ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว - บทที่ 9 ยังไม่ได้ไปเที่ยว โดย ItsAlthero @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด,แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี

รายละเอียด

ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้

ผู้แต่ง

ItsAlthero

เรื่องย่อ

#เป็นมังกรไม่ใช่แมว

นามของข้า คือ 'เอมารันไธน์' และข้าต้องการความช่วยเหลือ...

คือเรื่องมันเป็นแบบนี้นะท่านผู้มาเยือน อันตัวข้านั้นเป็นมังกรรุ่นเยาว์ ได้ลงหลุมไปคุยกับรากอ่อนของต้นแอชจิ๋ว จำศีลไปราวๆหนึ่งพันปีตามวิสัยปกติของมังกร แต่พอตื่นมาอีกครั้งก็ต้องพบว่า... ข้ากลายเป็นแมวไปแล้ว

...ตอนข้าหลับอุตุมันมีอะไรผิดพลาดตรงไหน ข้าไม่เข้าใจ

มิหนำซ้ำ ดวงของข้ายังดิ่งลงเหวอย่างที่นรกก็ฉุดไม่อยู่ ทั้งผู้บัญชาการชาวมนุษย์เอย จักรพรรดิสวรรค์เอย ราชาปีศาจเอย จ้าวอสูรเอย และผู้นำอมนุษย์เผ่าอื่นๆมากมาย ต่างก็จ้องจะเข้ามาขย้ำพุงข้าไม่หยุดไม่หย่อน เอาแต่กวักมือเรียกข้า
เหมียวๆ... เหมียวบ้านพวกเจ้าสิ 

ข้าคือมังกรบรรพกาลตัวสุดท้ายของโลก ทั้งยังเป็นสายพันธุ์หายากขึ้นทะเบียนเป็นอันดับต้นๆของทุกทำเนียบเชียวนะ แต่พวกเจ้ากลับทำเหมือนข้าเป็นแมวจรไร้บ้านแบบนี้ ถือว่าตนเป็นใหญ่เลยจะข่มข้าอย่างไรก็ได้งั้นรึ? คิดหรือว่าข้าจะยอมอยู่ในโอวาท ทำตัวเชื่องเยี่ยงสัตว์เลี้ยงกับพวกเจ้า? ไม่ว่าพวกเอ็งจะทำอะไร ก็ซื้อใจข้าไม่ได้หรอก!

"อย่างอนกันนานนักเลยน่า เอมี่ ฉันซื้อแมวเลียรสโปรดของเจ้ามาให้สามร้อยลังเลยนะ ให้ฉีกตอนนี้เลยไหม คืนดีกันนะ"

"ใจเย็นก่อน เอ็ม ข้าเพียงแต่มาง้อเท่านั้น เจ้าชอบกินเนื้องูใช่ไหม? ข้าเอาเนื้อบาซิลิสก์จากแดนปีศาจมาฝากเจ้า"

"อย่าโกรธกันเลยนะ เด็กดี วันนี้พี่ซื้อขนมมาให้เจ้าเยอะแยะเลยนะ เค้กช็อกโกแลตจากแดนอสูรที่เจ้าชอบยังไงล่ะ มีเครป พาย ทาร์ต อยู่ในตู้อีกเป็นร้อยด้วยนะ"

"ช่างน่าดีใจนักที่ เอมี่น้อย ชอบของขวัญของเรามากถึงเพียงนี้ เจ้าอยากได้เพชรพลอยไปประดับรังเพิ่มอีกเท่าไหร่ล่ะหืม? เรายกให้ทั้งคลังแดนสวรรค์เลยก็ยังได้นะ แต่หากเจ้ายังไม่พอใจแล้วล่ะก็ เดี๋ยวเราจะลองไปถามแดนภูตดูให้ด้วย ดีหรือไม่?"

"ไม่ต้องขอ แดนภูตยกให้หมดเลย ที่รัก"

.....

เอาเป็นว่าข้าจะยอมนอนเฉยๆบนกองเงินกองทองของพวกเจ้าต่อไปอีกสักหน่อยก็แล้วกัน แต่จงระวังไว้เถอะ ประมาทข้ามากๆแล้วเจ้าจะเสียใจ สักวันนึงข้าจะยึดครองโลก ไม่สิ ครองจักรวาล ครองเอกภพไปด้วยเลยเอ้า ยึดได้แล้วข้าก็จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นคาเฟ่แมวซะให้หมดเลยคอยดู อย่าล้อเล่นกับระบบ เพราะระบบตบสวนนะจะบอกให้! 

ระวังโลกเจ้าเอาไว้ให้ดีเถอะ! (●`ω´●)




WARNING!!!

นิยายเรื่องนี้เป็น Boy Love แนว Sci-Fi ผสมแฟนตาซี ไทม์ไลน์ยุคอนาคต/ยุคดวงดาว มีหลายโลก หลายเวิร์ส และมีพระเอกหลายคน มีการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าพระ-นาย แบบ Polygamy เพราะเป็น ฮาเร็มชาย จัดอยู่ในหมวด18+แต่เป็นฉบับCutเพื่อความเหมาะสม จะมีเนื้อหาที่ถูกตัดทอนออกไปบางส่วนเพื่อให้มีเนื้อหาเชิง [Trigger] น้อยที่สุด นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ18ปีขึ้นไป จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ ความรุนแรง และฉากทารุณบางประการ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน โดยจะเขียนคำเตือนกำกับไว้ซ้ำในบทที่จำเป็นเพื่อประกอบการใช้วิจารณญาณในการอ่านต่อไป อนึ่ง ฉบับUncutอยู่ในบ้านหลักสีฟ้า

*เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตาการของผู้เขียน เป็นเรื่องแต่ง ไม่อิงประวัติศาสตร์หรือหลักความเป็นจริงแต่อย่างใด มีเนื้อหาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น*

⚠ นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง หรือกระทำการใดๆ อันเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย ⚠

⚠ หากเราเตือนแล้วยังคุยกันไม่เข้าใจอีก ศาลจะเป็นที่ต่อไปที่ท่านจะได้มานั่งคุยกับเรา ⚠





