ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว - บทที่ 6 เป็นมนุษย์บนต่างดาวยากยิ่งกว่า โดย ItsAlthero @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด,แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี

รายละเอียด

ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้

ผู้แต่ง

ItsAlthero

เรื่องย่อ

#เป็นมังกรไม่ใช่แมว

นามของข้า คือ 'เอมารันไธน์' และข้าต้องการความช่วยเหลือ...

คือเรื่องมันเป็นแบบนี้นะท่านผู้มาเยือน อันตัวข้านั้นเป็นมังกรรุ่นเยาว์ ได้ลงหลุมไปคุยกับรากอ่อนของต้นแอชจิ๋ว จำศีลไปราวๆหนึ่งพันปีตามวิสัยปกติของมังกร แต่พอตื่นมาอีกครั้งก็ต้องพบว่า... ข้ากลายเป็นแมวไปแล้ว

...ตอนข้าหลับอุตุมันมีอะไรผิดพลาดตรงไหน ข้าไม่เข้าใจ

มิหนำซ้ำ ดวงของข้ายังดิ่งลงเหวอย่างที่นรกก็ฉุดไม่อยู่ ทั้งผู้บัญชาการชาวมนุษย์เอย จักรพรรดิสวรรค์เอย ราชาปีศาจเอย จ้าวอสูรเอย และผู้นำอมนุษย์เผ่าอื่นๆมากมาย ต่างก็จ้องจะเข้ามาขย้ำพุงข้าไม่หยุดไม่หย่อน เอาแต่กวักมือเรียกข้า
เหมียวๆ... เหมียวบ้านพวกเจ้าสิ 

ข้าคือมังกรบรรพกาลตัวสุดท้ายของโลก ทั้งยังเป็นสายพันธุ์หายากขึ้นทะเบียนเป็นอันดับต้นๆของทุกทำเนียบเชียวนะ แต่พวกเจ้ากลับทำเหมือนข้าเป็นแมวจรไร้บ้านแบบนี้ ถือว่าตนเป็นใหญ่เลยจะข่มข้าอย่างไรก็ได้งั้นรึ? คิดหรือว่าข้าจะยอมอยู่ในโอวาท ทำตัวเชื่องเยี่ยงสัตว์เลี้ยงกับพวกเจ้า? ไม่ว่าพวกเอ็งจะทำอะไร ก็ซื้อใจข้าไม่ได้หรอก!

"อย่างอนกันนานนักเลยน่า เอมี่ ฉันซื้อแมวเลียรสโปรดของเจ้ามาให้สามร้อยลังเลยนะ ให้ฉีกตอนนี้เลยไหม คืนดีกันนะ"

"ใจเย็นก่อน เอ็ม ข้าเพียงแต่มาง้อเท่านั้น เจ้าชอบกินเนื้องูใช่ไหม? ข้าเอาเนื้อบาซิลิสก์จากแดนปีศาจมาฝากเจ้า"

"อย่าโกรธกันเลยนะ เด็กดี วันนี้พี่ซื้อขนมมาให้เจ้าเยอะแยะเลยนะ เค้กช็อกโกแลตจากแดนอสูรที่เจ้าชอบยังไงล่ะ มีเครป พาย ทาร์ต อยู่ในตู้อีกเป็นร้อยด้วยนะ"

"ช่างน่าดีใจนักที่ เอมี่น้อย ชอบของขวัญของเรามากถึงเพียงนี้ เจ้าอยากได้เพชรพลอยไปประดับรังเพิ่มอีกเท่าไหร่ล่ะหืม? เรายกให้ทั้งคลังแดนสวรรค์เลยก็ยังได้นะ แต่หากเจ้ายังไม่พอใจแล้วล่ะก็ เดี๋ยวเราจะลองไปถามแดนภูตดูให้ด้วย ดีหรือไม่?"

"ไม่ต้องขอ แดนภูตยกให้หมดเลย ที่รัก"

.....

เอาเป็นว่าข้าจะยอมนอนเฉยๆบนกองเงินกองทองของพวกเจ้าต่อไปอีกสักหน่อยก็แล้วกัน แต่จงระวังไว้เถอะ ประมาทข้ามากๆแล้วเจ้าจะเสียใจ สักวันนึงข้าจะยึดครองโลก ไม่สิ ครองจักรวาล ครองเอกภพไปด้วยเลยเอ้า ยึดได้แล้วข้าก็จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นคาเฟ่แมวซะให้หมดเลยคอยดู อย่าล้อเล่นกับระบบ เพราะระบบตบสวนนะจะบอกให้! 

ระวังโลกเจ้าเอาไว้ให้ดีเถอะ! (●`ω´●)




WARNING!!!

นิยายเรื่องนี้เป็น Boy Love แนว Sci-Fi ผสมแฟนตาซี ไทม์ไลน์ยุคอนาคต/ยุคดวงดาว มีหลายโลก หลายเวิร์ส และมีพระเอกหลายคน มีการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าพระ-นาย แบบ Polygamy เพราะเป็น ฮาเร็มชาย จัดอยู่ในหมวด18+แต่เป็นฉบับCutเพื่อความเหมาะสม จะมีเนื้อหาที่ถูกตัดทอนออกไปบางส่วนเพื่อให้มีเนื้อหาเชิง [Trigger] น้อยที่สุด นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ18ปีขึ้นไป จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ ความรุนแรง และฉากทารุณบางประการ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน โดยจะเขียนคำเตือนกำกับไว้ซ้ำในบทที่จำเป็นเพื่อประกอบการใช้วิจารณญาณในการอ่านต่อไป อนึ่ง ฉบับUncutอยู่ในบ้านหลักสีฟ้า

*เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตาการของผู้เขียน เป็นเรื่องแต่ง ไม่อิงประวัติศาสตร์หรือหลักความเป็นจริงแต่อย่างใด มีเนื้อหาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น*

⚠ นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง หรือกระทำการใดๆ อันเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย ⚠

⚠ หากเราเตือนแล้วยังคุยกันไม่เข้าใจอีก ศาลจะเป็นที่ต่อไปที่ท่านจะได้มานั่งคุยกับเรา ⚠





