเล็กๆของข้าอย่างอ่อนโยน “อย่ากังวลเลยเด็กดี ไม่ว่าเจ้าจะได้พบกับเรื่องที่ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว หรือเดียวดายแค่ไหน จะต้องหวาดกลัว เจ็บปวด โกรธแค้น โศกเศร้าถึงเพียงใด แม่ก็จะอยู่ข้างๆเจ้าเสมอ… ในนี้”
นางใช้ปลายเล็บเคาะเกล็ดเล็กจิ๋วตรงกลางอกของข้าเบาๆ ตำแหน่งเดียวกับหัวใจ
“ความทรงจำของแม่ ของพ่อเจ้า รวมถึงบรรพบุรุษของเรา จะคอยปกป้องคุ้มครองเจ้าตลอดไป ตราบจนสิ้นเศษเสี้ยวสุดท้ายของวิญญาณ”
.
.
.
.
.
.
.
เฮือก!
ข้าผุดลุกขึ้น-- หอบหายใจอย่างแรง รู้สึกราวกับบินรอบโลกติดกันไปสามสิบรอบ สิ่งที่เห็นทันทีคือแสงจ้าส่องเข้าตรงๆเต็มสองลูกกะตา…
อีกแล้วหรอวะ!
“ไอ้ *ตี๊ดดดด* !!”
ไม่รู้หรอกนะว่ามันออกมาเป็นเสียงแมวแบบไหน แต่ข้าก็คำรามบริภาษด่ากราดมันทุกสิ่งด้วยภาษาตั้งกะสมัยดึกดำบรรพ์โน่นเลย ตั้งแต่เจ้าสองเท้าหน้าโง่ที่เอาแสงมาจ่อใส่ตาข้าบนพื้นยกสูงห่างไกล ตั้งแต่สภาพร่างกายที่หนักอึ้งแต่ก็ยังเป็นแมวอยู่อีกเหลือจะเชื่อ หมอนใต้ร่างข้าหายไปหมด--
เดี๋ยวก่อนนะ แรงกดดันมันหนักแปลกๆ ให้อารมณ์เหมือนแรงโน้มถ่วงพิกล แต่ในอวกาศจะมีแรงโน้มถ่วงได้ยังไง? --ไม่สิ ที่นี่มัน…
ข้าเลิกด่าจักรวาล แล้วปรับสมองตั้งสติใหม่ ดูเหมือนว่ารอบกายข้าจะไม่ใช่ห้วงอวกาศอีกแล้ว พื้นใต้เท้าทั้งสี่มีกระแสชีวิตบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยสักนิด แต่ก็ยังสะท้อนกึกก้องให้ข้าสะเทือนไปทั้งร่าง ส่งเสียงต้อนรับอย่างยินดีปรีดา
ร่างของข้าพลันแข็งทื่อเป็นหิน ตาโตแทบถลนออกจากเบ้า กรงเล็บทั้งสิบจิกลงพื้นแรงจนต่อให้มันทำจากเหล็กกล้าก็เป็นรอยลึก แต่ใช่แน่สัมผัสแบบนี้…
ภายใต้เท้าของข้า ใต้แผ่นเหล็กหนาเป็นตัน ใต้อาคารสถานที่บางอย่างที่มันย้ายข้ามาไว้แทนที่เก่า ลึกลงไป ลึกไปอีกชั้น… นั่น ใช่แล้ว แม้จะแผ่วเบา แต่ข้าก็ได้ยิน ข้าสัมผัสได้
ถึงเสียงหัวใจอันทรงพลังของพสุธา
ตึกตัก... ตึกตัก...
‘…ยินดีต้อนรับสู่โลกใหม่ เด็กน้อยผู้มาจากแดนไกล…’
….
อ่า
ดูเหมือนว่าข้าจะ…. ถูกลักพาตัวมาอยู่บนต่างดาวเสียแล้ว