แวะไปทักทายกันได้ที่

FB: @Althero_LD

X (Twitter) : @ItsAlthero

♡ ด้วยรักและขอบคุณจ้า ♡


สารบัญ

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทนำ มาจะกล่าวบทไป,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 1 เริ่มมาก็ปังแล้ว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 2 เกือบหลับแต่กลับมาได้,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 3 อยู่ดีๆ เราก็วาร์ป,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 4 โลกใหม่สอนให้เปิด,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 5 เป็นแมวจรต่างดาวไม่ง่ายเลย,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 6 เป็นมนุษย์บนต่างดาวยากยิ่งกว่า,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 7 เปิดใจลูกผู้ชาย ปรับทัศนคติ (1),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 8 เปิดใจลูกผู้ชาย ปรับทัศนคติ (2),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 9 ยังไม่ได้ไปเที่ยว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 10 เปิดอกอีกรอบ รอบนี้แค่เปรียบเปรย,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 11 ยื่นหมูครึ่งเทพ ยื่นแมวมังกร,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 12 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (1),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 13 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (2),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 14 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (3),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 15 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายก็แย่แล้ว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-**คั่นเวลาเล็กน้อย ด้วยรูปท่านนายพล**

เนื้อหา

บทที่ 9 ยังไม่ได้ไปเที่ยว

“ช่วยขยายความให้เราหน่อยได้ไหม เจ้ามังกร”


เสียงของมนุษย์เพศชายที่ฟังดูชราภาพอยู่พอสมควร ดังเล็ดลอดผ่านอากาศมาจากสัญญาณไร้สาย ที่ปรากฏพร้อมกับหน้าจอโฮโลแกรมสามมิติโปร่งแสงจำนวนสิบสองหน้าต่างลอยอยู่กลางอากาศ ภาพเงาสีดำจางรูปร่างคล้ายมนุษย์ฉายขึ้นแทนใบหน้าแท้จริงของผู้สนทนา 


ต้องขอชมว่าน่าทึ่งดี แล้วก็ช่างคิด ช่างจินตนาการด้วย ข้าชอบเวลาพวกมนุษย์ใช้เทคโนโลยีของพวกมัน ให้อารมณ์เหมือนเวลาที่พวกเราใช้เวทมนตร์เด๊ะ แม้พวกมันจะไม่รู้ก็ตาม


“ที่บอกว่าเราต้องทำให้เจ้ารักอีกครั้งให้ได้นั่น หมายความว่าอย่างไร?”


ข้ายักไหล่แมวๆ ใส่เจ้าคนที่ไม่แม้แต่จะกล้าฉายภาพหน้าจริงของตัวเองมาคุยกับข้าตรงๆ เสียด้วยซ้ำ แล้วแสยะยิ้มกว้างเท่าที่ร่างแมวจะอำนวย ได้ยินเสียงเจ้านายพลลอบถอนหายใจเบาอยู่ตรงมุมห้องข้างหลังข้าด้วย แต่แน่ละว่าข้าไม่สนมันหรอก ถึงมันจะถอนหายใจเป็นสิบไร่ข้าก็จะเมิน


“อะไรกัน นี่ข้าคิดว่าข้าก็พูดเรื่องง่ายๆ อยู่นะ ทำให้ข้ารัก ทำให้ข้าชอบ จนอยากปกป้องคุ้มครองพวกเจ้าทั้งหัวใจ ไงล่ะ นี่ยังจะให้ข้าอธิบายอะไรอีก? ความหมายมันก็ตรงตัวอยู่นะ นึกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะฉลาดขึ้นกว่าเดิมซะอีก วิวัฒนาการไปเสียเปล่าจริงๆ เลยพวกเจ้าน่ะ”


พอจากเสียงทอดถอนหายใจ เปลี่ยนเป็นเสียงหลุดหัวเราะทุ้มต่ำในลำคออย่างห้ามตัวเองไม่ได้ของเจ้าลูกครึ่งข้างหลังข้าแล้ว ข้าก็อดที่จะยิ้มกว้างกว่าเดิมไม่ได้


ก็แหม พวกมันอยากให้ข้ามาคุยด้วยเองนักนี่ หลังจากที่ข้ารู้แล้วว่าพวกมันนี่แหละที่เป็นผู้ออกคำสั่งให้เจ้านายพลต้องถ่อร่างข้ามจักรวาล ไปขุดข้าออกมาจากหลุม แล้วก็ให้มันลากข้ามาถึงโลกใหม่นี่ ข้าจะด่าเอาให้เสียวงศ์วานรกันทั้งหมดเลยคอยดูสิ


แต่เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ได้เหยียดเผ่าพันธุ์นะ ข้าชอบมนุษย์ ชอบวัฒนธรรม ชอบเทคโนโลยีของพวกเขาด้วย แค่พอดีข้ายังเหลืออดอยู่บ้างนิดหน่อยกับสิ่งที่พวกมันทำข้าไว้เท่านั้นเอง จะว่าข้าใจร้ายไม่ได้นะ อันตัวข้านั้นแท้จริงแล้วเป็นมังกรรักสงบมาก ไม่เคยโกรธสิ่งใดนาน ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย ไม่เคยเจ้าคิดเจ้าแค้นด้วย


...แค่อย่าให้มีโอกาสเอาคืนก็แล้วกัน ไม่งั้นข้าเอาตายจริงแน่ ถึงจะชอบขนาดไหนก็ช่างหัวมัน!


ข้าอดหัวเราะกับตนเองไม่ได้ เมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า ที่ข้ายังนั่งปรับทุกข์ปรับทัศนคติใหม่กับเจ้านายพลมนุษย์เก๊นั่นอยู่ ตอนนั้นข้าตั้งใจว่าจะงีบหลับพักเอาแรงต่อหลังจากที่พวกเราเหมือนจะคุยกันรู้เรื่องแล้วสักหน่อย 


...แต่ที่ไหนได้ ในอีกสี่ชั่วโมงต่อมา เจ้าอันซานก็เดินกลับเข้ามาหาข้าในห้อง มันเขย่าปลุกข้าให้ตื่นขึ้นจากฝันกลางวันแสนหวานเพื่อบอกกับข้าว่า เจ้านายของมันทั้งหมดอยากจะคุยด้วย


แน่นอนว่า ข้าไม่ยักจะอยากคุย เพราะข้าจะนอน พอคิดจะฟาดปากกับมันสักหน่อย มันก็ยื่นซองขนมยาวๆ ที่แกะปลายแล้วมาให้ข้าลองเลียดู ...แล้วไอ้ขนมนั่นเสือกอร่อยซะงั้น 


มันบอกข้าว่า ถ้ายอมไปหาเจ้านายมัน ก็จะยกขนมนี่ให้ข้าหมดทั้งร้อยลัง


...ถามว่าข้าไปมั้ย?