แวะไปทักทายกันได้ที่

FB: @Althero_LD

X (Twitter) : @ItsAlthero

♡ ด้วยรักและขอบคุณจ้า ♡


สารบัญ

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทนำ มาจะกล่าวบทไป,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 1 เริ่มมาก็ปังแล้ว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 2 เกือบหลับแต่กลับมาได้,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 3 อยู่ดีๆ เราก็วาร์ป,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 4 โลกใหม่สอนให้เปิด,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 5 เป็นแมวจรต่างดาวไม่ง่ายเลย,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 6 เป็นมนุษย์บนต่างดาวยากยิ่งกว่า,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 7 เปิดใจลูกผู้ชาย ปรับทัศนคติ (1),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 8 เปิดใจลูกผู้ชาย ปรับทัศนคติ (2),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 9 ยังไม่ได้ไปเที่ยว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 10 เปิดอกอีกรอบ รอบนี้แค่เปรียบเปรย,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 11 ยื่นหมูครึ่งเทพ ยื่นแมวมังกร,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 12 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (1),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 13 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (2),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 14 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (3),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 15 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายก็แย่แล้ว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-**คั่นเวลาเล็กน้อย ด้วยรูปท่านนายพล**

เนื้อหา

บทที่ 6 เป็นมนุษย์บนต่างดาวยากยิ่งกว่า

ไม่อยากยอมรับเลยว่า ตลอดพันกว่าปีที่มีชีวิต ข้าอาจจะมั่นใจในความงามของตนเองเกินไปหน่อย 


ปกติมารดาชอบชมว่าข้างามนัก ซึ่งข้าก็เชื่อเต็มร้อยว่าจริง เพราะข้าเป็นลูกของนาง และนางเป็นมังกรที่งดงามมาก ถึงขนาดที่สามารถสยบหัวใจท่านพ่อผู้ซึ่งเป็นมังกรบรรพกาลที่ตายด้านดั่งหินผาได้ เขาเหมือนภูผายักษ์เคลื่อนที่ได้มากกว่าสิ่งมีชีวิตเสียอีก แต่มารดาก็ยังชิงหัวใจเขาไปจนได้ แล้วพวกเขาก็ครองรักกันมานานจวบจนสิ้นอายุขัยของทั้งสอง 


ในยามเลือกคู่ครอง มังกรส่วนใหญ่มักมีกันมากกว่าหนึ่งจนเป็นฮาเร็มก็ว่าได้ เพราะเผ่าพันธุ์เราเหลือน้อยมากเกินกว่าจะอยู่แบบผัวเดียวเมียเดียวแล้ว แถมยังไม่รู้ว่าจะติดลูกเมื่อไหร่อีก การมีคู่ครองเยอะๆ ที่รักกันและไว้ใจได้มาเป็นครอบครัวจะเพิ่มโอกาสให้มีฟองไข่มากกว่าเดิม ทั้งยังเพิ่มโอกาสให้ลูกมังกรฟักออกจากไข่ได้เยอะกว่าเดิมด้วย แถมอัตราการรอดชีวิตของมังกรทารกก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก เพราะตั้งแต่ที่ตัวอ่อนฟักออกมาจนถึงอายุสิบปี ทารกอย่างพวกเขาจะตัวเล็กและอ่อนแอมาก ถึงขนาดแค่หายใจผิดวิธีนิดเดียวลูกมังกรก็ตายได้ การมีมังกรผู้ใหญ่คอยดูแลเยอะๆ จึงเป็นสิ่งที่ชาวมังกรเลือกจะทำมากกว่า


แต่บิดาและมารดาของข้าหัวรั้นเกินจะกล่าว พวกเขาดึงดันว่ามีแค่กันและกันก็มากพอแล้ว และไม่ยอมรับเหล่ามังกรหนุ่มสาวตัวอื่นๆ ที่เข้ามาเสนอตัวเป็นฮาเร็มเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ครองคู่กันนานถึงห้าพันกว่าปี ในที่สุดพวกเขาก็มีข้า แม้เหล่าสหายมังกรรุ่นเดียวกันตนอื่นๆ จะมีหลาน มีเหลนกันไปหลายครอก แถมโตเต็มวัยกันหมด ถึงขั้นมีไข่ของตัวเองแล้วก็ตาม


ทว่าข้ากลับฟักออกมาจากไข่ ในตอนที่บิดาและมารดาของข้ากำลังใกล้จะหมดอายุขัยเสียได้


เมื่อนึกถึงบิดาของข้า พูดตามตรง รูปลักษณ์ของเขาดูดุดันเกินกว่าคำว่างามจะใช้กับเขาได้ ทว่าเขากลับอ่อนโยนนัก แม้ว่าจะพูดเพียงน้อยครั้งจนบางทีก็เหมือนภูเขามากกว่าสิ่งมีชีวิตจริงๆ เสียอีก แต่ข้าก็ยังจดจำดวงตาสีม่วงเหมือนหินแอเมทิสต์ที่แสนอ่อนโยนคู่นั้นได้อย่างแจ่มชัด


บิดาข้าเป็นมังกรพูดน้อย แต่ขยับตัวน้อยเสียยิ่งกว่า เหตุผลที่เขาแทบไม่ขยับร่างทำอะไรก็เพราะสายเลือดมังกรบรรพกาลของเขา ยิ่งมีชีวิตอยู่นานเท่าไหร่ ตัวเขาก็จะใหญ่โตขึ้นไปเท่านั้น นานวันเข้าแม้แต่เวทมนตร์แปลงกายที่ทรงอำนาจมากก็ไม่อาจใช้ปกปิดร่างกายอันใหญ่โตของเขาได้ดีดังเดิม เมื่อเขาขยับแต่ละครั้ง บางทีก็จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิอย่างไม่ตั้งใจ เพราะงั้นภายหลังจากที่เขาผูกจิตรักกับมารดาจนนางคลอดไข่ออกมาแล้ว เขาก็ทิ้งร่างลงปกคลุมรังมังกรของเราเอาไว้ดั่งปราการปกป้องที่แข็งแกร่ง แล้วก็ไม่เคยขยับตัวอีกเลยจวบจนสิ้นอายุขัย


ข้ามีเวลาอยู่กับมารดาได้ห้าร้อยปี แต่เวลาที่ข้าได้ใช้ร่วมกับบิดามีเพียงแค่สองร้อยปีเท่านั้น ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่เคยหยุดพร่ำบอกข้าเลย ว่าพวกเขารักข้ามากแค่ไหน และข้างดงามมากถึงเพียงใด


....ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่พอข้ามีร่างแปลงเป็นแมวเท่านั้นแหละ ข้ากลับดูอัปลักษณ์เสียได้!!