เฮอะ ไปก็ได้ฟะ ไม่ใช่เพราะขนมหรอกนะ มันเป็นเพราะข้าอยากจะขอดูหน้าเจ้านายมันสักหน่อยต่างหาก


จ่าฝูง-- เอ๊ะ ไม่ใช่คำนี้สิ เอ่อ เจ้าลูกครึ่งมันใช้คำว่าอะไรนะ... อ้อ! ผู้บัญชาการ ที่เป็นผู้นำของรัฐบาลโลกทั้ง 12 เขตอะไรนั่น พอพวกมันรู้ว่าข้าพูดได้ขึ้นมา ก็คงรีบระดมสมองที่มีน้อยกว่ามาตรฐานพวกนั้น เร่งหาหนทางอื่นในการขังข้าไว้ที่นี่ แทนแผนล้างสมองข้าอยู่แน่ๆ 


แหงล่ะว่าแผนล้างสมองของพวกมันน่ะไม่ได้ผลหรอก เพราะมนตราคุ้มครองจะปกป้องข้าจากทุกสิ่งที่คิดจะเข้ามาในหัวโดยไม่ได้รับอนุญาต นั่นเป็นเหตุผลที่เทคโนโลยีที่อันซานพยายามจะใช้กับข้าต้องพังไปจนหมด 


ส่วนเจ้าเครื่องตรงคอข้า... อันนี้ข้าอนุญาตให้มันอยู่ได้ด้วยความสมัครใจ เพราะข้าต้องพึ่งมันในการพูดกับคนอื่นเขา เจ้าแผ่นกลมนี่เลยรอดตัวไป


ที่ข้าทึ่งสุดๆ ก็คือสายรัดสีดำที่จี้นี่ห้อยอยู่นั่นแหละ ไม่ว่าข้าจะแปลงเป็นแมว หรือเปลี่ยนเป็นคน มันก็สามารถผสานปรับขนาดเส้นให้พอดี เข้ากับส่วนคอข้าได้หมด ไม่มีหลวม ไม่มีหลุดเลยสักนิด


กลับมาที่เรื่องของเจ้าผู้นำชาวมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ข้าคิดว่าใจจริงของพวกมันคงจะอยากให้ข้าเป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งอย่างสุดวิญญาณเลยด้วยซ้ำ เพราะถ้าหากข้าเป็นสัตว์สังคมที่มีอารยะ นั่นก็แปลว่าข้าจะมีสิทธิและสถานะที่ทัดเทียมกับพวกมันไปน่ะสิ


พวกมนุษย์ไม่ปลื้มหรอก ยิ่งในสภาวะสงครามเย็นที่พวกมันหวาดระแวงทุกอย่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแบบนี้ พวกมันคงยิ่งอยากจะหาทางกำจุดอ่อนข้าให้แน่นๆ เหมือนกับที่ทำกับอันซานอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เป็นแน่


พูดถึงเจ้าลูกครึ่งนั่นแล้ว ข้าก็อดเอี้ยวตัวหันไปมองมันไม่ได้ จากมุมหนึ่งของห้องเจ้านั่นกำลังมองมาที่ข้าอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าข้าหันหัวกลับไปสบตา มันก็เลิกคิ้วใส่


น่าหมั่นไส้ชิบหาย แต่ดูรวมๆ แล้วก็น่ารักดี


…หือ?


ข้าชะงักกึก แล้วสะบัดหัวแรงๆ ทันที ขนแมวพองฟูชี้ขึ้นอย่างขนลุกตัวเอง …ไอ้สองขาหน้าประหลาดนั่นมีอะไรให้น่ารักกัน! ข้าต้องกำลังง่วงอยู่แน่ๆ ใช่แล้ว ข้าเพ้อเจ้อเพราะง่วง เสร็จเรื่องนี้ข้าจะหลับ ตื่นมาจะได้จิกหัวเจ้าหน้าปลากะโห้ข้างหลังให้หาอาหารอร่อยให้ข้ากิน และพาข้าไปเที่ยวเพื่อลดโทษประหารของมัน!


คิดดังนั้นข้าก็เริ่มตั้งใจกับการ เจรจากับมนุษย์ต่างดาวอย่างสันติ มากขึ้น 


“มังกร! เจ้ากล้าหยาบคายกับพวกเราขนาดนี้ ไม่รู้สินะว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร!?”


…เดี๋ยวข้าก็เลิกมาอย่างสันติซะเลยนี่ เสียงกรรโชกโฮกฮากแบบนี้ ไปคำรามให้พ่อเอ็งฟังเถอะ


แต่สิ่งที่ข้าทำจริง ก็มีแค่ยิ้มกว้างตอบกลับไปอย่างร่าเริงเท่านั้น 


“แล้วพวกเอ็งล่ะรู้หรือไม่? ว่าเจ้าสิ่งที่ใช้ร่างของลูกแมวเบื้องหน้าพวกเจ้าตรงนี้น่ะ จริงๆ แล้วเป็นตัวอะไร?”