มันมีอะไรผิดพลาดตรงไหนข้าไม่เข้าใจ หรือเพราะพลังข้าหดหายลงไปโข มนตราแปลงร่างยามฉุกเฉินเลยแสดงร่างของแมวที่ไม่เจริญตาออกมาแทนกันหว่า? แต่ตอนมองในเงาสะท้อน คิดเข้าข้างตัวเองหน่อยข้าว่าร่างแมวตนก็ดูดีไม่หยอก แต่ถึงไม่เข้าข้างตนเอง ร่างแมวนี้ก็ยังดูเป็นแมวปกติดีอยู่นะ


แล้วทำไมไอ้หมอนั่นถึงได้ทำท่าหวาดกลัวขนาดหนักราวกับข้าเป็นตัวเชื้อโรคร้ายแรง เอาเหล็กมาเขี่ยไม่พอ ยังปิดประตูใส่หน้าข้าแบบนี้ล่ะ?!


ข้าดูผิดแผกไปตรงไหน ไม่เข้าใจจริงๆ แค่ออกมาแสดงตัวนิดเดียวเองทำเป็นตื่นตูมไปได้ 


...หรือข้าจะลองแปลงเป็นมนุษย์ดี.... ในยามนี้ข้ามีพลังสะสมเอาไว้พอหรือยังนะ..?


ข้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เซ็งตรงที่ยังไม่ทันได้บอกลาเจ้าแมวขนเหล็กตัวนั้นเลย แต่มันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะเจ้าของมันดูรักออกขนาดนั้นนี่นา


เมื่อข้างล่างไม่มีสิ่งใดให้สนใจอีก ข้าก็กระโจนขึ้นไปข้างบน ตั้งใจจะไปเกาะที่สูงๆ ชมวิวทิวทัศน์สักหน่อย


ร่างแมวสีขาวปลอดของข้ากระโดดเพียงหนึ่งครั้งก็ขึ้นมาถึงยอดสูงสุดได้ ข้าเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืนของโลกใบนี้ เพิ่งสังเกตว่าท้องฟ้ายามราตรีของดาวเคราะห์ดวงนี้ก็เห็นทะเลดวงดาวได้ชัดมาก แถมยังมีดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นถึงสองดวงอีกต่างหาก


ไม่ใช่แค่ราตรีที่สว่างไสวด้วยแสงดาวอย่างชัดเจน แรงโน้มถ่วงของโลกนี้มีน้อยกว่าโลกเก่าเช่นกัน ข้าถึงได้เห็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่พวกนี้มีขนาดตัวที่สูงใหญ่กว่าบรรพบุรุษของพวกเขามากเป็นเท่าตัว สิ่งปลูกสร้างและที่พักอาศัยต่างๆ จึงใหญ่โตตามไปด้วย พอมองรวมๆ บนนี้แล้ว ทุกอย่างมันก็ดูสวยงามมาก ข้าน่ะใฝ่ฝันจะเห็นเมืองที่มีชีวิตมนุษย์อาศัยอยู่จริงๆ ด้วยสองตาของตัวเองมานาน พอได้มาเห็นกับตาตัวเองแบบนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิ่มเอมใจเคล้าความเศร้าลึกๆ อยู่เหมือนกัน


แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันดู... สงบเกินไปแปลกๆ สงบเหมือนก่อนพายุเข้า


...มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล


ทั้งๆที่ไม่มีตัวอะไรอยู่รอบกาย แต่ข้าก็ยังรู้สึกถึงสายตามากมายติดตามจดจ้องมาจากที่ไหนสักแห่งอยู่พักใหญ่แล้ว ข้าคิดว่าตนเองอาจจะกำลังโดนตามล่าอยู่ แต่โดยอะไรล่ะ?


ในความสงัดของกลางคืน ข้าในร่างแมวตัวจ้อย เพียงพริบตาเดียวก็พลิกตัวหันกลับไปตวัดเล็บแหลมคมใส่... เจ้ากล่องเหล็กลอยได้รูปทรงประหลาดที่ทำมาเป็นลอยมาส่องเงียบๆ ข้างหลังข้า แตกกระจายในทันที!


ตูม!!


กล่องเหล็กอีกเป็นร้อยโผล่พรึบออกมาจากเงา ต่างฉายแสงสีแดงลงบนตัวข้าทันทีที่กล่องหนึ่งถูกทำลาย ข้ากระโจนออกจากวงล้อมโดดลงไปที่ดาดฟ้าอาคารหลังอื่น แต่พวกมันก็ยังตามติดยิ่งกว่าเงาตามตัว


ไอ้พวกนี้มันตัวอะไรอีกฟะ!


ร่างแมวเล็กจ้อยช่างปราดเปรียวนักเมื่อต้องลอดช่องเล็กช่องน้อยของสิ่งก่อสร้างมากมาย แต่ไม่ว่าข้าจะทำความเร็วมากขึ้นเท่าใด ไอ้กล่องเหล็กนั่นก็ยังโผล่หัวมาดักทางข้าได้อย่างไม่ลดละแม้แต่น้อย


ข้ากระโจนขึ้นฟ้าเตรียมลงไปตึกต่อไป ทว่าในเวลาที่กำลังลอยอยู่บนอากาศ ก็มีกล่องหนึ่งร่อนวูบมาดักทางข้างหน้าข้าในทันที!


ตูม!!


เพราะไม่มีทางเลือก ข้าเลยต้องตะปบลงบนหน้าไอ้กล่องเหล็กนั่นจนมันแตกกระจาย แต่เพราะเสียหลักกับมันไปกลางอากาศ ข้าไถลลื่นกลิ้งไปอีกทาง แทนที่จะได้หนีพวกมันไปห่างๆ แอบเล็ดรอดช่องเล็กช่องน้อยไปเขตชุมชนอื่น ข้ากลับต้องมาวิ่งออกห่างจากเมือง มุ่งหน้าไปยังพื้นที่รกร้างแทนเสียได้


ข้าเร่งความเร็วมากขึ้นจนแทบจะกลายร่างเป็นเสือชีตาห์ในโลกเก่าแล้ว ตอนนี้ทางข้างหน้าคือพื้นที่ว่างเปล่ารกร้าง ดูราวกับลานโล่งๆ เหมือนถูกเตรียมไว้เพื่ออะไรสักอย่าง...