คมเขี้ยววาววับส่องประกายสวยงามในยามที่ข้ายิ้มกว้างอวดเขี้ยวในปากให้เจ้าผู้นำที่ปากดีเมื่อครู่ หุบปากอย่างไว


“พวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นสิ่งใด มังกรเอ๋ย” น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่นุ่มนวลของมนุษย์เพศชายที่ฟังดูรื่นหูกว่าพวกที่แล้วๆ มาหน่อยนึงดังขึ้นจากขวามือของข้า มันไม่ใช่เสียงของชายหนุ่มเหมือนอันซาน เสียงนี้ฟังดูแก่กว่ามาก แต่ก็ไม่ได้แตกพร่าด้วยความชราเหมือนคนอื่นๆ ทำให้ข้าอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นนิ่งๆ


ชายร่างใหญ่ผู้นี้เป็นผู้เดียวที่กล้าฉายหน้าจริงคุยกับข้า เขาดูมีอายุมากกว่าอันซานอย่างเห็นได้ชัด ผมสีเทาตัดสั้นมีสีขาวแทรกประปราย ใบหน้าเคร่งขรึมมีริ้วรอยเพียงเล็กน้อย ดวงตาคมดุสีฟ้าที่ยังคงสว่างวาบเหมือนคนหนุ่ม หนวดที่ตัดเป็นทรงสั้นอย่างเรียบร้อย รูปร่างองอาจภูมิฐานเหมือนทั้งนักรบและผู้ปกครอง 


อืม… นี่คงเป็นผู้บัญชาการดันสตันที่อันซานเล่าให้ข้าฟังสินะ


“ต้องขออภัยสำหรับทุกสิ่งที่เราทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจด้วย เราเพียงแค่ต้องการจะ... คุยเฉยๆ ก็เท่านั้น เราไม่มีเจตนาจะดูหมิ่นเจ้าเลย มังกรน้อย”


หืม? มีมนุษย์ที่สมองปกติดีอยู่ด้วยหรือนี่? มิน่าล่ะพวกมันถึงยังรอดมือรอดเท้าของชาวเซเลสเทียลมาได้ตั้งนาน ถ้าจะขอร้องให้ใครสักคนช่วยเหลือ ก็ต้องมีน้ำเสียงนุ่มนวลแบบนี้สิถึงค่อยจะน่าฟัง น่ายื่นมือเข้ามาช่วยหน่อย ยังดีๆ …ว่าแต่มังกรน้อยเรอะ ข้าอาจจะรุ่นปู่ทวดของปู่ทวดของเจ้าด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะ จะทำเป็นไม่ได้ยินก็ได้


ข้าพ่นลมหายใจออกมาจากจมูกแมวทีหนึ่ง


“เห็นแก่ที่ข้าค่อนข้างจะถูกใจเจ้านักรบข้างหลังนี่ และอาหารของพวกเจ้าก็อร่อยดี เอาเป็นว่า ข้าจะมองเมินสิ่งที่พวกเจ้าทำเอาไว้กับข้าไปก่อนก็แล้วกัน ตกลงเราเข้าใจกันแล้วใช่ไหม? ภายในเวลาร้อยปีจากวันนี้ จงทำให้ข้าชอบเจ้าให้ได้ อย่าลืมล่ะว่าข้าเป็นมังกร แค่ร้อยปีน่ะไม่ใช่ช่วงเวลาที่นานเลยสักนิด และ… 

ถ้าหากสงครามได้มาถึงพวกเจ้าในช่วงเวลาระหว่างนี้ อืม… เห็นแก่ที่เคยเป็นเผ่าพี่น้อง ข้าจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือบ้างก็แล้วกัน แต่ขอให้จำไว้เถอะว่า ในอีกร้อยปีข้างหน้า ข้าจักกลับไปยังโลกเก่า บ้านที่แท้จริงของข้าอีกครั้ง และจะไม่มีสิ่งใด-- แม้แต่นักรบครึ่งเทพของเจ้า-- ที่จะหยุดข้าได้”


มังกรโบราณจ้องมองทุกชีวิตผ่านร่างของลูกแมวตัวจ้อย ถึงกระนั้นแรงกดดันหนักหน่วงก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ความหนักหนาเพิ่มทวีเสียจนแม้ว่าเหล่าผู้บัญชาการตัวจริงจะนั่งสบายกันอยู่ที่บ้าน ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานรุนแรงที่ช็อตแปลบปลาบผ่านอากาศมาถึงตัวพวกเขาได้ แม้ว่าทั้งหมดจะกำลังประชุมผ่านสัญญาณไร้สายและไม่ปรากฏใบหน้าอยู่นี้ ก็ราวกับว่าสัตว์โบราณเผ่ามังกรตัวนี้จะสามารถมองทะลุผ่านจอสัญญานตรงมาจับจ้องร่างจริงของพวกเขาได้อย่างน่าสะพรึง


“เอมารันไธน์” เจ้านายพลขยับมาใกล้ข้า “พอเถอะ”


ข้าหันหัวไปมองหน้ามนุษย์ลูกครึ่งเทพข้างหลังด้วยดวงตาของมังกร 


น่าตลกนัก อะไรทำให้มันคิดว่าข้าจะฟังกัน?


“ได้โปรด”


….


เออ เออ แค่ไม่อยากแกล้งลูกหลานเราต่อเฉยๆ หรอกนะถึงยอมพอน่ะ


ข้าพ่นลมหายใจออกอย่างเบื่อๆ “มาคุยต่อเอง ข้าขี้เกียจแล้ว” จากนั้นข้าก็โดดแผล็วลงจากโต๊ะ สะบัดหางเดินไปหาเตียงใหญ่ที่ข้าได้ทำการยึดเป็นของตนเรียบร้อยแล้ว ข้าไม่สนหรอกว่าเตียงนี่เป็นของเจ้านายพลนั่น ข้านอนแล้ว ยึดแล้ว เตียงนุ่มๆ นี่เป็นของข้าแล้ว!


อันซานเดินหายออกไปแวบหนึ่ง เขาเดินกลับมาหาข้าที่เตียงพร้อมกับลังของซองขนมที่มันสัญญาไว้ถึงสามลัง ซองขนมทั้งหมดในลังแรกถูกแกะเตรียมไว้ให้ข้าแล้วเสร็จสรรพ ทำเอาข้าอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา


ข้าคว้าซองใกล้มือมางับเข้าปาก อร่อยชะมัด มันไม่ได้หวานเหมือนผลไม้ แต่ก็ไม่ได้คาวเหมือนอาหารที่เคยกิน รสสัมผัสคล้ายของเหลวที่ยังพอมีชิ้นเนื้อให้เคี้ยวอย่างเพลิดเพลิน จะว่าไปแล้วข้ายังไม่ได้ถามเจ้าอันซานเลยว่านี่อะไร… แต่ช่างเถอะ มันอร่อยก็พอแล้ว






อันซานหลุบตามองต่ำ ภาพเจ้าสัตว์ดุร้ายกำลังนอนเอกเขนกกินขนมครีมแมวเลียอย่างสบายใจเฉิบบนเตียงเขา ชวนให้รู้สึกทั้งอ่อนใจทั้งอยากหัวเราะ แต่เขาเลือกที่จะเดินกลับไปกลางห้องโถง ซึ่งได้กลายมาเป็นสถานที่ประชุมทางไกลของรัฐบาลโลกไปแทนชั่วคราว


“บัทเลอร์ส ปิดกระจก”


‘ครับ เจ้านาย’


เสียงปัญญาประดิษฐ์ดังขึ้น ก่อนที่ห้องโถงใหญ่และห้องนอนจะถูกปิดกั้นด้วยกระจกแก้วโปร่งใส อันซานเหลือบมองกลับไปที่ห้องนอนของตนอีกครั้ง เขาพบว่าเจ้าแมวนั่นกินครีมแมวเลียไปแล้วครึ่งลัง


“อันซาน” เสียงของผู้บัญชาการเขต5 เรียกเขาห้วนๆ “อธิบายซิว่าไอ้เจ้าสิ่งนั้นมันมีแผนอะไรกันแน่”


“เขาแค่อยากให้เราปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกครับท่าน” อันซานถอนสายตากลับมายังหน้าจอโฮโลแกรมเบื้องหน้า “เขาไม่พอใจมากที่เราทำเหมือนเขาเป็นแค่สัตว์เดรัจฉานที่สามารถทำให้เชื่องได้”


แว่วเสียงพึมพำที่พอฟังได้ว่า ‘ก็มันเป็นแค่สัตว์ไม่ใช่รึไง’ ในทันทีที่เขาพูดจบ ท่านนายพลหนุ่มไม่สนใจเสียงกระซิบไร้สาระ เขากล่าวต่อทันทีว่า 


“อย่างที่ผมได้รายงานไปแล้วก่อนการประชุมครั้งนี้ มังกรตัวนั้นมีชื่อว่า เอมารันไธน์ ครับท่าน จากการที่เราได้ปรับความเข้าใจกัน เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารยะและสติปัญญา บางทีอาจจะมากกว่าที่เรารู้--” 


“ทำไมตอนที่เจ้าสู้ชนะมัน ไม่ทำให้มันกลายเป็นทาสรับใช้ไปซะล่ะ?”


ชายหนุ่มหยุดพูดไปเมื่อถูกแทรก ก่อนที่เขาจะค่อยๆเผยอยิ้มเยือกเย็นออกมา “ก็ถ้าหากผมทำได้ คงทำไปแล้วล่ะครับ” 


ท่านนายพลหันไปมองจอภาพของผู้บัญชาการเขต3 ทั้งๆ ที่รู้หน้าค่าตากันดีอยู่แล้วแต่อีกฝ่ายก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่ยอมเปิดกล้องแสดงตัว “อย่างที่ผมกำลังจะพูด มังกรตัวนี้มีสติปัญญา และพลังอำนาจที่น่าพิศวง อำนาจของเขาปิดกั้นทุกคลื่นสัญญาณของเรา ทำให้เทคโนโลยีของเราใช้การไม่ได้ เพราะฉะนั้นแผนที่จะฝังเครื่องควบคุมจิตใจเข้าไปในหัวเขาน่ะไม่ได้ผลหรอกครับ”


ชายหนุ่มขยับเอามือไพล่หลัง “มีแค่ปลอกคอที่ผมให้เขาเท่านั้นที่เหมือนจะยังใช้ได้ดีไม่มีปัญหาอะไร ผมคิดว่านั่นเป็นเพราะเขายอมให้มันใช้งานเองได้มากกว่า แต่ชิปตัวนั้นไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าแปลภาษาและเป็นเครื่องติดตามตัวเขาหรอกครับ ถ้าจะถามความเห็นผม ให้เราทำตามที่เขาต้องการเท่าที่เราจะทำให้ได้ดีกว่า เพราะเรายังมีความผิดเรื่องที่ไปลักพาตัวเขามาถึงที่นี่อยู่ด้วย”


“ลักพาตัวอะไร มันไม่ใช่มนุษย์สักหน่อย” ผู้บัญชาการเขต7 พึมพำอย่างหงุดหงิดอีกครั้ง แต่ท่านผู้นำข้างๆเขาไม่เห็นด้วย


“แต่เขาก็ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเหมือนพวกเรา” ผู้บัญชาการเขต8 เอ่ยตำหนิทันที “เราก็เห็นนี่ว่าเขาสามารถเอ่ยสนทนากับเราได้ไม่ต่างกัน เขามาอยู่ที่นี่อย่างไม่เต็มใจ เพราะเราอยากใช้เขาเป็นอาวุธ อย่างน้อยที่สุดที่พวกเราจะไถ่โทษได้ คือทำดีกับเขาสักหน่อยจะดีกว่าไหม”


“แต่มัน!--”


“ผมเองก็เห็นด้วย” ท่านผู้บัญชาการเขต10 เอ่ยสนับสนุน ตามมาด้วยเขต11 และท่านผู้บัญชาการดันสตัน ผู้ปกครองแห่งเขต12 ที่พยักหน้าให้อันซาน


“เจ้าทำดีแล้ว ที่คุยกับเขาเรื่องสถานการณ์ของเราอย่างตรงไปตรงมา” อันซานค้อมหัวลงให้กับน้ำคำของผู้เป็นอาจารย์ “ให้เขารู้ไปเลยว่าเราดึงเขามาเจอกับอะไร เมื่อเขาให้โอกาสเรา เราก็จะรับเอาไว้” 


ท่านผู้บัญชาการดันสตันขยับยิ้มนิดหน่อย “อีกอย่างหนึ่ง เขาดูยอมลงให้กับเจ้าอยู่ไม่น้อยเลยนะ ระหว่างที่พวกเจ้าซัดกันเละจนกำแพงเมืองเขตสี่พังไปเป็นแถบนั่น เกิดคุยกันถูกคอหรืออย่างไร หือ? เจ้าลูกศิษย์บ้าพลัง”


อันซานหลุดหัวเราะอีกครั้ง “คงเพราะผมทำให้เขายอมรับว่าเท่าเทียมได้มั้งครับท่าน”


“แล้วเจ้าได้เป็นคนบอกมังกรตัวนั้นเองมั้ยว่าแท้จริงเจ้าเป็นตัวอะไรน่ะ เจ้าหนู?” เสียงของผู้บัญชาการทีคเล็ดรอดเหมือนเสียงขู่ฟ่อของงูแก่ “คงไม่ได้เผลอบอกความลับราชการไปหมดระหว่างที่นั่งปรับทุกข์กันหรอกใช่ไหม?”