ข้าชะงักกึก หยุดวิ่งทันที แรงไถลส่งข้าไปข้างหน้าจนเศษฝุ่นเศษดินฟุ้งตลบตามรอยลากยาว แต่เมื่อจางหาย ข้ากลับไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว


มีร่างสูงใหญ่ของ... มนุษย์ ร่างหนึ่ง มันหยุดยืนตระหง่านอยู่เหนือหัวของข้า บนร่างของมันมีเกราะสีดำรัดรูปคลุมอยู่ หัวของมันยังสวมหมวกประหลาดครอบปิดบังใบหน้าไว้ เมื่อพิจารณาจากสองมือของมันที่ถืออาวุธประหลาดแต่ดูอันตรายมากเอาไว้แล้ว มันก็ดูเหมือนนักรบในความทรงจำมากทีเดียว


นักรบต่างดาวทำเพียงยืนนิ่ง ทว่าข้ากลับรู้ทันทีว่าหากข้าขยับ เป้าหมายของอาวุธในมือมันจะเป็นข้าแน่นอน


วี้ดดดดดดดดด!!


เจ้ากล่องเหล็กที่ตามติดข้าโผล่ออกมาจากความมืดเป็นร้อยๆ กล่อง แสงสีแดงสาดลงมาที่ข้าเป็นจุดเดียว มันล้อมกรอบข้าด้วยจำนวนที่น่ากลัว ทำให้ตอนนี้ข้าเริ่มเครียดจริงๆ แล้ว


ไม่อยากเสียพลังงานมาสู้โดยใช่เหตุเลยโว้ย ทำไมพวกเจ้าต้องมาเปลี่ยนภาษาชาวโลกจนข้าฟังไม่ออกสักคำแบบนี้ด้วยฟะ ไอ้พวกมนุษย์สายพันธุ์บ้า! ถ้าคุยกันภาษาเดิมได้ ถ้าข้าไม่ได้อยู่ในร่างแมว ข้าคงพยายามเขียน พยายามพูดกับพวกเจ้าไปแล้ว! นอกจากกระดูกเอ็ง ภาษาบ้านเกิดเอ็งก็ยังจะเปลี่ยนไปอีกเรอะ!?


ช่วยเหลืออะไรสักอย่างที่ข้าพอจะคุ้นเคยเอาไว้บ้างไม่ได้รึไง กาลเวลาโหดร้ายกับข้ามากเกินไปแล้วนะ


ร่างนักรบเริ่มขยับกาย สาวเท้าเดินมาใกล้ข้าช้าๆ กล่องเหล็กที่ล้อมข้าอยู่ก็ค่อยๆ ลอยเข้ามาล้อมกรอบใกล้ๆ ข้ามั่นใจว่าถ้าตัวข้าอยู่ในระยะที่มันเอื้อมถึงเมื่อไหร่ อะไรแปลกๆ จะต้องพุ่งมาจับตัวข้าไว้แน่


เป็นแมวตัวเล็กจิ๋วแบบนี้ไม่ดีเลย ตอนนี้อำนาจข้าไม่มากพอจะทำอะไรได้ดังใจสักนิด ขัดใจ!


...ว่าแต่ทำไมเจ้ามนุษย์นี่ ไม่เห็นจะอ่อนโยนกับร่างสัตว์ตัวเล็กของข้าเลยล่ะ? ไหนว่าถ้าแปลงร่างเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแล้ว อัตราการรอดชีวิตจะเพิ่มขึ้นไง สรุปแล้วมนตราคุ้มครองไม่ได้ช่วยให้ข้ารอด แต่จะทำให้ข้าซี้แหงแก๋ใช่ไหม... มารดา มนตราคุ้มครองของท่านกลั่นแกล้งข้าแล้ว! 


“ถอยไปซะ!”


แม้จะตกที่นั่งลำบาก แต่วิญญาณของข้าก็ยังเป็นมังกร ถึงจะอยู่ในร่างแมวข้าก็คำรามออกมาได้ 


ภาษาที่สิ่งมีชีวิตใช้สื่อสารกันนั้น แตกต่างจากยามที่พสุธาสื่อสารกับข้า ในตอนนั้นตัวข้าใช้จิตมังกรล้วนๆในการเพรียกหาแผ่นดิน ข้าจึงสามารถคุยด้วยจิตแทนคำพูดได้ ภาษาจิตน่ะง่ายมาก ถ้าข้าจะพูดคำว่าปลา มีภาษายุคเก่ามากมายที่แปลว่าปลาเหมือนกัน แต่ภาษาจิตไม่ต้องพยายามแบบนั้น เพราะไม่ว่าจะพูดภาษาไหนออกมา สิ่งที่จะสื่อผ่านจิต ก็มีเพียงแค่ปลาตามที่นึกอย่างเดียวนั่นเอง


แต่เพราะมนุษย์ในโลกใหม่เป็นสายพันธุ์ใหม่ไปแล้ว ข้าสื่อจิตกับมนุษย์พวกนี้ไม่ได้ มันไม่เหมือนกับตอนที่ใช้จิตสื่อกับสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนน้อยกว่าอย่างเจ้าแมวขนเหล็กตัวเมื่อครู่ ...ลำบากข้าต้องไปเรียนภาษาใหม่อีกแล้วหรอ โอ้ยน้อ ชีวิต


ปัง!!


ข้าสะดุ้งเฮือก หลังจากที่เจ้านักรบนั่นผงะไปตามเสียงคำรามข้าเพียงแวบเดียว หลังจากนั้นมันก็หันอาวุธนั่นมาทางข้า แล้วยิงบางอย่างออกมาเฉียดข้าไปเส้นผ่ายาแดงแปด!


ไม่สิ ไม่ใช่เฉียดหรอก ถ้าข้าไม่ได้ขยับตัวหลบตามสัญชาตญาณ ไอ้ที่มันยิงมาคงโดนข้าเข้าไปจังๆ แล้ว


ไอ้นักรบมนุษย์ต่างดาวป่าเถื่อน! 


ในเมื่อคุยกันดีๆ ด้วยไม่ได้ ข้าก็ไม่ขอไว้หน้าพระมารดาแผ่นดินใหม่นี้อีกต่อไป ในเมื่อบุตรบุญธรรมของท่านหันมาเล่นงานข้าก่อน ข้ามีเหตุผลต้องป้องกันตัวโดยชอบ! 