“ถึงผมไม่บอก เขาก็รู้อยู่แล้วล่ะครับ” อันซานตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ “เขาบอกว่ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผมเป็นอะไร แค่ไม่สนใจน่ะครับ”


ผู้บัญชาการเขต1 และ2 ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา “ขนาดมนุษย์ครึ่งเทพยังทำให้เขาสนใจไม่ได้ แล้วพวกเราจะมีหวังหรือเปล่านี่?”


ท่านผู้บัญชาการดันสตันยกมือขึ้นมาเพียงนิด ทุกคนก็ตั้งใจฟัง “ในเมื่อเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ก็ทำตามที่มังกรตัวนั้นต้องการก็แล้วกัน เราจะปฏิบัติต่อเขาอย่างแขกบ้านแขกเมือง และให้สิ่งที่เขาต้องการเท่าที่เราจะให้ได้ ถ้าหากเขาเกิดกลายเป็นภัยอันตรายต่อเราขึ้นมาล่ะก็… อันซาน” เขาหันไปหาลูกศิษย์ตนอีกครั้ง “เจ้าจะปราบเขาได้อีกครั้งหรือไม่”


“ผมเป็นเพียงคนเดียวที่มีโอกาสนั้นครับท่าน” อันซานตอบตามความเป็นจริง 


ท่านผู้บัญชาการดันสตันพยักหน้าอย่างปลงๆ “เอาเถอะ อย่างน้อยๆ ถ้าพวกเจ้าจะสู้กันอีก ช่วยพยายามไปสู้กันห่างๆ เขตเมืองหน่อยแล้วกันนะ”


อันซานพยักหน้าตอบรับอย่างเคร่งขรึม “ผมจะเป็นผู้ดูแลเขาเองครับ ไม่ต้องห่วง”


“ดี ดี ถ้าเช่นนั้น” ภาพจอโฮโลแกรมทั้งสิบสองค่อยๆ จางหายไป “เลิกประชุมเท่านี้ สวัสดีทุกท่าน ขอให้สุขีในโลกใหม่”


“ขอให้สุขีในโลกใหม่”






ข้ากำลังมองดูร่างมนุษย์ของตนเองผ่านเงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่


แม้จะไม่อาจอยู่ในร่างสัตว์สองเท้านี้ได้นานอย่างที่ใจต้องการ แต่ในที่สุดข้าก็ค้นพบแล้วว่า ในเวลาหนึ่งวันของโลกใหม่ หากข้ายอมอดทนอยู่ในร่างแมวเป็นเวลามากกว่าครึ่งวันของโลกนี้ อีกครึ่งที่เหลือข้าก็จะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้สบายๆ


นิ้วมือของมนุษย์แปลงแตะลงบนผิวกระจกเรียบเย็น ถ้าไม่ใช่เพราะสีอมชมพูของเส้นเลือดที่ปลายนิ้ว มันคงดูเหมือนถูกสลักจากหินมากกว่าจะเป็นมือจริงๆของสิ่งมีชีวิต


อืม... ในข้อนี้ ข้าคิดว่าอาจเป็นผลมาจากการที่เกล็ดมังกรของข้าหดเล็กลงกลายเป็นชั้นเกล็ดละเอียด มันผสานตัวเป็นโครงสร้างคล้ายตาข่ายถี่ยิบสลับซับซ้อนเพื่อเลียนแบบผิวหนังของมนุษย์ ทำให้มันดูแวววาวยามแสงตกกระทบ


เมื่อข้ามองส่วนอื่นๆของร่างกายตนเองอีกครั้ง ก็พลันเกิดรู้สึกประดักประเดื่อแบบแปลกๆ ที่ดีและไม่ดีปนกันขึ้นภายในใจ


เส้นแผงขนของมังกรที่แข็งแกร่งและเหนียวทนทานมาก แปรสภาพไปเป็นเส้นผมของมนุษย์ มันยาวเลยเอวลงไป และนุ่มฟูไม่ต่างจากร่างแมว ถัดมาคือใบหน้าของมนุษย์ที่บอกเพศได้ยาก ใบหูของมนุษย์แต่กลับมีปลายแหลม จมูกของมนุษย์มีสีระเรื่อนิดหน่อย และปากของมนุษย์ที่มีสีสดเหมือนผลไม้ 


และสุดท้าย... ดวงตาสีม่วงแดงอมารันธีน ที่รูม่านตาดำยังคงเป็นทรงรีขีดอย่างดวงตาของมังกร


อืม... ข้าค่อนข้างชอบหน้าตาร่างมนุษย์ของข้าอยู่นะ เพียงแต่… ในความเห็นส่วนตัว ใบหน้าของมนุษย์มันออกจะสั้นเกินความชอบข้าไปนิดนึง แถมยังเปิดเผยความเยาว์วัยจนหมดเปลือก


ทั้งๆ ที่ข้ามั่นใจว่าพยายามแปลงร่างเลียนแบบมนุษย์ผู้ใหญ่ที่เป็นบุรุษเพศเต็มตัวแล้วนะ แต่ทำไม๊ ทำไมข้าถึงได้ดูเหมือน... วัยรุ่นตอนปลายที่ใกล้จะโตเป็นผู้ใหญ่ไปแทนซะได้ล่ะเนี่ย


ข้าเคยเห็นแต่ละช่วงวัยของมนุษย์ผ่านความทรงจำของมังกร เพราะงั้นมั่นใจได้เลยว่าสิ่งที่ข้าคิดในหัวมันต้องไม่มีผิดพลาดแน่ แต่… พอเลือกแปลงเป็นมนุษย์ผู้ใหญ่ตามที่คิด ไหงมันถึงออกมาอยู่ในวัยเกือบ... เอ่อ ปริ่มๆ... จวนเจียนจะเป็นผู้ใหญ่อีกนี๊ดดดนึงแทนกันล่ะ


คือถ้าให้เทียบอายุกับมังกรทั่วไปล่ะก็ ข้าน่ะยังไม่โตเต็มวัยก็จริงอยู่แหละ แต่ถ้าให้เทียบอายุกับมนุษย์ ข้ามั่นใจมากเลยนะว่าตัวเองต้องแก่กว่าปู่ทวดของทวดของปู่ทวดของ... เออ ช่างเถอะ 


ตอนแรกน่ะ ข้าตั้งใจจะแปลงเป็นมนุษย์ที่มีร่างกายสูงใหญ่เหมือนกับเจ้านายพลอันซานอะไรนั่นแหละ แถมในใจลึกๆ ข้ายังแอบหลงลำพองไปนิดนึงด้วย ว่าร่างมนุษย์ของตัวเองจะต้องมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่านายพลอย่างมันแน่นอน เพราะข้าแก่กว่ามันตั้งเยอะ 


ที่ไหนได้... มนตราแปลงกายมันเสือกเทียบอายุให้เลยเสร็จสรรพ ข้าเลยต้องมีร่างมนุษย์ของวัยเลยรุ่น ที่เกือบจะเข้าวัยผู้ใหญ่อีกนิดนึงอยู่แบบนี้


ผลสรุปคือ ส่วนสูงของข้าดันเตี้ยกว่าเจ้านายพลนั่น ไหล่ข้าก็แคบกว่ามาก กล้ามเนื้อข้าก็น้อยกว่า แถมในเวลานี้ พลังของข้าที่เพิ่งฟื้นคืนมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ยังไม่มากพอจะล้มมันได้ ต่อให้พยายามนั่งดู นอนดู ตะแคงหัวดู (?) ยังไง ข้าก็มีร่างมนุษย์ที่ด้อยกว่ามันเห็นๆ


โอ๊ย... เสียความมั่นใจชะมัดยาด ข้าขอแอบไปร้องไห้คนเดียวที่หลุมดำสักพักได้ไหม


“เอมารันไธน์”


....


ถามจริงๆ เถอะ พสุธารักข้าจริงมั้ยเนี่ย ทุกเรื่องที่ข้าเคยขอโชคชะตาไว้ ขออะไรไปไม่เคยได้มาอย่างนั้นเล๊ย! พลิกล็อกหักเหลี่ยมโหดกันตลอด ขออย่างนึงได้อีกอย่าง หัวจะปวด!


“ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกรึเจ้า หรือเสื้อผ้าใส่ยากเกินไป? ให้ฉันช่วยไหม?”


“ข้าจัดการตัวเองได้” ข้าตอบเสียงเย็นในทันที เพราะข้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ และข้าจะไม่เปิดโอกาสให้มันเห็นว่าข้ากำลังลำบากด้วย


ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำลอยมา “เพิ่งมานึกอายตอนนี้หรือไงเจ้ามังกร ตอนเจ้าแปลงเป็นมนุษย์ครั้งแรกเจ้าก็เปลือยทั้งตัว แต่ยังสามารถสู้กับฉันต่อได้ตั้งหลายชั่วโมงเชียวนะ”


ได้ยินดังนั้น ข้าก็เลยเดินไปผลักประตูกั้นออกไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามัน


“ข้าไม่อายร่างกายของตัวเองหรอกนะ อันซาน ข้าเป็นมังกร และมังกรไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเรื่องผิวหนังเปลือยเปล่าเหมือนมนุษย์หรอกนะ”


ท่านนายพลชะงัก ลมหายใจสะดุดกึก เมื่อร่างสีขาวเปลือยเปล่าได้ยืนประจันหน้าเขาอีกครั้ง ดวงตาสีทองคำสว่างวาบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่... 


“ไปใส่ชุดให้เรียบร้อย”


มือใหญ่ผลักข้ากลับเข้าไปด้านในไม่เบาไม่แรง ข้าขมวดคิ้วสงสัย ทำไมต้องทำหน้าดุใส่ข้าด้วยล่ะ? เอ้ะ นั่น หูมันขึ้นสีแดงจัดเลย เป็นอะไรน่ะ? 


“อันซาน เจ้าป่วยหรอ?”


มีเสียง “ฮะ?” ลอยมา


“ก็เจ้าหูแดงเถือกเลย เป็นอะไร? ร้อนหรอ” ข้าเงยหน้ามองเพดาน “แต่อากาศในห้องเย็นสบายดีจะตาย ข้าไม่เข้าใจ--”


“ถ้าเจ้ายังแต่งตัวไม่เสร็จในสิบนาที พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”


ข้าหันขวับทันที “อะไรนะ! ทำไมล่ะ?!”


“เพราะเจ้าชักช้า ตามธรรมเนียมของมนุษย์ ชักช้าแปลว่าไม่อยากไป!”


“ไอ้ลูกครึ่งเจ้าเล่ห์ ข้าบอกอยู่ว่าอยากไป! แค่สงสัยนิดเดียวเอง ใจดำชะมัดยาด”


บ่นอุบอิบแต่ข้าก็ต้องรีบแต่งตัว ทว่าผ่านไปสักพักข้าก็ต้อง... งงตาแตก


“เอ่อ... อันซาน”


“...ว่า?”


“ไอ้นี่มันใส่ยังไงน่ะ”


“.....”