เคยหลงรักแล้วอย่างไร พวกเจ้าไม่ใช่มนุษย์สายพันธุ์พี่น้องเดิมของข้าอีกแล้ว ถ้าหวังจะให้ข้าทำตัวเชื่อง ว่านอนสอนง่ายกับพวกเจ้าล่ะก็ ฝันไปโลกหน้าก็แล้วกัน!


ข้าพุ่งทะยานไปข้างหน้า ลอยอยู่เหนือหัวของเจ้านักรบนั่น แล้วโบกหัวมันด้วยอุ้งเท้าแมวน้อยๆ นี่เต็มแรง!


โครม!!


ถึงจะเป็นแค่อุ้งมือมังคุดกลมๆ แต่แรงของมังกรที่หนักพอๆกับวาฬสีน้ำเงินของโลกเก่า ก็มากพอจะตบหัวนักรบต่างดาวนี่คว่ำลงพื้น ส่งมันกระเด็นห่างออกไปได้ ข้าม้วนตัวกลับลงพื้นอย่างสวยงาม ทว่าก็ต้องเบิกตากว้างแล้วกระโจนหลบไปอีกทางในทันที


ไอ้บ้านั่นยิงข้าอีกแล้ว! มันฟื้นตัวเร็วกว่าที่คิด แถมยังดูโมโหมากที่ข้าใช้หมัดแมวโบกมันหัวทิ่ม เลยหันมารัวยิงข้าเหมือนแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนอย่างไรอย่างนั้น


ปัง!! ปัง!! ปัง!! 


...ถ้าข้าไม่ว่องไวจริงคงโดนยิงร่วงไปแล้ว แต่ข้าก็สามารถพลิกตัวหลบทั้งการโจมตีทั้งของนักรบนั่น และของพวกกล่องเหล็กลอยได้ที่ไม่อยู่เฉย พุ่งเข้ามาคลุกวงในกับเขาด้วย


ไอ้พวกหมาหมู่เอ๊ย!


กล่องเหล็กพวกนั้นงอก.. เอ่อ มันมีแท่งเหล็กโผล่ยุบยับออกมาจากตัวมันไม่ต่างจากแขนเหล็ก มันอ้าแขนออกกว้างเตรียมจับตัวข้าไว้ กระแสไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะผ่านเหล็กพวกนั้นจนแสบตา มันน่าจะแรงพอทำให้ร่างแมวของข้าหมดสติไปได้แน่


อา... ข้าอยากกลับคืนร่างมังกรจะตายแล้ว


หลังจากที่ข้าพุ่งหลาวไถลลอดหว่างขาเจ้านักรบตัวโตหวังใช้จังหวะนั้นหนีไป มันกลับรู้ทันเสียได้ มือใหญ่โฉบลงมาคว้าคอของข้าอย่างรวดเร็วราวกับงูฉก ข้าที่เสียสมาธิกับเจ้ากล่องลอยได้ที่ลอยมาดักหน้าแถมยังอ้าแขนเหล็กเหมือนอยากพุ่งมากอดข้าเหลือเกิน ทำให้ข้าต้องชะงักกึกเบรกตัวโก่ง เปิดช่องว่างให้ถูกคว้าคอไปจนได้


มือข้างหนึ่งของเจ้านักรบนั่นกำคอข้าแน่นมาก ส่วนมืออีกข้างหันปลายอาวุธมากดจ่อลงตรงหัวข้า ทำให้ข้าเลิกดิ้นในทันที


ฟ่ออ!!


ข้าแยกเขี้ยวขู่เสียงขรม เล็บแหลมคมทั้งสิบตะปบลงบนมือติดเกราะที่คว้าคอข้าอยู่ แล้วออกแรงกรีดมันเต็มที่ เป็นผลให้เกิดรอยกรีดเป็นทางยาว มันชะงักกึก หัวผงะห่างออกไปเหมือนตกใจ และกำคอข้าแน่นมากขึ้นอีก มีเสียงกริ๊กเบาๆ ข้างหัว แล้วอาวุธของมันก็เรืองแสงอันตรายราวกับกำลังเตือน


“#฿%@฿%”


ข้าไม่สนหรอกว่ามันจะพูดอะไร โดนจับได้แล้วยังไง พสุธาของโลกนี้รักข้าจะตาย เดี๋ยวก็หาทางหนีได้อีกครั้ง ข้าแค่ต้องการเวลาเพื่อสะสมพลังมากขึ้นเท่านั้น


แต่ถ้าคิดว่าข้าจะทำให้มันง่ายล่ะก็... ใช่ ข้าบอกแล้วสินะว่า ฝันไปเถอะ!


ข้างอตัวแล้วบิดอย่างแรง หางยาวที่ฟูฟ่องฟาดเข้ากับอาวุธข้างหัวสะบัดให้มันหันไปอีกทาง ซึ่งก็คือหัวของเจ้านักรบทมิฬนี่ ในจังหวะเสี้ยววินาที ข้าก็ใช้อุ้งเท้าหน้ากรีดเกราะของมันออกจนขาดดังแควก!


ผิวเนื้อของมนุษย์ที่เผยออกทำให้ข้ามันเขี้ยว มันยกมือหมายจะสะบัดข้าออกไป แต่ก็ช้าไปกว่าข้าที่ฝังเขี้ยวลงไปจมลึก 


อึก


นี่มันอะไรกัน?


ดูเหมือนว่าข้าจะใช้ประโยคนี้บ่อยทีเดียวตั้งแต่ตื่นมาบนโลกใหม่ แต่ก็ขอใช้ซ้ำอีกรอบ 


เลือดของมนุษย์... มันอร่อยได้ขนาดนี้เลยหรือ?!


เฮ้ย! มันเป็นไปได้ยังไง แต่เดี๋ยวก่อน ข้าคุ้นกลิ่นของเจ้านี่ชะมัด มันแตกต่างจากมนุษย์คนอื่นมาก ทำไมกันนะ มันมีกลิ่นเหล็กเหมือนกันแท้ๆ... แต่เป็นเหล็กแบบพิเศษ มีอย่างอื่นด้วย ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร นอกจากนั้นเลือดมันยังหอมนุ่มมาก ให้ความรู้สึกเหมือนไวน์เลย


จากนั้นข้าก็ถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรงจนต้องปล่อยคมเขี้ยวออกจากเนื้อ


สติของข้ากลับมาแจ่มชัด แม้ได้ดื่มเลือดแค่ไม่กี่อึกแต่ข้ากลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ น่าประหลาดจริงๆ จากความทรงจำของมังกรที่เคยแอบงับมนุษย์มาบ้าง เลือดมนุษย์ไม่เคยอร่อยเลยสำหรับมังกร นอกจากสารอาหารห่วยแตกแล้วรสชาติยังแย่มาก เหมือนกินน้ำคลองเหม็นๆ 


หรือมนุษย์สายพันธุ์ใหม่จะอร่อยขึ้นกว่าเดิม?!