เจ้าอย่าพ่นจุดใส่ข้าสิ ก็ข้าไม่เคยได้ใส่เสื้อผ้าของมนุษย์ด้วยตัวเองมาก่อนนี่หว่า เคยเห็นแต่ในความทรงจำมังกร พอต้องมาใส่ด้วยตัวเองจริงๆ แล้วมันน่าสับสนกว่าที่คาด


ข้าได้ยินเสียงถอนหายใจ จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็เดินผลักประตูเข้ามา ข้าสังเกตเห็นว่าใบหูของเขายังแดงอยู่


“ไอ้ที่เจ้าถืออยู่ไม่ได้มีไว้สวมหัว” อันซานกล่าวเสียงเข้ม “มันคือกางเกงชั้นใน มันมีไว้สวมใส่ระหว่างขาต่างหาก”


“ใส่ทำไม? อึดอัดจะตาย”


“ใส่เถอะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” อย่างน้อยๆก็ชีวิตของเขา “ใส่เป็นมั้ย?”


“.....”


“...ส่งมันมานี่”


ข้ายื่นเจ้าสิ่งที่เรียกว่า กางเกงชั้นใน ให้อีกฝ่าย ไม่มีประโยชน์ที่จะดื้อดึงให้เสียเวลา มันสัญญาว่าจะพาข้านั่งยานชมเมืองจนถึงมื้อค่ำ เพื่อเป็นก้าวแรกของวันนี้


อันซานมองดูกางเกงชั้นในสีอ่อนในมืออย่างตายด้าน เขาสามารถหาขนาดที่พอดีกับไซส์ของอีกฝ่ายได้เพราะเขาทั้งขอทั้งขู่ให้เจ้ามังกรบื้อนี่ยินยอมให้เอไอทำการวัดขนาดตัวได้สำเร็จ แต่เขาลืมคิดไปว่ามันอาจจะใส่เสื้อผ้าไม่เป็นเพราะว่าจริงๆ แล้วมันเป็นมังกร และมังกรไม่ใส่เสื้อผ้า


นั่นหมายความว่าเขาต้องสอนข้า


นายพลหนุ่มหลับตาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้น... มันก็ก้มตัวลงต่ำ คุกเข่าข้างหนึ่งติดพื้น


ข้ามองนายพลหนุ่มที่ก้มต่ำอยู่เบื้องหน้าข้าอย่างสงสัย “เจ้าจะทำอะไรน่ะ?”


“ยกขาขึ้นทีละข้างสิ” มันไม่ตอบคำข้า แต่สั่งข้าแทน 


ข้ายกเท้าขึ้นสูง แล้วมันก็สวมผ้านุ่มๆ นั่นลอดผ่านเท้ามา พอข้าวางเท้าลง มันก็บอกให้ข้ายกเท้าขึ้นอีกข้างทำแบบเดียวกัน ข้าเห็นมันสูดหายใจลึกทั้งยังหลับตาปิดสนิท... เพื่ออะไรเนี่ย?


พอข้าสอดขาใส่เจ้าผ้าบางๆ นั่นครบสองข้าง ข้าก็จับไหล่มันตามคำแนะนำ ข้ารู้สึกว่ามันดึงผ้าขึ้นสูงเรื่อยๆ นิ้วของมันที่ลูบระผิวอย่างช้าๆ ให้ความรู้สึกจั๊กจี้น่าประหลาด


แล้วมันก็หยุดมือ กางเกงชั้นในถูกสวมเรียบร้อย แต่ข้าไม่ชอบเท่าไหร่ เหมือนการเคลื่อนไหวมันอึดอัดยังไงไม่รู้ 


“รัดไปหรือเปล่า..?”


ลมหายใจอุ่นของท่านนายพลหนุ่มอ้อยอิ่งอยู่ตรงท้องข้า ตามันปิดสนิทยิ่งขึ้น แต่เหมือนจะสูดหายใจลึกด้วยในขณะเดียวกัน


“ก็นิดหน่อย แต่ผ้านุ่มดี ข้าพอทนได้”


ข้าขมวดคิ้วบอกมัน มือข้างหนึ่งตบที่บ่ากว้าง “เจ้าหลับตาทำไมน่ะ แล้วข้าจะใส่ชิ้นอื่นยังไง”


ได้ยินแบบนั้นมันก็ลืมตา แต่พอสายตามันตกอยู่ที่ท้องของข้า มันก็จ้องนิ่ง... สักพักมันก็ผุดลุกพรวดขึ้นจนข้าตกใจ


“เป็นอะไรของเจ้าอีกเนี่ย???”


มันไม่ตอบคำ แต่สาละวนกับการหยิบกางเกงชั้นในที่ขายาวและผ้าหนากว่ามาให้ข้าลองใส่เอง


“แต่ข้าใส่ไปแล้วไม่ใช่หรอ?”


“นี่คือกางเกง เราสวมทับอีกชั้น เพื่อเป็นมารยาททางสังคม” เขากล่าวเสียงหนักแน่นอย่างเคร่งเครียด “และเราสวมเสื้อเพื่อมารยาททางสังคมด้วยเช่นกัน เจ้าบอกว่ามังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมารยาทมากใช่มั้ย ถ้างั้นคงอดทนทำตามมารยาทของมนุษย์ได้สินะ?”


ได้ยินมันพูดแล้วข้าก็อยากกลอกตาขึ้นฟ้าแต่ติดเพดานห้อง เล่นพูดดักแบบนี้แล้วข้าจะเถียงอะไรได้อีก


“เออๆ” ข้าถอนหายใจ แล้วยืนกางแขนกางขา “มาทำให้มันจบๆ ไป”


อันซานเห็นสีหน้ามุ่งมั่นเหมือนจะไปรบของข้าแล้วก็หลุดหัวเราะเบาๆออกมา


“ใส่ไปบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน ใครจะไปรู้ เจ้าอาจจะชอบก็ได้”

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

หลังจากนั้น พวกเราก็เล่นมวยปล้ำกันต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง เจ้านายพลบ้านั่นจับข้าใส่เสื้อผ้าจนครบได้ในที่สุด ข้าไม่สนหรอกว่าจะข่วนมันไปกี่รอย ข้าสนแค่ว่า... ไม่ล่ะ มันพูดผิดแล้ว ข้าจะไม่ชินกับเจ้าสิ่งที่รัดตัวข้าอยู่แบบนี้แน่ ขอบอกให้รู้กันตรงนี้เลยว่า ข้าไม่ชอบใส่เสื้อผ้า!



 




[TALK: แล้วจะได้ไปเที่ยวกี่โมง...]