ข้าเหลือบมองเจ้านักรบที่เห็นชัดแล้วว่าคราวนี้มันโกรธจัดจริงๆ เพราะพลังกดดันที่ทรงพลังมากกำลังบีบอัดข้ากับพื้นอย่างไม่ปรานี ใช่ ข้าเคยรู้สึกว่ามันทำแบบนี้มาก่อน การที่ยีนของพวกมันกลายพันธุ์ไปอาจจะทำให้พวกมันบางคนมีพลังตื่นขึ้นมาบ้างแล้ว


และเจ้านักรบตรงหน้า ก็คือคนๆ เดียวกันกับที่ขุดข้าขึ้นมานี่เอง


ข้าอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้ม คิดไปว่าเขี้ยวข้าคงเปรอะไปด้วยเลือดของมันอย่างน่าสยองแน่ นั่นยิ่งทำให้มันอัดข้าลงพื้นมากกว่าเดิม จนร่างเล็กจ้อยของข้าแทบจมหายไปกับพื้นดิน


เจ็บ... แต่ข้าไม่ร้อง ข้าปล่อยให้ร่างเล็กๆ นี้แหลกสลาย ขนสัตว์สีขาวหลุดร่วงหายไปจากร่าง


...แล้วจากนั้นร่างกายของข้าก็ยืดยาวออกมา


ตูม!!


พลังของข้าระเบิดออกอย่างรุนแรง จนรอบด้านทั้งหมดพังทลาย แม้แต่เจ้ากล่องเหล็กเป็นร้อยนั่นก็ไม่เว้น นักรบทมิฬถูกผลักออกไปด้วย มันถึงกับเซถลา จำต้องถอยร่นห่างออกไป เกราะของมันแตกละเอียดเกือบทั่วร่าง และหมวกเหล็กสวมหัวของมันแตกร้าวจนต้องถอดออกแล้วโยนทิ้งไปข้างหลัง


เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เราก็มองเห็นกันและกัน


ร่างสูงใหญ่ของบุรุษหนุ่มยืนหยัดขึ้นอย่างทระนง เส้นผมสีเข้มสะบัดไหวตามพลังที่รุนแรงมากขึ้นทุกที ดวงตาคู่คมดั่งศัสตราวุธคู่นั้นสาดแสงแรงกล้าไม่ต่างจากดวงตะวัน กล้ามเนื้อที่ขมวดเกร็งภายใต้ชุดเกราะรัดรูปสีดำทะมึนดูทรงพลังดุจนักรบ มันจับจ้องตรงมาด้วยความหมายของผู้ที่ต้องการเอาชนะ ส่วนข้าก็คือรางวัล


แต่ข้า... ก็ไม่ได้อยู่ในร่างแมวแล้วเช่นกัน


ภายใต้แสงส่องประกายและขนสัตว์ปลิดปลิว ร่างกายของข้ายืดยาวออก มีแขนและขาอย่างละสองข้าง หางของข้าหดหาย แตกสลายกลายเป็นเศษละอองเล็กๆ รูปทรงคล้ายผีเสื้อสีเงินตัวน้อยที่กระพือปีกร่อนลงพื้น จางหายไปกับความมืดอย่างงดงาม


ท่อนบนของข้าเปลี่ยนรูปไป แทนที่ด้วยหน้าท้อง หน้าอก และหัวไหล่ ใบหน้าสั้น หัวเป็นทรงกลม หูสามเหลี่ยมของแมวหดเล็กลงและกลมมากขึ้น เส้นผมยืดยาวออกมาจากหัวเรื่อยๆ จนมันยาวเลยบั้นเอวลงไป พลิ้วไหวยามกระแสพลังหมุนวนพัดผ่าน และยาวจนสามารถปกปิดร่างของ... มนุษย์ ที่เปล่าเปลือยเปิดเผยอยู่ใต้แสงของสองดวงจันทร์


เมื่อข้าลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ข้าก็กลายเป็นมนุษย์ ในนามของเอมารันไธน์


ร่างกายของมนุษย์นี่ช่าง... วิเศษมาก ข้าสามารถใช้พลังมังกรของข้าผ่านร่างนี้ได้อิสระกว่าร่างแมวเสียอีก แต่ก็สูญเสียพลังงานในการควบคุมมากกว่าแมวเป็นสามเท่าเลยแฮะ สงสัยว่าข้าจะอยู่ในร่างนี้ไม่ได้นานแน่ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้าก็คงต้องกลับไปอยู่ร่างแมวตามเดิมสินะ


อืม... ช่างเถอะ ได้เปลี่ยนร่างบ้างก็ดีแล้ว


พูดกันตามตรง ไม่มีร่างแปลงร่างไหนวิเศษเทียบเท่าร่างมังกรแท้ๆ ของข้าหรอก แต่ในเมื่อข้ายังไม่อาจกลับคืนร่างมังกรได้เพราะติดมนตราคุ้มครองฉุกเฉินของมารดาอยู่ ข้าก็ยังต้องแปลงเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใกล้เคียงกับเจ้าตัวที่จับข้ามาอยู่ดี การที่ข้าสามารถแปลงเป็นมนุษย์ได้สักทีน่ะ ดีที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะ


ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเลือดของมันเพียงไม่กี่อึก ก็สามารถช่วยฟื้นคืนพลังให้ข้าได้มากขนาดนี้ รู้งี้ข้างับหัวมันไปแต่แรกแล้ว! ไม่ทนอยู่ในร่างแมวให้ยุ่งยากตั้งนานหรอก เซ็งตัวเองจริงๆ เชียว


สีหน้าของนักรบหนุ่มเต็มไปด้วยความตกตะลึง มันดูตกใจมากซะจนข้าอดไม่ได้ที่สะใจลึกๆ พอมันได้เห็นว่าข้ามีรูปลักษณ์อย่างมนุษย์เช่นนี้แล้ว มันคงเริ่มที่จะลังเล ไม่อยากลงมือทำร้ายข้าแล้วสินะ


ปัง!!!


...อ้าว ไม่ใช่หรอ


ข้าหลบวูบ รีบกลิ้งหนีออกไปอีกทาง ไอ้นักรบเวรนั่นรัวยิงใส่ข้าอีกครั้ง มันกระโจนเข้าหาอย่างรวดเร็วดั่งสัตว์นักล่าพุ่งใส่เหยื่อ พร้อมกับพลังจิตมหาศาลที่มันทุ่มใส่หัวข้า อัดลงมาตรงๆ 


เฮ้ย! นี่มันเปลี่ยนจากตั้งใจจะจับข้า กลายเป็นต้องการจะเด็ดหัวข้าให้หลุดออกจากบ่าไปแล้ว!


ข้าสะบัดมือวาดไปรอบกาย พลังสีเงินยวงดุจแสงจันทร์ซัดกระแทกเข้ากับพลังสีทองคำของเจ้านักรบทมิฬ เมื่อเห็นสีพลังของมันแล้ว ทำเอาข้าเบิกตากว้าง ฉุกใจตงิดๆ


สีทอง... ไม่ใช่พลังของมนุษย์แน่ ต่อให้กลายพันธุ์อย่างไรก็ไม่อาจมีพลังของเจ้าเผ่าพันธุ์ต่างภพ (ดาวดวงอื่น) นั่นได้หรอก เพราะนั่นมันพลังของเซเลสเทียล-- ไม่สิ มันเป็นมากกว่านั้น นั่นมันพลังของ... เซนทิเนล!!


ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!!


...ดีนะที่ไม่ใช่เขตชุมชน ไม่งั้นเขตที่อยู่อาศัยทั้งย่านคงไม่เหลือซากไปแล้ว อะไรมันจะวินาศสันตะโรวอดวายได้ขนาดนี้ ข้าแค่หนีออกมาชมโลกได้ครู่เดียว มันต้องโกรธถึงขั้นจะลบเงาหัวข้าเลยหรอ


พวกเซนทิเนลก็หัวรุนแรงซะแบบนี้ มังกรอย่างเราถึงเกลียดขี้หน้า จนไม่ขอบินออกจากโลกไปตลอดกาล เพราะไม่อยากเจอหน้าพวกมันอีกไง


จากในความทรงจำของมารดา เผ่าพันธุ์ของเราเคยต่อสู่กับเซนทิเนลมาก่อน เมื่อครั้งที่พวกมันโผล่หัวเข้ามาในระบบสุริยะเป็นครั้งแรก เนิ่นนานก่อนที่จะมีเผ่าพันธุ์มนุษย์เสียอีก พวกเซนทิเนลได้ยกทัพมาพร้อมอาวุธร้ายแรง มันตั้งใจจะมาทำลายดวงอาทิตย์ทิ้งไปเพื่อเก็บเกี่ยวเศษซากของดวงดาว ท่านตาของข้าได้กลายเป็นผู้นำชาวมังกรบินออกจากดาวโลก ไปไล่กระทืบพวกมันจนเละ ณ ชายขอบของเขตดาวพลูโต จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ตามไล่กลบลบร่องรอยของมังกรจนเกลี้ยง แล้วก็ทำทีเป็นทิ้งพิกัดของเหล่ามังกรไว้ที่ไกลๆ สักที่ในกลุ่มดาวอื่น ไม่ให้พวกมันรู้ว่ามังกรอย่างเรามาจากโลกไหนกันแน่


แล้วนี่เป็นไปได้ยังไง? นักรบตรงหน้าข้าเป็นมนุษย์ของโลกใหม่อย่างแน่นอน เลือดของมันมีกลิ่นเหล็กเย็นเยียบไหลวนอยู่ไม่ต่างจากคนอื่น แล้วเลือดอีกครึ่งที่หอมหวานดั่งไวน์นั่นเป็นของตัวอะไรกันนะ?


...อ้อ


อ้า! ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าหมอนี่มันก็เป็นตัวประหลาดไม่ต่างจากข้าเลยนี่นา ผีเห็นผีสินะ มิน่าเล่า มันถึงกล้ามาตามล่าข้าด้วยตัวเองคนเดียวเช่นนี้


นักรบหนุ่มต่อสู้กับข้าได้สมกับที่เป็นนักรบจริงๆ มันทำให้ข้าที่ยังไม่คุ้นชินกับร่างมนุษย์ดีต้องถอยร่นกลับไปทุกครั้งที่เข้าปะทะกัน ไม่ว่าข้าจะพยายามสู้กับมันด้วยกระบวนท่าใด มันใช้เวลาเพียงนิดเดียวก็จับทางได้หมด แถมยังไล่ต้อนข้าเสียจนเกือบหมดสภาพได้หลายครั้งเลยทีเดียว 


...เสียศักดิ์ศรีมังกรชะมัดยาด แต่ก็นะ มันเก่งจริง ข้าคงต้องขอกัดฟันชมล่ะ


ในที่สุดก็ผ่านไปหลายชั่วโมงจริงๆ แผ่นหลังร่างมนุษย์ของข้าล้มกระแทกเข้ากับกำแพงหนา ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เราสู้กันจนมาถึงสุดขอบกำแพงเมือง ที่ๆ ข้าเพิ่งนั่งคุยกับเจ้าแมวขนเหล็กไปเอง


...ชักจะคิดถึงมันแล้วแฮะ ถ้าไม่นับพสุธา มันก็เป็นสิ่งมีชีวิต (?) ตัวเดียวบนดาวดวงนี้ที่ไม่พยายามจะฆ่าข้า หรือทำร้ายข้าสักนิด


ไม่อยากจะบอกเลยว่า ข้าหมดแรงของจริงแล้ว โอย เพิ่งใช้พลังไปไม่เท่าไหร่เองแท้ๆ แต่... ข้ายังฟื้นตัวได้ไม่มากพอจริงๆ


เมื่อหมัดของเจ้านักรบนั่นกระแทกลงทะลุกำแพงข้างหัวข้า กำปั้นมันห่างจากใบหน้าของข้าออกไปเพียงไม่กี่เซ็นต์ ข้าก็หลับตาลงอย่างอ่อนล้า ไม่คิดต่อต้านมันอีกต่อไป


จะจับตัวข้า เอาไปทำอะไรก็ทำเถอะ แค่ได้ออกมาเห็นโลกนี้ครู่เดียวก็คุ้มค่าแล้ว


ทว่า... กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งนั้น น่าแปลก ความเงียบสงัดโรยตัวลงมาแทนเสียงอาวุธ ให้ความรู้สึกเนิ่นนานอย่างน่าประหลาด แต่ข้าก็ยังหลังติดกำแพง สายลมเย็นในยามกลางคืนพัดผ่านร่าง ส่งเสียงหวีดหวิวแผ่วเบาข้างหูราวกับบทเพลงกล่อมปลอบประโลมหัวใจที่เหนื่อยอ่อนแทบสิ้นสติ


ไม่มีเสียงอาวุธ ไม่มีเสียงระเบิดตูมตาม ไม่มีพลังมากดอัดกระแทกข้าลงกับพื้น มีเพียงเสียงลมหายใจ... ที่ใกล้เข้ามาทุกที?


ข้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง


ใบหน้าของมนุษย์เพศชาย ดูคมคายและดุดัน หยุดอยู่ห่างจากใบหน้าของข้าเพียงคืบ คิ้วหนาขมวดเป็นปม ดวงตาสาดแสงแรงทรงอำนาจ จมูกโด่งเป็นสันชัด ริมฝีปากเม้มสนิทราวกับกำลังอดทนเป็นอย่างมาก สีหน้าของมันโดยรวมดูยุ่งยากใจเหลือล้น แต่ข้าก็พอจะอ่านได้ถึงความรู้สึกหงุดหงิด ความคลางแคลงใจ ประหลาดใจ รวมถึง... ความสนใจสงสัย และใคร่รู้อย่างแรงกล้า


สองเผ่าพันธุ์ หนึ่งสัตว์โบราณ หนึ่งสายพันธุ์ใหม่ ได้มองสำรวจกันนิ่งๆ เป็นครั้งแรก


มันขยับใบหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมมากเสียจนข้าสามารถมองเห็นภาพสะท้อนวูบไหวของใบหน้าตนเองภายในแก้วตาสีทองคำร้อนระอุของมันได้เลยทีเดียว 


“คิดจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ เจ้ามนุษย์?”


ข้าอดไม่ได้ที่จะถาม ในเมื่อตอนนี้กล่องเสียงของร่างข้าพูดภาษามนุษย์ได้แล้วนี่นา แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นภาษามนุษย์จากโลกเก่า ของยุคเก่าอยู่ดี ข้าไม่คาดหวังให้มันเข้าใจหรอก แค่อยากให้มันเลิกหายใจรดข้า แล้วจะทำอะไรก็รีบทำสักที


ดวงตาคมเฉียงของมันเบิกกว้าง เอียงคอเล็กน้อยเหมือนไม่แน่ใจ ก่อนที่มันจะ... ดึงมือข้างที่ทะลุกำแพงออกมา แล้วใช้มันแตะลงบนผิวแก้มข้าเบาๆ ส่วนมืออีกข้างก็ค่อยๆ วางอาวุธลงพิงผนัง ข้ามองตามการกระทำของมันอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่ชอบสัมผัสที่มันแตะต้อง เลยเอียงหน้าหนีไม่ให้มันแตะโดนอีก


มันชะงัก แล้วยกมือข้างนั้นขึ้นแตะหูตนเอง ข้าเพิ่งสังเกตเห็นว่าร่างมนุษย์ตรงหน้าใหญ่โตกว่าข้าเสียอีก มันสูงมากจนทอดเงาบดบังข้าเสียมิด จะว่าไปแล้วตั้งแต่บนยาน มันก็ดูสูงใหญ่กว่ามนุษย์คนอื่นบนโลกมากจริงๆ เป็นเพราะสายเลือดครึ่งหนึ่งของมันหรือเปล่านะ?

.

.

.

.

.

.

.

“เจ้า”

.

.

.

.

.

.

...เอ๊ะ?


ข้าเบิกตากว้าง หันหน้ากลับไปมองมันตรงๆ คราวนี้ข้ากลับเป็นฝ่ายไม่แน่ใจว่าใครพูด ทั้งๆ ที่ตรงนี้มีกันอยู่แค่สองคน


“...เจ้า พูด...”


...เฮ้ย เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้มันเพิ่งพูดภาษามนุษย์ของโลกเก่านะ


เจ้านักรบประหลาดทำท่าเคาะๆ บางอย่างตรงกกหูของมันซ้ำไปมา มีเสียงซ่าๆ ที่ฟังแปลกหู จากนั้นมันก็ขยับปากพูดซ้ำอีกครั้ง


“เจ้าพูดได้...?”


เงียบกันไปครู่หนึ่ง


ข้ากำลังอึ้ง และมันก็กำลังรอ นานทีเดียวกว่าข้าจะหาเสียงของตัวเองเจอ


“...เจ้า ก็พูดได้เหมือนกันนี่”


นักรบหนุ่มแน่นิ่งไป จริงๆ มันก็นิ่งแต่แรกแล้ว แค่คราวนี้หลังจากที่ข้าพูดออกมาให้เห็นชัดๆ มันกลับ... มีแววตาประหลาดปรากฏขึ้น มุมปากของมันยกสูงเป็นรอยยิ้มที่ส่งให้มันดูน่าอันตรายแปลกๆ


“สวัสดี มังกร”


ร่างสูงใหญ่ค้ำหัวข้ากล่าวทักด้วยเสียงเรียบนิ่ง ราวกับเมื่อครู่มันไม่ได้พยายามจะฆ่าข้ามานานกว่าห้าชั่วโมงแต่อย่างใด


“ชื่อของฉัน คือ อันซาน ทามัล ​​​​​​​ฉันคือนายพลแห่งกองกำลังป้องกันตนเองของมาตุภูมิ”


มัน-- เขา ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นไปอีก แนบชิดเสียจนลมหายใจเรารินรดกัน


“มังกร เจ้ามีชื่อหรือไม่?”


ข้าพ่นลมหายใจใส่หน้ามันเฮือกใหญ่ ทั้งเหนื่อยทั้งสับสนงุนงง แต่มุมปากอีกฝ่ายกลับยกขึ้นมากขึ้นกว่าเดิมเสียได้


“...มี...” ถึงข้าจะกระพริบตาอย่างอ่อนล้า เพราะสมองไม่อาจเข้าใจได้ว่ามันจะถามไปทำซากอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังบอกชื่อตัวเองกับมันไป


“นามของข้า... คือ เอมารันไธน์”


 



 

[TALK: แหะๆ ในที่สุดทาสมังกรแงวหมายเลขหนึ่งได้เปิดตัวจริงๆ ซักที]